"เสร็จแล้ว ช่วงสองสามวันนี้อย่าเพิ่งโดนน้ำ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว"เยี่ยเฟิงมองดูผ้าพันแผลหนาเตอะบนมือสองข้างของตน หัวใจพลันรู้สึกถูกเติมเต็มเขาอยากจะบอกว่า เทียบกับสิ่งที่เขาเจอมาก่อนหน้า เรื่องพวกนี้ไม่นับอะไรเลย ไม่มีความจำเป็นต้องห่วงแต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากพูดออกมา เพียงแค่ขานรับเบาๆ ท่าทางว่าง่ายฮองเฮาฉู่เก็บกล่องยา ไม่ทันระวังขอบกล่องไปเกี่ยวกับแขนเสื้อของเยี่ยเฟิง เผยให้เห็ยรอยแผลทั้งแนวตั้งและแนวขวางพาดสลับกันทั่วทั้งแขนบนแขนของเขามีทั้งรอยไฟนาบ แผลจากแส้ฟาด น้ำร้อนลวก แผลจากดาบ ง้าวและอื่นๆ ปะปนอยู่ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายบริเวณที่ถูกกัดจนเนื้อหายไปหลายส่วน แทบจะหาบริเวณที่ไม่บุบสลายไม่ได้เลยฮองเฮาฉู่และซิ่งเอ๋อร์ต่างก็ตะลึงงัน สีหน้าพลันซีดเผือดในพริบตาเยี่ยเฟิงลนลาน รีบดึงแขนเสื้อของตนลง สายตาเฉยชาคู่นั้นไม่ได้ใจเย็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าฮองเฮาฉู่เห็นรอยแผยบนแขนของเขาหรือไม่ ทำได้เพียงแค่อธิบายด้วยความร้อนรน "หนังข้าเหนียว บาดแผลเหล่านี้..."ซิ่งเอ๋อร์พูดแทรกกะทันหัน "พระเจ้าช่วย ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดบนตัวถึงได้มีแผลเป็นมากมายเพ
"เช่นนั้นบ้านเจ้ายังมีผู้ใดอีก""ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก"เมื่อได้ยินคำว่าเด็กกำพร้า ฮองเฮาฉู่พลันรู้สึกบีบคั้นหัวใจขึ้นมาแวบหนึ่ง"เด็กน้อยน่าสงสาร เช่นนั้นเจ้าเติบโตมาเช่นไร""ข้าดวงดี ได้พบกับคนใจดีมากมาย พวกเขาเลี้ยงข้าจนเติบใหญ่ ข้ายังมีท่านยายอีกคน แม้ดวงตาคู่นั้นของนางจะสูญเสียการมองเห็น แต่นางก็ปฏิบัติต่อข้าราวกับลูกแท้ๆ"เยี่ยเฟิงคลี่ยิ้ม รอยยิ้มฉาบไว้ด้วยหยดน้ำตาเล็กๆ เห็นแล้วสงสารจับใจดวงดีที่ว่า ฮองเฮาฉู่ไม่เชื่อแต่อย่างใดหากดีจริง เช่นนั้นเหตุใดถึงได้มีบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น แผลบนแขนของเขา มีทั้งเก่าและใหม่ แผลเก่าก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเพียงใดแล้วเด็กคนนี้...ตั้งแต่เล็กจนโต คงพบเจอกับความลำบากมาไม่น้อยเป็นแน่"ข้าก็เคยมีลูกชายแท้ๆ คนหนึ่ง น่าเสียดาย วันที่ข้าเกิดเขาออกมา เขาก็ถูกชิงตัวไป ข้ายัง...ไม่เคยได้กอดเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ น่าจะอายุไล่เรี่ยกับเจ้า" ฮองเฮาฉู่ปาดน้ำตาเบาๆในที่ที่ฮองเฮาฉู่มองไม่เห็น เยี่ยเฟิงกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น เขาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ฟันกลับสั่นกระทบกันอย่างควบคุมไม่อยู่"เหตุใด...เหตุใดถึงถูกชิงต
"แต่ฮองเฮาฉู่ก็ยังคงมาอาศัยอยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นเป็นเวลาหนึ่งเดือนทุกปี ส่วนสาเหตุว่าเหตุใดต้องเป็นวัดไป๋อวิ๋น ข้าน้อยก็ไม่ทราบได้ ข้าน้อยรู้เพียงว่า เหล่าขุนนางแคว้นฉู่สนับสนุนให้จักรพรรดิฉู่รับสนมคนใหม่มาตลอด แต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่เรื่อยไป""ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ"หากเยี่ยเฟิงเป็นโอรสของฮองเฮาฉู่จริง เช่นนั้นเยี่ยเฟิงก็คือองค์ชาย ทั้งยังเป็นองค์ชายเพียงพระองค์เดียวของแคว้นฉู่ ว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่เช่นนั้นหรือไม่สิ...ไม่ถูกๆหากฮองเฮาฉู่คือแม่แท้ๆ ของเยี่ยเฟิง เยี่ยเฟิงถูกหยามเกียรติรังแกตั้งแต่เล็กจนโต เขาจะกล้าไปแนะนำตัวเองได้อย่างไรหากฮองเฮาฉู่เป็นคนธรรมดาสามัญชน บางทีเยี่ยเฟิงอาจจะไปเปิดเผยตัวกับนางได้แต่องค์จักรพรรดิ...ฐานะนี้สูงศักดิ์เกินไป จากนิสัยที่คำนึงถึงผู้อื่นเสมอของเยี่ยเฟิง นี่ไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อยกู้ชูหน่วนกลับหวังว่าแม่แท้ๆ ของเขาจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปในศาลาเหลียนฮวาฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงคุยกันอย่างถูกคอฮองเฮาฉู่สั่งให้คนยกหีบใหญ่ใบหนึ่งออกมา ดูเหมือนนางจะรักหีบนี้มาก เช็ดถูลูบไล้ไปมาอยู่สักพักถึงจะค่อยๆ เปิดออก
น้ำเสียงเผด็จการแฝงไว้ด้วยความข่มขู่ ราวกับว่าหากมีผู้ใดกล้าเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว นั่นจะกลายเป็นจุดจบของเขาทันทีทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ร่างของเยี่ยเฟิงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงท่าทางที่ผิดแปลกไปของเขาทำให้ฮองเฮาฉู่แปลกใจเยี่ยเฟิงกำลังกลัวสิ่งใด"ปัง......"ชายหนุ่มที่ตกลงมาจากฟ้ามาหยุดตรงหน้าเยี่ยเฟิง ด้วยพละกำลังมหาศาล ทำให้พื้นสั่นสะเทือน ก้อนอิฐเหล่านั้นค่อยๆ แตกทีละชั้น แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกำลังภายใน"เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ เจ้าช่างหาตัวง่ายเสียจริง"ผู้ที่ปรากฏตัวคือชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างบึกบึน กำยำล่ำสัน ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยว ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นหวาดกลัวจนตัวสั่น รูปร่างของเขาสูงกว่าเยี่ยเฟิงหนึ่งศีรษะด้านหลังของเขา ยังมีองครักษ์อีกสี่คน นั่นคือสี่เทพผู้พิทักษ์ของเขาทุกคนล้วนแต่รูปร่างกำยำสูงใหญ่ กล้ามเป็นมัดๆ"นาย...นายท่าน..."เยี่ยเฟิงเปล่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่ขาวซีด และฟันที่สั่นกระทบกันด้วยความกลัวปีนี้เขาอายุสิบแปด ตั้งแต่ห้าขวบก็ถูกส่งไปอยู่ข้างกายนายท่านหลัน ถูกข่มเหงรังแกเป็นระยะเวลาถึงสิบสามปี เรียกได้ว่า ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเขา ล
