“ไม่ใช่ข้าที่ตัดสินใจได้เพียงลำพัง”
เหมือนจะร้องขอความเห็นใจ
“เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องอับอายผู้คน และข้ารังเกียจเจ้าแค่ไหนกับเรื่องใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้า”
“ข้าก็เพียงทำตามบัญชาของฝ่าบาท”
“อ้าง บัญชาฝ่าบาท ใจจริงหากเจ้าไม่ยอมแต่งเพราะเห็นแก่ข้าที่ต้องมาแบกรับความอับอายให้เหล่าขุนนางและผู้คนในวังหลวงต้องหัวเราะเยาะ เจ้าก็ควรจะขัดบัญชาฝ่าบาทเสียมิใช่แต่งกับข้า หรือว่าเป็นเพราะเจ้าเองก็แอบดีใจที่ได้แต่งกับข้า”
“ข้าไม่เคยดีใจหรือเสียใจ”
“ดีข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ต้องแต่งกับข้า และจะต้องขอหย่ากับข้าในอีกไม่นาน”หวงเฉิงอู๋ก้าวขาสะบัดแขนจากไป เจิ้งอ้ายฉิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้
จ้องมองกระจก เงาที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ของตัวเองอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นลูบใบหน้างดงามด้านขวา
สิบแปดปีก่อน
“นางถือกำเนิดมาพร้อมกับโชคร้ายมารดาตาย ตั้งแต่นางลืมตาดูโลก ใครก็ช่างที่เห็นใบหน้างดงามของนางจะต้องมีอันเป็นไป”
“ท่านเซียนแล้วข้าจะต้องทำอย่างไร”
ท่านป้าเป่ยตอนนั้นอายุอานามยังไม่เท่าไหร่นางเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้มารดาของเจิ้งอ้ายฉิงอีกที เอ่ยปากถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เจ้าก็แค่ ปิดบังใบหน้างดงามของนางเสีย เด็กน้อยคนนี้เมื่อเติบใหญ่ใบหน้าของนางหาก ปล่อยให้ผู้คนพบเห็น จะต้องเป็นฉนวนเหตุล่มเมืองล่มสวรรค์อย่างแน่นอน”
เจิ้งอ้ายฉิง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้านซ้ายแสนอัปลักษณ์ที่มีวัตถุบางอย่าง ปิดบังไว้ก่อนจะยิ้มให้กับกระจกบางๆ
“เจ้าเหมาะกับ ความอัปลักษณ์อย่างนี้เจิ้งอ้ายฉิง”
“นางอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวแค่ไหน”
“พระชายาเจ้าขา นางน่ากลัวเสียมากกว่าใบหน้าคล้ายภูตผี แค่มองไปก็แทบจะสิ้นสติ”
“ฮองเฮาตั้งใจจะขายหลานสาว หรือตั้งใจจะสั่งสอนท่านอ๋อง นางสำคัญกว่าท่านอ๋อง เรื่องไหนที่นางเห็นดีฝ่าบาทก็คงไม่อาจปฏิเสธ”
“นายหญิงอาจเป็นแค่เพียงความสงสารหลาน ต้องการให้เลือดเนื้อเชื้อไขของนางถือกำเนิดมา ใบหน้าไม่ได้อัปลักษณ์เช่นนางก็แค่นั้น”
“ดี พรุ่งนี้บ่ายเรียกนางพบข้า”
สาวใช้ย่อกายลงยิ้มมุมปาก
ไฟในห้องดับสนิท เจิ้งอ้ายฉิงดึงแผ่นหนังที่ทำขึ้นเป็นพิเศษออกจากใบหน้าซีกซ้ายยกมือข้นลูบใบหน้าเนียนซีกซ้ายของตัวเองที่สัมผัสได้ว่าอุ่นกว่าซีกขวา หากไม่เปิดแผ่นหนังออกเสียบ้าง อาจทำให้ใบหน้าส่งผลเสียได้ แม้จะมองไม่เห็นแต่ เจิ้งอ้ายฉิงคุ้นเคยกับการทำแบบนี้มานานปี จะให้อัปลักษณ์ก็แค่แปะมันลงไปบนใบหน้ายามดึกจึงดึงแผ่นหนังออกเสีย ใหม่ๆเคยถามป้าเป่ยว่าทำไมเจิ้งอ้ายฉิงต้องทำเรื่องยุ่งยากแบบนี้
“เพื่อสิ่งใดกัน”
“เพื่อตัวคุณหนูเอง หากใครเห็นใบหน้าของคุณหนูจึงต้องมีอันเป็นไปเหมือนที่ ท่านแม่ของคุณหนูต้องพบเจอเรื่องแบบนั้น”
“ข้า ทำให้ท่านแม่ตายท่านป้าทำไมท่านไม่ให้ข้าตายเสีย”
“อ้ายฉิงแปลว่าความรัก นายหญิงให้คุณหนูชื่อนี้เพราะรักคุณหนูยิ่งกว่าใครนายหญิงเชื่อว่าสักวัน เคราะห์ร้ายของคุณหนูจะหายไป”
“แต่ข้าทำให้คนอื่นโชคร้าย”
“คุณหนูไม่อยากทำร้ายใคร คุณหนูก็ต้องทำที่เคยทำเป็นประจำเพราะจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ต้องให้รับความโชคร้ายที่เป็นของเขา คุณหนูแค่เร่งเวลาแห่งความโชคร้ายของเขาหาได้ทำให้คนอื่นโชคร้ายไม่”
