หากไม่ระวังก็จะถูกเปิดโปง“หว่านเยว่”ซูจิ่งสิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ทันเวลา ช่วยกู้หว่านเยว่กลบเกลื่อน “ทางฝั่งเจี่ยชิงอวิ๋นมีความคืบหน้าเยี่ยงไร?”“อ้อ คนได้รับบาดเจ็บหมดสติไป แต่ข้าให้นางกินยาแล้ว กลางคืนนางจะฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยทำตามแผนของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เดินไปหยุดข้างกายซูจิ่งสิง จับมือเขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ“ลำบากเจ้าแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบเส้นผมนาง“คืนนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”“พวกเจ้าเด็กสองคนนี้วางแผนแสดงละครอีกแล้วกระมัง?”ผู้เฒ่าหวงขยับไปอยู่ทางด้านข้าง ดื่มน้ำชานั้นอีกหลายอึกอย่างไม่อาจทนไหวช่างเป็นของดีโดยแท้ เขาต้องดื่มมากหน่อยราตรีมาเยือนกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงมาบนหลังคา ทั้งสองคนเปิดแผ่นกระเบื้องออก มองลงไปเบื้องล่างเจี่ยชิงอวิ๋นได้รับบาดเจ็บไม่เบาบัดนี้ยังนอนบนเตียง แต่ศีรษะนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย นอนหลับไม่สนิท“ชู่ว์ มาแล้ว”กู้หว่านเยว่กระซิบเตือนข้างโสตซูจิ่งสิงเบาๆ สองสามีภรรยากลั้นหายใจในทันใด รอรับชมละครฉากสนุกเงียบๆเจี่ยชิงอวิ๋นกินน้ำแกงยาผสมบางอย่างเข้าไปเรียบร้อยแล้วก็ฝันร้ายอยู่ตลอดนางสะลึมสะลือ คิดว่า
หร่านถิงประกบมือเข้าหากันอย่างถ่อมตนพลางพูด “ผู้น้อยไม่กล้ารับความดีความชอบขอรับ”“พูดเรื่องความดีความชอบ เรื่องวันนี้ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”นับตั้งแต่หงเจาและหร่านถิงคบหาดูใจกัน เขาก็กลายเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกู้หว่านเยว่ทว่าปกติมีเรื่องให้ใช้งานเขาน้อยมาก วันนี้ก็ได้ใช้งานแล้วมิใช่หรือ“ผู้น้อยขอตัวก่อน”หร่านถิงถนอมช่วงเวลาสงบสุขที่ได้ใช้กับหงเจาเป็นพิเศษ กลัวกู้หว่านเยว่ไม่ชอบเขาจึงรีบถอนตัวจากไปชิงเหลียนและหงเจาเดินเข้ามา“ฮูหยิน เช่นนั้นนางจะทำเยี่ยงไร?”“ขังนางไว้ก่อน ให้หมอมาดูอาการนาง อย่าให้ถูกกระตุ้นมากเกินไปจนตาย”บัดนี้ยังไม่ยืนยันอย่างแน่นอนว่าหนอนกู่อยู่ภายในซองจดหมายจริง หลังถอนหนอนกู่ออกจากร่างกายซูจิ่งสิงแล้ว ถึงจะสามารถจัดการนางได้“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนรีบขังคนไว้หงเจากลับออกไปพบหร่านถิง “ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ท่านช่วยฮูหยินครั้งใหญ่ ฮูหยินจะต้องตกรางวัลท่านอย่างงามแน่”หร่านถิงยิ้มขมปร่า สบมองสตรีตรงหน้า“ตราบใดที่ฮูหยินไม่คัดค้านข้าคบหากับเจ้า ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”พวงแก้มหงเจาแดงเรื่อ“เหตุใดดีต่อข้าถึงเพียงนี้?”หร่านถิงผ่านสตรีมาน
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เจ้าระวังหน่อย หนอนกู่นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก อย่าปล่อยให้มันเข้าไปในรูจมูกของเจ้าได้ ใช้ผ้าอุดรูจมูกและใบหูเอาไว้เถอะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้านางหยิบผ้าออกมาหนึ่งผืนจากใต้วงแขน อุดรูจมูกและใบหูไว้แล้วผู้เฒ่าหวงหยิบซองจดหมายออกมา วางซองจดหมายลงไปในน้ำอย่างระมัดระวังผ่านไปครู่หนึ่งซองจดหมายก็มีท่าทีตอบสนองต่อน้ำยาที่อยู่ภายในอ่าง แผ่กลิ่นหอมแปลกบางอย่างออกมา“กลิ่นนี้หอมเหลือเกิน”“ฮ่าๆๆๆ ไม่เพียงแค่เจ้าที่คิดเช่นนี้ หนอนกู่เองก็คิดเช่นนี้ มันได้กลิ่นหอมนี้แล้วย่อมออกมาอย่างว่าง่าย”กู้หว่านเยว่เข้าใจหลักการแล้ว พยักหน้าลง“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”“เร็ว หยิบขวดใบหนึ่งให้ข้า”ผู้เฒ่าหวงออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นหนึ่งประโยค ภายในกล่องเครื่องมือมีขวดมากมาย กู้หว่านเยว่เลือกมาหนึ่งอัน รีบส่งถึงมือผู้เฒ่าหวงจากนั้นก็ได้เห็นหนอนกู่ตัวเล็กมากหนึ่งตัวคลานออกจากซองจดหมาย ทั้งตัวหนอนเป็นสีดำ ซ่อนตัวภายในความมืดย่อมแยกไม่ออกหากไม่ใช่มันปีนออกมาด้วยตนเอง กู้หว่านเยว่ย่อมคิดไม่ถึงว่าภายในร่องรอยความมืดดุจหมึกนี้ ถึงขั้นยังซ่อนหนอนกู่ตัวหนึ่งไว้ก็ไม่รู้ว่าเพราะผลกระทบจากน้ำย
หลังผู้เฒ่าหวงรับมีดสั้นไป จึงกรีดข้อมือซูจิ่งสิงออกจนเป็นแผล“นังหนู เจ้าสายตาดีกว่าข้า อีกเดี๋ยวตอนที่หนอนกู่คลานออกมาเจ้ารีบใช้ขวดหยก จับหนอนไว้ตั้งแต่แรกเลยนะ”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่รีบนำขวดที่ใส่หนอนกู่ตัวแม่ออกมา วางไว้ด้านข้าง แล้วรออย่างจดจ่อผู้เฒ่าหวงหยิบธูปหนึ่งก้านออกมา แล้วจุดไฟ“นี่คือสิ่งใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“นี่คือธูปหอม สามารถทำให้แม่หนอนกู่เหน็บชา ทำให้นางปล่อยสัญญาณผิดพลาด ให้ลูกหนอนกู่ออกมาจากร่างกายมนุษย์” ผู้เฒ่าหวงอธิบาย“สิ่งที่หนอนกู่ทนไม่ได้ที่สุดก็คือธูปหอม”“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้ากลิ่นธูปหอมนี้แข็งกร้าวมาก จุดเพียงไม่นาน ภายใจห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด“ออกมาแล้ว”จากนั้นผู้เฒ่าหวงทำท่าให้เงียบงดใช้เสียงกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ สายตาต่างมองไปที่บาดแผลเพียงไม่นาน กู้หว่านเยว่มองเห็นหนอนตัวหนึ่งซึ่งเล็กมาก บินออกมาจากบาดแผลของซูจิ่งสิงเมื่อลูกหนอนกู่ออกมา บินมุ่งหน้าไปหาขวดที่ใส่แม่หนอนกู่ทันที“ตอนนี้ละ!”ลูกหนอนกู่เข้าไปในขวดแล้ว กู้หว่านเยว่มือไวใจเร็ว รีบปิดฝาขวดหยกทันที“จับได้แล้ว”นางผ่อนลมหายใจ ใ
“น้องหญิงระวัง”ซูจิ่งสิงรีบกันกู้หว่านเยว่ไว้ด้านหลังหลังจากเจี่ยชิงอวิ๋นลุกขึ้น มีเพียงดวงตาที่ขยับ ราวกับหุ่นเชิดซูจิ่งสิงรู้สึกผิดปกติ จึงให้คนไปเรียกผู้เฒ่าหวงกลับมาอีกครั้งหลังจากผู้เฒ่าหวงดูอาการแล้วลูบเครา ส่ายหน้า“คนผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด ถึงกับใส่หนอนกู่ให้ตัวเองด้วย”“นางใส่หนอนกู่อย่างไรให้ตัวเองหรือ?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม “หนอนกู่หุ่นเชิด”ผู้เฒ่าหวงถอนหายใจมองแววตาของเจี่ยชิงอวิ๋น รู้สึกเสียดายเล็กน้อย“จากนี้คนผู้นี้ไม่ต่างจากศพเดินได้ ทำตามเพียงคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีอารมณ์นึกคิดของตัวเองอีกต่อไป”“ท่านหมายถึงนางหรือ”กู้หว่านเยว่มองเจี่ยชิงอวิ๋นด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง“นางทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดหรือ?”ผู้เฒ่าหวงพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้น”คนผู้นี้น่าจะสะเทือนใจมาก ไม่อาจยอมรับที่ตัวเองรับโจรเป็นบิดาช่วยคนชั่วก่อกรรม ทำให้สะเทือนใจเกินไป จึงทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดนับจากนี้ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับใครอีกเดิมทีกู้หว่านเยว่โกรธนางที่ใส่หนอนกู่ให้ซูจิ่งสิงโดยไม่สนใจสิ่งใด ตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาที่ว่างเปล่าของนาง ในใจกลับเกิดความสงสารขึ้นม
“คารวะพระชายา คารวะท่านอ๋อง”เจี่ยอวิ๋นรีบหยุด จากนั้นยิ้มแล้วทำความเคารพทั้งสองคนในใจกู้หว่านเยว่ยิ่งกระวนกระวาย“เกิดเรื่องใดขึ้น ทำไมสีหน้าย่ำแย่ขนาดนั้น?”ขอบตาเจี่ยอวิ๋นแดงก่ำ พร้อมยิ้มขมขื่น“ข้าน้อย พี่สาวของข้าน้อยตายแล้ว”“อะไรนะ?”กู้หว่านเยว่อุทานอย่างตะลึง นางจำได้ว่าวันนั้นในจวนสกุลหลี่ นางยังได้พบเจี่ยหงอีกฝ่ายอุ้มลูกเอาไว้ แม้สีหน้าจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เป็นโรคร้าย“จวนสกุลหลี่บอกว่าพี่สาวข้าเป็นโรคลำไส้อุดตันกะทันหัน ทำให้ปวดจนตาย”เจี่ยอวิ๋นใบหน้าขาวซีด แล้วรีบเอ่ยเตือน“ใช่สิ เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกเพียวเพียว กลัวนางจะตกใจมากเกินไป ขอพระชายาโปรดเก็บเป็นความลับ อย่าบอกนาง”“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อเจี่ยอวิ๋นไม่อยากบอก นางย่อมไม่พูดมากอยู่แล้วตอนนี้หลิ่วเพียวเพียวอยู่ในช่วงเวลาเฉพาะ อารมณ์ไม่ควรจะขึ้นลงมากเกินไป“จัดการงานศพแล้วหรือ?”ชั่วขณะนั้นกู้หว่านเยว่ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี ทั้งที่หลายวันก่อนยังเห็นดีๆ อยู่เลย นี่ก็กะทันหันเกินไป“ยังเลย”เจี่ยอวิ๋นส่ายหน้า เหมือนยากจะเอื้อนเอ่ย เขามองกู้หว่านเยว่
“ดังนั้น ความหมายของเจ้าคืออยากให้ข้าช่วยสืบเรื่องนี้หรือ?”กู้หว่านเยว่ฟังมาสักพัก จึงพอจะคาดเดาความหมายของเจี่ยอวิ๋นได้“นั่นคือพี่สาวแท้ๆ ของข้า ข้าไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน”ใบหน้าเจี่ยอวิ๋นขาวซีด ในดวงตามีความกังวล“ยิ่งไปกว่านั้น แม้พี่สาวข้าจะตายไปแล้ว แต่นางยังทิ้งบุตรสาวไว้อีกสองคน บุตรสาวทั้งสองไม่เป็นที่รักในจวนสกุลหลี่ แต่พวกนางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของข้า ข้าจะทำใจให้พวกนางอยู่ในถ้ำเสือได้อย่างไร”หากเจี่ยหงถูกหลี่เหวินซ้อมจนตายจริงๆ ลูกสาวทั้งสองอยู่ในสกุลหลี่ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดีไม่แน่ ต่อไปอาจต้องพบจุดจบเช่นเดียวกันกับมารดาของพวกนางแต่น่าเสียดายที่เหตุผลเหมือนกันกับที่เขาไม่สามารถตรวจสอบสาเหตุการตายของเจี่ยหงได้ แม้สกุลหลี่จะไม่ชอบหลานสาวทั้งสองคน แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นลูกหลานสกุลหลี่ เขาไม่มีสิทธิ์ไปพาตัวมา“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่กำหมัดแน่น“ตอนนี้พี่สาวเจ้ายังไม่ฝังสินะ?”“ยังไม่ฝัง เดิมทีควรจะจัดงานศพเจ็ดวัน แต่ไม่รู้ว่าสกุลหลี่ละอายใจหรือว่าด้วยเหตุใด จึงจัดงานศพเพียงสามวันแล้วทำพิธีฝัง วันนี้ก็คือวันทำพิธีฝัง”เจี่ยอวิ๋นรีบเอ่
“เกิดอะไรขึ้น?” สองแม่ลูกลนลานทันทีพ่อบ้านส่ายหน้า“ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นทหารกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้แต่ไกล จึงรีบเข้ามารายงานขอรับ”“ท่านแม่”หลี่เหวินกินปูนร้อนท้อง“ต้องเป็นเรื่องของเจี่ยหงแพร่งพรายแล้วแน่ๆ”“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ข้าปิดข่าวอย่างดี ไม่มีทางแพร่งพรายเด็ดขาด”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยังคงส่ายหน้า“ท่านลืมเจี่ยอวิ๋นไปแล้วหรือ?” หลี่เหวินตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกง “ต้องเป็นเขาไปแจ้งทางการแน่ ท่านแม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”“อย่าลนลาน”ดวงตาฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลิ้งไปมา ใบหน้าเผยความอำมหิต“รีบไป ให้คนไปเอาคบเพลิงมา”“ท่านแม่ ท่านคิดจะ...”หลี่เหวินรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ตอนตีเมียเขาไม่ออมมือสักนิด แต่ความจริงเป็นพวกกระจอก“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม? ไปเอาคบเพลิงมาสิ”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สั่งการอย่างระอาความไม่เอาไหน ไม้เท้าตกไปอยู่บนตัวพ่อบ้าน“เจ้ารีบพาคนออกไป แล้วรั้งพวกเขาเอาไว้”พอดีกับเด็กทั้งสองคนร้องไห้อย่างน่าเวทนา พ่อบ้านหันมองพวกนางแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วรีบออกไป“ให้คนล้อมจวนสกุลหลี่เอาไว้ อย่าให้ออกไปได้แม้แต่แมลงวันตัวเดียว”ขณะนี้ กู้หว่านเยว่และซูจิ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้