Share

บทที่ 14

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ

“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”

จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพ

ปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลก

การคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมาก

แม่นางกู้กลับสังเกตเห็น

ยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขา

จางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า

ในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยกับจางเอ้อร์ ก็กำหมัดแน่น

เห็นได้ชัดว่านางมีเสน่ห์มากกว่ากู้หว่านเยว่มาก แต่นักการพวกนี้กลับตะคอกใส่นาง ทว่ากลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับกู้หว่านเยว่

ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง หลังจากที่กลับไปนางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่จิ่ง ดูสิว่าพี่จิ่งจะมองนางอย่างไร หึ ๆ

ระหว่างทาง กู้หว่านเยว่ดูเหมือนกำลังแกล้งหลับ แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางเข้าไปอยู่ในมิติ มองไปยังกองสิ่งของที่ปล้นมาจากห้องใต้ดิน นางก็ครุ่นคิดอย่างหนัก

สุดท้ายก็ตัดสินใจแกล้งตายต่อหน้าซูจิ่งสิง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ความลับเรื่องมิติ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แค่ไม่ยอมรับก็พอแล้ว

ถ้าเขามีแผนร้าย นางก็จะกำจัดเขาแล้วหนีไป

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็ตามทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยม

ซูจิ่งสิงเห็นนาง ก็พูดเพียงประโยคเดียว “ขนมาหมดแล้วหรือ?”

“อืมๆ!”

นางกู้หว่านเยว่ลงมือ จะมีของที่ขนไม่หมดได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรอฟังต่อ ก็เห็นซูจิ่งสิงทำหน้าพึงพอใจ หลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก

กู้หว่านเยว่ที่เตรียมคำพูดไว้อย่างเต็มที่ ?

“ท่านจะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?” ของเยอะขนาดนั้น ไม่ถามถึงที่มาที่ไปหน่อยหรือ?

“ไม่ถาม ข้าเชื่อใจเจ้า”

กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงจะพูดว่าเชื่อใจนาง หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยก็ยิ้มออกมา แต่ซูจิ่งสิงไม่ถาม ก็ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองเวลาอธิบาย

“หว่านเยว่ กิน กินข้าว...” เวลานี้นางหยางยกข้าวสวยร้อน ๆ มาหนึ่งชาม พร้อมกับลูบมือ “จิ่นเอ๋อเป็นคน ทำ”

กู้หว่านเยว่หันไปมอง

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มให้นางอย่างเขินอาย “ข้าเห็นพวกเขาไปยืมครัวของโรงเตี๊ยมใช้กัน ข้าก็เลยไปยืมมาทำกับข้าวบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ พี่สะใภ้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...”

กู้หว่านเยว่ลองชิมคำหนึ่ง ข้าวผัดผักที่ไม่มีน้ำมัน แถมยังไหม้เล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ

แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูจิ่นเอ๋อมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำไปหมด นางหลุดหัวเราะออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้

“ไม่อร่อย แต่ความตั้งใจดีเยี่ยม!”

“พี่สะใภ้ ท่านพูดอะไรดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ!”

ซูจิ่นเอ๋อแกล้งกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำชมจากกู้หว่านเยว่

ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นฉากนี้ก็รู้สึกแสบตา นางตัดสินใจเข้าไปหาเรื่องกู้หว่านเยว่ เดินไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิงแล้วพูดอย่างมีเลศนัย

“พี่ชาย พี่สะใภ้เก่งจริง ๆ ไม่เหมือนข้าที่ไร้ความสามารถ นักการพวกนั้นดีกับพี่สะใภ้มาก ตอนกลับมาก็ยังช่วยพี่สะใภ้ขนของด้วยนะ”

เมื่อเห็นแผนการยุยงแสนโฉ่งฉ่างของนางชาเขียว* แล้ว กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็หัวเราะหึ ๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วรอดูความสนุกสนาน

ซูจิ่งสิงหลับตา “หว่านเยว่ของพวกเราเก่งอยู่แล้ว”

“...” พี่ชายไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า?

หลี่ซือซือพูดติดขัด ก่อนจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “พี่สะใภ้กับนักการที่ชื่อจางเอ้อร์ส่งสายตาให้กัน แถมยังจับมือกันอีก ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...

โอ๊ย พี่ชาย ข้าไม่ได้หมายความว่าพี่สะใภ้ใจง่าย มีอะไรกับนักการคนนั้น ท่านอย่าเข้าใจพี่สะใภ้ผิดนะ”

“พรวด!” ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็ทนไม่ไหว เกือบจะพ่นข้าวออกมาเพราะหัวเราะ

วันนี้นางได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่านางชาเขียวที่ชอบเสี้ยม

หลี่ซือซือเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับไปมองซูจิ่งสิงอย่างเว้าวอน “พี่ชาย ตอนนี้ท่านบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าบางคนจะไม่ซื่อสัตย์...”

“เจ้าพูดจบหรือยัง?”

ซูจิ่งสิงทนเสียงรบกวนของหลี่ซือซือไม่ไหวแล้ว จึงลืมตาขึ้น หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่แอบหัวเราะอยู่ไม่ไกล เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบดูเรื่องตลกจริง ๆ

คำพูดเย็นชาหลุดออกมา

“ไสหัวไป”

“พี่ชาย ท่าน...”

หลี่ซือซือขอบตาแดงก่ำ นางพูดจาแย่ ๆ ขนาดนี้แล้ว พี่ชายยังเชื่อกู้หว่านเยว่อีก

เขาถูกกู้หว่านเยว่ทำของใส่หรือเปล่านะ?!

สุดท้ายก็ทนสายตาเย็นชาของซูจิ่งสิงไม่ไหว นางจึงปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป

ซูจิ่งสิงหลับตาลงด้วยความรังเกียจ

“พี่ซือซือ ทำไมพูดอะไรแปลก ๆ” ซูจื่อชิงย่นจมูก ด้วยความที่เขายังเด็กจึงไม่เข้าใจว่านางชาเขียวคืออะไร รู้สึกเพียงว่าหลี่ซือซือแปลกมาก

ซูจิ่นเอ๋อก็กะพริบตาอย่างงุนงง นางจำได้ว่าพี่ซือซือ เป็นคนอ่อนโยนและใจกว้างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?

ทางด้านนี้ นางจินเห็นหลี่ซือซือร้องไห้กลับมา จึงสะกิดมือลูกชายคนโตอย่างซูเช่อ ให้เขาเข้าไปปลอบ

“ข้าไม่ไป ข้าไม่อยากไป”

ซูเช่อหันหลังให้เตียง แค่มองหลี่ซือซืออีกแวบเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

นางจินแสดงสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้ทั้งสองดูเหมือนจะชอบพอกัน จึงหาโอกาสจัดการเรื่องแต่งงานไปด้วยเลย

แม้จะถูกเนรเทศ แต่เรื่องสำคัญในชีวิตจะช้าไม่ได้

เหตุใดหลังจากออกไปซื้อของกลับมา ลูกชายก็มองหลี่ซือซือเหมือนกับเห็นผี

นางจินสมองไม่ค่อยดี และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหร่านหร่านกลับเหลือบมองหลี่ซือซือแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางบ้านสาม จากนั้นพูดด้วยเสียงเบา ๆ

“ท่านแม่ ถ้าพี่ใหญ่ไม่อยากไปก็ช่างเถอะ”

นางจินพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงยอมแพ้ มองซูอวี่ของบ้านรองที่เข้าไปประจบประแจงหลี่ซือซือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทานอาหารเสร็จ นักการก็เร่งให้ทุกคนออกเดินทาง

เมืองอูอวิ๋นเป็นเพียงจุดพักชั่วคราว ไม่สามารถอยู่นานเกินไป มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง

แม้จะเป็นกระท่อมที่แข็งกระด้าง แต่ก็ยังเป็นบ้านที่พอจะเป็นที่กำบังได้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าต้องไป ก็พากันคร่ำครวญด้วยความอาลัย

“ให้พวกเขารีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินทาง ได้ยินมาว่าสุสานหลวงถูกโจรกรรม พวกเรารีบไปก่อนดีกว่า จะได้ไม่โดนลูกหลง”

ซุนอู่กำชับเหล่านักการ

เขาเพิ่งจะทราบข่าวการโจรกรรมสุสานหลวงเมื่อครู่นี้เอง

สุดยอดจริง ๆ ได้ยินมาว่าสุสานหลวงทั้งสุสานถูกปล้นจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ไม่เหลืออะไรเลย

โจรพวกนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

เมืองอูอวิ๋นไม่ควรอยู่ต่อ รีบไปกันเถอะ

เมื่อนักการได้รับคำสั่งแล้ว ก็หยิบแส้ออกมาเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง ดังนั้น กลุ่มคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังนอกเมือง

เส้นทางข้างหน้าคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็สามสี่วันจะไม่เจอเมืองเลย

นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายเป็นเวลาสามถึงสี่วัน

ตอนกลางคืน ทุกคนเหนื่อยมากจนล้มนอนลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของกู้หว่านเยว่ ทุกคนแทบจะเบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ

*นางชาเขียว ใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่ดูเหมือนไร้เดียงสา แต่จริง ๆ แล้วร้ายลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Toy M
ในซีรีย์ระหว่าทางนางเอกช่วยรักษาพระเอกเอายาฆ่าเชื่อใส่ในถุงน้ำให้พระเอกกินตลอดและรักษาจนพระเอกเดินได้ นิยายทำไมไม่มี
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สะใจ ขนทองไปให้หมด เยี่ยม ให้ฮ่องเต้ร่ำไห้ไป จะเอาผิดใครก็ไม่ได้
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกทุกตอนค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1990  

    นางพูดอ้อม ๆ “จู่ ๆ เด็กสองคนนี้ก็แยกจากกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ชินนะสิเจ้าคะ เช่นนั้นก็ เช่นนั้นก็ให้เหวินน้อยของเราเข้าวังไปด้วย....” แม้ว่าซุนเหวินจะเป็นเด็กโง่เขลา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาว ฮูหยินซุนยังอยากพยายามช่วยเหลืออยู่ดี กู้หว่านเยว่มองไปทางจี้เยว่ “เจ้าชอบเล่นกับซุนเหวินหรือไม่?” จี้เยว่ดูจะสับสนเล็กน้อย นางรู้ว่าซุนเหวินเป็นใคร เป็นพี่หญิงเหวิน “พี่หญิงเหวินเหยียบกระต่ายข้าตายไปหนึ่งตัว” ดวงตาของนางแดงก่ำ กู้หว่านเยว่เอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของจี้เยว่อย่างอ่อนโยน “อย่าเสียใจไปเลย ข้ามีวิธีช่วยชีวิตกระต่ายตัวนั้น วันหน้าข้าจะพากระต่ายตัวนั้นไปคืนเจ้าดีหรือไม่?” จี้เยว่พยักหน้า “อื้อ!” ฮูหยินซุนที่อยู่ข้างกายถึงกับเหงื่อออกเปียกชุ่ม “เหอะ ๆ คงเป็นเพราะเด็ก ๆ เล่นซน ไม่ระวังเลยออกแรงเกินไปหน่อย” ครั้นนึกถึงความไม่เอาไหนของบุตรสาวของตน บางทีอาจจะแอบทำเรื่องโหดร้ายอย่างเหยียบกระต่ายของน้องเยว่จนตายก็ได้ ทันทีที่เงยหน้า ก็เห็นองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่นอกจวนแล้ว ในมือถือหอกกันทุกคน สีหน้าตึงเครียด หากมีสิ่งใดผิดปกติคงจะพุ่งเข้ามาทันที ฮูหยินซุนไม่กล้าพูดจ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1989  

    “มัวยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบอุ้มคุณหนูออกไปสิ ปล่อยให้พูดจาเพ้อเจ้อจนคนในวังมาได้ยินเข้า จะรอรับโทษอย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินซุนโบกมือไล่อย่างขุ่นเคือง บุตรสาวผู้ไม่เอาไหน เวลานี้ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย หากนางฉลาดกว่านี้ คงหาโอกาสตีสนิทกับยัยบ๊องผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ประโยชน์ ถูกพาตัวเข้าไปในวังด้วยก็ได้ ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? มีแต่จะทำให้คนในวังไม่พอใจ คิดว่าบุตรสาวของสกุลซุนไม่รู้ความ สาวใช้จึงเดินรุดหน้า อุ้มซุนเหวินไปตำหนักหลัง ใบหน้าเล็ก ๆ ของซุนเหวินแสดงสีหน้าตื่นตระหนกราวกับฟ้าถล่มก็มิปาน ไม่นานก็ถูกพาออกไป ฮูหยินซุนลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ทางครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้กู้หว่านเยว่ออกนอกวังอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ใครนัก เมื่อรถม้าหยุดลงนอกจวนซุน คนที่เดินเข้ามาต้อนรับก็มีแต่คนของสกุลซุน ฮูหยินซุนเห็นเสลี่ยงปักษาของพระมเหสีแต่ไกล รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก รีบรุดหน้า แล้วคุกเข่ากราบหัวโขกดินด้วยความเคารพ “ข้านางซุนของเข้าเฝ้าพระมเหสีเจ้าค่ะ ขอให้พระมเหสีมีพระชนม์ยืนนานหมื่น ๆ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1988  

    จ้านจ้านกลอกตาเล็กน้อย “นี่มันขนมของเด็ก ข้าไม่กินแล้ว เจ้ากินเถอะ” จี้เยว่ยังคงดื้อดึง “อร่อย ให้พี่ชายกิน” จ้านจ้านไม่ต้องการ เขาไม่ได้พูดโกหก เขาไม่กินอมยิ้มมานานมากแล้ว ป้ายางเคยบอกว่า กินอมยิ้มเยอะจะทำให้ฟันจะผุง่าย เขาจึงไม่กิน แต่จี้เยว่ก็เหมือนปลาสเตอร์เหนียวหนึบ หากเขาไม่ยอม นางก็จะตามติดเขา และมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ช่างเถอะๆ ข้ากินหนึ่งเม็ดก็ได้” จ้านจ้านยอมแพ้ กู้หว่านเยว่มองการกระทำของเด็กทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ และคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่นาน เสียงของชิงเหลียนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “พระมเหสี คนของจวนซุนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่พยักหน้า เมื่อวานก็มีคนจากสกุลซุนมาหา บอกว่าพวกเขาจะพาจี้เยว่เข้าวัง วันนี้ตั้งใจจะมาเก็บข้าวของของจี้เยว่ ภายในจวนซุน มีเด็กสาวที่ดูโตกว่าหน่อยจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกัน “เมื่อวานคนในวังบอกว่าจะพายัยบ๊องผู้นั้นเข้าไปอยู่ในวัง” เหตุใดโชคชะตาของยัยบ๊องถึงได้ดียิ่งนัก?” คนที่พูดคือคุณหนูใหญ่ของสกุลซุน ปีนี้อายุหกขวบกว่าแล้ว นางคอยติดตามอยู่ข้างกายของฮูหยินซุน ได้รับการอบรมสั่งสอนจนฉลาดปราดเปรื่อง เวลา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1987  

    เช่นนั้นแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ก็ยังทำไม่ได้ ดูท่าทางสถานการณ์ของซูจิ่นเอ๋อร์คงจะเข้าขั้นวิกฤตเสียแล้ว ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นกู้หว่านเยว่เงียบไป ก็แทบจะร่ำไห้ด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังจะบอกข้าว่าข้าจะมีบุตรไม่ได้ตลอดชีวิตใช่หรือไม่เจ้าคะ?” กู้หว่านเยว่รีบเอ่ย “อย่าพูดจาเหลวไหล” ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่นางกลัวจริง ๆ กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน อาการป่วยนี้ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายขาดในทันที จะรีบร้อนไม่ได้ “เอาอย่างนี้ ข้ามีธุระต้องออกนอกวัง เจ้าอยู่รอข้าในวังไปก่อน รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยกลับมาตรวจชีพจรให้เจ้า ดูว่าเจ้าเป็นอะไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ร้อนใจอยู่ภายใน อย่าว่าแต่ครึ่งวันเลย แม้แต่เสี้ยววินาทีนางก็รอไม่ได้ แต่ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่มีธุระก็คงห้ามอะไรไม่ได้ จึงฝืนใจพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไปจัดการธุระของท่านก่อนเถอะ ข้าจะรอท่านเสร็จธุระอยู่ในวัง” กู้หว่านเยว่เอ่ยโน้มน้าว “เจ้าอย่ากังวลไปเลย เรื่องมีบุตรเราบังคับกันไม่ได้ ยิ่งเครียดยิ่งมียาก” “เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจฟัง หลังจากที่พบว่าตัวเองมีบุต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1986  