ยกมือขึ้นลูบใบหน้างามเบาๆ ทิ้งกายลงบนแท่นนอน หลับใหล
“คุณชาย หนีไป”
เสียงขององครักษ์ข้างกายส่งเสียงเตือนหวางปาหยางที่ไม่รอช้าทะยานออกจากห้องเก็บตำราจวนในจวนอ๋องของหวงเฉิงอู๋ ด้วยไม่อาจรับมือกับ องครักษ์ที่แข็งแกร่งของจวนอ๋องได้ ทะยานขึ้นไปบนหลังคาทอดยาวของจวนอ๋องที่เชื่อมต่อกันวิ่งไปบนหลังคากระโดดลงไปในสวน วิ่งลัดเลาะไปทางซ้ายสุดของจวนอ๋อง วิ่งจนสุดฝีเท้าองครักษ์ยังคงวิ่งตามไม่ลดละ ด้านหน้านั่นมืดมิดเหมือนไม่มีคนอาศัยหวางปาหยางดึงบานประตูแทรกกายเข้าไปในห้องมืดมิด หนึ่งในห้าห้องที่เรียงราย บังเอิญหรือเป็นเพราะลิขิตสวรรค์ ตรงเข้าไปที่แท่นนอนร่างอรชรของเจิ้งอ้ายฉิงนอนหลับใหล สะดุ้งตื่นลืมตาแต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่ออีกคน ทิ้งตัวลงทาบทับ ยกมือใหญ่ขึ้นปิดปากครึ่งจมูกไว้แน่นลมหายใจรินรดตรงหน้าร้อนผะผ่าว เจิ้งอ้ายฉิงใจเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอะไรด้วยไม่รู้ว่าคนผู้นี้มาร้ายมาดีเพียงใด
เสียงฝีเท้าคนนับสิบยังวิ่งวนค้นหา เข้าห้องนู่นออกห้องนี้
“พวกเจ้าเข้าไปไม่ได้ นี่มันห้องของชายารองท่านอ๋อง”
เสียงตวาดของเจียวหยูดังอยู่หน้าห้อง
“ห้องของชายารอง ทำไมถึงไม่มีแสงไฟเล็ดลอด”“นายหญิงให้ข้าออกมาแล้วดับไฟตั้งแต่หัววัน พวกเจ้าจะสงสัยอะไรกัน”“มีคนร้าย ข้าสงสัยว่า จะซ่อนตัวในห้องของชายารอง”“เป็นไปไม่ได้ห้องด้านซ้ายมีมากมายอีกทั้งยังมีห้องติดๆ กันหลายห้องคนร้ายจะจงใจเข้าไปในห้องนายหญิงได้อย่างไร ชายารองเพิ่งจะแต่งเข้ามานางคนเมื่อยล้าไม่น้อยพวกเจ้าไปเสียอย่ามารบกวนเวลาพักผ่อน อีกอย่างถ้ามีคนร้ายนายหญิงจะต้องตื่นตกใจร้องขอความช่วยเหลือ”องครักษ์ส่ายหน้า“แต่หากข้าละเลย”เจียวหยูทำสีหน้าเบื่อระอา“นายหญิงเจ้าขา มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่”หวางปาหยางส่งเสียงลอดไรฟันเบาๆ“บอกนางไปว่าเจ้ากำลังนอนไม่มีอะไร ผิดปกติ”“ข้ากำลังหลับสบายพวกเจ้าส่งเสียงดังรบกวนข้า” หวางปาหยางอ้าปากค้างกับเสียงใสราวกับระฆังแก้ว ชายารองอ๋องไร้พ่ายผู้นั้น ไหนใครบอกว่าอัปลักษณ์ยิ่งแล้ว เขาเลือกเอาวันแต่งเพราะทุกคนมัวยุ่งๆ จึงอาศัยโอกาสนี้แต่ที่เห็นห้องหับของนางล้วนไม่น่าดู เก่าคร่ำคร่านี่หรือห้องของชายารอง“เจ้าค่ะ พวกเจ้าได้ยินไหม”องครักษ์ประสานมือจากไป เจิ้งอ้ายฉิงผลักอกกว้างดิ้นรน ให้หลุดพ้นจากอ้อมกอด แต่กับถูกรัดไว้แน่น“ชายารอง 555เหมาะสมยิ่งแล้ว”ส
"องค์หญิงสามกับองค์หญิงเก้า มาร่วมดื่มชาพระชายาเอกเชิญนายหญิงที่เรือนบุปผา""ข้าได้ยินแล้ว""นายหญิงเจียวหยูห่วงใยนายหญิงยิ่งนัก นายหญิงพอจะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับนายหญิงชายาเอกบ้างไหม"อ้ายฉิงยิ้มบางๆ"ไม่ต้องกังวลบอกนางว่าข้ากำลังแต่งหน้า ไปช้าหน่อยคงไม่เป็นไร""ให้เจียวหยูช่วย""ไม่ต้อง ข้าลงมือเองจนชินแล้วเจียวหยู เจ้าเองก็คงเคยได้ยินเรื่องของข้าหากใครเกี่ยวข้องกับข้ามักจะถูกดึงดูดโชคดีไปเสียสิ้น ข้าชอบเจ้ามากไม่อยากให้เจ้าต้องโชคร้าย”เจียวหยูยิ้มนึกสงสารอ้ายฉิง แต่งหน้าหรือ….เรือนบุปฝาในจวนอ๋อง"ฮะๆๆๆ แต่งหน้า อย่างนางอัปลักษณ์สิ้นดียังกล้าอ้างว่าแต่งหน้าความจริงไม่อยากพบพวกเราละสิไม่ว่า"องค์หญิงเก้าที่วัยไล่เลี่ยกับอ้ายฉิงยิ้มหยันก่อนจะพูดอย่างดูแคลน"น้องสาว เป็นหญิงมักจะห่วงหน้าตา สวยงามหรืออัปลักษณ์ก็ย่อมจะรักสวยรักงาม"องค์หญิงสามปรามน้องสาวร่วมบิดา"ลืมไปเสียสิ้น ข้าพูดจาแบบนี้เกรงว่านางจะร่ายมนตร์ดำนำความโชคร้ายมาให้ข้า555น่ากลัวจริงๆ "หลุนฟางหลินยกชาขึ้นจิบช้าๆ"นางแต่งเข้ามาเป็นชายารองเช่นไรจึงกล้าทำตามใจ หากนางทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรฟางหลินในฐานะชายาเอกดูแลทุกข์สุขในจ
