Share

บทที่ 8

Author: เย่ชิงขวง
คุณ...คุณหนูสาม... กล้าตบ...ตบหน้าอี๋เหนียงห้าเลยหรือ...

แม่เจ้า พวกเขาไม่ได้ตาฟาดใช่ไหม

อี๋เหนียงห้าเป็นถึงอนุคนโปรดของนายท่านเชียวนะ

อี๋เหนียงห้าโดนตบจนเห็นดาว เกือบเซล้ม นางกุมใบหน้าบวมแดงอย่างตกตะลึง ทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด

อี๋เหนียงห้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตวาดลั่น "นี่เจ้ากล้าตบข้าหรือ?"

"ก็ตบเจ้าอย่างไรเล่า"

"สามหาว! สามหาว! ใครก็ได้ จับตัวคุณหนูสามเอาไว้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนางให้เข็ด"

"กล้าก็เข้ามา"

กู้ชูหน่วนที่เคยอ่อนแอ กลับแผ่รังสีทรงอำนาจไปทั่วร่าง

แววตาของนางเย็นยะเยือก เย็นชาไร้ซึ่งตวามรู้สึก เมื่อถูกนางจ้องมอง เหล่าบ่าวรับใช้ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับก้าวเท้าข้างหนึ่งลงนรกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

กู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงเย็นชา "ท่านแม่ข้าคือน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงเจาหลิง ส่วนข้านั้นเป็นลูกสาวแท้ๆ ขององค์หญิง คุณหนูสามสายตรงแห่งจวนอัครเสนาบดี อี๋เหนียงห้าจะเทียบอันใดได้? ก็แค่อนุภรรยาชั้นต่ำในจวนอัครเสนาบดี อย่าว่าแต่ข้าตบเจ้าวันนี้เลย ต่อให้วันนี้ข้าฆ่าเจ้า ก็ไม่มีใครทำอะไรข้าได้"

ตาลาย

ทุกคนต่างตาลาย

หากการที่นางปฏิเสธสมรสพระราชทานกับเทพสงครามหานอ๋องก่อนหน้านี้คือคลุ้มคลั่ง นางถึงได้กล้าบ้าบิ่นเช่นนั้น

แต่คราวนี้นางตบอี๋เหนียงห้าต่อหน้าคนมากมาย ทั้งยังยโสอหังปานนี้ ก็เรียกว่าคลุ้มคลั่งอย่างนั้นหรือ?

ไม่ เป็นไปไม่ได้

คุณหนูสามเปลี่ยนไปแล้ว

นางไม่ใช่คนอ่อนแอที่ถูกรังแกได้ง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน

อี๋เหนียงห้าสะอึกจนพูดไม่ออก

นางสารเลวนี่ วันนี้ผีเข้าหรืออย่างไร ถึงได้กล้าอวดดีเช่นนี้ ทว่าแต่ละประโยคที่อีกฝ่ายพูด นางกลับเถียงไม่ออกเลย

สาวใช้คนสนิทของอี๋เหนียงห้า เซี่ยอวี่เห็นเหตุการณ์จึงเอ่ยอย่างเดือดดาล "ต่อให้เจ้าจะเป็นคุณหนูสามสายตรง แต่จะมาตบตีอี๋เหนียงห้าโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้อาวุโส"

"เจ้านายคุยกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสอด จับตัวนางไว้"

ณ ที่นั้นนิ่งสงัด ไม่มีใครฟังคำสั่งของนาง

อี๋เหนียงห้าและสาวใช้เซี่ยอวี่ลำพองใจ

ต่อให้นางจะมีอำนาจมากเพียงใด แต่ไม่มีใครในจวนฟังคำสั่งนาง

ขณะที่อี๋เหนียงห้ากำลังจะสั่งสอนกู้ชูหน่วน แต่ดันเห็นกู้ชูหน่วนยิ้มร้าย กู้ชูหน่วนแย่งท่อนไม้จากมือของบ่าว ฟาดไปที่ร่างของเซี่ยอวี่ดังปึกอย่างรวดเร็วและรุนแรงปานสายฟ้า

"ดูท่าแล้ววันนี้คุณหนูอย่างข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าเสียให้หลาบจำ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่มีวันรู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้แดงนัก"

เซี่ยอวี่เจ็บจนต้องร้องสูดปาก สัญชาตญาณบอกให้ต่อต้าน ทว่ากู้ชูหน่วนกลับฟาดรัวไม่รู้กี่ไม้ต่อกี่ไม้ ไม่ว่านางจะหลบอย่างไร ไม้ของกู้ชูหน่วนก็เหมือนมีดวงตาจับจ้องนางอยู่ จนนางไร้ทางสู้

"เจ็บ...เจ็บจะตายอยู่แล้ว อี๋เหนียงห้า ช่วยข้าทาสด้วยเจ้าค่ะ"

อี๋เหนียงห้าเดือด "หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ ใครก็ได้ รีบมาหยุดนางที"

"ข้าคือคุณหนูสามสายตรง คือหานอ๋องเฟยที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้ ใครกล้าดีมาขวางข้า"

เหล่าบ่าวต่างหยุดชะงัก

หานอ๋องคือใครน่ะหรือ นั่นคือคนที่มีอำนาจสูงสุดแห่งแคว้นเย่อย่างไรเล่า แม้แต่ฮ่องเต้ยังเกรงกลัว

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นหัวคุณหนูสาม แต่ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ของนาง พวกเขาจึงไม่กล้าลงมือจริงๆ

อี๋เหนียงห้าโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

บ่าวพวกนี้วันๆ แย่งกันประจบประแจงนาง พอถึงคราวต้องใช้งาน กลับแกล้งตายไปเสียหมด

เมื่อเห็นเซี่ยอวี่ถูกตีจนเลือดอาบ อัครเสนาบดีก็ไปประชุมราชสำนัก กู้ชูหลันลูกสาวของตัวเองก็ไปสำนักบัณฑิตหลวงตั้งแต่เช้า ไม่เหลือที่พึ่งพิงในจวนอัครเสนาบดีแล้ว

อี๋เหนียงห้าจำต้องหันไปหาฮูหยินใหญ่ ร้องขอความช่วยเหลือ "ฮูหยินเจ้าคะ ท่านช่วยห้ามคุณหนูสามได้หรือไม่ หากตีต่อไป เซี่ยอวี่คงไม่รอดแน่"

แม้ฮูหยินใหญ่จะตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของกู้ชูหน่วน กระนั้นก็มองออกว่าอี๋เหนียงห้านั้นพลาดท่าเสียแล้ว นางถึงได้สะใจนัก

"เซี่ยอวี่เป็นแค่สาวใช้ แต่กลับจาบจ้วงคุณหนูสามต่อหน้าคนมากมาย คงถึงเวลาแล้วที่จะจัดระเบียบบ่าวในจวนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นนายในจวนนี้กันแน่"

อี๋เหนียงห้าขุ่นเคืองยิ่งนัก

ฮูหยินใหญ่กำลังหลอกด่านางชัดๆ พูดว่าอี๋เหนียงต่ำต้อยอย่างนางแย่งชิงอำนาจฮูหยินใหญ่ของตัวเองไป

นางไม่ลงรอยกับฮูหยินใหญ่มาแต่ไหนแต่ไร ฮูหยินใหญ่คงอยากจะกำจัดเซี่ยอวี่ไปให้พ้น ขอร้องต่อไปก็เปลืองแรงเปล่า

อี๋เหนียงห้าจำต้องหันไปหาอี๋เหนียงสาม "พี่สามเจ้าคะ ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมคุณหนูคุณหนูสามได้หรือไม่"

แม้จะเป็นลูกสาวอนุเหมือนกัน แต่กู้ชูหลันกลับได้เข้าเรียนสำนักบัณฑิตหลวง อี๋เหนียงสามอดกลั้นเพลิงในอก นางอยากจะใช้เท้าขยี้อี๋เหนียงห้าให้แหลกด้วยซ้ำ มีหรือนางจะตอบตกลง

อี๋เหนียงสามเล่นเล็บแดงของตัวเองด้วยท่าทางเกียจคร้าน ป้องปากยิ้มบางพลางเอ่ย "อี๋เหนียงห้า อย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจเลย? ว่าตามตรงข้าเองก็เป็นแค่อนุนางหนึ่ง หากคุณหนูสามอยากจะจัดการใคร ข้าจะมีสิทธิ์อะไรไปห้าม ลูกสาวเจ้าเองก็ได้รับเมตตาให้เข้าเรียนสำนักบัณฑิตหลวงมิใช่หรือ ไม่เช่นนั้น เจ้าลองให้ลูกสาวเจ้ามาเกลี้ยกล่อมสิ?"

อี๋เหนียงห้าแทบหายใจไม่ทัน

อี๋เหนียงสามกำลังดูถูกนางอยู่ชัดๆ

ใครจะไม่รู้บ้างว่าที่ลูกสาวนางได้เข้าเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงก็เพราะได้อานิสงส์จากกู้ชูหน่วน

อีกอย่างลูกสาวนางก็เป็นแค่ลูกสาวสายรอง ต่อให้มาแล้ว หากกู้ชูหน่วนคิดจะหาเรื่องกันจริงๆ นางคงรับมือไม่ไหว หลักกับรองแม้จะต่างกันเพียงคำเดียว แต่ฐานะนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

"อี๋เหนียงห้า ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย..."

เซี่ยอวี่โดนฟาดจนเลือดอาบ เสียงกรีดร้องค่อยๆ รวยริน เหงื่อเย็นและเลือดไหลไปตามพื้น ทว่ากู้ชูหน่วนราวกับมองไม่เห็น ฟาดไม้ลงบนร่างนางไม่หยุดหย่อน ทุกคนต่างได้ยินเสียงกระดูกหักทุกคราที่ไม้ฟาดลงไป

เฮือก...

คุณหนูสามยามปกติไม่เคยมีปากเสียง คิดไม่ถึงเลยว่ายามโมโหขึ้นมาจะน่ากลัวเช่นนี้ ดูท่าแล้ววันหน้าพวกเขาคงต้องระวังตัวสักหน่อย จะรังแกนางเหมือนแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว

เซี่ยอวี่คือบ่าวที่ติดตามอี๋เหนียงห้ามาด้วยตอนแต่งเข้าจวน เติบโตมาพร้อมกับนาง แม้จะเรียกว่านายบ่าว แต่ความจริงแล้วเหมือนพี่น้อง หลายปีมานี้ก็ช่วยงานอี๋เหนียงห้าได้ไม่น้อย

หากนางตายไป ย่อมเท่ากับว่าสายข่าวของอี๋เหนียงห้าถูกตัดขาด อี๋เหนียงห้าจะยอมได้อย่างไร นางขวางหน้าเซี่ยอวี่เอาไว้

อี๋เหนียงห้าคิดว่าต่อให้กู้ชูหน่วนจะอวดดีเพียงใด ก็คงไม่กล้าตีนาง แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่ากู้ชูหน่วนจะฟาดแผ่นหลังนางอย่างแรงจนเสียงดังอึก ถึงขั้นว่านางเองยังได้ยินเสียงกระดูกร้าว

"โอ๊ย...กู้ชูหน่วน เจ้ากล้าตีข้าหรือ"

ฮูหยินใหญ่และอี๋เหนียงสามเองก็ไม่คาดคิด กู้ชูหน่วนบ้าดีเดือดได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ อี๋เหนียงห้าใช้ตัวเป็นเกาะกำบังแล้ว แต่นางก็ยังกล้าลงไม้ลงมือกับอี๋เหนียงห้า

แถมกู้ชูหน่วนไม่ได้ฟาดแค่หนเดียวด้วย นางฟาดรัวถึงสองไม้ เอาเสียจนอี๋เหนียงห้าเกือบหมดสติไป ถึงได้ร้องตกใจหน้าตาใสซื่อ

"โธ่ อี๋เหนียงห้า ข้าแค่สั่งสอนบ่าวรับใช้ ท่านจะวิ่งเข้ามาทำไมกัน ไม้มันไม่ได้มีลูกตาเสียหน่อย ดูสิดู โดนลูกหลงเข้าจนได้"

อี๋เหนียงห้ากัดฟันกรอด ถลึงตามองกู้ชูหน่วนอย่างเคียดแค้น ราวกับอยากจะกลืนนางทั้งเป็น

เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หายใจไม่เป็นจังหวะ ส่วนอี๋เหนียงห้าก็โดนหวดไปสามไม้ หมอใหญ่ถึงได้เอ่ยเสียงเนิบช้าขึ้น

"คุณหนูขอรับ นางบ่าวชั่วนี้ถูกลงโทษแล้ว ข้าว่าวันหน้านางคงไม่กล้าทำผิดอีก พอแค่นี้เถิดขอรับ"

กู้ชูหน่วนยิ้มเย้ยหยัน เอ่ยอย่างไม่ไว้หน้าหมอใหญ่แม้แต่นิด "พอแค่นี้? ข้าเป็นถึงคุณหนูสายหลัก แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเทียบกับพวกสาวใช้มิได้เลย หลายปีมานี้ เงินเดือนแม้แต่เหวินเดียวข้าก็ไม่ได้รับ ฮูหยินใหญ่ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 566

    ลูกธนูทั้งสิบดอก ล้วนแต่พุ่งเข้ากลางเป้า ทุกคนต่างก็ตะลึงตาค้าง โดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและฮ่องเต้เย่ที่สติหลุด ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เอาแต่มองกู้ชูหน่วนสะบัดมือตนเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว "ธนูนี่จะหนักเกินไปหรือเปล่า ทำเอาข้าปวดแขนไปหมด องค์หญิงตังตัง ธนูสิบดอก ดูเหมือนจะเข้าเป้าทุกดอกเลย ด่านแรกข้าชนะแล้วสินะ" องค์หญิงตังตังพลันได้สติทันที "จะได้ใจไปใย ยังเหลือการแข่งอีกสองด่าน" "เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งโจทย์มาเลย รีบๆ แข่งให้จบ ข้าจะได้เลือกเครื่องประดับมาไว้ติดตัว" "ข้อที่สอง ยังคงเป็นธนูสิบลูก เพียงแค่เจ้ายิงให้เข้ากลางเป้าอีกครั้ง เจ้าก็จะชนะ แต่ว่า ครั้งนี้บนกระดานจะมีเหรึยญกษาปณ์ทองแดงแขวนเอาไว้ อีกทั้งเหรียญทั้งสิบจะส่ายไปมา หัวลูกศรของเจ้าต้องทะลุเหรียญกษาปณ์ทองแดง สุดท้ายพุ่งเข้ากลางเป้าพอดี" ซี้ดดด... ทั้งงานเดือดระอุ นี่จะยากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงตังตังหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นแบบโจ่งแจ้งชัดเจน และเกินว่าเหตุไปหน่อยกระมัง แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้เย่ก็ทนดูไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน "องค์หญิง เอาแต่พอดีเถอะ" "นางบอกเองว่าจะแข่งกับข้า ข้าไม่ได้ขอร้อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 565

    กู้ชูหน่วนเอ่ย "เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ องค์หญิงจะทำเช่นไร" "เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร" "องค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้า หรือหากข้าชนะเจ้าแล้ว ต้องให้เจ้าคลานเข่าร้องเสียงเช่นสุนัขเหมือนกันหรือ" ประโยคนี้ กำลังแอบแดกดันว่าองค์หญิงตังตังคิดเล็กคิดน้อย และใจแคบ องค์หญิงตังตังอาจจะไม่รู้ถึงนัยยะแฝงของประโยคที่นางพูด แต่ไทเฮาเข้าใจทุกอย่าง นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนกำแน่นจนเสียงดังแกรบโดยไม่รู้ตัว "เอาเช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าแพ้ ข้าจะขอของหนึ่งชิ้นจากในตำหนักองค์หญิงของเจ้า ถือเป็นรางวัลชนะเดิมพัน" "เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า" "องค์หญิงตื่นตระหนกขนาดนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะเอาชีวิตองค์หญิงกระมัง ข้าไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นหรอก ของที่ข้าต้องการง่ายนิดเดียว เจ้าให้ได้เป็นแน่" องค์หญิงตังตังตั้งใจฟัง นางหลงกลกู้ชูหน่วนมาหลายหนแล้ว หากไม่ระบุของชนะเดิมพันมาให้ชัดเจน นางไม่มีทางรับปากส่งๆ เด็ดขาด ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนมองที่ข้อมือและสร้อยคอที่ว่างเปล่าของตนเอง พลางเอ่ยด้วยความหมองหม่น "พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่สวมใส่สร้อยแหวนเงินทอง บนตัวข้ากลับว่างเปล่า ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 564

    กู้ชูหน่วนคว้ามือที่ฟาดลงมาของนางเอาไว้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "องค์หญิงตังตัง ลงมือทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เอาได้นะ" "บังอาจ เจ้ากล้าแช่งให้ข้าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หรือ" "หากเจ้าไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์คงจะอวยพรเจ้าเสียด้วยซ้ำ" "ตังตัง" ไทเฮาตะโกนเสียงขรึม ฝีปากของกู้ชูหน่วน นางได้เห็นมากับตาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คนทุกคนที่นี่รวมกัน ก็ไม่อาจสู้ฝีปากนั่นของนางได้ "ทำความเคารพเสด็จอาของเจ้าเสีย" "เสด็จแม่..." องค์หญิงตังตังอารมณ์พลันหมองหม่นลงไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้กลอุบาย นางไม่มีทางเสียเงินมากมายขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงไร้ประโยชน์มาจากลานประมูลเฟิงเซียงหรอก ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ นางไม่มีเงิน องค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกลานประมูลเฟิงเซียงจับตัว ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ หลังจากเกิดเรื่อง นางจะไปหาเรื่องลานประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างก็บอกให้นางอดนทน บอกว่าลานประมูลเฟิงเซียงมีอิทธิพลนัก ไม่จำเป็นอย่าไปมีเรื่องด้วย "รีบทำความเคารพสิ" ใบหน้าขององค์หญิงตังตังราวกับถูกย้อมด้วย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 563

    "กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจนัก" "ใครใช้ให้ข้าเป็นอาสะใภ้ของท่านล่ะ ใครใช้ให้ข้าเป็นชายาของเทพสงครามล่ะ ข้าถึงได้มีสิทธิ์ที่จะอวดี สามหาวอย่างไรเล่า หากท่านไม่พอใจ ก็ไปหาเย่จิ่งหานได้เลย" หากไม่ใช่เพราะฐานะของนาง ฮ่องเต้เย่อยากจะมอบผ้าขาว ให้นางปลิดชีพตนเองเสียงตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้น เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้ "เหมือนข้าจะคิดออกแล้ว เป็นองค์หญิงตังตัง ตอนเด็ก ที่สวมอยู่บนคอขององค์หญิงตังตังก็คือดวงตารูปหัวใจ สีแดงราวกับเลือด ใครหลายคนต่างก็หัวเราะเยาะนาง ต่อมาองค์หญิงตังตังกริ้วหนัก จึงไม่สวมสร้อยเส้นนั้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีก" "เช่นนั้น ความหมายของท่านคือ ดวงตารูปหัวใจอยู่ที่องค์หญิงตังตังหรือ" "โดยทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนิสัยขององค์หญิงตังตัง หากนางไม่ชอบสิ่งใด ก็จะโยนทิ้งไปทันที สร้อยเส้นนั้นไม่รู้ว่าถูกนางทิ้งไปหรือยัง" "วันนี้เป็นพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงตังตังใช่หรือไม่" "ใช่...ใช่น่ะสิ" "ไป พวกเราไปดูกัน" "เมื่อกี้เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าตามหาดวงตารูปหัวใจให้พบ เจ้าจะช่วยขับไล่กองทัพออกไปน่ะ" "ใช่น่ะสิ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 562