ให้เยี่ยเฟิงจัดการเช่นนั้นหรือหากเยี่ยเฟิงเอาชนะเขาได้ แล้วจะยังทนถูกรังแกอย่างทุกข์ทรมานเช่นนั้นอีกหรือยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยเฟิงห้าคนก็ยังไม่สามารถเอาชนะฝูกวงคนเดียวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายท่านหลันเลยกู้ชูหน่วนอับจนหนทางไม่รอให้นางได้คิดหาหนทาง องครักษ์ลับของฮองเฮาฉู่ก็เริ่มเปิดฉากต่อสู้กับคนของนายท่านหลันน่าเสียดายที่แม้องครักษ์ลับของฮองเฮาฉู่จะมีวิทยายุทธที่เลิศล้ำ ทว่ากลับสู้สี่เทพผู้พิทักษ์ของนายท่านหลันไม่ได้ แทบจะแพ้ราบคาบ แต่ละคนหากไม่ตายก็สาหัส กู้ชูหน่วนเองยังทนดูสภาพการณ์น่าอนาถของพวกเขาไม่ไหวเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าพระสงฆ์ในวัดไป๋อวิ๋น พระวัดไป๋อวิ๋นล้อมคนของนายท่านหลันเอาไว้ ดูท่าทางแล้วพร้อมจะโจมตีทุกเมื่อกู้ชูหน่วนรู้ดี หากมีการปะทะกันขึ้นมา วัดไป๋อวิ๋นอาจจะต้องนองเลือดเห็นสถานการณ์ตึงเครียด กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาให้คิดมาก บิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มือข้างหนึ่งกุมมือที่เย็นยะเยือกของเยี่ยเฟิง ปากก็พลอยพูดจาถากถางเหน็บแนม"ข้าก็คิดว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็เจ้างั่งห้าตัวนี่เอง"ฟู่วววอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศพลันล
ฝูกวงพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นดอกไม้ไฟล่องหนก็ระเบิดขึ้นไป พวยพุ่งอยู่กลางอากาศดอกไม้ไฟไร้สีไร้กลิ่น ยามที่ลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศก็ไร้ซึ่งเสียง นี่คือสัญญาณขอความช่วยเหลือระดับสูงสุดของสำนักซิวหลัว คนของสำนักที่ซ่อนตัวอยู่ละแวกนั้นจะรีบมาในทันทีฝูกวงยิ้มเยาะคิดจะฆ่าเจ้าสำนักของพวกเขา มีแต่จะต้องข้ามศพคนทั้งสำนักซิวหลัวไปก่อน“บังอาจ วันนี้ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าก่อนเอง”โครม...พละกำลังมหาศาลถูกปลดปล่อยอย่างกะทันหัน เหล่าพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ๆ ถูกบดขยี้ราบติดกับพื้น บางส่วนถูกพัดปลิวไปไอสังหารที่รุนแรงพุ่งตรงไปทางกู้ชูหน่วนฝูกวงชักดาบสองเล่มออกมาดังฟึบ รวบรวมกำลังภายในไว้บนดาบ พร้อมที่จะปล่อยท่าไม้ตายของตนทุกเมื่อกู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก ส่งเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ขณะที่เผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงถึงชีวิต นางไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว แต่กลับถือโอกาสบุกเข้าไปด้านหน้าด้วยการใช้หมอกพิษในมือ"ตู้ม..."ไอสังหารถึงแก่ชีวิตยังไม่มาถึงกู้ชูหน่วน ก็ค่อยๆ สลายหายไปเบาๆไม่ไกลออกไป น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบเครือที่เนิบนาบแต่เด็ดขาดดังขึ้นช้าๆ"ผู้ใดกล้าสังหารคู่หมั้นของข้า"ทุกคนเงยหน้าไป กลับเห็นเป็นชิงเฟิง
เย่จิ่งหานพูดทิ้งท้าย โดยไม่สนใจว่านายท่านหลันจะตอบตกลงหรือไม่"ข้าจะพาว่าที่พระชายาของข้ากลับ นายท่านหลันคิดจะขัดขวางรึ?"กู้ชูหน่วนเดินไปข้างกายเย่จิ่งหาน กะพริบตากลมโตอันสดใส และเสริมว่า "ท่านอ๋องของข้าพูดถูกแล้ว จะพาข้า เยี่ยเฟิง และฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่กลับ นายท่านหลันคงไม่ขัดขวางใช่หรือไม่?"ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยหมดคำพูดนายท่านหลันไม่ได้คนโง่ หากมิใช่ความแค้นที่ฝังรากลึก เขาจะไปฆ่าฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่ทำไม?ต้องรู้ว่าฮ่องเต้แคว้นฉู่ทรงโปรดฮองเฮาองค์นี้มาก เพื่อนางแล้ว ฮ่องเต้ทำได้ทุกอย่างส่วนเยี่ยเฟิงเขาเป็นบ่าวรับใช้ของนายท่านหลัน การกลับเผ่าหมอพร้อมกับเขาก็สมเหตุสมผลแล้ว หากนายหญิงต้องการพาเยี่ยเฟิงไป ก็ต้องแตกหักกับนายท่านหลันและเผ่าหมอแม้พวกเขาจะไม่กลัวเผ่าหมอ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องแต่ว่าที่พระชายาของพวกเขาช่างยั่วโมโหได้เก่งเหลือเกินชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยคิดว่า นายท่านของพวกเขาคงต้องคัดค้านแน่ๆ แต่ที่ไหนได้ มุมปากของท่านอ๋องกลับยกขึ้นและเผยรอยยิ้มบางๆ อีกด้วยนี่... นี่มันอะไรกันเนี่ย?"นายท่านหลัน ในมือของท่านมีบ่าวรับใช้จำนวนมาก เขาเป็นเพียงหนึ่งในนั้น นายท่านหล
คุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกินผู้พิทักษ์ทั้งสามของนายท่านหลันก้าวออกมาข้างหน้า กำปั้นทั้งสองข้างกำแน่นจนกระดูกดังกร็อบแกร็บ บ่งบอกเจตนาที่จะต่อสู้อย่างชัดเจนนายท่านหลันเผชิญหน้ากับเย่จิ่งหานฝูกวงก้าวไปข้างหน้า ต้องการต่อกรกับผู้พิทักษ์ทั้งสามกู้ชูหน่วนดึงฝูกวงกลับ และตะคอกว่า "ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยยังอยู่ที่นี่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า อย่าคิดทำตัวโดดเด่นกว่าพวกเขา"ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยขมวดคิ้วพร้อมกันคุณหนูสามกู้หมายความว่าอย่างไร?เห็นพวกเขาเป็นแรงงานให้เปล่า?คนที่นายท่านหลันต้องการคือตัวนางต่างหากฝูกวงงงงัน "นายหญิง ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ ข้าคนเดียวก็รับมือกับสามคนได้""ในการต่อสู้ครั้งที่แล้วเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บรึ? ยืนอยู่เฉยๆ ห้ามขยับไปไหน"เมื่อเห็นสายตาที่กู้ชูหน่วนส่งมา ฝูกวงก็เข้าใจในสิ่งที่นางต้องการ เขากุมหน้าอกของตัวเองทันที ขมวดคิ้วและเอ่ยว่า "โอ๊ย หน้าอกของข้าเจ็บมาก พลังภายในร่างกายก็ไม่สามารถดึงขึ้นได้"ทุกคนหมดคำพูดการแสดงนี้ เห็นพวกเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไร?กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง "ท่านอ๋อง เมื่อครู่นายท่านหลันบอกว่าขาของท่านใช้การไม่ได้ ขาที่สามก็ทั้ง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