    ชิงเหลียนอุ้มเด็กน้อยออกไป เมื่อถึงเวลานอนในยามค่ำคืน กู้หว่านเยว่สั่งให้คนอุ้มจ้านจ้านเข้ามา ทั้งสามคนนอนพูดคุยอยู่บนเตียงเดียวกัน กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ราบแห่งความโกลาหลให้จ้านจ้านฟัง จ้านจ้านที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเรื่องเล่า ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา กู้หว่านเยว่ตบหลังของจ้านจ้านเบา ๆ สายตาอบอุ่น “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว เรานำเรื่องนี้ไปหารือกับพี่สะใภ้ของเจ้าก่อนดีหรือไม่?” ภายในตำหนักของซูจิ่นเอ๋อร์ นางหยางคว้ามือของนาง แล้วทอดถอนใจ ในระหว่างการสนทนาเมื่อครู่นั้น ซูจื่อชิงได้เอ่ยถึงการตั้งครรภ์ของเมี่ยชิงหว่าน สีหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์ดูไม่ดีนัก นางหยางผู้เป็นมารดาเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีทักษะการแพทย์สูง ไม่แน่อาจจะมีวิธีการก็ได้” นัยน์ตาของซูจิ่นเอ๋อร์ฉายแววสับสน “แต่ปรมาจารย์แพทย์กล่าวไว้ว่าร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง การตั้งครรภ์ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก” นางอยากให้กู้หว่านเยว่ตรวจอาการให้นาง แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวัง หากแม้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ยังหาวิธีให้ไม่ได้ เกรงว่านางคงมีลูกของตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต “ท่านแม่ ข้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1985

    ซูจิ่งสิงนับญาติแล้ว ก็คือคนของราชวงศ์ต่อให้พูดว่าภายในใจของเขาเห็นนางหยางและซูจิ้งเป็นบิดามารดา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบซูจิ้งล้วนคิดว่าขุนนางและกษัตริย์แตกต่างกันมารยาทพิธีการต้องครบถ้วน ถึงจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สกุลซูดียิ่งขึ้นอีกด้วย“ท่านปู่ ท่านมานั่งเถอะ” จ้านจ้านสืบเท้าขึ้นมา จูงซูจิ้งไปนั่งซูจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ หยิบขนมถังหูลู่ออกจากอกหนึ่งไม้“ให้เจ้า ปู่ซื้อมาจากนอกวัง”“ว้าว ขนมถังหูลู่นี่นา ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ”จ้านจ้านดีใจอย่างมาก เขาออกจากวังน้อยมาก ดังนั้นจึงอยากกินของนอกวังยิ่งนัก“กินช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” ใบหน้าซูจิ้งประดับยิ้ม มองดูแล้วรักเอ็นดูจ้านจ้านอย่างแท้จริงกู้หว่านเยว่กวาดตามองโดยรอบ “ใช่แล้ว เหตุใดไม่พาชิงหว่านเข้าวังเล่า?”หลังชิงหว่านแต่งงานกับจื่อชิงแล้ว ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขานางหยางยิ้มไม่หุบ ใบหน้าซูจื่อชิงสะท้อนแววเขินอาย “ชิงหว่านตั้งครรภ์ ตอนนี้หกเดือนแล้ว ร่างกายกำลังหนัก กลัวเกิดข้อผิดพลาดอันใด ข้าจึงส่งคนไปแจ้งข่าวนาง รอข้ากลับจวนแล้ว จะพูดกับนางด้วยตนเอง พรุ่งนี้ค่อยพานางมาพบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status