Share

บทที่ 14

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ

“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”

จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพ

ปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลก

การคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมาก

แม่นางกู้กลับสังเกตเห็น

ยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขา

จางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า

ในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยกับจางเอ้อร์ ก็กำหมัดแน่น

เห็นได้ชัดว่านางมีเสน่ห์มากกว่ากู้หว่านเยว่มาก แต่นักการพวกนี้กลับตะคอกใส่นาง ทว่ากลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับกู้หว่านเยว่

ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง หลังจากที่กลับไปนางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่จิ่ง ดูสิว่าพี่จิ่งจะมองนางอย่างไร หึ ๆ

ระหว่างทาง กู้หว่านเยว่ดูเหมือนกำลังแกล้งหลับ แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางเข้าไปอยู่ในมิติ มองไปยังกองสิ่งของที่ปล้นมาจากห้องใต้ดิน นางก็ครุ่นคิดอย่างหนัก

สุดท้ายก็ตัดสินใจแกล้งตายต่อหน้าซูจิ่งสิง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ความลับเรื่องมิติ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แค่ไม่ยอมรับก็พอแล้ว

ถ้าเขามีแผนร้าย นางก็จะกำจัดเขาแล้วหนีไป

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็ตามทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยม

ซูจิ่งสิงเห็นนาง ก็พูดเพียงประโยคเดียว “ขนมาหมดแล้วหรือ?”

“อืมๆ!”

นางกู้หว่านเยว่ลงมือ จะมีของที่ขนไม่หมดได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรอฟังต่อ ก็เห็นซูจิ่งสิงทำหน้าพึงพอใจ หลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก

กู้หว่านเยว่ที่เตรียมคำพูดไว้อย่างเต็มที่ ?

“ท่านจะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?” ของเยอะขนาดนั้น ไม่ถามถึงที่มาที่ไปหน่อยหรือ?

“ไม่ถาม ข้าเชื่อใจเจ้า”

กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงจะพูดว่าเชื่อใจนาง หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยก็ยิ้มออกมา แต่ซูจิ่งสิงไม่ถาม ก็ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองเวลาอธิบาย

“หว่านเยว่ กิน กินข้าว...” เวลานี้นางหยางยกข้าวสวยร้อน ๆ มาหนึ่งชาม พร้อมกับลูบมือ “จิ่นเอ๋อเป็นคน ทำ”

กู้หว่านเยว่หันไปมอง

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มให้นางอย่างเขินอาย “ข้าเห็นพวกเขาไปยืมครัวของโรงเตี๊ยมใช้กัน ข้าก็เลยไปยืมมาทำกับข้าวบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ พี่สะใภ้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...”

กู้หว่านเยว่ลองชิมคำหนึ่ง ข้าวผัดผักที่ไม่มีน้ำมัน แถมยังไหม้เล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ

แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูจิ่นเอ๋อมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำไปหมด นางหลุดหัวเราะออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้

“ไม่อร่อย แต่ความตั้งใจดีเยี่ยม!”

“พี่สะใภ้ ท่านพูดอะไรดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ!”

ซูจิ่นเอ๋อแกล้งกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำชมจากกู้หว่านเยว่

ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นฉากนี้ก็รู้สึกแสบตา นางตัดสินใจเข้าไปหาเรื่องกู้หว่านเยว่ เดินไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิงแล้วพูดอย่างมีเลศนัย

“พี่ชาย พี่สะใภ้เก่งจริง ๆ ไม่เหมือนข้าที่ไร้ความสามารถ นักการพวกนั้นดีกับพี่สะใภ้มาก ตอนกลับมาก็ยังช่วยพี่สะใภ้ขนของด้วยนะ”

เมื่อเห็นแผนการยุยงแสนโฉ่งฉ่างของนางชาเขียว* แล้ว กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็หัวเราะหึ ๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วรอดูความสนุกสนาน

ซูจิ่งสิงหลับตา “หว่านเยว่ของพวกเราเก่งอยู่แล้ว”

“...” พี่ชายไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า?

หลี่ซือซือพูดติดขัด ก่อนจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “พี่สะใภ้กับนักการที่ชื่อจางเอ้อร์ส่งสายตาให้กัน แถมยังจับมือกันอีก ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...

