กู้หว่านเยว่ก็รู้ว่า การแทรกซึมเข้าไปในประเทศศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็ถูกนางทิ้งไว้ข้างหลัง“ที่นี่คือห้องเก็บเอกสารของตลาดมืด”กู้หว่านเยว่หยิบแฟ้มขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ พลางเปิดออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของตลาดมืดในเมื่อต้องการควบคุมดูแลตลาดมืด นางจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดาการมาอยู่คราวนี้ หมายถึงหนึ่งคืนเต็ม ๆ“ฮูหยิน ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเหาะเข้ามา ด้วยคำสั่งของกู้หว่านเยว่ บัดนี้นางสามารถเข้าออกตลาดมืดได้อย่างอิสระเช่นกันเมื่อเห็นสีหน้าทนไม่ไหวของชิงเหลียน กู้หว่านเยว่ก็คาดเดาบางอย่างได้“เทียนซิงเยว่จากไปแล้วหรือ?”“เจ้าค่ะ”สายตาของชิงเหลียนมีแววประหลาดใจ ฮูหยินคาดเดาได้แม่นยำ“จากไปเมื่อกลางดึกคืนวานเจ้าค่ะ”นางเอ่ยเสียงเบา “ไป๋โม่อวี่ต้องการพบท่านกับนายท่าน”“ไป”กู้หว่านเยว่รีบก้าวเข้าไปดึงซูจิ่งสิงกลับไปที่เรือน ไป๋โม่อวี่รออยู่นานแล้วเขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว เทียนซิงเยว่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มสงบสุขราวกับกำลังพริ้มหลับอยู่“ก่อนตายซิงเยว่มีความสุขมาก”เสีย
เขาก้มหน้าลง มองดูเทียนซิงเซว่ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยนกู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ก็อดซาบซึ้งไปกับพวกเขาไม่ได้พูดกันตามตรง ความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคนจริง ๆ พวกเขาทั้งสองรู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดีด้วยสถานะเช่นนี้ เส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ใจอ่อนลงเล็กน้อย พลางมองไปยังซูจิ่งสิงเมื่อสบกับสายตาของภรรยา ซูจิ่งสิงก็รู้ความคิดของนาง พลางพยักหน้าเขาหันไปมองไป๋โม่อวี่ “พวกข้าจะไม่ฆ่าท่าน ท่านไปเถอะ หวังว่าจากนี้ไปจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ท่านอย่าช่วยเหลือคนทูเจวี๋ยอีก และอย่าเป็นศัตรูกับเจดีย์หนิงกู่ของเราอีกต่อไป”ไป๋โม่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ปล่อยเขาจริง ๆ“พวกท่านปล่อยข้าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ตัดรากถอนโคนหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ “ถึงอย่างไรข้าก็เคยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย พวกท่านไม่กลัวข้าหวนคืนกลับมาอีกหรือ?”“ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ข้าจะฆ่าท่านด้วยมือตัวเองแน่นอน”แววตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึม ไป๋โม่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้เขาไม่กล้าล้อเล่นอีก แ
“คุณหนูหลี่”หลายคนกำลังพูดกันอยู่ก็เห็นถังหมิงรุ่ยวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่สันจมูกของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอยู่ด้วย ถังหมิงรุ่ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วทำความเคารพทั้งสอง“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ามีกิจอันใด?”กู้หว่านเยว่พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างคลุมเครือ ก็เห็นถังหมิงรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“พระชายา ข้าน้อยต้องการแต่งงานกับหรงหรง”สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในเมื่อหลี่หรงหรงเป็นสาวใช้ของกู้หว่านเยว่ เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากกู้หว่านเยว่“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่เกือบจะพ่นน้ำออกมา เจอเรื่องน่าตกใจเพียงนี้หลี่หรงหรงกัดฟันกรอด “คุณชายถัง ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก? แล้วทำไมท่านยังวิ่งมาหาฮูหยิน ตั้งใจพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอีก”ถังหมิงรุ่ยสีหน้าคับข้องใจตั้งแต่ได้พบกับหลี่หรงหรง เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเขารู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นไข้ใจ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการตามจีบเด็กสาวมาก่อนเลยหลังจากครุ่นคิดสักครู่ สู้พูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะได้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นคว้า
“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
รถม้าสองคันออกเดินทางพร้อมกัน ไม่นานก็ออกจากชานเรือนมาถึงด้านหน้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งถังหมิงรุ่ยสมกับที่เติบโตมาในเขาอินซาน รู้จักร้านอาหารที่นี่อย่างทะลุปรุโปร่ง ได้พาพวกเขามาที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่“ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารขึ้นชื่อมากมาย เราขึ้นไปเหมาห้องส่วนตัวที่ชั้นสองกันเถอะ”จะเห็นได้ว่าถังหมิงรุ่ยน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทันทีที่เข้ามาเจ้าของร้านก็พาพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองอย่างกระตือรือร้นถังหมิงรุ่ยรับรายการอาหารจากมือของเจ้าของร้าน“ทุกท่านลองดูก่อน อาหารขึ้นชื่อหลักของเขาอินซานของเราก็คือแกะย่างทั้งตัวและเหล้านมม้า ยังมีผักป่าอีกมากมายที่บรรดาคนเลี้ยงสัตว์เก็บมาจากทุ่งหญ้า”เดิมทีหลี่หรงหรงก็เติบโตมาในเขาอินซาน ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้ อาหารเหล่านี้นางกินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่คนอื่นนั้นไม่เหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ยชิงหลาน การได้เห็นอาหารเหล่านี้มันช่างแปลกหูแปลกตาจริง ๆ“หญ้ากันลมนี่คือผักอะไรกัน? ฟังดูน่าสนใจดี”“หญ้ากันลมเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง สามารถดับร้อนและขับพิษได้ คนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นค้นพบโดยบังเอิญว่าสมุ
ความอบอุ่นและจริงใจของผู้ชาย แววตาที่จริงใจ เป็นสิ่งที่เวินทิงอวิ๋นไม่เคยมีมาก่อน“มาสิ” แก้วเหล้าของหลี่หรงหรงชนแก้วของเขาเบา ๆบางทีนางอาจจะลองเปิดใจจริง ๆ ลืมเรื่องในอดีต และยอมรับคนใหม่เพราะถึงอย่างไรชายชั่วช้าในอดีตก็ถูกฆ่าตายด้วยมือของนางเองแล้ว แล้วนางยังจะปิดหัวใจตัวเองไปตลอดชีวิตเพราะความผิดพลาดของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของหลี่หรงหรงก็สงบลงมาก เมื่อเผชิญหน้ากับถังหมิงรุ่ย รอยยิ้มก็เปลี่ยนไปแม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไร แต่ถังหมิงรุ่ยก็สัมผัสได้อย่างฉับไวว่าท่าทีของหลี่หรงหรงที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เริ่มยอมรับเขาบ้างแล้วการตระหนักรู้ครั้งนี้ทำให้ถังหมิงรุ่ยอดยิ้มออกมาไม่ได้ ความสุขเอ่อล้นภายในใจแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ลำพองใจด้วยเรื่องนี้ กลับกันนั้นยิ่งสงสารหลี่หรงหรงมากขึ้น เขามองออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางพวกเขารับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรยากาศดีขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะนี้เองก็มีเสียงที่ไม่เหมาะแก่เวลาดังขึ้นข้าง ๆ“คุณหนูชิง เป็นเจ้าจริงหรือ?”เนี่ยชิงหลานหันหน้าไป และพบใบหน้าที่คุ้นเคยนางยังไม่ทันตั้งสติโต้ตอบ อีกฝ่ายก็รีบเข้ามาคว้ามือน