"อย่าถือสาพวกนางก็เพียงกดผู้อื่นให้ต่ำกว่าตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี""ขอบคุณองค์หญิงสาม""ท่านอา ยิ่งใหญ่เพียงนั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องกลัวว่าจะมีคนครหาเรื่องเจ้า เช่นนั้นอดทนเอาหน่อยท่านอาไม่นานอาจยอมรับเจ้าได้"น้ำเสียงที่พูดถึงหวงเฉิงอู๋ชื่นชมและยกย่องอย่างที่สุด"ขอบคุณ องค์หญิงสาม"จิวอันยิ้ม"เจ้าเอาแต่ขอบคุณข้า คิดว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น ดูสิข้าอิจฉาเจ้าเกินใครที่ได้แต่งกับท่านอาที่ใครๆล้วนต่างชื่นชมว่าเขาองอาจห้าวหาญเป็นแม่ทัพไร้พ่ายคนชื่นชมทั้งแผ่นดิน""องค์หญิงเองก็น่าชื่นชม"อ้ายฉิงจับน้ำเสียงชื่อชมยกย่องของ จิวอันได้อย่างดี"ข้า แค่เพียงเห็นว่าเจ้ายอมให้พวกนางดูแคลน แค่เพียงใบหน้าของเจ้าต่างจากพวกนาง ทั้งที่เจ้าเองไม่เคยคิดร้ายกับพวกนางก่อน เอาอย่างนี้วันพรุ่งนี้ไปที่ตำหนักข้าเรามาคิดหาวิธีรักษาบาดแผลที่ใบหน้าเจ้าข้าจะให้หมอหลวงมาช่วยดูบาดแผลของเจ้า"อ้ายฉิงเลิกคิ้วสูง"องค์หญิงไม่ต้องลำบากอ้ายฉิงอยู่แบบนี้จนชินแล้ว""ไม่ได้สิ ต้องลองดูเสียหน่อยอีกอย่างเจ้าไม่เคยไปมาหาสู่พวกเราเสด็จแม่เองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเจ้า บ่นถึงเจ้าบ่อยๆ "อ้ายฉิงยิ้มกับมิตรภาพของจิวอัน
“อย่างไรเสียนางก็แต่งเข้าไปในจวนอ๋องของเจ้าแล้ว เฉิงอู๋สามีภรรยาถูกใจหรือไม่ก็แค่ทำหน้าที่กันไป ชายาเอกของเจ้าแต่งมาร่วมปียังไร้ทายาทสืบสกุล บางทีมีชายารองอีกคนอาจมีลูกสมใจ”พูดยิ้มๆ ไม่ได้มองว่าหวงเฉิงอู๋ มีสีหน้าเช่นไร“ข้าไม่กดดัน แต่ด้วยกิริยาของอ้ายฉิงแม้ใบหน้านางจะไม่เป็นที่ต้องตา แต่ทว่าท่าทีชดช้อยนั้นบางทีเจ้าลองมองนางเสียใหม่อาจ เปลี่ยนความคิดของเจ้าได้”หวงเฉิงอู๋ยังจำ น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งป่าของอ้ายฉิงได้ดีหรือว่าสวรรค์เมตตาชดเชยให้นางกันแน่“ไม่รักนางข้าไม่ว่า แต่สามีภรรยาอย่างไรสักวันก็ต้องร่วมเตียง ฮองเฮาเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่ง เฉิงอู๋เจ้านับถือฮองเฮาดุจมารดาหากเรื่องนี้นางได้ยินเข้าก็คงไม่สบายใจเพราะนางยังคิดว่าเจ้ามิใช่คนที่มองใครแค่เพียงภายนอกเท่านั้น อีกอย่างฮองเฮาเอ็นดูหลานคนนี้ยิ่งด้วยขาดแม่และยังมีใบหน้าอัปลักษณ์ไร้คนคบหา พากันตัดสินนางแค่เพียงภายนอก ฮองเฮามักจะพูดเรื่องนี้กับข้าบ่อยๆ นางหวังว่าเจ้าจะแตกต่างจากคนอื่น”.ร่ายมาเสียยาว หวงเฉิงอู๋ถอนหายใจ“หากข้า ไม่ยอมร่วมแท่นนอนกับนางก็เท่ากับข้าผิดกับฮองเฮาใช่หรือไม่”น้ำเสียงยโสอย่างที่เคยทำ“เรื่องนี้ยากจะแยกแยะผิ
