"นายท่านหลัน ประมุขสูงสุดแห่งตระกูลหลัน เขานิสัยโหดเหี้ยม ฆ่าคนเหมือนผักปลา ชอบทรมานคน ทั้งยังมีรสนิยมประหลาดด้านนั้น เยี่ยเฟิงแสนน่าสงสาร เพิ่งอายุได้ห้าปี ก็ถูกเขาย่ำยีเสียแล้ว"แม่เฒ่าเยี่ยเล่าถึงเรื่องราวอันเจ็บปวด ระทมใจจนต้องกุมหน้าอกเอาไว้ อารมณ์อ่อนไหวนักกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนมองหน้ากัน นึกถึงบาดแผลฟกช้ำบนตัวเยี่ยเฟิง ก็เข้าใจในทันทีว่าถูกย่ำยีนั้นหมายความว่าอย่างไร?สีหน้าของทั้งสองไม่สู้ดีนัก เซียวอวี่เชียนเดือดดาลขึ้นมาในทันใด "เพิ่งจะห้าขวบ เขาเป็นอสูรกายหรืออย่างไร? เหตุใดถึงทำได้ลงคอ?""ข้าเป็นแม่ครัว เดิมทำกับข้าวให้กับพวกองครักษ์ที่เรือนทาส แต่เพราะทำอาหารอร่อยจึงถูกบังคับให้ย้ายไปทำอาหารในตระกูล วันนั้นข้าเป็นกับตาว่าเยี่ยเฟิงถูกทรมานจนแทบขาดใจ ช่างน่าอนาถนัก เด็กอายุห้าขวบถูกทารุณปานนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน"ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ร่างทั้งร่างของแม่เฒ่าเยี่ยจึงได้สั่นสะท้าน"ข้าอยากเอายาให้เขา แต่ก็กลัวจะโดนหางเลข ทำได้เพียงมองเขาหลบเลียแผลตัวเองอยู่ห่างๆ ครั้งนั้นเขานอนซบอยู่บนเตียงครึ่งเดือนเต็มๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอด""ข้าเคยเห็นเยี่ยเฟิงคิดจะฆ่าตัวตา
"เพราะข้าให้ซาลาเปาลูกหนึ่งกับเขา ปีนั้นเขาอายุหกขวบ คนหนึ่งในกลุ่มของเขาลอบฆ่านายท่านหลัน ถูกจับแล้วสับทั้งเป็น หลังจากเก้าคนที่เหลือถูกซ้อมจนน่วมแล้ว ก็ถูกจับไปทิ้งหลังเขาหิมะ""ฤดูหนาวปีนั้นหนาวนัก หิมะตกหนักไม่หยุด บนภูเขาหิมะไม่มีของกิน ทั้งยังมีหมาป่าหิมะพลุกพล่าน แปดคนที่เหลือตายหมด เหลือเขาเพียงคนเดียว ข้าเห็นเขาทั้งหนาวทั้งหิวทั้งทรมาน จึงแอบเอาซาลาเปาให้เขาลูกหนึ่ง เพราะเหตุนั้น... เขาถึงเห็นข้าเหมือนครอบครัว""ต่อมาสามีฆ่าผิดใจกับพ่อบ้านผู้ดูแลจึงถูกฆ่า ลูกๆ ที่น่าสงสารของข้าก็โดนหางเลข ตายก่อนวัยอันควร ข้าเองก็ชีวิตพลิกผัน ถูกส่งไปเป็นบ่าวรับใช้ของแม่ครัว ทั้งยังป่วยหนัก นั่นคือช่วงเวลาอันมืดมนของข้า โชคดีที่เยี่ยเฟิงตอบแทบบุญคุณซาลาเปาลูกนั้น ดูแลข้ามาตลอด หากไม่มีเขา ข้าคงสิ้นไปตั้งนานแล้ว""ตัวเขาเองยังกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น แต่ยังเก็บของที่ดีที่สุดไว้ให้ข้า หลายปีมานี้ เขาดูแลข้าทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะซาลาเปาลูกเดียวที่ข้าให้เขา""ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขา เป็นครั้งแรกที่เขาขัดขืนนายท่านหลัน นายท่านหลันเดือดดาลนัก ควักลูกตาของข้าทั้งส
"เขามีสติปัญญา เขามีฝีมือ หากไม่มีข้า บางทีเขาอาจหาทางหลุดพ้นจากเผ่าหมอได้ แต่เขายังพาตัวถ่วงอย่างข้าไปด้วย ยอมลำบากทุกข์ทน""ครึ่งปีมานี้เขาแบกข้าตะเวนไปหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ต่อให้ชีวิตของพวกเราจะลำบากเพียงใด เขาก็ไม่เคยลักขโมยเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายด้วย""ข้าให้ซาลาเปาเขาแค่ลูกเดียว เขายังดีกับข้าถึงเพียงนี้ พวกเจ้าว่าคนเช่นนี้ จะฆ่าเจ้าสำนักที่มีพระคุณต่อเขาได้หรือ"แม่เฒ่าเยี่ยพูดจบอารมณ์ก็พลันอ่อนไหว เสียงสะอึกสะอื้น ทั้งยังคุกเข่าลงให้กับกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียน"เจ้าทั้งสอง ข้ารู้ว่าข้าชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีสิทธิ์ร้องขอพวกเจ้า แต่ข้าก็ยังอยากอ้อนวอนพวกเจ้า โปรดช่วยเยี่ยเฟิงด้วยเถิด เขาเป็นเด็กซื่อตรงคนหนึ่ง เขาไม่มีทางฆ่าคนแน่นอน""ท่านย่า ท่านรีบลุกขึ้นเถิด"กู้ชูหน่วนประคองนางยืนขึ้น แม่เฒ่าเยี่ยกลับไม่ยอมลุก กลับกันยังโขกหัวจรดพื้นอย่างแรง"ข้าขอร้องพวกเจ้าละ เยี่ยเฟิงโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง นอกจากคนแก่อย่างข้าแล้ว เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัวข้างกายแม้สักคน เขาพูดไม่ค่อยเก่ง คนอื่นใส่ร้ายเขา เขาก็พูดแก้ตัวไม่เป็น ได้แต่เงียบอย่างเดียว"
หลังกลับจากหมู่บ้านเสี่ยวเหอชุน ฟ้าก็มืดแล้วแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เยี่ยเฟิงก็กลับมาเร็วกว่าที่คิดเขาเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัว เนื้อผ้าหยาบ ทว่าตัดเย็บอย่างประณีต"เสื้อผ้าของเจ้า ข้าซักเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามีรอยขาดอยู่แห่งหนึ่ง ขอโทษด้วย... เสื้อผ้าเจ้าราคาเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้ให้"อาจเป็นเพราะริมฝีปากบวมเบ่ง ซ้ำใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำและรอยฝ่ามือ เยี่ยเฟิงจึงคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีดำ ปกปิดร่อยรอยพวกนั้นเผยให้เห็นเพียงตาสองข้างของเขาท่าทีเขาไม่สู้ดีนัก ในตามีแต่เส้นเลือดฝอยแดงฉาน แต่เพราะเปลี่ยนชุดใหม่ หากมองจากภายนอกจึงไม่เห็นบาดแผลมากมายบนตัวเขาเซียวอวี่เชียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "แค่เสื้อผ้าผืนเดียว ขาดก็ขาดไปเถอะ จะทิ้งก็ได้ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นมาแล้ว ขอบใจ"แววตาของเยี่ยเฟิงไหววูบ ค่อยๆ ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาพวกเขากู้ชูหน่วนพลันยิ้มบาง เดินอ้อยอิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยเฟิง ชี้ไปที่เสื้อผ้าที่พับเป็นระเบียบเรียบร้อยในมือเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"เยี่ยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสื้อตัวนี้ทำมาจากผ้าอะไร?"เยี่ยเฟิงชะงักไปเซียวอวี่เชียนเองก็พลันตกใจไม่เข้าใจว่านาง
จวนเจ๋ออ๋องหรูหราโอ่อ่า สมยศฐาบรรดาศักดิ์เจ๋ออ๋องย้ายออกไปแล้ว แต่ในจวนยังเหลือบ่าวไพร่ที่ไม่มีที่ไปอยู่มากมาย กู้ชูหน่วนเมตตาให้พวกเขาอยู่ต่อไป ทั้งยังเปลี่ยนป้ายจากจวนเจ๋ออ๋องเป็นเรือนหน่วนเจ๋ออ๋องนับว่ารักษาคำพูด ไม่ได้เอาของมีค่าในจวนอ๋องไปด้วยเลย กู้ชูหน่วนเข้าครัวเอง ทำโจ๊กตุ๋นยาให้เยี่ยเฟิง ทั้งยังอาหารค่ำมื่้อสำหรับสามคนอาหารรสเลิศนั้นเป็นเพียงเรื่องรอง แต่ประเด็นคือโจ๊กตุ๋นยาชามนั้นเซียวอวี่เชียนชาติตระกูลดี โจ๊กตุ๋นยานั่นใช้วัตถุดิบใดบ้าง เขามองปราดเดียวก็รู้"ยัยขี้เหร่ ของข้าเล่า""ของอร่อยเยอะแยะขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ?" กู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขา บ่งบอกว่าเขากำลังพูดจาเพ้อเจ้อ"กินๆ จะกินให้เจ้าล่มจมไปเลย""รีบกินเถอะ" กู้ชูหน่วนกินพลางช้อนตามอง บอกให้เยี่ยเฟิงกินด้วยกันเยี่ยเฟิงเหม่อมองอาหารเรียงรายบนโต๊ะ ดวงตาแดงก่ำนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย"คิดอะไรอยู่น่ะ เจ้ากินได้แต่โจ๊กตรงหน้านั่นแหละ จานอื่นไม่ใช่ของเจ้า""ข้าไม่หิว"เยี่ยเฟิงผลักโจ๊กตุ๋นยาตรงหน้าออกเขาชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักของดีแต่ก่อนยามปรนนิบัตินายท่านหลัน เขาเองก็เคยเห็นโจ๊กที่ต
ชิงเฟิงเข็นเย่จิ่งหานออกมาประหนึ่งดวงจันทร์ท่ามกลางหมู่ดาว ข้างกายมีเจี้ยงเสวี่ยตามติด สองฝั่งมีองครักษ์จากจวนหานอ๋องเย่จิ่งหานสีหน้าเย็นชา ความหนาวเหน็บนั้นเหมือนกำลังแผ่ซ่านไปรอบกายเขาเขากำลังโมโหแต่กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้สึกเพียงแค่ว่าในความโมโหนั้นแฝงไปด้วยความเศร้า ฮึดฮัดเหมือนหญิงเง้างอนนางยกเนื้อจานใหญ่ตรงหน้าขึ้นมา ยิ้มตาหยีทั้งสองข้าง เค้นรอยยิ้มออกมา "ท่านอ๋อง ท่านมาขอข้าวกินหรือ?"เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว มองอาหารละลานตาบนโต๊ะกับชายงามสองคนที่นั่งสองฝั่งซ้ายขวาของนาง แทบอยากจะฟาดนางเสียให้เข็ดเขายังไม่ทันตายนางก็เริ่มเที่ยวเกี้ยวหนุ่มแล้วหรือ?"ดูท่าแล้ว วันนี้อ๋องเฟยของข้าคงสำราญดีแท้"เย่จิ่งหานเน้นหนักคำว่าอ๋องเฟยสองพยางค์นั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยคำเตือนชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยจ้องไปทางกู้ชูหน่วนอย่างไม่พอใจหูทวนลมกับคำพูดของนายท่านก็แล้วไปแต่กลับนี่เพิ่งถอนพิษของนายท่านได้ครึ่งทางก็ล้มเลิกเสียแล้ว นี่นางลืมนางท่านไปแล้วหรือ?กู้ชูหน่วนยิ้มเจื่อน "ก็พอไหวๆ"ตั้งแต่ข้ามการเวลามา นางก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างสงบสุขเลยสักคืน ความสงบสุขอยู่ที่ไหน?เม
"งั้นรึ?" เย่จิ่งหานไม่เชื่อ"จริงเสียยิ่งกว่าจริง ท่านรอก่อน ข้าจะไปยกมาให้ท่าน"ร่างอรชรในชุดสีชมพูเดินออกไป ไม่นานก็ยกถ้วยโจ๊กตุ๋นยากลับมา โจ๊กตุ๋นยานั้นเย็นชืดแถมยังไหม้เกรียมอีกต่างหาก แต่หากดูให้ดีแล้ววัตถุดิบภายในนั้นเคี่ยวมาจากยาชั้นยอดทั้งนั้น"เพิ่งเคยเคี่ยวโจ๊กครั้งแรก คุมไฟไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอกินได้""โจ๊กเย็นหมดแล้ว" สีหน้าของเย่จิ่งหานดีขึ้นมาเล็กน้อยถ้วยของเขาไหม้ แต่ถ้วยของเยี่ยเฟิงกลับไม่ไหม้ หรือว่าถ้วยนี้นางเพิ่งเคี่ยวเองครั้งแรกจริงๆ?"เย็นแล้วถึงจะอร่อย โจ๊กร้อนจะลวกคอเอา ข้าตั้งใจเป่าให้เย็น ท่านลองชิมดูว่าอร่อยหรือไม่"ชิงเฟิงเบ้ปาก "โจ๊กไหม้ขนาดนี้ ร่างกายของนายท่านสูงส่ง จะให้กินโจ๊กไหม้ได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนโต้กลับเสียงขึงขัง "ร่างกายนายท่านเจ้าสูงส่ง เพียงพลิกฝ่ามือก็เรียกฟ้าเรียกฝนได้ มีโจ๊กตุ๋นยาแบบใดที่เขาอยากกินแล้วไม่ได้กิน แต่โจ๊กชามนี้ข้าเป็นคนทำเองกับมือ คุณค่าอยู่ที่ความตั้งใจ เจ้าเข้าใจหรือไม่"ชิงเฟิงแทบกระอักเลือดคุณหนูสามแค่หาข้ออ้างมาประเหลาะนายท่านชัดๆ แถมยังพูดเป็นตุเป็นตะอีกต่างหากเขามั่นใจเลยว่านางไม่มีทางเคี่ยวโจ๊กชามนี้ให้นาย
"…"กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วไม่ว่าจะเฉไฉอย่างไรเขาก็จะกินโจ๊กตุ๋นยาถ้วยนั้นให้ได้เหอะโจ๊กตุ๋นยาที่ราคาเท่ากับที่ดินทั้งเมือง เขากลับกล้าเอ่ยปากร้องขอนางอุตส่าห์เอาโจ๊กไหม้ที่จะโยนให้หมากินมาให้เขาแทนแล้วแท้ๆกู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด "ได้ หากท่านอยากกิน ข้าจะเคี่ยวให้ท่านกินเอง"คิดจะชุบมือเปิบกินโจ๊กนาง ไม่กลัวตายหรือไร?เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เย่จิ่งหานและคนอื่นๆ ก็พลันตระหนกแม่นี่ ร้ายนักเชียว คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ หรอกกระมัง"ท่านอ๋อง ท่านกินโจ๊กหมดแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วกระมังเพคะ?"กู้ชูหน่วนส่งแขกกลายๆ แต่เย่จิ่งหานกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งยังพูดประโยคกำกวมอีก"เจ้าถอนพิษข้าไปแค่ครึ่งเดียว" ความหมายโดยนัยก็คือ ถอนพิษได้ครึ่งทางแล้วก็หนีหายไป เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือ?กู้ชูหน่วนกุมหน้าผาก "พี่ใหญ่ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้แช่ยาไปก่อนหนึ่งเดือน ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย""เจ้าคิดหาวิธีซิ อย่าให้เจ้าพวกนั้นกัดข้าได้อีก" เย่จิ่งหานเค้นเสียงรอดไรฟันให้ตายสิเจ้าผู้ชายปากแข็งนี่ เหตุผลที่มาที่นี่หลักๆ แล้วคือให้นางคิดหาวิธีไม่ให้อรพิษพว
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