กู้ชูหน่วนดวงตาฉายประกายวับหนึ่ง ก่อนจะจ้องไปที่กระดิ่งภินวิญญาณไม่รู้เพราะเหตุใด นางมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ากระดิ่งภินวิญญาณสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ชี้ให้นางเดินไปด้านหน้าด้านหน้ามีบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงรวมตัวอยู่จำนวนไม่น้อย พร้อมทั้งมีเสียงร้องตกใจที่หาของล้ำค่าเจอออกมาจากในนั้นอวี๋ฮุยพูดด้วยความร้อนรน "ลูกพี่ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ ดูว่าจะเจออะไรบ้างหรือไม่""จะรีบร้อนไปใย ที่แห่งนี้มีมุมอับซ่อนเร้นอยู่ ฝั่งซ้ายมือไม่ไกลออกไปยังมีถ้ำอีกแห่ง พวกเราไปที่ถ้ำกันก่อน""ห้ะ...ไปที่ถ้ำทำไม"เซียวอวี่เชียนเขกกะโหลกพวกเขาคนละที "ยัยขี้เหร่สั่งให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าก็ไป เหตุใดถึงมากความเช่นนี้"ทั้งสี่คน ชายสามหญิงหนึ่งเดินย่องเข้าไปถึงถ้ำ ถ้ำไม่ใหญ่มาก จุได้เพียงแค่พวกเขาสี่คน รอบๆ ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นผนังดิน หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพลิกแผ่นดินหาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เจอของล้ำค่าใด ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนหยิบขวดยาออกมาสิบกว่าขวด โยนลงตรงหน้าพวกเขา "แบ่งกันเองแล้วกันนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่เสมอ มีแค่แข็งแกร่งพอ ถึงจะไม่โดนผู้อื่นรังแก"เซียวอวี่เช
แต่เหตุใดนางกินยาไปไม่ต่ำกว่าร้อยเม็ด อีกทั้งยังเป็นยาชำระไขกระดูกชั้นดีทั้งหมด ถึงจะสามารถเปิดประตูชั้นแรกไปได้แบบถูๆ ไถๆหลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพูดด้วยความตื่นเต้น "ลูกพี่ ท่านดีกับพวกข้ายิ่งนัก ชีพจรยุทธของข้าเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าหนึ่งแล้ว น่าเสียดายที่ข้าสติปัญญาโง่เขลา กินยาชำระไขกระดูกไปตั้งสองเม็ดแล้วยังเพิ่งจะทำลายขีดจำกัดได้แค่ชั้นเดียว"กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า ประโยคนี้ของพวกเขาทั้งสองกำลังโจมตีนางอยู่หากพวกเขาสติปัญญหาไม่ดีเช่นนั้นหากรู้ว่านางกินยาไปร้อยกว่าเม็ด ถึงจะฝืนเปิดชีพจรยุทธชั้นแรกได้ พวกเขาจะไม่ตกใจแย่เลยหรือกู้ชูหน่วนรีบเปลี่ยนบทสนทนา "ยังมีอีกตั้งหลายเม็ด เหตุใดไม่กินให้เยอะๆ หน่อยเล่า ดูซิว่าจะขึ้นไปได้ถึงชั้นไหน"เซียวอวี่เชียนกลอกตามองบนใส่นางไปหนึ่งที "เจ้าคิดว่ายาชำระไขกระดูกคือข้าว จะกินเท่าไหร่ก็ได้หรืออย่างไร พวกข้ากินไปสองสามเม็ดก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ขืนกินต่อไป ร่างมีแต่จะระเบิดตาย"เอิ่ม......เช่นนั้นนางกินติดต่อกันเจ็ดวัน ในปริมาณหลายร้อยเม็ด เหตุใดไม่เห็นเป็นไรเลย"ยัยขี้เหร่ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็กินสักเม็ดสิ ดูว่าจะเปิดชีพจรยุทธได้หรือไม่ พวกข้าสามคนจะใช้ปรา
เซียวอวี่เชียนตอกกลับไป "ขำๆๆ มีสิ่งใดน่าขำ พวกข้าเต็มใจจะเก็บหญ้า ไปล่วงเกินอะไรพวกเจ้าหรือ ไปๆๆ รีบไปให้พ้น"หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยเองก็รีบพากันไล่ผู้อื่นไป ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องมีหน้ามีตาอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทำลายขีดจำกัดชีพจรยุทธได้แล้ว ยามนี้เป็นชั้นที่เจ็ดแล้ว รอข้าทำลายขีดจำกัดไปถึงชั้นที่เก้า ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นหนึ่งได้แล้ว หลังจากนั้นก็จะได้ไม่ต้องกลัวมู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋ออีก""ลูกพี่ พวกข้าสองคนก็ทำลายขีดจำกัดขึ้นอีกไปชั้นแล้ว นี่คือยาสร้างฐานปราณที่ยังเหลืออยู่ ท่านรีบเก็บไว้ให้ดี ยานี้มูลค่าสูงนัก หากบัณฑิตคนอื่นๆ ในสำนักบัณฑิตรู้เข้า ไม่แน่อาจจจะมาแย่งเช่นไรก็ได้"นอกจากอิจฉา กู้ชูหน่วนก็มีแต่ความอิจฉายาสร้างฐานปราณเพียงเม็ดเดียวพวกเขาก็สามารถทำลายขีดจำกัดได้แล้ว เหตุใดนางยังค้างอยู่ที่ชั้นที่สองของทางยุทธอยู่อีก ไม่ว่านางจะกินยาไปเยอะเพียงใด ก็ไม่มีวี่แววว่าจะทำลายขีดจำกัดได้เลยหลิ่วเยว่เอ่ย "ลูกพี่ พวกเรายังต้องหาที่หลบซ่อนจากมู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋อหรือไม่"กู้ชูหน่วน "……"นางมายังเขาสวินหลง เพื่อจะซ่อนตัวจากพวกเขาสองคนเสียเมื่อไหร่"พวกเจ้าลองด
"พวกเขาเพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือว่าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มีสัตว์ร้ายน่ะ อีกอย่างทิศตะวันออกเฉียงใต้มีคนอยู่น้อย หากพวกตงฟางเจ๋อตามมาจะทำเช่นไร"กู้ชูหน่วนฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยแผนการเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ รู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาอย่างประหลาด นางผู้นี้กำลังวางแผนอะไรอีกแล้ว"หลิ่วเยว่ อวี๋ฮุย พวกเจ้าสองคนเก็บสมุนไพรต่อไป เก็บในที่ที่มีคนอยู่เยอะ เซียวอวี่เชียน เจ้ามากับข้า""ห้ะ...พวกเราเก็บมาเยอะขนาดนี้แล้ว ยังต้องเก็บอีกรึ""นั่นน่ะสิ พวกเรามาหาสมบัติล้ำค่าที่เขาสวินหลงนะ เก็บแบบนี้ต่อไป พวกเราไม่มีเวลาหาสมบัติล้ำค่าแน่""สมบัติมีอยู่ทุกที่ไม่ใช่หรือ พวกเขามองไม่ออก ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะต้องมีสายตาที่แหลมคมเป็นแน่ รอข้ากลับมา พวกเจ้าต้องเก็บให้ได้อย่างน้อยสองถุงกระสอบใหญ่ หากเก็บไม่ได้ พวกเจ้าได้เจอดีแน่" กู้ชูหน่วนกำลังยิ้ม ทว่าภายในรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความข่มขู่ไม่รอหลิ่วเยว่อวี๋ฮุยตอบตกลง กู้ชูหน่วนดึงตัวเซียวอวี่เชียนไปแล้ววิทยายุทธของเซียวอวี่เชียนไปถึงชั้นที่เจ็ดของเส้นทางยุทธแล้ว ขอเพียงแค่ทำลายขีดจำกัดชั้นที่เก้าได้ ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นหนึ่ง แน่นอนว่าความสามารถในก
มู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋อตะลีตะลาน เสือดาวมีมากเกินไป อีกทั้งยังล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่ง เหตุใดเขาสวินหลงถึงได้มีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้ตรงหน้าคือเหว กู้ชูหน่วนมีความกล้าที่จะกระโดดลงไป แต่พวกเขากลับไม่มีความกล้าพอ ทั้งสองคนเล็งหาโอกาส วิ่งหนีไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้พวกเขารวดเร็วว่องไว ทว่าความเร็วของเสือดาวไวยิ่งกว่า ที่ซวยไปกว่านั้นคือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็มีเสือดาวอีกกลุ่มกระโจนเข้ามาด้วยเช่นกัน หน้าของมู่หรงเฉินพลันเปลี่ยนสี ผลักตงฟางเจ๋อเข้าไปแทบจะในทันทีด้วยสัญชาตญาณ ส่วนตนวิ่งเผ่นออกไปอีกทางตงฟางเจ๋อผู้น่าสงสารถูกมู่หรงเฉินผลักเช่นนี้ ต่อให้อยากวิ่งหนีเพียงใดก็ไม่ทันแล้ว ถูกกลุ่มสัตว์อสูรฉีกเป็นชิ้นๆ และเขมือบทั้งเป็นทันที"ตึงตึงตึง......"ฝูงเสือดาวพากันไล่ไปทางมู่หรงเฉิน พื้นดินสั่นไหวไม่หยุดราวกับเกิดแผ่นดินไหวด้านล่างหน้าผากที่อยู่ตรงครึ่งหนึ่งของเชิงเขากู้ชูหน่วนมือข้างหนึ่งคว้าเถาวัลย์ มืออีกข้างโอบเอวเซียวอวี่เชียนเอาไว้ สายตาเยือกเย็นทอดมองขึ้นไปยังทะเลหมอก ภายในดวงตาเผยให้เห็นความหนาวเหน็บเซียวอวี่เชียนหัวใจเต้นตึกตักยอดฝีมือขั้นหนึ่ง ถูกสัตว์อสูรกินไปอย
นางเปิดแหวนปริภูมิ หยิบสารหนูออกมาทาบนร่างของนางและเซียวอวี่เชียน"ถือโอกาสตอนที่มันกำลังหลับอยู่ พวกเราแอบเข้าไปหยิบผลึกหิมะออกมา หากมันไม่รู้สึกตัว พวกเราค่อยอ้อมเข้าไปในถ้ำ หากมันรู้ตัวแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้เข้าถ้ำไป ค้นหาดูว่าด้านในมีสมบัติล้ำค่าอะไรหรือไม่""แล้วเจ้าจะทำเช่นไร""วางใจ ข้าย่อมมีวิธีรับมือของข้า""ไม่ได้ เจ้าเพิ่งจะเปิดชีพจรยุทธได้ งูหลามสองหัวตัวนี้เป็นถึงสัตว์อสูรขั้นสอง เจ้ารับมือไม่ไหวหรอก"กู้ชูหน่วนสองมือกอดออก มองเขาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย สายตาคู่นั้นดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะ นางอ่อนแอขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่เซียวอวี่เชียนชะงัก รีบชิงพูดก่อน "ข้าเข้าไปขโมยผลึกหิมะ เจ้าแอบเข้าไป เอาแบบนี้แหละ""ได้สิ"ได้สิ ?ง่ายขนาดนี้เลยหรือนี่ไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเขาเลยหรืออย่างไรมองดูสายตาของกู้ชูหน่วนอีกครั้ง เต็มไปด้วยความมั่นใจเซียวอวี่เชียนอัดอั้นตันใจ แต่กลับทำได้เพียงแค่ค่อยๆ ย่องไปข้างหน้าเบาๆ พยายามไม่ทำให้งูหลามสองหัวตกใจตื่นห้าก้าว สี่ก้าว สามก้าว...เหลือเพียงแค่สองก้าวก็จะเอาผลึกหิมะมาได้แล้ว ดวงตาเซียวอวี่เชียนเผยให้เห็นความปลื้มปริ่ม ขณะที่กำลั
"เจ้าไปก่อน" กู้ชูหน่วนดันเซียวอวี่เชียนไปด้านหน้า จากนั้นพลิกมือขวาออกไป เข็มพิษพลันพุ่งทางไปงูหลามราวกับเม็ดฝนซัดสาดงูหลามตัวนั้นยังคงแข็งแกร่งมั่นคงดุจกำแพง เข็มพิษหลายสิบเล่มพุ่งเข้าไปบนตัวมัน เสมือนพุ่งเข้าใส่เครื่องโลหะ มีแค่เสียงแก๊งแก๊งดังขึ้นก่อนจะร่วงลงมาพร้อมกัน ไม่มีครั้งใดที่โดนเข้าจังๆ"เฮือก......"งูเหลือมไม่กลัวสารเหลือง ลิ้นเป็นแฉกพลันพ่นเปลวไฟที่ลุกโชนออกมาเปลวไฟอุณหภูมิสูงมาก แม้จะอยู่ไกล แต่ก็ยังถูกแผดเผาจนร้อนไปทั้งตัวกู้ชูหน่วนเกือบจะสติหลุด "บ้าเอ้ย นี่มันมังกรไฟหรืองูไฟ เหตุใดถึงพ่นไฟได้ด้วย""ยัยขี้เหร่ ไฟของมันมีพิษ หากโดนตัวอาจจะตายจากพิษและการกัดกร่อนได้"เซียวอวี่เชียนกางพัดออกดังฟรึ่บ ก่อนจะดึงกลไกลทำให้พัดที่ประณีตงดงามกลายเป็นอาวุธในพริบตา พุ่งไปทางหัวของงูหลามพร้อมกับกำลังภายในที่ครุกกรุ่นของเซียวอวี่เชียนงูหลามพ่นไฟลูกโตออกมาอีกครั้ง พัดถูกแรงสั่นสะเทือนปลิวกลับไป หากไม่ใช่เพราะเซียวอวี่เชียนตาเร็วมือไวหลบได้ทันเวลา เกรงว่าคงจะถูกพัดของตนย้อนกลับมาฆ่าเสียแล้วการโจมตีหลายครั้งทำให้งูหลามเดือดดาล ผงาดร่างขึ้นแล้วโฉบลงมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้
เซียวอวี่เชียนเกือบจะน้ำตาไหลออกมาเจ็บ......เจ็บมือจะแย่อยู่แล้วนี่มันใช่การตีงูที่ไหนกัน นี่มันการชกหินชัดๆเซียวอวี่เชียนถูกหางงูกระแทบบาดเจ็บกู้ชูหน่วนก็ถูกงูหลามกระแทกจนเจ็บเช่นกันวิทยายุทธปะทะกับสัตว์อสูรขั้นสอง ทั้งยังมีพละกำลังที่ต่างกันอย่างมาก นับว่าเป็นงานยากสำหรับพวกเขาจริงๆกู้ชูหน่วนเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก พยายามข่มความปวดระบมของอวัยวะภายในนางเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้หากไม่จัดการเจ้างูเน่าตัวนี้ อย่าว่าแต่ผลึกหิมะ เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของเขาก็คงรักษาไว้ไม่อยู่แม้ถ้ำจะกว้างใหญ่ แต่ลำตัวของงูเหลือมก็ใหญ่มากอยู่แล้ว กู้ชูหน่วนใช้กำลังภายใน กระโดดหลบซ้ายขวา พยายามจะทำให้งูเหลือมใช้แรงออกไปให้ได้มากที่สุดหลังจากที่ต่อสู้กันหลายครั้ง กู้ชูหน่วนมองออกแล้วว่าจุดเดียวของมันที่ค่อนข้างจะอ่อนแออยู่ที่บริเวณท้อง นางพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือกู้ชูหน่วนหาโอกาส คิดจะกรีดท้องมันออก ตัดอวัยวะภายในทั้งหมดของมันให้ขาด ปลิดชีวิตมันเสียแต่นางคิดไม่ถึงว่า ลึกเข้าไปในถ้ำ สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาพลันอ้าปากกว้าง เพียงแค่คำเดียวก็กลืนสัตว์อสูรขั้นสองยาวยี่สิบกว่าเม
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