โม๋กู่ยิ้มสมใจ“ท่านแพ้พนันข้าแล้วนะอ้ายหลัวปิงเอ่อสหายรัก”“เช่นนั้นเราไปซุ้ม อยู่แถวๆ นี้เหมือนเช่นเคยดีกว่าไหมปล่อยให้สามีภรรยาเขาปลอบใจกันไป”"ท่านปูจะไปไหนกัน”“เราสองคนขัดบัญชาฝ่าบาทก็ต้องหลบๆ ซ่อนหากใครรู้ว่าเราตามมาด้วยความห่วงใยจะถูกลงทัณฑ์เอาได้”“แต่เพราะท่านทั้งสอง ข้าที่เพลี้ยงพล้ำจึงเอาชีวิตรอดมาได้” ชินหวางอ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มๆ ไปด้วยความชื่นชมทั้งสองตา“ไม่เป็นไรน่าเราสองคนไม่ปล่อยให้หลานเขยกับหลานของเราต้องพบอันตรายแน่ๆ ข้าสองคนลาก่อนแต่อยู่ไม่ไกลจากนี้ไม่ต้องห่วง” ซีหรูโบกมือลาเสียงฝีเท้าของเสี่ยวอูวิ่งเข้ามาในห้อง“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น” ชินหวางอ๋องส่ายหน้าไปมา เสี่ยวอูจ้องมองผลงานของทั้งชินหวางอ่องอ้ายหลัวปิงเอ่อและโม๋กู่ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นตกใจ“แค่เก็บกวาดและหาหลักฐานคงต้องใช้เวลาจนถึงฟ้าสางเลยทีเดียว ต้องอาศัยเจ้าแล้วล่ะเสี่ยวอู ข้าจะต้องปลอบใจหวางเฟยของข้าขอตัวก่อน” ประคองซีหรูจากไปภายในห้องบรรทมด้านซ้ายทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ตะเกียงถูกจุดขึ้นใหม่ แสงนวลอบอุ่นส่องสว่าง หิมะยังคงโปรยปรายเบาๆ นอกหน้าต่าง แต่ภายในกลับอบอุ่นจนแทบลืมความเ
ลมหนาวพัดเบาบาง ชินหวางอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูงสง่า สวมผ้าคลุมขนจิ้งจอกสีดำ ปลายผ้าพลิ้วไหวในสายลม ตรงข้างกายของเขาคือเกี้ยวเล็กที่จำต้องใช้เกี้ยวเล็กเพราะเกี้ยวที่มารับยังไม่ถึงกำหนดเวลาที่จะมารับนั่นเองเสี่ยวอูจึงจำต้องหาเกี้ยวสำหรับซีหรู ในราคาที่สูงลิบเพื่อกลับวังหลวงก่อนกำหนดภายในนั้นซีหรูนั่งอยู่เพียงคนเดียว เส้นบางๆ ที่กางกั้นคนทั้งสองกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซีหรูนั่งนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใดดึงม่านบางลงเล็กน้อย ไม่อยากให้ผู้ใดเห็นสีหน้าเงียบงันของตน ไม่ใช่เพราะเศร้า…แต่เพราะกำลังทำใจว่าจากนี้ไปช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดลง หรือเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนของคนที่กำลังตั้งครรภ์กันแน่จึงมองทุกอย่างอย่างคนที่เจ็บปวดเสมอ เสี่ยวอูส่งถ้วยยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง“พระชายา ท่านดื่มเสียหน่อยข้าเพิ่งเคี่ยวเสร็จยังอุ่นๆ ดื่มเผื่อไว้ว่าจะเกิดอาการตอนไหนไม่อาจทราบได้” น้ำเสียงห่วงใยหวังดีนับจากวันนี้ไป ซีหรูคือ "สตรีของชินหวางอ๋อง"ในความคิดของซีหรูไม่มีทางเป็นอื่น แต่ในสายตาของหยางฟางหรานและชินหวางอ๋องเล่าพวกเขาคิดกันแบบไหนและ…ซีหรูคือภัย คือเงาอันไม่พึงประสงค์ที่อาจรบกวนความมั่นคงของตำแหน่งชายาเอ