“ท่านพี่เกิดอะไรขึ้น ฟางหลิน ก้าวเข้ามาด้วยความตื่นตกใจ“พวกเจ้าโบยนางเสีย”ฟางหลินขมวดคิ้วจ้อง อ้ายฉิงที่ยืนนิ่งก้มหน้าไม่สบตาใคร“555 ดึกดื่นเพียงนี้ เฉิงอู๋อ๋องสั่งโบยชายารองทำให้จวนอ๋องครึกครื้น”เสียงทุ้มของ ปาหวางอ๋องดังขึ้นก่อนจะเห็นตัวด้วยซ้ำไปหวางปาหยาง ในอาภรณ์สะอาดตาเดินเอามือไพล่หลังเข้ามากลางวงพอดี เฉิงอู๋อ๋องยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก รู้ได้ทันทีว่าคนที่เข้ามาในจวนอ๋องและแอบอยู่ในห้องของ อ้ายฉิงคงไม่พ้นปาหยางอ๋องผู้นี้ ส่วนเรื่องที่เข้ามาทำไมเขาคงต้องสืบหาความจริงให้ได้“ปาหยางอ๋อง ดึกดื่นป่านนี้ยังเที่ยวแวะเวียนจวนผู้อื่นก็ยิ่งไม่ทำให้จวนข้าครึกครื้นหรือไร”“ข้าได้ยินเสียงอึกทึก จึงเข้ามา เรื่องนี้พรุ่งนี้คงเป็นเรื่องเล่าสนุกปาก สั่งโบยชายารอง คงไม่พ้นเรื่องขัดใจบนแท่นนอน”เฉิงอู๋อ๋องหน้าชา“เรื่องภายในครอบครัว ปาหยางอ๋องกล้ามาขัดจังหวะหรือไร”“เฉิงอู๋อ๋องลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรมีหน้าที่ตรวจสอบความผิดของคนในราชวงค์ ไม่ได้ไต่สวนแต่ยังโบยหากเรื่องนี้ถึงหูฮองเฮากับฮ่องเต้หรือไม่ก็นางทนความเจ็บปวดไม่ไหวป่วยไข้ล้มตาย ท่านจะแก้ตัวว่าอย่างไร”“เรื่องนี้เป
กลืนน้ำลายลงคอ ความจริงไม่อยากพูดถึงขั้นนั้นแต่ทว่าเมื่อเห็นท่าทีของปาหยางอ๋องทำให้ อยากพูดสิ่งที่ทำให้ตัวเองสาใจที่สุด“อัปลักษณ์เพียงภายนอก ภายในอาจงดงามหรือบางทีที่ข้ากับเฉิงอู๋อ๋องเห็นคงต่างออกไปข้าอาจเห็นนางใบหน้างดงามดังเทพีสวรรค์มาก่อน แต่เฉิงอู๋อ๋องกลับมองเห็นชายารองแค่เพียงหญิงซึ่งมีใบหน้าไม่ควรมอง”นับว่าปาหยางอ๋องรักษาน้ำใจอ้ายฉิงเลี่ยงที่จะใช้คำว่าอัปลักษณ์ เพื่อไม่ให้อ้ายฉิงรู้สึกแย่ไปกว่านี้“เจียวหยูเข้าไปด้านในกันเถิด”อ้ายฉิง ก้าวนำหน้าเจียวหยู ปาหวางอ๋องชะโงกหน้า“พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก หวังว่าเจ้าจะยินดีต้อนรับข้า”อ้ายฉิงไม่ตอบ ไม่ได้มีท่าทีว่ารู้สึกเช่นไร แต่คนที่รู้สึกว่าอารมณ์ขุ่นมัวคือหวงเฉิงอู๋เมื่อเห็นว่าปาหวางอ๋องเดินเอามือไพล่หลังอย่างคนอารมณ์ดี“ท่านพี่ เมามายเพียงนี้กลับไปที่ห้องเถิดฟางหลินให้คนเตรียมน้ำอุ่นให้”เฉิงอู๋อ๋องไม่พูดว่าอย่างไรสาวเท้าก้าวเดิน กลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว ฟางหลินส่ายหน้าไปมา“พวกเจ้าไปสืบดูว่าท่านอ๋องไม่พอใจอะไรชายารอง ถึงกับสั่งให้โบยนางแล้ว ปาหวางอ๋องมาเกี่ยวอะไรด้วย”ปาหวางอ๋องจ้องมองหยกเนื้อดีที่เขาแอบหยิบมาจากข้างกายของอ้ายฉิงคุ
"เจ้าพูดถึงข้าว่าอย่างไรกัน"เจียวหยูย่อกายก้าวขาออกห้องไป เฉิงอู๋อ๋องย่างสามขุมเข้าหาอ้ายฉิงกรุ่นกลิ่นบุปผาในอ่างน้ำอุ่นที่เพิ่งแช่หอมละมุน ใบหน้าสะอาดสะอ้านหล่อเหลาไร้ที่ติ ผมยาวสลวยกับปล่อยให้ร่วงหลุดลงมาข้างใบหน้าคมนั้นน่ามองเหลือเกิน"ขะ ข้า"ถอยไปด้วยหาทางแก้ตัวไปด้วย ไม่เคยต้องมือชายไม่เคยเข้าใกล้ใครจึงเขินอายเพียงนี้ยกมือขึ้นกางกั้นไว้ทั้งซ้ายและขวาอ้ายฉิงตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับกายกลิ่นหอมอ่อน ของบุรุษกับใบหน้าที่เกือบจะชิดติดกันอ้ายฉิงก้มหน้าหลบตา"ฮึฮึ คิดว่าข้าพิศวาสเจ้านักหรือไร ก็เพียงแค่ไม่อยากให้ใครครหาเรื่องที่เจ้าคบชู้สู่ชายพาชู้รักเข้ามาสวมเขาให้ข้าถึงในจวน รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น แล้วจะบอกไว้ก่อนที่ไม่ลงโทษเจ้าเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นเพราะปาหวางอ๋อง เจ้าอย่าได้ใจว่าเขาปกป้องเจ้าได้ ข้ากับปาหวางอ๋องแต่ไหนแต่ไร ล้วนขัดแย้งกันมาตลอดที่ข้าทำแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะเขา เขาจะได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับชายรองข้าเสียที""นั่นก็แล้วแต่ท่านอ๋อง อ้ายฉิงบอกแล้วว่าอ้ายฉิงแต่งเป็นชายารองจะตายหรืออยู่ก็เป็นชายารอง""ช่างเข้าใจพูดให้ข้าเมตตา น้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะอย่างนี้อย่าคิดว่าข้าจะหลงใหลได้ปล
"ท่านพี่ ท่านจะทำอะไรนาง"เป็นฟางหลินที่ถลาตามเข้าไปในห้องเหวี้ยงร่างเล็กลงบนแท่นนอน"ไม่ใช่เรื่องของเจ้าออกไป"ส่งเสียงไล่ฟางหลินที่ยืนชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้องไม่กล้าไปไหนสิบแปดปีก่อน"ฝ่าบาท ฝ่าบาท "ร่างเล็กของอ้ายจิงถอยร่นจนชิดข้างฝา ใบหน้าหล่อเหลาของหวงฉีจิ้งขยับเข้าหา"อ้าย..จิงเจ้าไม่มีใจให้ข้าหรือไร เราสองคนไม่ได้รักกันหรือไร เจ้าบอกข้าทีว่าเรารักกัน""ฝ่าบาทแต่ อ้ายหลิวนางเหมาะสมกับฝ่าบาททุกอย่างอ้ายจิงแค่เพียงลูกอนุต่ำต้อยไม่อาจส่งเสริมฐานะของฝ่าบาทได้""อ้ายจิงข้าจนใจ ไม่อยากให้เจ้ารั้งตำแหน่งสนมวังหลวงวุ่นวายแกร่งแย่งเจ้าเป็นสนมอ้ายหลิวจะต้องหาทางกำจัดเจ้า เราสองคนไร้วาสนาเพียงนี้""ฝ่าบาทเช่นนั้นทางเดียวที่ทำได้คือตัดใจเสีย""เหว่ยจื่อหยวนจะปกป้องเจ้า ข้ากับเขาตายแทนกันได้ เจ้าอยู่กับเขา ข้าแวะเวียนหาเจ้าเรื่องความสัมพันธ์สองเราจึงเป็นความลับ""อ้ายจิงละอายใจยิ่งนัก""อ้ายจิงเราสองคนรักกันมาก่อนก่อน ที่บิดาเจ้าจะบีบบังคับให้ข้าแต่งอ้ายหลิว""ฝ่าบาท เราสองคนควรตัดใจเสีย""ไม่ข้ายอมตายหากตะต้องตัดใจ อ้ายจิงอดทน อดทนรอข้าจะรีบสะสางเรื่องนี้ รอจนกว่าทุกอย่างเรียบร้อย จะยกย่อ
“นี่ๆๆๆ เจ้าซางหลางถือดีอย่างไรมาจับมือว่าที่ไท่จือเฟยของข้า” เว่ยจินตะโกนตามหลังไป๋อวี้ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเว่ยจินเบาๆ อย่างปลอบใจ“ไม่ต้องเลยข้าไม่ยอมแพ้แน่ๆ” เว่ยจินประกาศก้องไท่จือเว่ยจินและไท่จือซางหลางก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจไป๋ฮวาอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนกลายเป็นสายเปย์ที่แข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่ร้านหยก เว่ยจินพร้อมรอยยิ้มกว้างเดินเข้าไปข้างไป๋ฮวาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหยกสีม่วงใส่มือของเธอ"ไป๋ฮวาสิ่งนี้สำหรับคนสำคัญ ข้าขอให้เจ้ารับหยกนี้เป็นของขวัญจากข้า รับไว้เถอะนะ" เขาพูดอย่างใส่ใจ ขณะที่ตาเขากลับมีแววตาที่ท้าทายซางหลาง "หยกนี้มันพิเศษมาก นอกจากจะหายากแล้ว ยังมีพลังเสริมโชคอีกด้วย"ซางหลางหยิบหยกสีแดงใส่ในมือของไป๋ฮวาบ้างไป๋ฮวามองหยกในมือของเว่ยจิน และซางหลางก่อนจะยิ้มบางๆ “พวกท่านควรนำมันติดตัวไว้” ไป๋ฮวาส่งหยกคืนทั้งสองคน"ทำไมล่ะ เจ้านี่ใจแข็งชะมัดเลย" เว่ยจินพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ดวงตาของเขาเหมือนจะชวนให้ไป๋ฮวารับเอาหยกชิ้นของเขาไว้ก่อนที่เธอจะตอบอะไร ซางหลางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รอช้า เขาคว้ามือไป๋ฮวาอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นของขวัญอีกชิ้นให้"ไป
ในขณะที่ตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงดังรื่นเริงจากการค้าขายของชาวบ้าน ไป๋ฮวาก็เดินไปเรื่อย ๆ ตรงไปยังร้านขนมหวานที่เธอชอบ ส่วนไป๋อวี้เดินเคียงข้าง แต่ความสนุกกลับเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองบุรุษหนุ่มที่มีท่าทีแปลกแยกต่างกันอย่างชัดเจนกลับเดินตามมาไม่ห่าง“ข้าล่ะชอบพวกเขาจริงๆ เลยพี่สาว” เดินเอามือไพล่หลังกระทุ้งศอกกระซิบกับไป๋ฮวาเบาๆ ไป๋ฮวาส่ายหน้ายิ้มๆ"ไป๋ฮวา!" ไท่จือเว่ยจินตะโกนพร้อมก้าวเข้ามาขวางหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนจะบอกว่าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าจะไปด้วยเสมอ ไม่ต้องห่วง! ข้าจะคอยดูแลเจ้าสายตาบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ"ท่านนี่จะว่าไปพูดอะไรดี ๆ แบบนี้กับหญิงงามเสมอ เสมอสินะ" ซางหลางพูดขึ้นเบาๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเองเว่ยจินหัวเราะเสียงดังเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้เขาลำบากใจได้ "ข้าแค่ห่วงนางน่ะ ทำไมต้องฝืนใจเล่าห่วงก็บอกว่าห่วงมิใช่ซางหลางที่เอาแต่วางมาดนิ่งขรึมให้หญิงงามเช่นไป๋ฮวาคิดไปเอง”ไท่จือซางหลางถอนหายใจยาว"ท่านอ๋องบิดาเจ้าชวนข้าเสวยเย็นด้วยข้าตามนางไม่ผิดแต่ไท่จือซางหลางไม่เอาเวลาไปเรียนรู้งานในราชสำนักเอาแต่ตามไป๋ฮวานี่สิแปลกไม่น้อยนี่" เว่ยจินพูดพร้อมยิ้มหล่อเหลา แต่แววตาข
แต่ก่อนที่มือเล็กจะคว้าได้ เสียงม้าสองสายก็ดังกระหึ่มมาแต่ไกล สายตาทั้งสองเหลือบแลเห็นไท่จือเว่ยจิ้น บุรุษหนุ่มในชุดครามเข้ม เจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า หยิ่งยโสแต่ ไม่ไร้น้ำใจ รอยยิ้มของเขาราวกับระบายกลิ่นชากุหลาบจางๆ และอีกคนหนึ่ง ไท่จือซ่างหลาง สง่างามเฉียบคมในชุดม่วงเทา เจือกลิ่นอายของเงาจันทร์ ดวงตาเรียวยาวคมกริบ ใต้รอยยิ้มสงบนิ่งมีประกายเย้าแหย่เจ้าเล่ห์พวกเขาต่างลงจากหลังม้าแทบจะพร้อมกันเพราะควบม้าแข่งกันมานั่นเอง สายตาทั้งคู่ต่างทอแสงเมื่อเห็นหญิงงามในดวงใจ"ไป๋ฮวา เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" เว่ยจิ้นก้าวยาวๆ เข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะฟังดูนิ่งขรึม แต่ไท่จือซางหลางก้าวแซงหน้าขึ้นมา หรี่ตามองเย้าๆ "ช่างบังเอิญยิ่งนัก...หรือตั้งใจ? ข้าคิดว่าเว่ยจิ้นคงตามกลิ่นขนมงาดำมาถึงนี่หรอกกระมัง"เว่ยจิ้นเลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ "แล้วเจ้าล่ะ ซางหลาง กลิ่นขนมหรือกลิ่นไป๋ฮวาที่เจ้าตามมา?"ไป๋อวี้ที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า "ทั้งสองคนนี่ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนชอบหาเรื่องกันเหมือนสมัยยังตัวกะเปี๊ยกไม่ผิดเพี้ยน"ไป๋ฮวาแอบยิ้ม แก้มแดงระเรื่อก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางย่อ
ณ ลานศิลาใต้ต้นหลิว สายลมเย็นลูบไล้เงาไม้ ผ่านใบหลิวดุจบทเพลงโบราณที่ไม่มีถ้อยคำไป๋อวี้นั่งอยู่ใต้เงาไม้ ผิวขาวดุจหยกเปล่งประกายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งก้าน ในมือเขาถือหยกสองชิ้นที่เหมือนกันราวกับเป็นชิ้นเดียวกันข้างตัวนั้น มีพี่สาวฝาแฝด ไป๋ฮวานั่งคุกเข่าอย่างสง่างาม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสงสัย"น้องชาย...หยกสองชิ้นนี้" เสียงนุ่มหวานแว่ว แววตากะพริบพราวระยับไป๋อวี้คลี่ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก แค่คิ้วคมขมวดเข้าหากัน "สิ่งที่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของข้า" เขาว่าพลางหยกสองชิ้นเล็กๆ ไปมา หนึ่งชิ้นสีขาวอมเขียวอ่อน รูปร่างประณีตคล้ายกลีบดอกเหมย อีกชิ้นหนึ่งสีฟ้าเทาเรื่อๆ เหมือนละอองหมอกในยามเช้าตรู่แต่ก็แกะสลักเป็นรูปดอกเหมยเช่นกันไป๋ฮวาเบิกตากว้าง มือน้อยๆ ชะงักกลางอากาศ ราวกับกลัวทำให้หยกงดงามนั้นมัวหมองไม่กล้าหยิบจับ"นี่คือ..." ถามอย่างแผ่วเบา"หยกชิ้นหนึ่ง เป็นของท่านแม่กับท่านพ่อ อีกชิ้นหนึ่ง...เป็นของหญิงอัปลักษณ์เมื่อครู่เสียงของไป๋อวี้มีแววคล้ายกำลังเล่าเรื่องตำนานเก่าแก่เขาค่อย ๆ หยิบหยกทั้งสองขึ้นมา พลิกมือประสานแนบกันอย่างแผ่วเบา“ติ่ง!มันประสานกันได้ด้วยพี่สาวน่าแปลกเสียจริง”
ผ่านมาแล้วสิบแปดปีเมืองหลวงแคว้นเป่ยเหลียงเจริญรุ่งเรือง ลำน้ำฉางซียังคงไหลเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดั่งวันวาน ทว่าใต้ผืนฟ้ากว้าง... เด็กน้อยในวันนั้น บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มสาวงามสง่าสดใสในจนอ๋องไร้พ่ายภายในจวนอ๋องที่บัดนี้กลับครึกครื้น "ไป๋อวี้ เจ้าอย่าขี่ม้ากลางลานซ้อมคนเดียวแบบนี้นักสิ ไหนจ้าบอกว่าจะตามข้าไปที่ตลาด"เสียงหวานดุแกมตำหนิดังแทรกขึ้น พร้อมเงาร่างหญิงสาวในชุดสีครามอ่อน ผมยาวมัดด้วยเชือกไหม ถักเป็นเกลียวประณีต ใบหน้าแม้ยังคงมีเค้าความสดใสแบบเด็กสาว แต่ดวงตานั้น... สะท้อนความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ใคร แล้วยังอยู่ใกล้กันกับความว่าหญิงงามที่สุดในใต้หล้า"พี่สาว เจ้าเอาแต่ตำหนิข้า ข้าก็โตแล้วนะ จะยืนเคียงข้างท่านพ่อไปรบไม่วันใดก็วันหนึ่งข้าหัดขี่ม้าไว้ให้เชี่ยวชาญจึงดี" หัวเราะเสียงใส พลางสะบัดแส้เบา ๆ บังคับม้าให้หยุดตรงหน้าเขาคือ ไป๋อวี้บุตรคนโตของอ๋องเฉิงอู๋ และมารดาอ้ายฉิงหยิงที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ผู้มีสายเลือดนักรบในร่าง และมีใบหน้าหล่อเหล่าราวหญิงงาม ดวงตาคมราวนกอินทรี สายลมที่โบกผ่านใบหน้าทำให้คนมองเผลอคิดว่าเขาคือเงาสะท้อนในวัยหนุ่มของเฉิงอู๋อ๋องไม่มีผิดหญิงงามอีกคนที่
กว่าจะมีวันนี้ได้งานอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แค้วนเป่ยเอียนกับองค์หญิงเก้าจิวฮัวเพิ่งจะผ่านพ้นไปข้างศาลา งดงามด้วยดอกเหมยสีชมพูและสีแดงสดนางกำนัลยกขนมมากลางศาลาอ้ายฉิงจิวอันและจิวฮัวช่วยกันจัดจานขนมบุรุษรูปงามทั้งสามทั้งเฉิงอู๋อ๋องและปาหวางกำลังผลัดกันเดินหมาก โฮ่วตัวฉินมองคนทั้งคู่ที่กำลังประมือกัน“555หมากเกมนี้ข้าพ่ายแต่เกมหน้าท่านจะต้องเจ็บหนักแน่” ปาหวางพูดยิ้มๆ หมากสีขาวบนกระดานถูกล้อมด้วยหมากสีดำของเฉิงอู๋อ๋อง“555ข้าให้โอกาสคราวนี้ให้ไท่จือกับฝ่าบาทแคว้นเป่ยเอียนรวมหัวกันเลยดีไหม”“โฮ่วตัวฉินด้วยอาวุโสน้อยกว่าท่านทั้งสอง”“อย่างไรก็เป็นสหาย”เฉิงอู๋อ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“คงต้องเรียก ท่านอาตามจิวฮัว ข้าน้อยโฮ๋วตัวฉินคงขออภัยที่เคยล่วงเกินท่าน”จิวฮัวคล้องแขนไปที่แขนของเฉิงอู๋อ๋อง“ท่านอาไม่มีทางจะกริ้ว”“จะขออภัยทำไมในเมื่อหยางปาหวางไท่จือกับข้าความสัมพันธ์เบ่งบานยิ่งกว่าฝ่าบาท”“เบ่งบาน”โฮ๋วตัวฉินขมวดคิ้ว ปาหวางไท่จือยิ้ม กุมมือจิวอันไว้แน่น“ความสัมพันธ์ร้าวฉานเบ่งบานนะสิ ข้ากับเฉิงอู๋อ๋องเราแข่งขันกันมาตลอดมามีเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังจะมีชัย”อ้ายฉิงยิ้มเมื่อจิว
“ท่านพี่จะต้องเรียกว่าท่านพี่”จิวอันหลบตาเอียงอาย“ท่านพี่ระหว่าง เปิดผ้าคุลมหน้ากับดื่มสุรามงคลอันไหนควรทำก่อนกันแล้วสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน”หยางปาหวางวางจอกสุราลงข้างกาย ก้มลงกดริมฝีปากบนผ้าแพรบางเบาที่ปิดกั้นริมฝีปากไปก่อนจะเลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้างดงาม มีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย ยกจอกสุรากระดกลงคอรวดเร็วกดริมฝีปากลงบนปากอวบอิ่มบดเบียดอ่อนโยนส่งสุรารสเลิศเข้าไปในปากของจิวอัน“ทุกอย่างล้วนสำคัญ เมื่อมีเจ้าข้างกาย”เลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นโน้มตัวลงช้าๆ แสงไฟในห้องมอดดับลงแล้วแต่ไฟในกายกำลังลุกโชติช่วง“อย่าตามข้ามา”จิวฮัวตวาดลั่นเมื่อโฮ๋วตัวฉินเดินตามต้อยๆ“แม่งามเจ้าใจร้ายกับข้าเพียงนี้เชียวหรือข้าที่นี่ไม่คุ้นเคยกับใครจะมีเพียงปาหวางอ๋องกับเฉิงอู๋อ๋องที่ร่วมดื่มสุราด้วยกัน ทั้งสองคนก็ล้วนแต่กลับไปพะเน้าพะนอ ชายาของตนแต่ดูเจ้ารึกลับทอดทิ้งให้ข้าไร้คนคอยดูแล”“เสด็จพ่อให้คนจัดเรือนรับรองให้ฝ่าบาทแล้ว ทำไมต้องตาข้า”“เรือนรับรองโอ๊ยๆๆๆ ”เซเข้าหาจิวฮัว“เรือนรับรองนั่นอยู่ที่ไหนกัน องค์หญิงเก้าไม่พาข้าไปเช่นไรข้าจะไปถูก”“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฝ่าบาทดูแลข้าแล้วข้าจิวฮัวจะต้อ
เพียงไม่นานอ้ายฉิงก็ขยับกายลืมตาตื่น“ท่านอ๋อง”“เป็นอย่างไรบ้าง ชายาของข้า”“หายปวดแล้ว แปลกจริงอาการปวดที่เคยเป็นอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับหายไปจนสิ้น”“ต้องขอบคุณมารดาเจ้าที่ช่างมองการณ์ไกล ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเจ้าอย่างที่สุด ข้าเองยังไม่อาจเทียบได้กับนางไม่ว่าจะห่วงใยเจ้าแค่ไหนทว่าด้วยรักของมารดา ทำให้เจ้ารอดพ้น บาปเคราะห์และรอดพ้นจากการถูกปองร้ายจากคนอื่น”“ท่านแม่ ท่านแม่ที่ห่วงใยข้าแม้นางจะไม่อาจอยู่ปกป้องดูแลข้าได้นางกลับทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้ข้า”“ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา จิวอันแจ้งข่าวกับเสด็จพ่อและทุกคนที่รอฟังข่าวดีอยู่ด้านนอก”จิวฮันย่อกายก่อนจะออกจากห้องไป เจียวหยูยิ้มทั้งน้ำตาหวงฉีจิ้ง ยิ้มกว้างดีใจอย่างที่สุดตงเกา กระโดดตัวลอย ปาหวางอ๋องอมยิ้มด้วยความดีใจท้องพระโรง“เรื่องราวร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ฮองเฮาทรงขออนุญาตที่จะออกบวชอีกทั้งอ้ายฉิงไม่ได้ถือโทษนางเพราะเห็นว่านางแบกรับความเจ็บช้ำไว้มากพอแล้ว นับว่าอ้ายฉิงเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ ”“ฝ่าบาท ในครั้งนี้องค์หญิงได้รับยาถอนพิษทำให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป การอภัยนับว่าเป็นเรื่องดี”เฉิงอู๋อ๋อง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ชายาเอกของเฉ
“ไม่มีทางไม่มีทางข้าจะไม่ยอมปล่อยท่านให้กับนาง ข้าวางยาพิษนางอีกไม่นานนางก็จะตาย จริงสินางตายไปแล้วพิษที่ไร้ยาถอนพิษ ไม่สิเหนือกว่าข้าก็ยังมีเซียนหญิงผู้นั้นที่บังอาจปรุงยาถอนพิษให้นาง”“อ้ายหลิวแล้วยาถอนพิษนั่นอยู่ที่ไหน ตอนนี้อ้ายแิงต้องพิษของเจ้า“นางโง่ฟางหลินข้าโง่งม ทำการสำเร็จด้วยหรือ”อ้ายหลิวหัวเราะร่วน“ก็อยู่กับนางนางคิดว่าหากลูกของนางใกล้ชิดข้าสักวันจะต้องถูกวางยานางจึงไม่ยอมกินยาถอนนพิษเก็บยาถอนพิษไว้ให้ลูกของนาง 5555 ข้าพยายามหามันมา18ปีเพื่อทำลายมันแต่ไม่เคยพบพานฝ่าบาทคิดว่าแค่เวลาเพียงไม่กี่วันฝ่าบาทจะหามันได้หรือ”หวงฉีจิ้งถอนหายใจยาว“อ้ายฉิง ข้าตามท่านหมอแล้วอีกไม่กี่อึดใจท่านหมอจึงจะมาที่นี่ ตอนนี้ข้ามีเรื่องยากจะถามเจ้า”“จิวอัน มีเรื่องใดอย่างได้เกรงใจเจ้าพูดมาเถอะ”จิวอันยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นกุมมืออ้ายฉิงอย่างปลอบโยน"ตอนนี้เราไม่อาจหายาถอนพิษให้เจ้าได้ แต่ทุกคนไม่มีใครนิ่งวนอนใจ จิวฮัวออกค้นหายาถอนพิษพร้อมกับโฮ๋วตัวฉินฮ่องเต้ส่วน เสด็จพ่อตอนนี้ กำลังหว่านล้อมเสด็จแม่ถามเรื่องยาถอนพิษ ท่านอาทั้งสองกำลังไปค้นหาตลับทองคำที่จวนอ๋อง ข้าจึงอยากจะถามเจ้าว่าตลับทองใบหนั้น