Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / ตัวไร้ค่าผู้มากพรสวรรค์ 2

Share

ตัวไร้ค่าผู้มากพรสวรรค์ 2

last update Last Updated: 2024-12-25 19:16:46

วันเวลาไม่คอยท่า ในเมื่อมีหนทางเปิดให้นางเดินแล้วมีหรือคนอย่างนางจะไม่เลือกเดิน หลี่หลิงเฟิ่งกัดผลจิตวิญญาณพร้อมกับวักน้ำทิพย์ในแอ่งขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก

จู่ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายก็ถาโถมเข้ามาใส่ร่างของนางราวกับมีดนับพันเล่มเฉือนเนื้อนางออกเป็นชิ้นๆ กระดูกของนางราวกับถูกค้อนทุบจนแหลกละเอียด นอกจากความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านี้แล้ว นางยังรู้สึกถึงพลังรุนแรงสองขุมต้องการจะทะลักทะลวงออกมาจากอก ทั้งร้อนรุ่มทั้งเย็นสบาย

ช่างทุกข์ทรมานจริงหนอ นางอยากละทิ้งความตั้งใจที่มีแต่เดิม แต่ก็รู้ถึงผลแห่งความล้มเหลวว่าจะเป็นอย่างไร

หลี่หลิงเฟิ่งรู้ดี ถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้นางก็คงเป็นได้แค่เศษสวะไปชั่วชีวิต ในเมื่อนางเลือกแล้วว่าจะไม่ยอมเป็นตัวไร้ค่าอีกต่อไป ก็ได้แต่กัดฟันทนสู้กับมัน

“จะอย่างไรข้าก็ต้องทน เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ อยากจะไปจะอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครขวางข้าได้ทั้งนั้น” หลี่หลิงเฟิ่งตัดสินใจนั่งสมาธิทันที เหงื่อกาฬผุดขึ้นทั่วทั้งร่าง ทั้งยังรู้สึกเหมือนธาตุไฟเข้าแทรก พลังสองขุมนั้นกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดภายในกายของนาง นิ้วทั้งสิบจิกลงบนฝ่ามือจนเลือดซิบ นางพยายามประคองสติตนเอง กดขุมพลังที่ร้อนรุ่มไปยังจุดตันเถียน

บ้าจริง เสี่ยวมู่ไม่ได้บอกข้าว่าจะมีผลข้างเคียงที่ทรมานเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นข้าคงกลับไปเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ก่อน

“ไม่รู้ว่าร่างนี้จะสามารถทนรับความเจ็บปวดเจียนตายได้นานแค่ไหน ถ้าเกิดข้าหมดสติไปก่อนที่จะสำเร็จ แล้วข้าจะทำอย่างไร” หลี่หลิงเฟิ่งหงุดหงิดที่นางทำอะไรมากไม่ได้ คงได้แต่ต้องทนไปอย่างนี้แล้ว

ความสามารถอย่างเดียวในชาติก่อนที่นางภาคภูมิใจที่สุดก็คือความอดทนที่มากกว่าคนอื่น ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องแพ้พ่ายให้กับความอุตสาหะของนาง

ร่างกายที่เดิมทีไม่ได้สมบูรณ์นักค่อยๆ หมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นดังนั้น มือของนางวักน้ำทิพย์ที่อยู่ในแอ่งขึ้นมาดื่มเพื่อยันร่างกายนางให้ยังรับไหว ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเกรงว่าคงจะหมดสติไปนานแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร คนทุกคนย่อมมีขีดจำกัด ผ่านไปหลายชั่วยามแล้วยังไม่มีวี่แววว่าขุมพลังที่ส่งเข้ามาจะกดทับพลังในกายนางได้หรือไม่ สติของหลี่หลิงเฟิ่งค่อยๆ เลือนราง

ทว่าในจังหวะนั้นเองความเจ็บปวดรุนแรงตรงศีรษะแทบจะระเบิดออกมา กระตุ้นให้สติของนางแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง ภาพเคลื่อนไหวหลากหลายพรั่งพรูเข้ามาในสมองของนางราวกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ กระท่อนกระแท่น กลับไปกลับมา ไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“เจ้าเป็นใคร เจ้าเห็นสิ่งใดหรือไม่”

“ในเมื่อข้ามอบมันให้ท่านแล้ว มันย่อมเป็นของท่าน ไม่รับหรือ อย่างนั้นข้าฝากเอาไว้ก่อนละกัน ถ้าข้าต้องการจะใช้ ข้าจะมาเอากับท่าน”

“เจ้าไม่ควรมา ที่นี่มีที่ให้ยืนกับคนไม่มีคุณสมบัติอย่างเจ้าด้วยหรือ กลับไปซะ”

“นางมารน้อย เจ้าควรรู้ว่าข้าให้โอกาสแก่เจ้าแล้ว แต่เจ้าเลือกผิดเอง”

“เจ้าเป็นใคร...ข้าไม่ไป...เจ้าเป็นใคร...ข้าเป็นใคร”

“อย่าไป!”

หลี่หลิงเฟิ่งไม่อาจควบคุมร่างกายตนเองได้ ปากของนางพึมพำไม่ได้ศัพท์ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดน้ำตาหลั่งรินเป็นสายน้ำออกมาจากนัยน์ตาที่กำลังหลับอยู่ทั้งสองข้าง หัวใจพลันบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เจ็บปวดทรมานราวกับนางได้สูญเสียสิ่งสำคัญไป

“ข้าชื่อ...”

เฮือก!

โพล๊ะ

หลี่หลิงเฟิ่งสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมา ตามลำตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ ดวงนางของนางฉายแววสับสนอย่างหนัก หัวใจประหวั่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหัว ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสยังคงหลงเหลืออยู่ นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าพบว่ามันเปียกโชกไปด้วยคราบน้ำตา

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงเห็นภาพพวกนั้นได้ แล้วคนพวกนั้นเป็นใครกัน หรือว่าจะเป็นความทรงจำของร่างเดิมงั้นหรือ

จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ความทรงจำของร่างนี้ถูกผนึกเอาไว้เหมือนกับที่ผนึกพลังยุทธ์

แต่เมื่อขบคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วนางพลันส่ายศีรษะ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม เด็กสาวผู้ไม่เคยย่างเท้าออกจากจวนเลยสักครั้ง จะรู้จักกับคนมากมายเหล่านั้นได้ยังไง

แล้วมันเป็นของใครกัน

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว คิดไปก็ไม่มีคำตอบ ก็หยุดคิดมันซะเลย ยิ่งตอนนี้นางรู้สึกถึงกระแสพลังทั้งสองขุมภายในร่างกายของนางรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว นางก็รีบโคจรพลังยุทธ์ให้กระจายไปทั่วร่าง ยังจะมีเวลาอะไรเหลือให้นางขบคิดเรื่องอื่นอีกเล่า

ตอนนี้พลังยุทธ์ของนางถูกปลดผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว มุมปากหลี่หลิงเฟิ่งยกยิ้ม

หลังจากนั้นไม่นานพลันมีกระแสพลังใหม่ทะลักเข้ามาอีกระลอก แต่ไม่ได้เจ็บเจียนตายเหมือนครั้งก่อน กระแสพลังนี้ออกจะทำให้นางหายใจไม่ออกอยู่บ้าง นางรีบโคจรลมปราณให้คงที่ ค่อยๆ ซึมซับพลังทีละน้อย เมื่อครั้งรู้สึกหมดเรี่ยวแรง มือของนางก็จะวักน้ำในบ่อดื่มโดยอัตโนมัติ

การมีน้ำทิพย์มันช่างวิเศษจริงๆ!

เวลาหมุนผ่านไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว หลี่หลิงเฟิ่งลืมตาขึ้นมาช้าๆ ผลไม้จิตวิญญาณที่นางกินเข้าไปนั้นทำให้นางมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นกำเนิดใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นผลจากการดื่มน้ำทิพย์ตลอดทั้งวันร่วมกับการค่อยๆดูดซับพลังยุทธ์ ประสิทธิภาพที่ได้รับ ทำให้ระดับความแข็งแกร่งก้าวกระโดดขึ้นพรวดพราดจนนางเองก็อดตกใจไม่ได้

หลี่หลิงเฟิ่งไม่ใช่ตัวไร้ค่าอีกต่อไป นางในตอนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลาง

นอกจากนี้ไม่เพียงแค่นางเป็นผู้ครอบครองธาตุมิติมายา แต่นางยังครอบครองธาตุไฟอีกด้วย ในแคว้นหลิวอวิ๋นผู้ครอบครองสองธาตุนั้นมีน้อยเท่าหยิบมือ และไม่มีใครที่เป็นผู้ครอบครองธาตุมิติมายาแบบนางเลยสักคน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   มิติสอดแทรก

    เสียงระเบิดของเปลวเพลิงปะทะกับแรงสั่นสะเทือนจากธาตุดินดังสะท้อนก้องไปทั่วผืนหิมะโลกสีขาวโพลนที่เคยเงียบงัน กลับกลายเป็นสนามรบระหว่างมนุษย์สามคนกับอสูรหมื่นปีหิมะละลายกลายเป็นไอร้อนในชั่วลมหายใจเดียว ลมหนาวที่เคยปกคลุมทั่วฟ้าถูกแรงกดดันจากใต้ดินกวาดหายจนหมดสิ้นโม่เจี้ยนหมิงตะโกน “ข้าจะเปิดช่องขวา!”ร่างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม กระบี่ในมือหมุนวนก่อเกิดแรงกดอากาศเป็นเกลียว เหวินเจิ้งใช้กำลังผลักพลังยุทธ์เข้าฝ่ามือ ทุบพลังธาตุดินที่กระแทกเข้ามาแตกกระจาย“อย่าใช้แรงปะทะโดยตรง ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเสียเปรียบ” เสียงของหลี่หลิงเฟิ่งดังขึ้นเรียบเย็น นางเหยียบพื้นหิมะแล้วทะยานขึ้นกลางอากาศ เส้นไหมแดงร้อยเส้นแตกตัวเป็นประกายเพลิง สะท้อนเข้ากับแสงของฟ้าหิมะจนเหมือนมีพระอาทิตย์อีกดวงลุกขึ้นตรงหน้าแต่ทว่าพลังที่พวกนางปล่อยออกไปนั้น กลับถูกบางสิ่งใต้พื้นดูดซับราวทะเลกลืนสายฝนแรงสั่นสะเทือนขนาดมหึมาแผ่ซ่านทั่วผืนปฐพี พื้นดินแตกออกเป็นเส้นรอยแผล ลาวาสีทองปนดำพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมเสียงคำรามที่ทำให้ฟ้าสะเทือนจากใจกลางของความมืดนั้น ร่างยักษ์มหึมาผุดขึ้นจากดิน เกล็ดของมันมีลวดลายเหมือนรอยหินลาวา แต

  • ชายาอสรพิษ   มังกรดินใต้พิภพ

    กว่าสิบเดือนที่พวกนางเดินทางเข้าสู่ป่าต้องห้ามจนเข้าสู่ช่วงเหมันต์ ในช่วงห้าเดือนหลังนี้ หิมะเริ่มตกทำให้ทั่วทั้งดินแดนกลายเป็นสีขาวโพลน ทั้งสามได้ปักหลักฝึกยุทธ์อยู่ ณ ริมขอบค่ายกลที่โอบล้อมสัตว์อสูรไว้ภายใน ตอนนี้ทั้งสามคนรุดหน้าไปมากโม่เจี้ยนหมิงและเหวินเจิ้งตัดสินใจทำลายค่ายกลอีกครั้ง ตลอดหลายเดือนผ่านมาเช่นนี้ ค่ายกลพลังอสูรกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเนื่องจากอยู่มานาน อะไรที่ควรสัมผัสได้ล้วนรับรู้ได้หมด ตัวอันตรายใต้ดินนั่นเริ่มจะทนไม่ไหวอยากขึ้นหาพวกเขาเต็มแก่ ทั้งสามตึงเครียดยิ่งนักแม้ตอนนี้พลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่พอต่อกรกับมัน ทว่าไม่มีทางเลือก สัตว์อสูรที่ถูกกักขังในค่ายกลเริ่มจะยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป ขณะที่ยังไม่พร้อมพวกเขาจำเป็นต้องลงมือเพียงแต่ ตลอดเวลานั้นสิ่งที่อยู่ใต้ดินยังคงเฝ้ามองพวกเขาอยู่เงียบ ๆ รอเวลาตะปบเหยื่อ“เหยื่ออันโอชะของข้า อยากตายก่อนเวลาเช่นนั้นหรือ” เสียงแหบพร่าเปี่ยมอำนาจดังก้องเข้าโสตประสาตของทุกคน ก่อนแผ่นดินเริ่มสั่นไหว จนพวกนางต้องเหาะเหินหลบขึ้นกลางอากาศ เงาดำมหึมาครอบคลุมบริเวณแถบนี้

  • ชายาอสรพิษ   เหล่าสัตว์อสูร 2

    ในที่ซึ่งเงียบเกินไป บางครั้งเสียงของความเงียบก็ดังกว่าทุกสิ่ง เงียบจนอื้ออึงในโสตประสาท ราวกับโลกกลืนกินเสียงทั้งหมดไปจนหมดสิ้นเหวินเจิ้งตามมาด้านหลัง เขากระชับอาวุธที่พาดอยู่บนหลังไว้แน่น เสียงโลหะดังเคล้ากับลมหายใจที่สม่ำเสมอของโม่เจี้ยนหมิง ผู้เดินล้อมท้ายขบวนทั้งสามไม่ได้พูดกันสักคำ ราวกับรู้โดยสัญชาตญาณว่าคำพูดที่เล็ดลอดจะถูกบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินอย่างชัดเจนระยะหนึ่ง หลี่หลิงเฟิ่งหยุดเท้า ดวงตาของนางกะพริบวูบหนึ่ง แสงแดงหม่นสะท้อนในม่านตากำลังรอการจุดประกาย“รู้สึกจะเป็นข้างหน้านี้” เสียงของนางเบาจนแทบกลืนไปกับลมหายใจโม่เจี้ยนหมิงชะงัก กระบี่ในมือตวัดลงมาตั้งรับโดยสัญชาตญาณ “ท่านรู้สึกได้?”นางไม่ตอบ แต่ค้อมตัวลงแตะปลายนิ้วกับพื้น แผ่นดินที่เย็นชื้นสะท้อนแรงสั่นแผ่วกลับมาราวหัวใจของสัตว์ยักษ์ที่เต้นอยู่ลึกลงไปใต้รากไม้ ไอพลังบางอย่างแผ่ออกจากจุดนั้น ไม่ใช่พลังของผู้ฝึกยุทธ์ หากแต่เป็นลมหายใจของสิ่งมีชีวิตตนอื่น ที่สูงส่งกว่ามนุษย์อย่างหาที่สุดมิได้หลี่หลิงเฟิ่งแผ่กระแสจิต คลื่นพ

  • ชายาอสรพิษ   เหล่าสัตว์อสูร 1

    ทั้งคู่เคลื่อนตัวฝ่าร่องเขาที่โล่งจนเห็นท้องฟ้าผืนดินที่เคยปกคลุมด้วยหมอกตอนนี้แห้งแตกระแหง กลิ่นคาวเลือดยังติดอยู่ในอากาศ ลมพัดฝุ่นคลุ้งขึ้นมาพร้อมเสียงระเบิดพลังยุทธ์แว่วไกลตูม!เสียงปะทะกันดัง ตามด้วยเสียงร้องคำรามของใครบางคน หลี่หลิงเฟิ่งหยุดชะงัก เงี่ยหูฟัง “มีการต่อสู้ข้างหน้า”โม่เจี้ยนหมิงชักกระบี่ขึ้น “พวกเงาโลหิตแน่ ข้าจำวิธีการของพวกมันได้”เขาหันไปมองหน้านาง “จะอ้อมหรือเข้าไปช่วย”หญิงสาวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเรียบ “เข้าไป”กลุ่มคนห้าหกคนกำลังสู้กับกลุ่มเงาโลหิตอีกฝั่ง กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง ดินใต้เท้าเปียกแฉะด้วยพลังยุทธ์ที่แตกกระจายชายร่างสูงในชุดดำที่เป็นหัวหน้าเงาโลหิตกำลังฟาดอาวุธใส่ชายอีกคนที่บาดเจ็บหนัก เขาเป็นหนึ่งในคนของสำนักพันธสาน เสื้อคลุมฉีกขาด แขนขวาไหม้เกรียมโม่เจี้ยนหมิงมองอยู่จากเนิน“พวกนั้นเป็นศิษย์ของหุบเขาชาง ดูนั่นมีตราโลหะอยู่บนคอเสื้อเด่นชัดมาก น่าจะเป็นคนของหนึ่งในสำนักใหญ่พวกนั้น อย่างนั้นข้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ถ้

  • ชายาอสรพิษ   ปริศนาจากเสียงสวด

    ห่างจากตำแหน่งของหลี่หลิงเฟิ่งไปไม่กี่ลี้ กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนเดินเรียงกันบนทางดินที่ถูกเถาวัลย์กลืนกิน กำลังจะประสบกับเหตุการณ์คล้ายคลึงกับพวกนาง คนที่นำหน้าเป็นชายร่างใหญ่ในชุดเกราะหนา สวมปลอกแขนหนังงูอัสนี เขามีแผลเป็นลากจากขมับจรดปลายคาง ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของความเคยชินกับความตาย ด้านหลังเขาเป็นหญิงสาวสองคน และชายอีกสองคนที่แบกหีบเครื่องมือบนหลัง“ข้าบอกแล้วว่าเส้นทางนี้มีพลังจิตประหลาด เจ้ายังจะเดินเข้ามาอีก” เสียงชายหนุ่มด้านหลังบ่น แต่ก็ไม่ได้หยุดเดินหัวหน้ากลุ่มหันมามองแวบหนึ่ง แววตาเฉียบคม “ในเขตจิตลวงนี้ ทุกย่างก้าวคือโอกาส ถ้าไม่เสี่ยง ก็ไม่มีวันได้อะไรกลับไป”หญิงสาวที่เดินข้างหลังเขายกคิ้ว “หมอกหนาแบบนี้ ขนาดจิตสัมผัสยังถูกสะท้อนกลับ ข้าว่าพวกเราคงโคร้ายมากกว่าโชคดี”“พอ” หัวหน้ากลุ่มพูดขัดเสียงเรียบ “หากกลัวก็กลับ แต่ทรัพยากรของวันนี้จะไม่มีส่วนแบ่งของพวกเจ้า”ครั้นพูดจบ เสียงโต้เถียงจึงหยุดลง ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้ง มีเพียงเสียงฝีเท้าที่กระทบดินแฉะเท่าน

  • ชายาอสรพิษ   เงาประหลาด

    ชั่วพริบตา ร่างเงานางพลันแตกแยกออกเป็นห้าสิบภาพในอากาศ แต่ละร่างจับท่าทางเดียวกัน แผ่นหลังตรงดุจคันศร เส้นไหมแดงในมือร่ายวนรอบตน ภาพทั้งหมดเคลื่อนไหวพร้อมกันราวระลอกคลื่นยักษ์“ภาพลวงห้าสิบ!”ระยะเวลาเพียงสิบลมหายใจเท่านั้น ทว่า พลังสะท้อนที่ส่งออกจากห้าสิบร่างกลับเทียบเท่าร่างจริงทุกประการ ประกายเพลิงจากเงาแต่ละร่างพุ่งเข้าใส่ฝูงยุงเลือดจากคนละทิศ ยุงเลือดหลายสิบตัวถูกแผดไหม้จนกลายเป็นเพียงธุลีธุลี ทว่าอีกนับร้อยกลับพุ่งเข้ามาแทนที่อย่างบ้าคลั่งโม่เจี้ยนหมิงสบช่อง ดวงตาเปล่งประกายบ้าบิ่น โผเข้าประชิดด้านข้าง เสียงฟ้าร้องระเบิดในอากาศอีกครั้ง"พายุเจ็ดดารา!" แรงลมหมุนเจ็ดชั้นกระแทกใส่ฝูงยุงจากด้านหลัง กระบี่ลมสับกลางอากาศเสียงฉึบฉับ"ถ้าจะตายขอให้ข้าตายพร้อมพวกเจ้าละกัน!" เสียงของโม่เจี้ยนหมิงดังขึ้นตามหลัง เขาร่ายกระบี่กวาดเป็นวง ก่อเป็นกระแสพายุอันบ้าคลั่งรอบตัวทั้งสองสายลมบ้าคลั่งพัดหมอกกระจายออก เผยให้เห็นร่างของยุงเลือดนับไม่ถ้วนที่แหวกเข้ามา ทว่า เพียงไม่นาน ฝูงอสูรระดับหกสองตัว พุ่งฝ่าเข้ามาอย่างดุดัน แรงคลื่นพลังของมันทำให้ร่างแยกของนางหายวับไปครึ่งหนึ่งในพริบตา หลี่หลิงเฟิ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status