เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในจวนอ๋องไร้พ่ายข้างนอกนั่นองครักษ์เดินตรวจตราเข้มแข็ง ร่างสูงใหญ่ของชินหวางอ๋องนอนนิ่งอยู่บนแท่นนอน ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม ดวงตาปิดสนิทริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือดซีหรูนั่งอยู่ข้างแท่นนอนทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางลูบแขนหนาที่มีผ้าพันแผลหนาแน่นด้วยความสงสาร“นายหญิงพระชายารองเจ้าขา เสี่ยวไป๋ยกอาหารคาวหวานมาถึงนี่เพราะชายากินอะไรเสียหน่อยหากขืนยังไม่ดื่มกินอะไรเช่นนี้จะทำให้ท่านอ๋องน้อย…เอ่อเสี่ยวไป๋หมายถึงเจ้าก้อนแป้งของพระชายารองจะ พลอยหิวไปด้วยเจ้าค่ะ”“ข้ากินอะไรไม่ลง”“เจ้าค่ะต้องฝืนใจกินอะไรเสียหน่อยหากพระชายารองทำแบบนี้ท่านอ๋องรู้เข้าจะไม่สบายใจ” เสี่ยวไป๋พยุงซีหรูยังโต๊ะกลางห้องที่วางถาดอาหารไว้“ก็ได้กินเสียหน่อยข้าจะได้มีแรงคอยดูแลและเฝ้าไข้ท่านอ๋องได้ ใช่ไหมเสี่ยวไป๋”“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋ตักข้าวยิ้มๆ ซีหรูรีบใช้ตะเกียบในมือคีบเอาอาหารใส่ปากเคี้ยวงับๆ“กินเยอะๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวไป่คีบเอาหมูไก่วางในถ้วยข้าวซ
“แต่งกับหญิงอัปลักษณ์ใบหน้าของนางน่าเกลียดน่ากลัวจนคนเห็นเป็นลมล้มพับไปก็หลายคนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่” ขันทีเสี่ยวอูบ่นงึมงำด้วยเห็นใจชินหวางอ๋องที่บทจะได้แต่งงานก็ต้องแต่งกับหญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ที่สุดในสามแคว้น “ก็ทรงคิดว่าต้องการยัดเยียดบุตรีของบ้านเสิ่นให้กับข้าเพียงเพราะโปรดปรานใต้เท้าเสิ่นกลัวว่าบุตรีเพียงคนเดียวจะหาสามีไม่ได้” น้ำเสียงหยามเหยียดยิ่งนัก “ท่านอ๋องท่านเองก็รูปงามอีกทั้งยังมีคุณหนูตระกูลหลางผู้งดงามทำไมไม่ปฏิเสธไปแต่งนางในฐานะเมียเอก แล้วคนที่รักแต่งเมียรองท่านอ๋องท่านไม่สงสารคุณหนูบ้านหยางหรือไร” “ข้าให้หญิงอัปลักษณ์นั่นได้แค่ตำแหน่งเมียรองเท่านั้นข้าจะยื่นคำขาดกับฝ่าบาทเรื่องที่จะแต่งนางในฐานะเมียรอง” สีหน้าบึ้งตึงรบชนะกลับมาตั้งใจแต่งฟางหราน แต่กลับถูกฝ่าบาทประทานงานแต่งงานกับบุตรีบ้านเสิ่นบ้านเสิ่น “คุณหนูเจ้าขา จะต้องแต่งจริงๆ เจ้าค่ะ” “ก็ดีแล้ว เขายอมแต่งกับข้าด้วยหรือ ในเมื่อชินหวางอ๋องรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร เขายอมแต่กับคนอัปลักษณ์เช่นข้าหรือ” น้ำเรียบเฉยหากแต่เจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้าค่ะแต่คุณหนูจะต้องแต่งในฐานะชายารอง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในจวนอ๋องไร้พ่ายข้างนอกนั่นองครักษ์เดินตรวจตราเข้มแข็ง ร่างสูงใหญ่ของชินหวางอ๋องนอนนิ่งอยู่บนแท่นนอน ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม ดวงตาปิดสนิทริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือดซีหรูนั่งอยู่ข้างแท่นนอนทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางลูบแขนหนาที่มีผ้าพันแผลหนาแน่นด้วยความสงสาร“นายหญิงพระชายารองเจ้าขา เสี่ยวไป๋ยกอาหารคาวหวานมาถึงนี่เพราะชายากินอะไรเสียหน่อยหากขืนยังไม่ดื่มกินอะไรเช่นนี้จะทำให้ท่านอ๋องน้อย…เอ่อเสี่ยวไป๋หมายถึงเจ้าก้อนแป้งของพระชายารองจะ พลอยหิวไปด้วยเจ้าค่ะ”“ข้ากินอะไรไม่ลง”“เจ้าค่ะต้องฝืนใจกินอะไรเสียหน่อยหากพระชายารองทำแบบนี้ท่านอ๋องรู้เข้าจะไม่สบายใจ” เสี่ยวไป๋พยุงซีหรูยังโต๊ะกลางห้องที่วางถาดอาหารไว้“ก็ได้กินเสียหน่อยข้าจะได้มีแรงคอยดูแลและเฝ้าไข้ท่านอ๋องได้ ใช่ไหมเสี่ยวไป๋”“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋ตักข้าวยิ้มๆ ซีหรูรีบใช้ตะเกียบในมือคีบเอาอาหารใส่ปากเคี้ยวงับๆ“กินเยอะๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวไป่คีบเอาหมูไก่วางในถ้วยข้าวซ
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