โอ๊ย พี่ชาย ข้าไม่ได้หมายความว่าพี่สะใภ้ใจง่าย มีอะไรกับนักการคนนั้น ท่านอย่าเข้าใจพี่สะใภ้ผิดนะ”

“พรวด!” ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็ทนไม่ไหว เกือบจะพ่นข้าวออกมาเพราะหัวเราะ

วันนี้นางได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่านางชาเขียวที่ชอบเสี้ยม

หลี่ซือซือเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับไปมองซูจิ่งสิงอย่างเว้าวอน “พี่ชาย ตอนนี้ท่านบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าบางคนจะไม่ซื่อสัตย์...”

“เจ้าพูดจบหรือยัง?”

ซูจิ่งสิงทนเสียงรบกวนของหลี่ซือซือไม่ไหวแล้ว จึงลืมตาขึ้น หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่แอบหัวเราะอยู่ไม่ไกล เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบดูเรื่องตลกจริง ๆ

คำพูดเย็นชาหลุดออกมา

“ไสหัวไป”

“พี่ชาย ท่าน...”

หลี่ซือซือขอบตาแดงก่ำ นางพูดจาแย่ ๆ ขนาดนี้แล้ว พี่ชายยังเชื่อกู้หว่านเยว่อีก

เขาถูกกู้หว่านเยว่ทำของใส่หรือเปล่านะ?!

สุดท้ายก็ทนสายตาเย็นชาของซูจิ่งสิงไม่ไหว นางจึงปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป

ซูจิ่งสิงหลับตาลงด้วยความรังเกียจ

“พี่ซือซือ ทำไมพูดอะไรแปลก ๆ” ซูจื่อชิงย่นจมูก ด้วยความที่เขายังเด็กจึงไม่เข้าใจว่านางชาเขียวคืออะไร รู้สึกเพียงว่าหลี่ซือซือแปลกมาก

ซูจิ่นเอ๋อก็กะพริบตาอย่างงุนงง นางจำได้ว่าพี่ซือซือ เป็นคนอ่อนโยนและใจกว้างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?

ทางด้านนี้ นางจินเห็นหลี่ซือซือร้องไห้กลับมา จึงสะกิดมือลูกชายคนโตอย่างซูเช่อ ให้เขาเข้าไปปลอบ

“ข้าไม่ไป ข้าไม่อยากไป”

ซูเช่อหันหลังให้เตียง แค่มองหลี่ซือซืออีกแวบเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

นางจินแสดงสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้ทั้งสองดูเหมือนจะชอบพอกัน จึงหาโอกาสจัดการเรื่องแต่งงานไปด้วยเลย

แม้จะถูกเนรเทศ แต่เรื่องสำคัญในชีวิตจะช้าไม่ได้

เหตุใดหลังจากออกไปซื้อของกลับมา ลูกชายก็มองหลี่ซือซือเหมือนกับเห็นผี

นางจินสมองไม่ค่อยดี และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหร่านหร่านกลับเหลือบมองหลี่ซือซือแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางบ้านสาม จากนั้นพูดด้วยเสียงเบา ๆ

“ท่านแม่ ถ้าพี่ใหญ่ไม่อยากไปก็ช่างเถอะ”

นางจินพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงยอมแพ้ มองซูอวี่ของบ้านรองที่เข้าไปประจบประแจงหลี่ซือซือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทานอาหารเสร็จ นักการก็เร่งให้ทุกคนออกเดินทาง

เมืองอูอวิ๋นเป็นเพียงจุดพักชั่วคราว ไม่สามารถอยู่นานเกินไป มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง

แม้จะเป็นกระท่อมที่แข็งกระด้าง แต่ก็ยังเป็นบ้านที่พอจะเป็นที่กำบังได้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าต้องไป ก็พากันคร่ำครวญด้วยความอาลัย

“ให้พวกเขารีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินทาง ได้ยินมาว่าสุสานหลวงถูกโจรกรรม พวกเรารีบไปก่อนดีกว่า จะได้ไม่โดนลูกหลง”

ซุนอู่กำชับเหล่านักการ

เขาเพิ่งจะทราบข่าวการโจรกรรมสุสานหลวงเมื่อครู่นี้เอง

สุดยอดจริง ๆ ได้ยินมาว่าสุสานหลวงทั้งสุสานถูกปล้นจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ไม่เหลืออะไรเลย

โจรพวกนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

เมืองอูอวิ๋นไม่ควรอยู่ต่อ รีบไปกันเถอะ

เมื่อนักการได้รับคำสั่งแล้ว ก็หยิบแส้ออกมาเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง ดังนั้น กลุ่มคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังนอกเมือง

เส้นทางข้างหน้าคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็สามสี่วันจะไม่เจอเมืองเลย

นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายเป็นเวลาสามถึงสี่วัน

ตอนกลางคืน ทุกคนเหนื่อยมากจนล้มนอนลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของกู้หว่านเยว่ ทุกคนแทบจะเบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ

*นางชาเขียว ใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่ดูเหมือนไร้เดียงสา แต่จริง ๆ แล้วร้ายลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Toy M
ในซีรีย์ระหว่าทางนางเอกช่วยรักษาพระเอกเอายาฆ่าเชื่อใส่ในถุงน้ำให้พระเอกกินตลอดและรักษาจนพระเอกเดินได้ นิยายทำไมไม่มี
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สะใจ ขนทองไปให้หมด เยี่ยม ให้ฮ่องเต้ร่ำไห้ไป จะเอาผิดใครก็ไม่ได้
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกทุกตอนค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1848

    องค์หญิงเจ็ดทำหน้าเขินอาย “แต่ข้ากลับชอบคุณชายชุยนานแล้ว ทุกปีที่ในวังมีงานเลี้ยง จะสังเกตเห็นคุณชายตลอด”เห็นได้ชัดว่าชุยอวี้คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเจ็ดจะพูดเช่นนี้ เขาตะลึงไปครู่หนึ่ง“ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติที่องค์หญิงมีใจให้ แต่ข้าน้อยไม่เคยรู้เลย”“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เสด็จพ่อได้พระราชทานงานแต่งให้พวกเราแล้ว รอหลังจากพวกเราแต่งงานกัน ข้าจะดูแลคุณชายชุยอย่างดี และคอยเกื้อหนุนสามีสั่งสอนลูกหลาน พยายามเป็นภรรยาที่ดีแน่นอน”สายตาองค์หญิงเจ็ดเขินอาย สามารถมองออกว่านางชอบชุยอวี้จริงๆฉีเยว่ทำหน้าตะลึง กู้หว่านเยว่เหมือนคิดอะไรบางอย่าง“ดูเหมือนเจตนาของฮ่องเต้โยวหลานไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่แน่อาจจะลองถามความเห็นขององค์หญิงเจ็ดก่อนแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าการพระราชทานงานแต่งครั้งนี้ องค์หญิงเจ็ดนี่แหละที่เป็นคนไปขอฮ่องเต้โยวหลาน”“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ฉีเยว่กัดริมฝีปากแน่น “น้องเจ็ดรู้นานแล้วว่าข้าชอบคุณชายชุย อีกทั้งนางก็เคยอวยพรให้พวกเราจากใจจริง”ฉีเยว่เป็นคนโผงผาง เรื่องที่นางชอบชุยอวี้จึงไม่ใช่ความลับอะไรพี่ชายทุกคนรู้ คุณชายในราชสำนักหลายคนก็รู้ แม้แต่ตัวชุยอวี้เองก็อาจจะรู

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1847

    ตอนอยู่ร้านอาหารก็ถือว่าช่วยนาง และจ่ายเงินให้นางด้วยถ้าหากชุยเยว่ไม่ได้เต็มใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ เช่นนั้นก็ถือว่าช่วยเขาไปในตัว“องค์หญิงห้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของคุณชายชุยอยู่ที่ไหน?”“ข้ารู้”ฉีเยว่ตาเป็นประกาย สีหน้าตื่นเต้น“ขอบคุณคุณชายเผย ข้าพาท่านไปเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทั้งสองออกจากวังด้วยกัน ข่าวไปถึงหูของพระสนมโจวอย่างรวดเร็วหลังจากหมอผีช่วยรักษา ในที่สุดนางก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้งแล้ว“พระสนม องค์หญิงห้าไปกับคุณชายเผยได้อย่างไร?”“องค์หญิงห้าสำส่อนตั้งแต่เกิด มักชอบไปเที่ยวสถานอโคจร เพิ่งรู้จักเผยหยวนสองวัน ก็ไปไหนมาไหนกับเขาแล้ว ก็ถือว่าสอดคล้องกับนิสัยของนางแล้ว” พระสนมโจวหัวเราะเบาๆ อย่างเหยียดหยาม“เผยหยวนดื้อดึงเหมือนอาจารย์ของเขา ไม่ยอมทำงานให้พวกเรา พระสนม ท่านว่าจะหาโอกาสกำจัดพวกเขาเสียเลยดีหรือไม่ เผื่อพวกเขาทำงานใหญ่ของเราพัง”นางกำนัลเสนอความเห็นพระสนมโจวครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้า“หาโอกาสจัดการพวกเขาศิษย์อาจารย์พร้อมกันทีเดียวเลยก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่กับฉีเยว่ขี่ม้าออกจา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1846

    กู้หว่านเยว่เดาะลิ้น “องค์หญิงเจ็ด?”สองวันนี้นางก็ถือว่าศึกษาสถานการณ์ของราชวงศ์โยวหลานจนชัดเจนแล้ว ราชวงศ์โยวหลานมีองค์ชายทั้งหมดหกท่าน และองค์หญิงสองท่านองค์ชายทั้งหกท่านและรวมถึงองค์หญิงห้าฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าล้วนให้กำเนิดโดยฮองเฮา มีเพียงองค์หญิงเจ็ดที่ให้กำเนิดโดยพระสนมโจว นางเป็นคนถ่อมตนมาก แทบจะไม่มีตัวตนในราชวงศ์และเพราะองค์ชายองค์หญิงท่านอื่นล้วนเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เวลาเผชิญหน้ากับองค์หญิงเจ็ดที่เป็นพี่น้องต่างแม่ จึงยากจะหลีกเลี่ยงที่พวกเขาจะไม่ชอบนาง“การพระราชทานงานแต่งเป็นเรื่องของความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย องค์หญิงเจ็ดยินยอมหรือ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ถ้าหากองค์หญิงเจ็ดไม่ยินยอม ชุยอวี้ก็ไม่ยินยอมต่อให้ฮ่องเต้โยวหลานจะเอาแต่ใจอย่างไร ก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาสองคนถ้าหากเขาอยากพระราชทานงานแต่งจริงๆ ไม่สู้เปลี่ยนเป็นองค์หญิงห้ายังดีเสียกว่า เช่นนี้ทุกคนก็มีความสุข สามารถมองออกว่าชุยอวี้ก็มีใจให้องค์หญิงห้าเช่นกัน“น้องเจ็ดขอบพระทัยในพระกรุณาแล้ว”ฉีเยว่เช็ดเบ้าตาที่แดงก่ำ น้ำตายังคงไหลออกมาต่อเนื่อง“ถ้าหากตอนนี้เสด็จแม่ยังรู้สึกตัวก็คงดี นางจะต้องออ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1845

    “วางใจได้ๆ ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” หมอเทวดาเผยไม่ชอบหน้าพระสนมโจวนานแล้วก่อนหน้านี้พระสนมโจวก็เคยส่งคนมาเตือนเขาแบบอ้อมๆ สองครั้งหากไม่ใช่เพราะไม่อยากลดตัวไปทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง หมอเทวดาเผยคงแตกหักกับนางไปข้างหนึ่งนานแล้วไม่คาดคิดว่าพระสนมโจวยังไม่รู้จักเจียมตัว และยังถึงกับพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงน้อยองค์หญิงน้อยไม่ใช่คนประเภทยอมให้ใครรังแกง่ายๆ แคว้นเป่ยตี้ยังถูกนางไล่ตีจนหัวหด นับประสาอะไรกับนางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“ต่อไปถ้านางเรียกเจ้าอีก เจ้าก็อย่าไป ถ้ามีปัญหาอะไรตามมา อาจารย์จะช่วยเจ้าจัดการเอง”หมอเทวดาเผยเผลอคิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว“ขอบคุณท่านอาจารย์”กู้หว่านเยว่โบกมือด้วยรอยยิ้มตัวประกอบอย่างพระสนมโจวยังไม่ถึงขั้นสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง ตอนนี้นางหวังเพียงกู้หว่านเยว่จะสามารถพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาโดยเร็วนางจะได้รีบพาท่านพ่อท่านแม่กลับไปหาพี่ใหญ่หลังจากกลับไปนอนพักที่ห้องครู่หนึ่ง ตอนตื่นมาพบว่าหมอเทวดาเผยไม่อยู่แล้ว สอบถามนางกำนัลได้ความมาว่า เขาไปดูอาการป่วยของฮองเฮาอีกแล้วกู้หว่านเยว่กินข้าวเย็นคนเดียวเสร็จ ก็ออกไปเดินย่อยอาหารใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status