หลี่หรงหรงมองตามหลังหลัวเหอ พลางเอ่ยเตือนสติว่า “สายตาของคนคนนี้ไม่ชอบมาพากล เกรงว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวตามมา”กู้หว่านเยว่ก็เห็นเช่นกัน พลางโบกมือให้ชิงเหลียนเข้ามา“ตามเขาไป ดูว่าเขาคิดจะเล่นตุกติกอะไรอยู่”“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”ชิงเหลียนเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เนี่ยชิงหลานกระสับกระส่ายเล็กน้อย หมดอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารหลังจากนั้นไม่นาน ชิงเหลียนก็กลับมา“ฮูหยิน ท่านคาดเดาถูกแล้ว หลังจากที่หลัวเหอออกจากร้านอาหารก็ไปหานายท่านหลัว ตอนนี้เขาพานายท่านหลัวมาแล้ว”“เจ้าคนต่ำช้าผู้นี้!”เนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนเหลือทน มองไปทางกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวล “พี่หญิงกู้ สกุลหลัวมีอิทธิพลมากในเขาอินซาน หรือว่าข้าควรจะซ่อนตัวก่อนดีไหม?”นางไม่อยากทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วย รู้สึกหนักใจอยู่เสมอเวลาที่ออกมาข้างนอก หากเป็นในเขตเหอตง สกุลหลัวคงได้ตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว“จะไปไหนเล่า”ริมฝีปากของกู้หว่านเยว่แย้มรอยยิ้มเยาะขึ้น สกุลหลัวรนหาที่ตายเอง นางกำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี“เจ้าต้องการแก้แค้นมิใช่หรือ เวลานี้สบโอกาสแล้ว”เนี่ยชิงหลานได้ยินดังนั้นก็โยนความวิตกกังวลทิ้งไป พลางพยักหน้าพร้อมก
อาจจะเพราะว่ามีความมั่นใจ นายท่านหลัวจึงตะโกนเสียงดังกึกก้อง“ช่วยด้วย มีการชิงตัวแม่หญิงเกิดขึ้น อนุของข้าหนีไปกับคนอื่นแล้ว”เสียงดังไร้ยางอายของเขาทำให้ผู้คนไม่น้อยหันมามองเนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว กู้หว่านเยว่กำลังจะลงมือสั่งสอนบทเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งบุกเข้ามา แล้วทุบตีนายท่านหลัวอย่างดุเดือดพักหนึ่งเมื่อเห็นคนผู้นั้น เนี่ยชิงหลานก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พี่ใหญ่?!”คนผู้นี้คือเนี่ยเติ้งอย่างคาดไม่ถึงเห็นเพียงเนี่ยเติ้งลงมืออย่างไร้ความเมตตาใด ๆ หมัดเดียวก็ทำให้ฟันหน้าของนายท่านหลัวหลุดออก จากนั้นก็หิ้วตัวเขาออกไปข้างนอกราวกับถือลูกเจี๊ยบตัวน้อย“จับตัวเขาออกไปด้วยกัน”เนี่ยเติ้งชี้ไปที่หลัวเหอ ผู้ติดตามข้างกายจับตัวหลัวเหอออกไปทันทีเนี่ยชิงหลานรีบถกกระโปรงขึ้นไล่ตามออกไป กู้หว่านเยว่ก็พูดว่า “เราออกไปดูกันเถอะ”หลังจากเนี่ยเติ้งจับทั้งสองคนนั้นออกไปจากร้านอาหาร ก็โยนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ทันที“เจ้าเป็นใครกัน?” นายท่านหลัวต้องการจะพูดอีก แต่กรามของเขาถูกเนี่ยเติ้งถอดกระดูกออกทันทีเนี่ยเติ้งยกมือขึ้น ต่อยเข้าที่ร่างนายท่านหลัวหมัดแล้วหมัดเล่า
“ชู่ว์ หลบไปข้าง ๆ”คนที่มาค่อนข้างเยอะ ประมาณห้าหกคนได้ โชคดีที่พวกเขาหลบได้เร็วคนทั้งห้าหกคนนี้ สวมสิ่งที่คล้ายหน้ากากป้องกันแก๊สพิษไว้บนใบหน้า และในมือก็ถือเครื่องมืออยู่ด้วยตอนนี้กู้หว่านเยว่ยังคงอยู่ในสภาวะสับสนกับห้องปรุงพิษ อีกทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร จึงตัดสินใจแอบตามพวกเขาไปเงียบ ๆ เผื่อว่าจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรบ้าง“ต้องมาเอาของข้างในตัวงูนี่อีกแล้ว น่าขยะแขยงจริง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจบสิ้นสักที”เป็นไปตามคาด ตามไปได้ครู่เดียว พวกเขาก็ได้ยินคนบ่นขึ้นมา“ทน ๆ ไปเถอะน่า ก็อีกไม่เท่าไรแล้ว”“จะทนอย่างไรเล่า สามปีแล้ว สามปีแล้วที่ข้าไม่ได้ออกไปไหนเลย”คนอื่น ๆ ที่เหลือได้ยินดังนั้น ต่างพากันถอนหายใจพวกเขาไม่อยากออกไปหรืออย่างไรเล่าแต่เมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว การจะออกไปนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งแล้ว“พวกเจ้าว่า หากไม่มีงูตัวนี้แล้ว ราชินีจะปล่อยพวกเราออกไปหรือไม่?”“หรือว่า จะฆ่าปิดปาก?”หนึ่งในนั้นทำท่าทางบางอย่าง คนอื่น ๆ ก็หน้าซีดเผือดไปตาม ๆ กัน“เป็นไปไม่ได้หรอก”ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจพวกเขาก็ไม่ม
เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังจะฟื้นคืนสติ กู้หว่านเยว่จึงใช้สันมือฟาดลงไป ทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง“เหตุใดถึงทำให้เขาสลบไปล่ะ ยังถามคำถามไม่เสร็จเลย”ชวีเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทำให้กู้หว่านเยว่มองเขาราวกับมองคนปัญญาอ่อน ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่เห็นหรือไรว่ายาพูดความจริงกำลังจะหมดฤทธิ์แล้ว?”“อ้อ” เขายังไม่ทันสังเกตเห็นแต่เขาก็รู้จักของสิ่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้กู้หว่านเยว่เคยให้เขากับยายแม่มดเฒ่ากินมันมาแล้ว“ของที่น่ากลัวนั่น มันคืออะไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ราง ๆ ว่าห้องปรุงพิษนี้กำลังเตรียมการเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอยู่“ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปดูก็จะรู้เอง”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด“ชุดที่พวกเราใส่อยู่ตอนนี้ ออกไปตรวจสอบไม่ได้แน่ ถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองนี่ออกมา พวกเราเปลี่ยนใส่แทนเสีย”ชวีเฟิงในตอนนี้ได้ถือว่ากู้หว่านเยว่เป็นแกนนำหลักแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองสองคนในกลุ่มนั้นออกทันทีทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้า“แล้วคนพวกนี้จะทำอย่างไร?” แถมยังมีวูเหมิงที่อยู่บนหลังเขาอีก แบกไว้ก็เคลื
“มียาแค่หนึ่งเม็ด กลิ่นหอมจะจางหายไปในอีกไม่นาน พวกเรารีบฉวยโอกาสตอนนี้ เดินอ้อมแมงมุมพิษพวกนี้กันเถอะ”“ได้”ทั้งสองเร่งฝีเท้า หลังจากเดินอ้อมเส้นทางที่ยาวเหยียดสายหนึ่ง ในที่สุดก็ไม่เห็นแมงมุมพิษอีกแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขากลับเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่งลมเย็นที่มีกลิ่นคาวปนพัดพลิ้วมาจากแม่น้ำใต้ดินเป็นระลอก ทำเอาทั้งสองต้องย่นจมูก“พระมเหสี ท่านมั่นใจหรือว่าที่นี่ก็คือห้องปรุงพิษ?”“ใช่”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ระบบได้ส่งแผนที่ที่สมบูรณ์ให้นางแล้ว ไม่มีทางผิดแน่นอน“ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปโดยผ่านแม่น้ำใต้ดินสายนี้”มีแพไม้ไผ่อยู่ที่ข้างๆ น่าจะเป็นพาหนะของห้องปรุงพิษที่ใช้เข้าออกกู้หว่านเยว่กระโดดขึ้นแพไม้ไผ่อย่างไม่เกรงใจชวีเฟิงรีบพาวู่เมิ่งตามนางไปหลังจากวางวูเมิ่งลง หยิบไม้ไผ่ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาพายแพไม้ไผ่เข้าไปข้างในเนื่องจากเรือทวนกระแสน้ำ ชวีเฟิงเหนื่อยจนมีเหงื่อเกาะบนหน้าผากไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดทัศนียภาพเบื้องหน้าก็ค่อยๆ เปิดออก พวกเขาข้ามแม่น้ำใต้ดินมาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง ทั้งสองกระโดดลงจากแพไม้ไผ่ หลังจากนั้นชวีเฟิงแบกวูเมิ่งขึ้นหลังอี
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลดความเร็วในการค้นหาเส้นทางช้าลงระหว่างทางพวกเขาได้พบกับแมงมุมยักษ์สีแดงสองตัวอย่างที่คิดไว้ข้างหลังของแมงมุมพิษแต่ละตัวจะมีฝูงแมงมุมตัวเล็กๆ เดินตาม มันเยอะจนดูน่ากลัว เห็นแล้วถึงกับหนังศีรษะช้า“นายหญิง ระวังแมงมุมพิษชนิดนี้”ระบบเตือนในมิติ“เมื่อไปรบกวนมัน มันจะระเบิดตัวเอง และพ่นแมงมุมตัวเล็กนับไม่ถ้วนออกมา เมื่อนั้นพวกท่านจะเจอปัญหาแน่นอน”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ฟังดูเป็นปัญหาจริงๆ“รวบรวมของพวกนี้เข้าคลังในมิติ สามารถเพิ่มคะแนนสะสมหรือไม่?”“ได้” ระบบพยักหน้า“คะแนนสะสมที่เพิ่มขึ้นเยอะพอสมควร”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินก็ตาเป็นประกาย เช่นนี้ก็ง่ายอีกแล้วนางฉวยโอกาสโบกมือน้อยตอนที่ชวีเฟิงไม่สังเกต เก็บแมงมุมพิษสองตัวนี้เข้าไปในมิติ“แมงมุมพิษหายไปแล้ว”เนื่องจากฟ้ามืดเกินไป ชวีเฟิงก็มองเห็นไม่ชัดว่าแมงมุมสองตัวนี้ไปไหนแล้ว คิดแค่ว่าพวกมันเข้าไปในพุ่มหญ้าแล้ว จึงรีบมองหาดูรอบๆ“ไม่ต้องหาแล้ว พวกเราอ้อมไปอย่างระมัดระวังดีกว่า”กู้หว่านเยว่กล่าวเร่งเร้าประโยค ก็ไปเดินนำทางที่ข้างหน้าแล้วชวีเฟิงรับเดินตามทั้งสองเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ในที่ส
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง