“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”ฟู่ชิงดิ้นพล่านด้วยความตกใจ ท่านแม่ทัพหลี่รีบรุดหน้าเข้าไปคว้าข้อมือของนางไว้ จากนั้นก็หยิบขนนกจุ่มยาและทาบนแขนของนางไม่นานผลลัพธ์ก็ปรากฏออกมาปานบนมือของฟู่ชิงเริ่มบวมแดงก่อนจะซีดและจางลงปานนของนางเป็นของปลอม!หนานหยางอ๋องผิดหวังอย่างมาก และรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย “เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของข้า? เจ้าเป็นใครกันแน่?”ฟู่ชิงไม่ยอมรับ ยอมรับก็เท่ากับยอมตาย นางกอดขาของหนานหยางอ๋องพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านพ่อ ข้าคือบุตรสาวของท่าน กู้หว่านเยว่ตั้งใจใช้กลอุบายมาใส่ร้ายข้า ท่านบอกว่าท่านจะพาข้าไปกราบคารวะท่านแม่ที่หนานหยาง ท่านลืมสิ้นแล้วหรือ?”“เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะพูดจาเหลวไหลอีก”เสียงของหวังปี้ดังขึ้นด้านนอก เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับ“หวังปี้เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?!” ท่านแม่ทัพหลี่ตบไหล่ของเขาด้วยความดีใจหวังปีลูบศีรษะของตัวเอง เขาดีใจที่ได้พบกับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง ไม่ยอมจากไปตามคำสั่งของพวกเขาสองคนจนได้เจอกับหลักฐานชิ้นนี้“ท่านอ๋อง นี่คือคู่มือนำทางและจดหมายที่ข้าหาเจอในห่อสัมภาระของสตรีผู้นี้ นางถูกคนจ้างวานมา ท่านรีบอ่านเถิด!”บ
ขณะที่กำลังพูดคุยนั้น เสียงกีบม้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นนอกหมู่บ้านผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยวิ่งตามจางเอ้อร์เข้ามา“โจรฆ่าคนกลุ่มนั้นอยู่ไหน?”“ใต้เท้า ตามข้ามา” ซุนอู่รีบลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินเข้าไปต้อนรับผู้ว่าการอำเภอของอำเภอชิงสุ่ยตลอดเส้นทางที่มานี่ จางเอ้อร์ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าการอำเภอฟังโดยประมาณแล้วดังนั้นเมื่อเจอกับ “ชาวบ้าน” เหล่านั้น ผู้ว่าการอำเภอก็หยิบป้ายประกาศออกมาเทียบกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายก็พยักหน้า“ไม่ผิด คนกลุ่มนี้คือโจรที่มีคดีความจริง ๆ ข้าตามหาพวกเขามานานแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปลอมตัวเป็นชาวบ้านและซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ท่านนักการซุน ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของท่าน ข้าจะรายงานตามความเป็นจริง!”ซุนอู่เลิกคิ้วและคลี่ยิ้มผู้ว่าการอำเภอสอบปากคำ “ชาวบ้าน” เหล่านั้นอีกพักใหญ่ จนได้รู้ว่าใต้บ่อแห่งนี้มีถ้ำสมบัติ เขาลูบปลายคาง ก่อนจะออกคำสั่งให้คนค้นหาผู้ตรวจการลงไปค้นหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับขึ้นมา “รายงานใต้เท้า ข้างล่างมีถ้ำอยู่จริง แต่ภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย”“เป็นไปไม่ได้!”“ผู้ใหญ่บ้าน” ตรากตรำขุดหาถ้ำสมบัติมาเนิ่นนานเพราะอยากเอาชนะ
เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากเปิดโปง “คุณหนูรอง” แล้ว ก็จะให้เมี่ยชิงหว่านได้พบกับหนานหยางอ๋องเพื่อรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ใครจะไปรู้ว่าหนานหยางอ๋องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป จนถึงขั้นจากไปแล้วหวังปี้เห็นสีหน้าปวดหัวของกู้หว่านเยว่ จึงรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของท่านอ๋องยังมีปัญหาอีกหรือ?”“ไม่ใช่หรอก ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”กู้หว่านเยว่โบกมือ ตอนนี้จะตามหนานหยางอ๋องไปก็ไม่ทันแล้วและดูเหมือนว่าหนานหยางอ๋องจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากฟู่ชิง ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาเมื่อครู่นี้ หากไปรับรองความสัมพันธ์ทางสายเลือดตอนนี้ เกรงว่าร่างกายของเขาจะรับความรู้สึกที่ผันผวนรุนแรงไม่ไหว“อาจเป็นเพราะวาสนาของพ่อลูกยังไม่มาถึง บังคับกันไม่ได้ พวกเราไม่ต้องใส่ใจมากนัก”ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้หนานหยางอ๋องถูกฮ่องเต้จับตามองอยู่ เมี่ยชิงหว่านอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบนางด้วยเสียงเบา กู้หว่านเยว่ลองคิดดูก็มีเหตุผล จึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อนกลุ่มคนเดินทางกันต่อไปกู้หว่านเยว่ใช้ระบบตรวจสอบแผนที่ พบว่าพวกเขาใกล้จะถึงเจดีย์หนิงกู่มากขึ้นเรื