ชินหวางอ๋องแหวกม่านเกี้ยวเบา ๆ เมื่อเห็นนางนั่งหันหลังให้ แผ่นหลังบางไหวเล็กน้อยอย่างพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ทว่าแม้จะไม่หันกลับมา เขาก็รู้...ว่าซีหรูร้องไห้ นางร้องไห้เพราะเหตุใดเขาจนปัญญาร้องไห้ที่เขาจะให้อยู่ที่ตระกลเสิ่นหรือว่าร้องไห้เพราะไม่อยากจะอยู่ที่นั่นกันแน่“ข้าเอาซาลาเปามาให้...เจ้าจะกินหน่อยไหม เจ้ายังไมไ่ด้กินอะไรเลยลูกในท้องของเจ้าป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” เสียงเขาแผ่วเบาราวลมหนาวที่พัดลอดเข้ามาในเกี้ยวซีหรู หันหน้าออกไปทางหน้าต่างอีกด้าน น้ำตาหยดใสซึมซาบลงที่แขนเสื้อเขามองแผ่นหลังที่สั่นไหวด้วยความรู้สึกผิดบาปในใจ ไม่มีคำพูดใดจะปลอบโยนได้อีกแล้ว มีเพียงแค่การกระทำ...ชินหวางอ๋องวางซาลาเปาไว้ที่ถาดไม้ด้านข้าง แล้วคุกเข่านั่งลงข้างนางอย่างเงียบเชียบ มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมแตะมือเล็กที่วางบนตัก ซีหรูสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ชักมือกลับ"ซีหรู..." เขาเอ่ยเสียงพร่า กุมมือของนางแน่นขึ้น "...เจ้าโกรธข้าเรื่องอะไร” ไม่โง่ก็เหมือนโง่ที่ไม่อาจคาดเดาเรื่องที่ทำให้ซีหรูมีน้ำตาได้ซีหรูสะอื้นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น“ไม่โกรธข้ามีสิทธิ์อะไรไปโกรธท่านอ๋อง เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำพูดเดิมๆ
ท่ามกลางแสงอรุณสีทองที่สาดผ่านม่านไม้ไผ่ บรรยากาศหน้าประตูเรือนรับรองของตระกูลเสิ่นเงียบสงบ ซีหรูก้าวลงจากรถม้าด้วยชุดเรียบง่ายที่ชินหวางอ๋องเตรียมไว้ให้ก่อนออกเดินทางเขาสวมอาภรณ์เรียบง่ายนี้ให้กับซีหรูด้วยมือเขาเอง กลิ่นดอกเหมยจาง ๆ จากสวนใกล้เรือนแตะปลายจมูกนางเบา ๆชินหวางอ๋องลงจากหลังม้าตามหลังนาง ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าซีหรูที่ยังคงซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากหนังอ่อนอย่างเงียบงันเขาขอร้องให้นางปิดแผ่นหนังอัปลักษณ์อีกครั้ง“ขอบคุณ” ซีหรูเอ่ยเสียงแผ่ว“ข้าส่งคนอารักขาเจ้าเพิ่มหลายวันนี้ก่อนข้าจะมารับเจ้าคงเห็นองครักษ์ที่เยอะนห่อยเสี่ยวไป๋เองจะมาคอยดูแลเจ้าที่นี่ ข้าไม่อาจให้เจ้าอยู่ที่จวนอ๋องไร้พ่ายในยามนี้” เขาตอบเสียงต่ำ “จวนอ๋องไม่ปลอดภัย และในวัง… ยิ่งมากสายตาเกินกว่าจะปกป้องเจ้าได้”ซีหรูหลุบตาต่ำ ใจนางเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเหตุผลใดกันหรือเพียงคอหลอกลวงไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะน้ำเสียงนั้น อ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา“บ้านตระกูลเสิ่นเป็นสถานที่ที่ข้าไว้ใจได้มากที่สุด” เขากล่าวต่อ “เสิ่นกวงหลิวท่านพ่อตาจะปกป้องเจ้า” ซีหรูพยักหน้าขึ้นลง เขาแจ้งเรื่องพิษในขนมก้อนคืนงานเลี้ยงกับเสิ่น
“บางที... ข้าอาจไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ข้าคิดว่ามันคือความรักที่เกิดกับเจ้านั้นมันคืออะไรกันแน่”“ท่านหมายความว่าอย่างไร...” นางถามเสียงสั่นดวงตาแดงซ้ำเขาไม่ตอบทันที สายตาเลื่อนมองขึ้นไปยังท้องฟ้าเหมือนพยายามค้นหาคำตอบในใจตนเอง“…เมื่อได้พบหญิงหนึ่ง… ที่แม้เพียงคำพูดธรรมดา ก็ทำให้ใจข้าสั่นไหว ข้าจึงเข้าใจ… ว่ามันคือรักแท้ ไม่ใช่ภาพลวงตา”หยางฟางหรานตัวแข็งทื่อกำมือจิกเล็บลงบนผิวเนื้ออย่างแรงแต่ไม่รู้สึกเจ็บเข้าใจในทันที ว่า “ผู้หนึ่ง” ที่เขากล่าวถึง… มิใช่หยางฟางหรานแต่เป็น..ซีหรู“แล้วข้าล่ะ... ข้าอยู่ตรงนี้เสมอ ข้ารอท่านเสมอ...”ชินหวางอ๋องหลุบตาก้มมองพื้น“ข้ารู้... และข้าไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าเลยฟางหราน”“แต่ใจของท่าน… มันไม่ใช่ของข้าอีกแล้ว” หยางฟางหรานพูดเบา ๆหยางฟางหรานยืนนิ่ง น้ำตาคลอเบ้า “ท่าน... จะเลือกนางจริง ๆ หรือ? หญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์คนนั้น...”เขามองนางตรงๆ“ใบหน้าอาจหลอกตา... แต่จิตใจซื่อตรง กลับหลอกใจข้ามิได้เลย”หยางฟางหรานเบือนหน้าหนี รู้สึกราวกับโดนตบเข้าอย่างจัง“ข้าผิดอะไร”“เจ้าไม่ผิดข้าขอโทษแต่ข้าไม่อาจเหลือใจให้ใครอีกแล้ว เดิมข้าก็ไม่ได้มีใจให้เ
ภายในท้องพระโรงยามบ่าย แสงอาทิตย์ลอดผ่านบานหน้าต่างสูงที่รอบๆ สาดแสงลงบนพื้นไม้ขัดเรียบจนแลดูสงบนิ่ง แต่บรรยากาศภายในกลับไม่เงียบสงบเช่นนั้นฮ่องเต้ชินเตอหลางประทับบนบัลลังก์ ประดับพู่ไหมทองอย่างวิจิตร ทรงกวาดพระเนตรเย็นเยียบไปยังร่างสูงที่ยืนค้อมเล็กน้อยอยู่เบื้องหน้า“ชินหวางอ๋อง” เปล่งเสียงกังวานเอ่ยขึ้น “มาด้วยเรื่องเพลิงไหม้ในจวนตระกูลเสิ่น ในคืนนั้นสินะ จะว่าไปชินหวางอ๋องก็เป็นดังพยานสำคัญอีกคนสินะ นอกจากท่านน้า” ชินหวางอ๋องหยุดชั่วครู่ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาชินเตอหวางฮ่องเต้อย่างกล้าหาญ“กระหม่อมสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พบว่าในคืนเกิดเหตุ มีคนเห็นเงาผู้คนลอบเข้าออกที่ป่าหลังเรือน ซึ่งโดยปกติเป็นทางที่ไม่มีใครใช้”“เช่นนั้นชินหวางอ๋องก็คงสงสัยว่า…เป็นการวางเพลิง?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ชินหวางอ๋องพยักหน้าอย่างหนักแน่น “มิใช่อุบัติเหตุอย่างที่รายงานจากเสิ่นกงหลิวบอกไว้เบื้องต้น ท่านพ่อในตอนนั้นยังพบร่องรอยเชือกไหม้ และกลิ่นน้ำมันสนที่ผิดปกติบนซากไม้บางส่วน ซึ่งผู้ตรวจการเมืองมิได้บันทึกไว้ในรายงาน และภายหลังท่านเสิ่นได้ขอบันทึกรายงานกับผู้การณ์ตรวจการเมืองแต่ตอนนั้นนั้นบันทึ
ในห้องลับใต้เรือนเก่าคร่ำคร่า ริมกำแพงตะวันตกของเมืองหลวง หยางฟางหรานยืนนิ่งอยู่หน้าตู้ไม้ดำ มีลิ้นชักนับสิบที่บรรจุสมุนไพรและผงแปลกประหลาดสารพัดชนิด ในมือเธอมีถุงผ้าสีแดงกำแน่น ดวงตาวาววับแม้จะอยู่ในความมืด“นี่คือยาพิษที่เจ้าต้องการ” หมอหญิงชราผู้หนึ่งกล่าวขณะค่อย ๆ วางขวดยาเล็กจิ๋วลงบนถาด“ท่านหมอยาชนิดนี้ใช้ได้ดีเพียงใด”“เพียงผงเท่าปลายเล็บก็สามารถทำให้หัวใจของคนหยุดเต้นภายในครึ่งชั่วยาม…”ฟางหรานก้มลงหยิบขวดยา สีหน้าไม่ไหวติง“ข้าอยากให้หัวใจของนางหยุดเต้นในทันทีเช่นนั้นข้าจะต้องเพิ่มขนาดยาใช่หรือไม่” หมอหญิงชราพยักหน้ายิ้มๆ“แน่นอน ท่านใช้ได้เท่าที่ต้องการเพื่อให้แน่ใจว่าคนคนนนั้นจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา”“และจะไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจพบใช่หรือไม่” หยางฟางหรานทำสีหน้าสงสัย“แม้แต่หมอหลวงก็ตรวจไม่เจอ หากใส่ลงในของเหลวที่มีรสเข้มข้น เช่น น้ำแกง หรือชา…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาพิษ”รอยยิ้มเยียบเย็นแย้มขึ้นบนมุมปากของฟางหรานเป็นครั้งแรก“ดี...นางจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอย่างที่ท่านหมอพูด ข้าเกลียดนาง”ค่ำวันถัดมา ภายในห้องรับรองของบ้านตระกูลเสิ่นหยางฟางหรานในชุดคลุมแพรสีคราม เดินอย
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในจวนอ๋องไร้พ่ายข้างนอกนั่นองครักษ์เดินตรวจตราเข้มแข็ง ร่างสูงใหญ่ของชินหวางอ๋องนอนนิ่งอยู่บนแท่นนอน ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม ดวงตาปิดสนิทริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือดซีหรูนั่งอยู่ข้างแท่นนอนทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางลูบแขนหนาที่มีผ้าพันแผลหนาแน่นด้วยความสงสาร“นายหญิงพระชายารองเจ้าขา เสี่ยวไป๋ยกอาหารคาวหวานมาถึงนี่เพราะชายากินอะไรเสียหน่อยหากขืนยังไม่ดื่มกินอะไรเช่นนี้จะทำให้ท่านอ๋องน้อย…เอ่อเสี่ยวไป๋หมายถึงเจ้าก้อนแป้งของพระชายารองจะ พลอยหิวไปด้วยเจ้าค่ะ”“ข้ากินอะไรไม่ลง”“เจ้าค่ะต้องฝืนใจกินอะไรเสียหน่อยหากพระชายารองทำแบบนี้ท่านอ๋องรู้เข้าจะไม่สบายใจ” เสี่ยวไป๋พยุงซีหรูยังโต๊ะกลางห้องที่วางถาดอาหารไว้“ก็ได้กินเสียหน่อยข้าจะได้มีแรงคอยดูแลและเฝ้าไข้ท่านอ๋องได้ ใช่ไหมเสี่ยวไป๋”“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋ตักข้าวยิ้มๆ ซีหรูรีบใช้ตะเกียบในมือคีบเอาอาหารใส่ปากเคี้ยวงับๆ“กินเยอะๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวไป่คีบเอาหมูไก่วางในถ้วยข้าวซ
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