“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”เหิงหู่ระเบิดเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่ถึงขั้นไม่กลัวเขา ยังหาญกล้า “ปรึกษา” กับเขาอีกด้วยอย่างนั้นหรือ?“หาญกล้าทำร้ายหลานสาวของข้า พวกเจ้าจะได้เห็นดีกันแน่!”เหิงหู่เหยียบหลังม้า กระโดดขึ้นกลางอากาศ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เหวี่ยงค้อนทุบลงมาทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกู้หว่านเยว่พูดไม่ออก เดิมทีนางอยากปรึกษาเหิงหู่ดีๆ สรุปคือเขากลับไม่รับน้ำใจอย่างนั้นหรือ?เช่นนั้นก็ได้ ดูว่ากำปั้นใครแข็งกว่ากันเถอะ!กู้หว่านเยว่เบี่ยงตัวหลบ ดึงหน้าไม้ออกมา เล็งไปทางเหิงหู่“น้องหญิง อย่าเพิ่งยิงเลย”ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน เห็นชัดว่าเขารับรู้ได้ว่ามีคนลอบสอดแนมพวกเขาในที่ลับเพียงแต่น่าเสียดายที่บัดนี้ พวกเขาต้องรับมือกับศึกของเหิงหู่ก่อน ไม่มีเวลาหาตัวคนผู้นั้นออกมา“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางเองก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายสายกำลังลอบจับจ้องนางอยู่ซูจิ่งสิงชักกระบี่อาทิตย์คำรามออกมา ต้านค้อนของเหิงหู่“ไอ้เด็กนี่!”ดวงตาเหิงหู่สะท้อนแววตกตะลึง ค้อนใหญ่ของเขานี้หนักนับพันชั่ง ภายในนั้นยังเจือกำลังภายในมหาศาลของเขาอีกด้วย ชายหนุ่มคนนี้ถึงขั้นรับไว้ได้“ตกลงเจ้าเป็นใครกั
สิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้ก็คือ บัดนี้มีกองกำลังหนึ่งกำลังซ่อนตัวในที่ลับ หลังพวกเขาจากไปแล้ว ก็ขวางเหิงหู่ไว้ธนูเย็นสายหนึ่งถูกปล่อยออกไป“เจ้า เจ้าถึงขั้น...”เหิงหู่มองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า ล้มลงกับพื้นอย่างเหลือจะเชื่อ พริบตาเดียวก็ถูกเอาชีวิตไปแล้วทางฝั่งนี้ กู้หว่านเหยว่และซูจิ่งสิงอิงตามทิศทางที่ระบบมอบให้ ในที่สุดก็เร่งเดินทางฝ่าความมืดเข้ามาภายในหุบเขา“อิงตามการแสดงผลของระบบ ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ข้างหน้าแล้ว”สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองหุบเขาทางด้านหน้า ทั้งสองคนถึงขั้นได้พบอย่างประหลาดใจ บัดนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีคนอื่นเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าหุบเขา“ดูท่าแล้วนอกจากพวกเรา ยังมีคนมีวิธีล่วงรู้เบาะแสของดอกน้ำแข็งนิล”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้น แปลกใจอยู่บ้าง“ระบบ บัดนี้ดอกน้ำแข็งนิลเป็นเช่นไร?”“ดอกน้ำแข็งนิลหยุดเคลื่อนไหวแล้ว อยู่ภายในหุบเขาทว่าที่นี่พายุหิมะแรงมาก ข้าทำได้เพียงค้นหาตำแหน่งคร่าวๆ ออกมาได้แห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ภาพรวม”ระบบเสียใจ มันไม่สามารถทำได้ทุกอย่างกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า ไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ในมิติข้ามีสัตว์น้ำแข็งนิลที่นำมาจากตลาดมืดอินซาน เจ้าเพียงช่วยข้า