    "หรือเย่จิ่งหานต้องการจะเห็นข้าสิ้นแผ่นดินเช่นนั้นรึ เขาเองก็เป็นเสด็จอาแห่งแคว้นเย่" "นั่นสิ เพราะเขาคือเสด็จอาของแคว้นเย่ ฉะนั้นหลังจากที่แคว้นเย่สิ้นแผ่นดินแล้ว เขาก็จะปลุกระดมกองทัพอีกครั้ง ตีแคว้นหวาจนพ่ายแพ้ออกไป ถึงเวลานั้น หากเขาคิดจะนั่งบังลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม ผู้ใดก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ส่วนท่าน ก็จะกลายเป็นเด็กถูกทิ้งคนนั้นไป" ฮ่องเต้เย่มีคำพูดมากมายอยากจะตอกนางกลับไป ทว่ากลับคิดเหตุผลที่จะหยุดนางได้ไม่ออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉะนั้น ไม่สู้ท่านเลือกที่จะเชื่อข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องทำให้เย่จิ่งหานออกมาจัดการแคว้นหวาได้ ทำให้แคว้นเย่ของพวกเรามั่นคงปลอดภัย" "เย่จิ่งหานจะฟังเจ้าหรือ" "แน่นอน เชื่อว่าฝ่าบาทคงเคยได้ยินว่าท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงใด" "แต่เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย" เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ "ข้ากำลังตั้งท้องของเทพสงครามอยู่ไม่ใช่หรือ หลายวันก่อนข้าฝัน ฝันเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมาดลบันดาล บอกว่าเทพสงครามฆ่าคนมามากนัก พลังชั่วร้ายหนักหนาเกินไป ลูกจะ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 561

    กู้ชูหน่วนแคะหู พลางบ่นพึมพำอย่างเหลืออด "หนวกหู" "สามหาว ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ ประมุขผู้มีอำนาจสูงสุด เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ เข้ามา อ้ะ..." กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน "ฮ่องเต้ ข้าขอเตือนท่านว่า ก่อนจะตะโกนเรียกใคร คิดดูให้ดีๆ เสียก่อน ต่อให้ท่านเรียกเหล่าองครักษ์มาทั้งหมด ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเอกของเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าจัดการข้าหรือ" "เจ้า......" ฮ่องเต้หงุดหงิด นางผู้นี้ จงใจขู่เขาชัดๆ เพราะการตะโกนเสียงดังของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ตื่นตกใจ พากันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า "กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงตะโกนเรียกกระหม่อมเพราะ..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าแอบเหลือบมองกู้ชูหน่วนปราดหนึ่ง มือพลอยกำด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว "ข้าเรียกพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงองครักษ์แห่งราชสำนัก หูพวกเจ้าแต่ละคนเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยข้าได้อย่างไร" "พะยะค่ะๆๆ......" "ยังไม่รีบออกไปอีก" "พะยะค่ะ....." กลุ่มองครักษ์หลายคนเข้ามา แล้วออกไป เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status