ส่วนเจ้าในเมื่อออกมาจากสำนักศึกษาเมืองลู่ อีกทั้งยังเป็นหญิงสาว ดูจากอายุก็สอดคล้องกันย่อมต้องเป็นบุตรีอนุสกุลจวง จวงเยียน”กู้หว่านเยว่วิเคราะห์อย่างใจเย็นช่างบังเอิญเสียจริง นึกไม่ถึงว่าเพิ่งได้ยินชื่อตรงเชิงเขา พอขึ้นเขาก็ได้พบทันที“เจ้าอยากหนีหรือ?”สายตาแหลมคมของกู้หว่านเยว่มองสัมภาระ ชิงเยี่ยนรีบนำกระเป๋ามาเปิดดู“ท่านอ๋อง ในนี้ล้วนเป็นพวกเสื้อผ้า และยังมีเงินทอง ดูท่าหญิงสาวผู้นี้คงอยากหลบหนีจริงขอรับ”“เจ้ารู้หรือไม่ขอเพียงเป็นรัฐทายาทที่ส่งตัวมา เมื่อใดที่หลบหนีจะมีจุดจบเช่นไร ไม่เพียงแค่เจ้า กระทั่งสกุลจวงของเจ้าก็ไม่มีวันสงบสุข”สีหน้ากู้หว่านเยว่เยือกเย็นเล็กน้อยหากทุกคนเป็นเหมือนสกุลจวง นำบุตรสาวปลอมตัวเป็นบุตรชายส่งมา อีกทั้งยังหนีไประหว่างทาง ทั่วทั้งสำนักศึกษาเมืองลู่จะวุ่นวายไปหมดจวงเยียนใบหน้าขาวซีด จากนั้นกัดริมฝีปากเอ่ย “ที่พวกท่านต้องการคือรัฐทายาท ข้ากลับเป็นเพียงบุตรีอนุ แต่เดิมเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”“สกุลจวงได้รับเกียรติยศ แต่กลับส่งข้ามาลำบากอยู่ที่นี่ ทำไมข้าจะไปไม่ได้?”ในดวงตาของนางมีเสี้ยวการต่อต้านและดื้อดึง กู้หว่านเยว่เลิกคิ้ว
สองสามีภรรยาพูดคุยกันพร้อมขี่ม้าไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าจู่ ๆ กู้หว่านเยว่มองเห็นเงาสีเหลืองแวบผ่านกลางป่าเงาสีเหลืองนั้นไม่เหมือนสีเหลืองบนตัวสัตว์เล็ก ดูเหมือนเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวมนุษย์มากกว่า อีกทั้งรูปร่างที่แวบผ่านไปนั้นเหมือนกระโปรงมาก“ชิงเยี่ยน”กู้หว่านเยว่หรี่ตาพร้อมตะโกนเมื่อมีคำสั่งชิงเยี่ยนรีบกระโจนออกไปทันที พุ่งเข้าไปในป่า กระชากเงาสีเหลืองนั่นออกมา“โอ๊ย!”มีคนคนหนึ่งถูกเหวี่ยงลงพื้น กู้หว่านเยว่จ้องมอง เป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบสองสิบสามปีเด็กสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้า มองเห็นรูปโฉมไม่ชัดชิงเยี่ยนเอ่ยอย่างโมโห “เจ้าเป็นมือสังหารที่ใครส่งมา?”ภูเขาลู่มีการตรวจตราล่วงหน้า อีกทั้งหญิงผู้นี้เอาแต่หลบหน้า สายตาว่อกแว่ก แค่มองก็รู้ว่าผิดปกติจวงเยียนตกใจจนตัวสั่นงก ๆ ใช้มือปิดบังใบหน้า“ข้าเป็นชาวบ้านเชิงเขา ข้าไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาที่นี่ขอให้ท่านโปรดไว้ชีวิต ปล่อยข้าไปเถอะ”น้ำเสียงของนางไม่ถือว่าไพเราะมาก แต่ฟังแล้วกลับเกิดความรู้สึกสงสารเอ็นดูกู้หว่านเยว่มองสำรวจนาง แล้วยิ้ม“เจ้าเป็นชาวบ้านตรงเชิงเขาหรือ?”“เจ้าค่ะ” จวงเยียนน้ำเสียงสั่นเครือ“แต
“องค์ชายหนานโย่ว ไม่ขึ้นไปล่าสัตว์ด้วยกันหรือ ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจนะ”สายตาเยือกเย็นของเป่ยหมิงโยวหลานมองหนานโย่ว เมื่อครู่เขาเห็นหนานโย่วลงมาจากรถม้ากู้หว่านเยว่หนานโย่วลูบหัวอย่างกระอักกระอ่วน “นี่ ข้าเพิ่งท้องเสียมาอย่างไรเล่า พละกำลังยังไม่ฟื้นคืน ขอไม่เข้าร่วมดีกว่า”“ไม่เข้าร่วม หรือทักษะยิงธนูของท่านไม่ดี กลัวจะเสียหน้ากันแน่?” เสี่ยวเซวียเยาะเย้ยหนานโย่วยิ่งกระอักกระอ่วน ความจริงรูปร่างเขาค่อนข้างอ้วน นี่เกิดจากการที่เขาไม่ชอบฝึกยุทธ์ ยิ่งไม่ชอบยิงธนูเป็นกิจวัตรโชคดีที่ยีนส์ของเซียนหลิงดี แต่ละคนจึงเป็นชายหนุ่มรูปงามต่อให้หนานโย่วค่อนข้างอ้วน แต่ก็เพียงทำให้ภาพรวมของเขาดูสุภาพยิ่งขึ้น“ข้าไม่สันทัดเรื่องขี่ม้ายิงธนูก็จริง แต่ข้าสามารถติดตามไปเป็นผู้ช่วยของเยว่อ๋อง หากเยว่อ๋องยิงเหยื่อได้แล้ว ข้าจะช่วยท่านดูแลเอง!” สมองของหนานโย่วแล่นอย่างรวดเร็วเป่ยหมิงโยวหลาน (หน้าด้านหน้าทนเสียจริง)ซูจิ่งสิง (ตอแหลเสแสร้งดังที่คาดไว้)กู้หว่านเยว่ขี่อยู่บนหลังม้าแล้ว หันไปกล่าว “หนานโย่ว เจ้าไม่สบายก็รอพวกเราอยู่ที่เชิงเขา หรือให้องครักษ์ของเจ้าพาไปเดินเล่นรอบ ๆ ไม่ต้องฝืน”กล
กู้หว่านเยว่มองด้านหลังแวบหนึ่ง “ข้ายังมีธุระ เจ้าเล่าต้นสายปลายเหตุให้ข้าฟังก่อน”แม่ทัพเสอรีบกล่าว “มีเจ้าแคว้นคนหนึ่งไม่ได้ส่งตัวรัฐทายาทมา แต่ส่งบุตรสาวมาขอรับ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแม่ทัพเสอรีบกล่าวอีก “ข้าน้อยได้ส่งคนไปสืบชาติกำเนิดของหญิงผู้นั้นแล้ว เป็นบุตรีอนุสกุลจวง ปลอมตัวเป็นชายแล้วส่งมา เนื่องจากอายุยังน้อยแล้วป้ายขี้เถ้าบนหน้า จึงไม่มีใครรู้ขอรับ”สิ่งสำคัญคือพวกเขานึกไม่ถึงแต่แรก ว่าจะมีคนส่งหญิงสาวมานี่เท่ากับถูกฉวยโอกาสเอาเปรียบ“ข้าน้อยไปสืบมาแล้ว สกุลจวงมีบุตรชายเพียงคนเดียว ย่อมไม่ยอมให้ลูกชายมาแน่นอน ดังนั้นจึงส่งตัวบุตรีอนุมาแทนขอรับ”กู้หว่านเยว่เข้าใจที่มาที่ไป หลังครุ่นคิดชั่วครู่ จึงสั่งการเสียงเรียบ “ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เมื่อมาที่ข้าแล้วก็เหมือนกัน ตอนนี้ใช้ลูกไม้แบบนี้ ต่อไปข้าย่อมมีวิธีกำราบพวกเขาเอง”เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”กู้หว่านเยว่นึกว่าแม่ทัพเสอรีบร้อนมาหานางเพียงเพราะเรื่องนี้เท่านั้นแม่ทัพเสอนวดขมับ “หากเป็นเพราะเรื่องนี้ ข้าน้อยย่อมไม่มาหาท่าน”“ท่านอ๋องคงไม่ทราบ บุตรสาวอนุสกุลจวงผู้นี้หน้าตาเป็นพิเ
ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วไม่พูดจาหนานโย่วหัวเราะเสียงดัง “ไม่พูดถือว่าท่านตกลงแล้วนะ”สองสามีภรรยาสบตากัน จากไปอย่างเอือมระอาวันถัดมา กู้หว่านเยว่พาจ้านจ้านและจี้เยว่มาด้วย เพื่อไปล่าสัตว์บนเขานอกเมืองลู่แน่นอน การล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การล่าสัตว์ทั่วไป นางอยากเข้าไปดูในเมืองลู่ด้วย“ท่านอ๋อง รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว ทางเมืองลู่ก็เตรียมพร้อมแล้วเพคะ”ชิงเยี่ยนก้มตัว นำที่เหยียบออกมาจากรถม้า กำลังจะเชิญกู้หว่านเยว่ขึ้นรถ หนานโย่วกลับยื่นขาออกมาก่อน“รถม้าของข้าเสีย ข้าขอนั่งรถม้าคันเดียวกับพวกท่าน พระสวามี ท่านคงไม่ถือสากระมัง?”ซูจิ่งสิงแววตาเยือกเย็น ความรู้สึกประหลาดนี่เกิดขึ้นอีกแล้วหันมองกู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง เขากำลังจะเอ่ยปากหนานโย่วเอ่ยขึ้นก่อน “หากรถม้าไม่เสีย ข้าคงไม่รบกวนพวกท่านแน่นอน”ซูจิ่งสิงนวดขมับ “ช่างเถอะ ขึ้นรถกันก่อน”รถม้าคันหนึ่งนั่งกันห้าคน อึดอัดไปบ้างจ้านจ้านนั่งอยู่ข้างกู้หว่านเยว่ หรี่ตาเรียวยาวมองหนานโย่ว“ท่านอา ท่านเป็นใครหรือ?” น้ำเสียงของเขาอ่อนหวานหนานโย่วรีบตอบ “ข้าเป็นสหายรักของแม่เจ้า ใช่สิ เจ้าชอบกินลูกอมหรือไม่?”เขานำขนมออกมาจากกระเป๋าร
เสี่ยวเซวียส่ายหน้าไม่หยุด “ที่นี่เป็นตงโจว ข้าน้อยจะกล้าได้อย่างไร...เอาเถอะ ข้าน้อยเป็นคนติดสินบนให้ร้านค้า วางยาเขานิดหน่อย ใครใช้ให้เขาสร้างข่าวลือเมื่อสองปีก่อนในร้านน้ำชาว่าองค์ชายเป็นลักเพศล่ะ”ภายใต้สายตาของเป่ยหมิงโยวหลาน เสียงของเสี่ยวเซวียนค่อย ๆ อ่อนลงอีกฝ่ายเตือนอย่างระอา “ผู้ที่สร้างข่าวลือคือหนานฉี ไม่ใช่หนานโยว่”ในทำเนียบฟ้าหนานโยว่ถูกเขากดมาตลอด มีแต่จะถูกเขารังแกเท่านั้น“หนานฉีเป็นน้องชายของหนานโยว่ น้องชายทำความผิด พี่ชายรับแทนก็เป็นเรื่องปกติ” เสี่ยวเซวียตอบเสียงอ่อน“เอาละ ไปตามเช็ดให้สะอาด อย่าให้ใครจับได้”เป่ยหมิงโยวหลานไม่ได้นำมาใส่ใจ หนานโยว่เป็นคนของเซียนหลิง แต่เดิมก็ไม่ถูกกับโยวหลานของพวกเขาอยู่แล้ว เขาน่าสมเพช แคว้นโยวหลานดีใจที่ได้เห็นเช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นหนานฉีหรือหนานโย่ว ขอเพียงเซียนหลิงขายหน้าก็พอในยามเที่ยง มีนางกำนัลสองคนมาส่งอาหารเสี่ยวเซวียทนไม่ไหว รีบสอบถามอาการของหนานโย่วกับพวกนางทันทีนางกำนัลตอบตามความจริง “องค์ชายหนานโย่วท้องเสีย ไปห้องสุขาตั้งหลายรอบ อีกทั้งยังเชิญเยว่อ๋องของพวกเราไป บอกว่าอ่อนเพลียจนใกล้หมดแรงแล้ว ตลอดเช้า เ