“ที่นี่มีหมอหรือไม่?”ขณะกู้หว่านเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ถูกชายหนุ่มคนนั้นเรียกความสนใจไปอีกครั้ง“มีหมอจิตใจดีมาช่วยพ่อข้าหรือไม่?”สองสามีภรรยาหันมองต้นเสียง ได้เห็นคนและม้ากลุ่มหนึ่ง อยู่ทางซ้ายด้านหน้าห่างออกไปไม่ไกลคนและม้ากลุ่มนี้กลับฉลาดมาก กางกระโจมเหมือนกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นกระโจมยังแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก คล้ายกระโจมของชนเผ่าเร่ร่อนบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มคนนั้นกำลังกอดใบหน้าของบิดาด้วยสีหน้าร้อนใจ กลุ่มคนข้างหลังมีมากมาย ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นบ่าวของพวกเขา“ชายหนุ่มคนนี้มีฐานะไม่ธรรมดา น่าจะเป็นคุณชายมาจากที่ใดสักแห่ง”กู้หว่านเยว่สนใจ มองเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมใส่ นั่นแพงมากนักซูจิ่งสิงกลับใคร่ครวญครู่หนึ่ง จับจ้องกระบี่คู่กายข้างเอวของชายหนุ่ม“น้องหญิง พวกเราไปดูกันเถอะ”จู่ๆ เขาก็พูดหนึ่งประโยคอย่างกะทันหัน ยกเท้าเดินเข้าไปทางนั้นกู้หว่านเยว่ชะงักเบาๆนึกได้ว่าสามีของตนไม่มีอุปนิสัยหาเรื่องใส่ตัว ถึงขั้นเดินเข้าไป จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่ จึงไม่ถามมากนัก รีบไล่ตามไปทั้งสองคนยืนห่างออกไปสิบก้าว สีหน้าซูจิ่งสิงเข้มขึ้นเล็กน้อย“น้องหญิง
“ท่านหมอ ท่านจะต้องช่วยสามีข้านะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด “ฮูหยินวางใจ ข้าจะพยายามอย่างสุดกำลัง”นางวางมือบนแขนของนายท่านเจียง ซูจิ่งสิงทางหนึ่งยืนคุ้มกันกู้หว่านเยว่อยู่ทางด้านหลัง ทางหนึ่งสำรวจครอบครัวนี้ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึง คนกลุ่มนี้คล้ายเป็นสหายของท่านอาจารย์ทางฝั่งนี้ กู้หว่านเยว่จับชีพจรของนายท่านเจียง เจียงฮูหยินและเจียงฉือไม่กล้าทำแม้แต่หายใจเสียงดัง“พวกท่าน...”กู้หว่านเยว่จับชีพจรเรียบร้อยแล้ว สบมองทางเจียงฮูหยินสีหน้าคลุมเครือ“สามีของข้าเป็นเช่นไร?”สายตาเจียงฮูหยินร้อนใจกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นี่จะให้นางพูดอย่างไรเล่า?“มิสู้ย้ายคนเข้ากระโจมก่อน แล้วข้าจะค่อยๆ อธิบายกับพวกท่าน”รอบข้างยังมีบ่าวรับใช้สกุลเจียงมากมาย กู้หว่านเยว่ตัดสินใจไว้หน้าคนครอบครัวนี้“ก็ได้ ข้าอุ้มท่านพ่อเข้าไป!”เจียงฉือรีบอุ้มนายท่านเจียง พาคนเข้ากระโจม เจียงฮูหยินซับน้ำตาไล่ตามมา“ท่านหมอ ตกลงสามีของข้าเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้เจ้าสามารถพูดได้แล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่กระแอมทีหนึ่ง พยักหน้า“อิงตามชีพจร นายท่านเจียงน่าจะเสพสังวาสมากจนเกินไป พลังงานของไตไม่เพียงพอ”พูดอย่างง่ายก็ค
ใบหน้าเจียงฮูหยินเปี่ยมความปวดใจ “เจ้าดูสามีข้า เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของข้า ล้วนถูกทรมาน จนไม่ใช่คนไปแล้ว”นายท่านเจียงยิ้มขมปร่าถูกทรมานจนไม่ไหวแต่ก็ต้องทำยามค่ำคืนฮูหยินควบคุมตนเองไม่ได้ หรือจะให้นางไปหาคนอื่นเล่า?“แม้ข้ารู้ว่านี่เป็นโรค กลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้”นางยกมือสองข้างปิดปาก“หลังเสร็จกิจแล้ว รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก”เพราะเหตุนี้จึงยากจะเอ่ยความจริงออกมา เจียงฮูหยินและนายท่านเจียงเองก็ไม่กล้าบอกคนอื่นกู้หว่านเยว่มองสีหน้าของทั้งคู่ หยั่งเดาภายในใจ“เจียงฮูหยิน ยื่นมือให้ข้าเถอะ”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง เจียงฮูหยินรีบยื่นมือออกไปจับชีพจร“ตอนนั้นเจียงฮูหยินรู้สึกร้อนรุ่มภายในใจ ยากจะสงบลงใช่หรือไม่?”“ใช่ ใช่!”อาจเพราะกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกัน เจียงฮูหยินไม่เขินอายถึงเพียงนั้น รีบพยักหน้า“ฮูหยินนี่คือไฟและความชื้นในตับ ไหลลงข้างล่าง”นี่กลับไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร เพราะเจียงฮูหยินและนายท่านเจียงปิดบังโรคหลีกเลี่ยงหมอ กระดากอายเกินกว่าจะไปหาหมอ จึงยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้“ดังนั้นข้ามิได้ติดเสพสังวาส เพียงแค่ป่วย?”เจียงฮูหยินเบิกตากว้าง ร
มองเห็นนายท่านเจียงไม่เป็นไรแล้ว ขณะกำลังจะออกไปถามซูจิ่งสิงว่ารู้จักครอบครัวนี้หรือไม่นั้นก็ได้ยินเสียงของเจียงฉือดังเข้ามาจากภายนอก “ท่านพ่อ ท่านเดาดูเถอะว่าข้าพบใครแล้ว?!”มือเขาจูงซูจิ่งสิง ภายในก้นบึ้งของสายตาซูจิ่งสิงหวั่นไหวเล็กน้อย“ข้าได้พบศิษย์พี่ใหญ่แล้ว!”เขาชี้ทางซูจิ่งสิงอย่างตื่นเต้น“นี่ก็คือศิษย์พี่ใหญ่”กู้หว่านเยว่มีสีหน้างุนงง นายท่านเจียงเกือบกระโดดลุกขึ้นจากเตียงเขามองซูจิ่งสิงอย่างตกตะลึงพรึงเพริดซูจิ่งสิงโบกพู่กระบี่อาทิตย์คำราม “นี่คือสิ่งที่อาจารย์ข้าทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป”นายท่านเจียงเห็นพู่กระบี่ ยืนยันฐานะของซูจิ่งสิง“ใช่ๆ นี่ก็คือพู่กระบี่ของศิษย์พี่ใหญ่จริง”หากมองอย่างละเอียด พู่กระบี่นี้และที่ห้อยบนกระบี่ของเจียงฉือคล้ายกันมาก“ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกข้า เขารับศิษย์ที่ภายนอกไว้คนหนึ่ง เป็นคนมีพรสวรรค์ฉลาดหลักแหลม เขาชอบมาก ดังนั้นจึงรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์เอก”นายท่านเจียงหัวเราะเสียงดัง“ช่างบังเอิญยิ่งนัก คิดไม่ถึงข้าถึงขั้นสามารถได้พบที่ภูเขาน้ำแข็งนิล”เจียงฉือรีบเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ใหญ่ หลายปีมานี้ เหตุใดท่านไม่ไปหาพวกเราเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องน
เจียงฉือหันมองทางกู้หว่านเยว่ ศิษย์พี่สะใภ้งดงามถึงเพียงนี้อีกทั้งยังรู้วิชาแพทย์ มองแล้วก็ชมชอบ“ใช่แล้ว พวกเรามาเพื่อตามหาดอกน้ำแข็งนิลจริง”กู้หว่านเยว่ไม่ปิดบังพวกเขา“คนในครอบครัวต้องการใช้ดอกน้ำแข็งนิลมาผสมยา”นายท่านเจียงรีบพูด “ดอกน้ำแข็งนิลนี้เป็นวัตถุดิบยาแบบตะวันตก สรรพคุณทางยายอดเยี่ยมมาก ได้ยินมาว่าเพียงกลีบเดียวก็สามารถนำมาผสมยาได้แล้ว”เขามองทั้งคู่“ในเมื่อพวกเรารู้จัก มิสู้เจ้าข้าพวกเราสองฝ่ายร่วมมือกัน แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิล”เขาเองก็ไม่ละโมบ “หากสามารถแย่งดอกน้ำแข็งนิลมาได้ พวกเราขอเพียงกลีบเดียวก็พอ”นายท่านเจียงคิดว่า กู้หว่านเยว่รู้วิชาแพทย์ ในเมื่อดอกน้ำแข็งนิลล้ำค่ามาก ตกอยู่ในมือหมอ ย่อมสามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย กลับคิดไม่ถึงนายท่านเจียงจะใจกว้างถึงเพียงนี้ต้องรู้ว่านอกจากครอบครัวสกุลเจียงสามคนแล้ว พวกเขายังพาบ่าวติดตามมาอีกมาก มองผ่านจำนวนคนดูแล้ว เห็นชัดว่ามากกว่าทางฝั่งกู้หว่านเยว่มากนักภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ล้วนคิดว่าพวกเขามีโอกาสได้รับดอกน้ำแข็งนิล มากกว่าพวกกู้หว่านเยว่ดังนั้นตอนแบ่งกัน สกุลเจียงมีสิทธิ์
หากชายผมขาวเองก็มาหาดอกน้ำแข็งนิล เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าอาจได้พบเขาที่นี่ซูจิ่งสิงเองก็ช่วยตามหาด้วย เพียงแต่ทำให้ทั้งคู่ต้องผิดหวังก็คือ พวกเขาตามหาแล้วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของชายผมขาว“ดูท่าแล้วเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบ“ไม่ต้องกังวล จิ่นเอ๋อร์ต้องไม่เป็นไร”เขาพี่ใหญ่คนนี้กลับใจเย็นลงแล้ว อย่างไรเสียก็รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่กู้หว่านเยว่พยักหน้า กลับเข้ากระโจมพักผ่อนพร้อมซูจิ่งสิงคืนนี้ ภายในใจของทุกคนล้วนกำลังคิดว่าวันพรุ่งนี้ดอกน้ำแข็งนิลจะไปตกอยู่ในมือของผู้ใดเดิมทีทุกคนก็หลับไม่สนิท“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สะใภ้”เช้าวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งกินขนมปังที่มิติทำขึ้นเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงเจียงฉือนอกกระโจมทั้งคนรีบลุกออกมาเจียงฉือเอ่ยเร่ง “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว พวกเรารีบเก็บของ เตรียมออกเดินทางเถอะ”กู้หว่านเยว่หันมองรอบด้าน บัดนี้คนอื่นต่างพากันเริ่มเก็บของ เตรียมเข้าหุบเขาแล้วจะปล่อยให้พวกเขาไปถึงก่อนไม่ได้!“ไป”ทั้งสองคนเคลื่อนไหวว่องไว เก็บกระโจมดีแล้ว ออกเดินทางอยู่ข้างกายคนสกุลเจียงขณะเดียวกัน พาย
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป