"ฮะ? หรือว่าเขาคิดจะข้าเมียกับลูกสาวของตัวเอง?""แต่ก่อนที่อี๋เหนียงห้าเป็นคนโปรด ก็เพราะนางหน้าตาเหมือนคนรักเก่าของอัครเสนาบดีกู้ที่ตายจากไปแล้ว เพราะอย่างนั้นอัครเสนาบดีกู้ถึงได้ยอมนาง แต่ต่อให้หน้าตาเหมือนเพียงใดก็มิใช่คนเดียวกันอยู่ดี เมื่ออัครเสนาบดีกู้ตาสว่าง อี๋เหนียงห้าก็ไม่ได้รับความเอ็นดูอีกต่อไป ไร้ซึ่งประโยชน์ เป็นไปได้ว่ายามนี้อัครเสนาบดีกู้หายหน้ามืดตามัวแล้ว"อัครเสนาบดีกู้กลืนน้ำลาย "เพราะอย่างนั้น...อัครเสนาบดีกู้เลยติดจะฆ่าพวกนาง?""ข้าคิดว่าอัครเสนาบดีกู้คงไม่ฆ่าพวกนาง หากฆ่านางแล้ว เขาจะยิ่งถูกตราหน้าว่าฆ่าผู้หญิง"เซียวอวี่เชียนกลอกตาก่อนจะบ่นพึมพำ "พูดพล่ามตั้งนาน เหมือนกับไม่ได้พูดไม่มีผิด""ถึงจะไม่ฆ่าพวกนาง แต่...บางทีอาจจะขังนางไว้ในที่กันดาร หรือแม้กระทั่งขังไว้ตลอดชีวิต""พูดเหมือนเจ้าเป็นอัครเสนาบดีกู้อย่างไรอย่างนั้น"อี้เฉินเฟยยิ้มแต่ไม่พูดคำใดกู้ชูหน่วนเหลือมอวอี้เฉินเฟยข้ากายมีชายหนุ่มที่ทั้งฉลาดทั้งหล่อเหลา ก็เหมือนจะ...ไม่แย่เท่าไร"ใครอยู่ข้างบนน่ะ?"ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตะโกน บ่าวของจวนอัครเสนาบดีจึงล้อมพวกนางไว้เซียวอวี่เชียนสีหน้าเปล
"หากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีความเห็น" กู้ชูหน่วนผายมือ"สามหาว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้""อัครเสนาบดีกู้ ก่อนที่เจ้าสั่งสอนข้า เขาคิดให้ดีล่ะ หากเจ้าทำอะไรข้า จะเกิดผลตามมาอย่างไร" กู้ชูหน่วนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นมีแต่คำกล่าวเตือนอี้เฉินเฟยและเซียวอวี่เชียนทะยานตัวลงมาจากขื่อบ้าน ประกบซ้ายขวาอยู่ด้านหลัง เหมือนดั่งองครักษ์ผู้ภักดีอัครเสนาบดีกู้เหลียวไปมองอี้เฉินเฟย มือที่โบกพัดชะงักลง ใบหน้าประเดี่ยวเขียวคล้ำประเดี๋ยวซีดเผือด เอาเป็นว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไร"เจ้ามีเงินมากมายขนาดนั้น ข้าว่าห้าแสนตำลึงนี้ก็ช่างมันเถิด""เจ้าพูดว่าช่างมันก็ช่างมันอย่างนั้นหรือ? สัญญาเขียนไว้ชัดเจน หากวันนี้พวกเจ้าไม่จ่ายเงินห้าแสนตำลึง เชื่อหรือไม่ว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะประจานคนทั้งจวนอัครเสนาบดีให้คนทั้งเมืองรู้""กู้ชูหน่วน ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าเป็นคนแพร่งพรายเรื่องที่ข้าเสียบริสุทธิ์ หมายให้เข้าเสียหน้ายับเยินใช่หรือไม่?"กู้ชูหลันใบหน้าเหยเก พุ่งตัวเข้าหากู้ชูหน่วนอย่างแค้นเคืองเซียวอวี่เชียนใช้ด้ามพันขวางเอาไว้ จนนางสะดุ้งถอยหลังไป "หมาบ้านี่ กัดคนไปเรื่อย จวนอัครเสนาบดีไม่มี
ฝ่ามือนั้นแรงกว่าฝ่ามือของอัครเสนาบดีกู้เล็กน้อยกู้ชูหน่วนเองก็สงสัยกู้ชูหลันด่านาง แล้วอี้เฉินเฟยเกี่ยวอะไรด้วย เขาจะโมโหอะไรปานนั้น?เมื่อเงยหน้าหันไปมองอี้เฉินเฟย ก็เห็นใบหน้าสุขุมอ่อนโยนของอี้เฉินเฟยกำลังคล้ำเครียด น่าสะพรึ่งกลัวเหมือนปีศาจที่ตะกายขึ้นมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยรอดไรฟัน "หากกล้าแช่งนางอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า"น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนทุ่นน้ำแข็งหมื่นปี เย็นชาไร้อุณหภูมิ แม้แต่อากาศรอบกายก็พลันหนาวเหน็บไปด้วยหากไม่ได้เห็นกับตาของตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันทุกคนต่างตกตะลึงชายผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากกายถึงได้รุนแรงปานนี้อี๋เหนียงห้าก็ตกตะลึงเช่นกัน ครั้นจะอ้าปากเอ่ย ก็ถูกอี้เฉินเฟยฟาดเข้าที่คาง เจ็บจนนางน้ำตาเล็ด ยังไม่ทันพูดออกมาแม้สักคำก็จำต้องยามให้คนลากตัวออกไปเวลาเพียงชั่วพริบตา รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบกายของอี้เฉินเฟยก็พลันหายไป แทนที่ด้วยท่าทีสง่างาม อบอุ่น นุ่มนวลดั่งหยกงามเซียวอวี่เชียนกลืนน้ำลาย ยกนิ้วให้ "นี่แหละคนจริง"อี้เฉินเฟยยิ้มเอียงอาย เอ่ยแก้เก้อ "พวกนางเสียงดังยิ่งนัก"ในใจของกู้ชูหน่วนรู้สึ
อัครเสนาบดีกู้เลือดขึ้นหน้า หากอี้เฉินเฟยและเซียวอวี่เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไม่มีทางปล่อยกู้ชูหน่วนไปง่ายๆ แน่นอนกู้ชูหน่วนมองตั๋วเงินสองหีบใหญ่ตรงหน้า เอ่ยเสียงหงอย "เงินเยอะเงินไป ข้าไม่มีที่เก็บแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าสองคน แบกกลับไปกันคนละหีบก็แล้วกัน"ฮูหยินใหญ่แทบจะเป็นลมแพศยาอี๋เหนียงห้ากับกู้ชูหลันสองคนนั้นถูกส่งกลับไปที่บ้านเก่า นางเองก็ดีใจแต่ต้องยกเงินห้าแสนตำลึงให้กู้ชูหน่วน นางเองก็เสียดายและสิ่งที่ให้นางรับไม่ได้ยิ่งกว่าก็คือ เงินห้าแสนตำลึงนั่น นางกลับยกให้คนอื่นง่ายๆ แล้วเซียวอวี่เชียนยังเอ่ยเกี่ยงงอนอีก "ยัยขี้เหร่ เจ้าเลิกยัดเยียดให้ข้าเสียที ข้าเองก็ไม่มีที่เก็บแล้ว"อย่าว่าแต่ฮูหยินใหญ่เลย แม้แต่คนอื่นๆ ในจวนอัครเสนาบดีก็แทบลมจับมีคนไม่พอใจที่เงินเยอะด้วยหรือ?นี่มันจงใจประชดพวกเขาหรือเปล่า?หากไม่มีที่เก็บก็ไม่ต้องเอาไปสิ เอาเงินห้าแสนตำลึงคืนให้กับพวกเขาฮูหยินใหญ่กำลังจะอ้าปากเอ่ย ก็เห็นอี้เฉินเฟยล้วงแหวนวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้กู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนก้าวถอย "พี่ชาย เจ้าคงไม่ได้ขอข้าแต่งงานหรอกใช่ไหม""พูดอะไรเช่นนั้น นี่คือแหวนปริภูมิ ถึงจะ
ชายชุดดำสองคนได้ยินดังนั้น ก็ชักมีดชี้ไปทางกันละกันกู้ชูหน่วนส่ายหน้า"เฮ้อ สติปัญญาระดับนี้ ข้าละยอมจริงๆ ไปกันเถิด เราไปหออู๋โยวกันดีกว่า"เซียวอวี่เชียนมองกู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันตรงหน้า แล้วเหลียวกลับมามองชายชุดดำสองคนที่กำลังฆ่ากันจะเป็นจะตาย เขาก็ได้แต่มีนงง"เช่นนี้ก็ได้หรือ?" มิน่าเล่ายัยขี้เหร่ถึงได้บอกว่าพวกเขาโง่นัก"เดี๋ยว พวกเจ้ารอข้าด้วยสิ"หออู๋โยวคือสถานเริงรมย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงที่นี่นอกจากจะรวบรวมยอดสาวงามทั่วแคว้นเอาไว้แล้ว ยังมีชายงามแสนหล่อเหลามากมายฟ้าเพิ่งมืดภายในก็มีคนพลุกพล่าน ค้าคล่องเงินทองไหลมาไม่มีหยุด หน้าประตูหออู๋โยวมีหญิงสาวอ่อนวัยสวมชุดสีสันสดใสยืนอยู่มากมาย กำลังเชิญชวนเรียกลูกค้าเข้าร้านกู้ชูหน่วนและพวกสามคนเดินเข้ามา ก็ทำผู้คนแตกตื่นเหตุผลจะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจากชายหนุ่มสองคนข้างกายนางนั้น หล่อเหลากินกันไม่ลงทั้งคู่ บวกกับนางที่สวมผ้าคลุมหน้า แต่แค่เยื้องย่างก็ส่งกลิ่นอายของหญิงสูงศักดิ์พวกเขาสามคน ต่อให้อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ย่อมโดดเด่นกว่าใครยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างสวมใส่ผ้าไหมชั้นดี คนในหออู๋โยวต
ภายในห้องส่วนตัวของหออู๋โยว กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้าง กวาดตามองหญิงงามในสุดสีสันฉูดฉาดที่ยืนเรียงราย ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจนักแม่เล้าโบกมือ หญิงงามอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาแทนที่ นางย่นคิ้วยิ้มเอ่ย "คุณหนู พวกนางคือยอดหญิงงามแห่งหออู๋โยว หากคุณชายเซียวไม่ใช่แขกประจำของที่นี่ ข้าไม่มีทางเรียกพวกนางออกมาแน่นอน ท่านลองดูว่านางใดถูกชะตาบ้าง"แม่เล้าแต่งหน้าหนาเตอะ แววตาเจ้าเล่ห์นักหญิงสาวเหล่านี้ต่างเป็นสาวงามที่ผ่านการเลือกเฟ้นมาแล้ว ไม่ว่าชายใดเห็นแล้วก็ใจสั่นทั้งนั้นพวกนางเองก็มีกฎของตัวเอง ใช่ว่าจะรับแขกง่ายๆกู้ชูหน่วนเลิกคิ้วถาม "เจ้าว่า หญิงอย่างข้าจะชอบหญิงแบบใด?"แม่เล้าหันไปมองเซียวอวี่เชียนที่กำลังงุ่นง่าน แล้วหันไปมองอี้เฉินเฟยที่ยิ้มบาง นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตีหัวตัวเอง "ไอ้หยา ข้าช่างโง่นัก ข้าจะเรียกชายงามมาให้ท่าน"แม้ใบหน้านางจะยิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นกำลังคาดเดาว่ากู้ชูหน่วนนั้นเป็นใครหญิงนางหนึ่งกล้ามาเที่ยวผู้ชายที่หออู๋โยวอย่างเปิดเผย ใช่ว่าจะพบเจอได้บ่อยๆ แถมยังเป็นอายุน้อยอยู่เลยที่แปลกที่สุดก็คือ คุณชายเซียวลูกชายคนสุดท้องของแม่ทัพเฒ่าเซียว ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ค
แต่เขาเหลืออดเกินทนแล้ว จึงตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด "ออกไป ไสหัวออกไปให้หมด"ทุกคนต่างก็มองไปที่เขา ไม่รู้ว่าเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาแม้เล้าตั้งสติได้ก่อนผู้ใด รีบไกล่เกลี่ย "คุณชายเซียว มีสาวงามเพิ่งมาใหม่หลายคน ข้าให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนท่านดีไหม""ไม่จำเป็น เจ้าสั่งให้พวกชายเหล่านั้นไสหัวออกไปให้หมด ห้ามเข้าใกล้นาง"เซียวอวี่เชียนพูดพลางไล่ตะเพิดคนพวกนั้นกู้ชูหน่วนเบะริมฝีปาก "เสี่ยวเชียนเชียน เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้หนุ่มรูปงามของข้าตกใจได้""ไปให้พ้น"เหล่าชายนุ่มรูปงามทั้งหลายมองไปทางกู้ชูหน่วน ทั้งยังมีบางคนถึงขั้นน้ำตาเอ่อนองกู้ชูหน่วนให้เงินพวกเขาอีกคนละหนึ่งหมื่นตำลึงด้วยความใจป้ำ แล้วปลอบโยน "เด็กดี ครั้งหน้าข้าจะมาหาพวกเจ้าอีก"คนละหมื่นตำลึงอีกแล้วชายรูปงามเหล่านั้นหน้าระรื่นราวกับดอกไม้ผลิบาน อยากจะเข้าไปกอดขาของกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่นๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและคุณชายเซียวไม่ธรรมดา จึงทำได้เพียงจากไปด้วยความอาลัยแม่นางทั้งหลายในหอต่างก็อิจฉาตาร้อนกันถ้วนหน้าที่ผ่านมา ผู้ที่ได้เงินล้วนแต่เป็นพวกนาง แต่ตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ปรนนิบัติง่าย
"ใช่อี้เฉินเฟยจริงๆ ข้าเคยเห็นภาพวาดของเขามาก่อน ข้ามั่นใจว่าคือเขา""เซียนกวีคือเทพบุตรของข้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอตัวจริงของเขาในที่แห่งนี้""หญิงสาวข้างกายเขาคือผู้ใด ดูเหมือนชาติตระกูลจะไม่ธรรมดา""พวกเจ้าว่า ถ้าหากคุณหนูสามประชันกับเซียนกวี ใครจะชนะ ผลงานกลอนของคุณหนูสามกู้ในการประลองศิลปะ ยามนี้เป็นที่เลื่องลื่อไปทั่วทั้งใต้หล้า กลายเป็นผลงานอมตะไปแล้ว""เรื่องนี้ก็พูดยาก กลอนของเซียนกวีดี กลอนของคุณหนูสามก็ดีเช่นกัน"มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนของกู้ชูหน่วนเคาะลงไปที่โต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า พลางเอียงคอพูดด้วยรอยยิ้ม "มีคนจำได้แล้ว ท่านจะยังดีดอยู่ไหม""นานๆ ทีคุณหนูสามจะมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ ข้าจะขัดอารมณ์ท่านได้เช่นไร"พูดจบ อี้เฉินเฟยก็ลุกขึ้น ยืมฉินจากนักบรรเลงฉินผู้หนึ่ง แล้วอุ้มฉินดำขึ้นไปนั่งบนแท่นบรรเลงสิบนิ้วขาวเนียนวางลงบนฉิน อี้เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเอาใจ ภายในดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นสะท้อนภาพยิ้มอ้อยอิ่งและเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วนคนทั้งหออู๋โยวล้วนแต่ให้ความสนใจ พากันมองไปยังอี้เฉินเฟยที่นั่งอยู่บนแท่นบรรเลงกลับเห็นเพียงแค่อี้เฉินเฟยยกมือที่ขาวเนียนขึ้นมา แ
“แก้วมังกร...” อี้เฉินเฟยหน้าเปลี่ยนสี อยากจะเข้าไปชิงมา ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ไม่เป็นไปตามที่เขาควบคุมเลยแม้แต่น้อย นายท่านหลันจะอยากชิงแก้วมังกร ทว่ามือขวาที่ยื่นออกไปกลับถูกเข็มขัดของกู้ชูหน่วนรัดเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาเยี่ยเฟิงเย็นเยียบ ต้องการสู้สุดแรงเกิด ยกมีดขึ้นมาแล้วสับแขนขวาของนายท่านหลันอย่างแรงจนขาดเป็นท่อน "อ้ากกก..." นายท่านหลันร้องโหยหวน แขนกระเด็นออกไปกลางอากาศพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาเป็นสายฝน เจ็บเหลือเกิน...... เจ็บจนนายท่านหลันสีหน้าเหยเก มือขวาของเขาถูกเยี่ยเฟิงตัดขาดทั้งเป็นเช่นนี้เสียได้ กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาไปสนใจนายท่านหลัน วิ่งไปทางหน้าผาตามสัญชาตญาณ "อาหน่วน..." อี้เฉินเฟยโมโหสุดขีด ตกตะลึงจนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เยี่ยเฟิงที่เดิมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารนายท่านหลัน เห็นกู้ชูหน่วนที่รู้ทั้งรู้ว่าทะเลโลหิตอยู่ตรงหน้า กลับยังวิ่งไปโดยไม่สนใจอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยนายท่านหลันไปก่อน แล้ววิ่งตามไปด้วย แก้วมังกรกลิ้งตกหน้าผา กู้ชูหน่วนวิ่งตามไปพลางใช้ผ้าผูกเอวของตัวเองห่อแก้วมังกรเอาไว้ "ฟึบ......" ผ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเลยเถอะ” นายท่านหลันพูดพลางปล่อยมืออย่างกะทันหัน ปล่อยให้ดาบทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ทันทีที่พลิกมือขวาของตัวเองมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ทันใดนั้นก็เสียบมีดเข้าไปบนหน้าอกของเยี่ยเฟิงที่กำลังเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนปลดผ้าพันเอวแล้วรวบรวมกำลังภายในไว้บนนั้น ทำให้ผ้าพันเอวราวกับลูกงูที่มีมันสมองพุ่งเข้าไปรัดเอวของเยี่ยเฟิงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเยี่ยเฟิงเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง หลบจากคมมีดของนายท่านหลันได้อย่างหวุดหวิด นายท่านหลันโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมกำลังเป็นลูกไฟ ลูกไฟแดงเพลิงล้วนแต่แฝงไว้ด้วยพลังเผาไหม้และทำลายล้าง หากสัมผัสโดนลูกไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นกองเพลิงและมอดดับไปในที่สุด หรือเน่าสลายกลายเป็นศพ เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยมาจากบนพื้น วางบนริมฝีปากของตนแล้วเริ่มบรรเลงช้าๆ วิทยายุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงกลับรุนแรงยิ่ง เสียงขลุ่ยกลายเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นถูกกันอยู่ด้านนอก ไม่ว่าอย่าง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่