“ท่าทางตอนเจ้าแต่งชายก็ไม่เลวนะ”ซูจิ่งสิงกระตุกมุมปาก เขาสามารถพูดได้หรือไม่ว่าภรรยาของเขาเมื่อแต่งเป็นชายนั้นดูหล่อเหลาเลยทีเดียว? หากเขาเป็นผู้หญิงคงจะต้องหวั่นไหวแน่ ๆ ทั้งสองคนต่างชมเชยกันไปมา จากนั้นก็มาถึงสกุลหมิงอย่างรวดเร็วยังไม่ทันได้เข้าประตู กู้หว่านเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าสกุลหมิงเพิ่งถูกปล้น คนรับใช้ทั้งหมดกำลังเก็บข้าวของและหนีไปคนละทิศละทางทั้งภายในเรือนและนอกเรือน ถูกทุบทำลายและปล้นชิงข้าวของเมื่อเห็นแล้วกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าสกุลฮั่วจะต้องการฮุบกิจการ แต่ก็ทำเกินไปแล้วกระมัง นี่มันกะจะกวาดล้างสกุลหมิงเลยนะ!เห็นว่ามีองครักษ์ล้อมรอบเรือนหลักไว้มากมาย ซูจิ่งสิงจึงอุ้มกู้หว่านเยว่ทะยานขึ้นไปบนหลังคา และทั้งสองก็มาถึงด้านบนของเรือนพอเปิดกระเบื้องหลังคามองลงไป ก็เห็นคุณชายสกุลฮั่วกำลังบังคับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“หมิงจู ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่ใช่คุณหนูสกุลหมิงอีกต่อไป ข้าชอบเจ้า ก็ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี อย่าให้ต้องลงเอยเหมือนพ่อแม่ของเจ้าเลย”“ฮั่วหวงซาน! เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าบีบพ
“เหตุใดจึงมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว คนอื่นในครอบครัวของเจ้าล่ะ? แล้วบ่าวไพร่ของเจ้าล่ะ?”แม้ว่าสกุลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คุณหนูมาถูกข่มเหงรังแกที่นี่ โดยไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่ข้างกายเลยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หมิงจูก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก“พ่อแม่ของข้าถูกบีบให้ตาย สาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกันกับข้า...ก็ถูกไอ้สารเลวสกุลฮั่วข่มขืนแล้วฆ่า บ่าวไพร่คนอื่นก็หนีไปบ้าง กระจัดกระจายกันไป ตอนนี้จวนสกุลหมิงเหลือแค่ข้าคนเดียวแล้ว”“สกุลฮั่วโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ในขณะที่กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สกุลฮั่วโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ไม่เหมาะที่จะร่วมมือด้วยแต่หมิงจูคนนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายาหมิงของมู่หรงอวี้ แต่ถ้าตนเองจะฉกตัวนางไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ได้?แต่การคิดเรื่องพวกนี้มันยังอีกไกล ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรีบออกจากสกุลหมิง พราะแม้แต่ตัวหมิงจูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด“แล้วตอนนี้เจ้ามีที่ให้ไปหรือไม่?”“มี สกุลโม่ของท่านปู่ข้าอยู่ทางตะวันตกของเมืองเหยียนสุ่ย ขอแค่กลับไปถึงจวนท่านตาได้ ข้าก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่า ร่างของท่านพ่อท่านแม
“ขอถามชื่อของท่านผู้มีพระคุณสักหน่อย ในอนาคตข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ”“ข้าสกุลกู้”“คุณชายกู้ ข้าไปก่อน หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่” หมิงจูมองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินจากไป“ไปกัน พวกเราไปดูที่สกุลฮั่วอีกสักหน่อย” กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมือ ตัดสินใจไปกวาดล้างสกุลฮั่วอีกสักรอบในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็เพิ่งมาถึงจวนสกุลหมิงมู่หรงอวี้มองฮั่วหวงซานที่สลบอยู่กับพื้นและถูกคนพยุงออกมา จึงเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะได้มาช่วยหญิงงาม? แล้วเหตุใดคุณหนูหมิงนั่นถึงหนีไปแล้ว?”หากกู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ คงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่หรงอวี้ ก็คือเถาเอ๋อร์คนที่หนีไปในคืนหิมะตกวันนั้นเถาเอ๋อร์ก็มึนงงเช่นกัน สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าเขียนไว้ว่าหมิงจูเสียตัวไปแล้วชัด ๆ ตอนนี้นางน่าจะกำลังคิดจะผูกคอตายนะ...”มู่หรงอวี้ฟังนางพูดจาเลื่อนลอย ใบหน้าก็เผยความรำคาญออกมาถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้สามารถบอกเรื่องราวที่เขาทำมาตลอดหลายปีได้อย่างแม่นยำ รู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา และยังบอกว่าจะช่
เวลานี้ รถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้รีบโอบเอวของเถาเอ๋อร์แล้วหมุนตัวลงสู่พื้น“แม่นางเถาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”“ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว”เถาเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปาก นี่มันเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าเลยนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ข้าเอาชนะใจไม่ได้“ครั้งหน้าต้องระวัง อย่ายืนริมถนน หากโดนรถม้าชน ข้าจะเสียใจเอานะ”“อืม”เถาเอ๋อร์พยักหน้า หัวใจเต้นแรง นี่นางจะได้มีความรักกับตัวละครในหนังสือแบบฟรี ๆ งั้นหรือ? ในเมื่อฟู่เยียนหรานไร้ประโยชน์ งั้นก็ให้นางเป็นพระมเหสีที่สวรรค์ประทานแทนก็แล้วกัน?“พวกเราขึ้นรถม้าก่อนเถอะ”ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อออกตามหาที่อยู่ของหมิงจูบนรถม้า เถาเอ๋อร์เหลือบมองกงซุนจ่างเย่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วเบะปากเอ่ยเตือน “ท่านอ๋อง กงซุนจ่างเย่เป็นแค่เหยื่อ สุดท้ายจะตายอย่างน่าอนาถ ข้าแนะนำให้ท่านอ๋องอย่าไปใกล้ชิดกับคนโง่เช่นนี้เลย”“เขาจะตายอย่างน่าอนาถ?”มู่หรงอวี้ชะงัก เขาอยากรู้ว่ากงซุนจ่างเย่จะตายอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงที่เถาเอ๋อร์เคยบอกว่าห้ามเปิดเผยความลับ เขาจึงอดทนไว้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าก็ไม่ชอบคนโง่
เท้าขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ดูแล้วน่าตกใจซูจิ่นเอ๋อร์เอามือปิดปาก นางคุยกับฟู่หลานเหิงมาตั้งนานแต่ไม่ทันสังเกตเห็น จึงแอบโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจมาก“โอ้พระเจ้า เหตุใดถึงบวมเหมือนบ๊ะจ่างลูกใหญ่ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่หลานเหิงกลัวว่าจะทำให้ทุกคนตกใจ จึงรีบปล่อยชายเสื้อลง จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากชั้นบน“ใต้เท้า บาดแผลที่ขาของท่านไม่สามารถยืนนานได้ ให้บ่าวพยุงท่านขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะเจ้าค่ะ”โอ้โห หลังจากที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ กู้หว่านเยว่ก็ตกตะลึง แม่นางคนนี้คือหยางหลิวครั้งที่แล้วซูจิ่นเอ๋อร์บ่นไปเยอะมาก บอกว่าหยางหลิวไปฟ้องแม่เล้า ทำให้พวกนางถูกแม่เล้าจับได้ เกือบจะซวยหนักแล้วหลังจากที่ฟังจบ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้เลย คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังหน้าด้านตามฟู่หลานเหิงมาอีก?“ท่านพานางมาอยู่ข้างกายทำไมกัน?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย ตามความเข้าใจของนางที่มีต่อฟู่หลานเหิง เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หลงใหลในรูปโฉมของผู้หญิงได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ สกุลฟู่เป็นสกุลที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริต เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัต
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป