กู้หว่านเยว่พูดไป เนี่ยชิงหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ฟื้นตัวได้ก็ดีแล้ว พี่หญิงกู้ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะจับตาดูเขาให้ดี ไม่ปล่อยให้เขาเดินเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด”ว่าแล้วก็รีบเข้าไปดูอาการของเฉิงเซวียนในห้อง กู้หว่านเยว่เช็ดมือ ขณะที่กำลังจะออกไปก็เห็นหญิงผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่นางยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ข้าเซี่ยเหอขอคารวะชายาท่านอ๋อง”ชิงเหลียนรีบอธิบาย “คุณหนูเซี่ยบอกว่านางมาขอโทษคุณชายเฉิง”เซี่ยเหออธิบายว่า “น้องชายของข้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง เหยียบขาของคุณชายเฉิง ข้านำอาหารเสริมมาให้โดยเฉพาะ ตั้งใจมาขอโทษคุณชายเฉิง”กู้หว่านเยว่มองไปทางด้านหลังของนาง ในมือของสาวใช้มีกล่องใส่ของใบใหญ่สองกล่อง ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารเสริม“คุณชายเฉิงอยู่ข้างใน เจ้าเข้าไปสิ”“ขอบคุณชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอรีบเดินเข้าไปข้างใน แต่เนื่องจากใช้กำลังกายมากเกินในการต่อกระดูก กู้หว่านเยว่จึงยังไม่ได้ออกไปทันที แต่นั่งกินของว่างอยู่ข้าง ๆ แทนด้วยเหตุนี้จึงได้ยินเนี่ยชิงหลานแผดเสียงลั่น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ยังทำให้ขาของท่านพี่ไม่สาหัสพออีกหรือ?“คุณหนูเนี่ย เจ้าใจเย็นก่อน
“ข้าไม่ได้ทำให้นางลำบากเลย” เนี่ยชิงหลานรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นางคุกเข่าลงเองต่างหาก”ขอบตาของเซี่ยเหอแดงก่ำ “ใช่แล้ว คุณชายเฉิง อย่าเข้าใจผิด เหอเอ๋อร์เป็นคนทำผิดก่อน คุณหนูท่านนี้จะระบายอารมณ์ใส่เหอเอ๋อร์สักเท่าใดก็ไม่เป็นไรหรอก”ชิงเหลียนกำลังยื่นน้ำชาให้กู้หว่านเยว่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็มองเซี่ยเหอด้วยความประหลาดใจนางติดตามฮูหยินมานาน ย่อมมองออกว่าเซี่ยเหอจงใจพลางเหลือบเห็นกู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างไม่สะทกสะท้าน นางจึงไม่พูดอะไรมากนัก ดูต่อไปเงียบ ๆเนี่ยชิงหลานเป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็กจนโต มีภูมิหลังสะอาดไม่มีความลับที่น่าละอาย เติบโตมาก็ท่องไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เห็นการรบราฆ่าฟันจนเคยชินการกระทำในครั้งนี้ของเซี่ยเหอทำให้นางรู้สึกสับสนจริง ๆไม่ใช่ ชัดเจนว่าคนที่ทำผิดคือพวกเขา ทำไมถึงทำเหมือนนางกำลังข่มเหงใคร?“ข้าไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เจ้า สิ่งที่ข้าพูดมาตลอดก็คือ ให้เรียกคุณชายเซี่ยมาที่นี่!”เซี่ยเหอดูตกใจกลัว ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเล็กน้อย จนทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางกำลังจะระเบิดอารมณ์ เฉิงเซวียนก็รีบดึงนางไว้“ใจเย็น ใจเย็น เปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเ
“หากคราวหน้าเซี่ยเหอมาทำให้เจ้าอึดอัดอีก ก็อย่ายืนเฉย ตอบโต้กลับไป ถึงเจ้าฝีปากจะสู้นางไม่ได้ แต่ฝีมือก็เก่งกาจกว่านางอยู่ดี”ดวงตาของเนี่ยชิงหลานสว่างไสวขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คราวหน้าหากรู้สึกสะอิดสะเอียนคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต้องโวยวาย ลงมือได้เลย!”กู้หว่านเยว่ส่งสายตาแบบเด็กที่โตแล้วให้นาง“แล้วพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”“ไม่ต้องสนใจเขา ขาหักก็ไม่ต้องสนใจ ใครใช้ให้เขาตาบอดล่ะ!”แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เนี่ยชิงหลานก็แค่โกรธ ดังที่คาดไว้เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ก็เห็นเฉิงเซวียนนอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสารโดยไม่มีใครสนใจ จึงถือข้าวเย็นเข้าไปดูเขา ไม่เหมือนกับที่พูดไว้เลยกู้หว่านเยว่กำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดเรียนของสำนักศึกษาถงซันในวันพรุ่งนี้อยู่ภายในเรือนหลายวันมานี้ นางคอยจับตาดูหนังสือโบราณและตำราเรียนบนแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่ตลอดเวลาพอเห็นหนังสือก็ซื้อมาเลยภายในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ก็รวบรวมหนังสือโบราณเอาไว้ได้นับพันเล่มแล้วไม่ถือว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับสำนักศึกษาเก่าแก่และครอบครัวขุนนางอายุนับร้อยปี มันยังไม่ควรค่าแก่การพิจารณาด้วยซ้ำแต่ก็ไม่เป็นไร สำนักศึกษาถงซันเพิ่ง
“ข้าน้อยหาในละแวกนี้นานมากแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยขององค์กรเลยขอรับ”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่โบกมือ“เจ้าหาต่อไปเถอะ”รอจนกระทั่งฉู่เฟิงจากไปแล้ว นางนึกคิดแล้วเข้ามิติ เปิดระบบระบุตำแหน่งซูจิ่งสิงเคยเข้ามิติมาก่อน ดังนั้นระบบสามารถอิงตามลมหายใจของเขา เพื่อหาร่องรอยของเขาได้ระบบระบุตำแหน่งอย่างว่องไว“นายหญิง อยู่ที่ใจกลางป่าเล็ก เดินเข้าไปข้างใน”“ขอบคุณมาก”ได้ยินถ้อยคำนี้ กู้หว่านเยว่ขี่ม้าเร็วเข้าไปในป่ามาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่งอย่างว่องไว“ท่านพี่ ท่านอย่าเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”กู้หว่านเยว่ภาวนาภายในใจ สรุปคือนางเพิ่งเดินเข้าถ้ำ ก็ได้เห็นภาพบาดตาเห็นเพียงสตรีชุดขาวคนหนึ่งกำลังหันหลังให้นาง ซูจิ่งสิงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังพิงร่างนางสตรีชุดขาวคล้ายได้ยินเสียงที่ปากถ้ำ หันหน้ามา“เจ้าเป็นใคร?”นางกอดซูจิ่งสิงไว้ สีหน้าท่าทางปกป้องเข้าข้างอย่างเต็มที่กู้หว่านเยว่เร่งเดินทางเข้ามา คิดไม่ถึงจะได้เห็นภาพซูจิ่งสิงพิงบ่าสตรีคนอื่นเช่นนี้ เดิมทีก็โมโหมากอยู่แล้ว ยังถูกสตรีชุดขาวคนนี้ถามไล่เรียงอีกโทสะพลุ่งพล่าน เดินเข้าไป ดึงซูจิ่งสิงขึ้น“ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง เจ้าพูดเ
เพิ่งขึ้นหลังม้า กู้หว่านเยว่ก็จับมือซูจิ่งสิงตรวจชีพจรเล็กน้อยสรุปคือถึงขั้นหาไม่พบว่าเขาถูกวางยาพิษอะไรดูท่าแล้วพิษนี้รับมือได้ยากอยู่บ้างจะต้องรีบพาคนกลับไป ยิ่งช้าก็ไม่แน่ว่าจะยิ่งอันตรายฉู่เฟิ่งเองก็มองออกแล้ว สีหน้านายท่านเผือดซีดดุจกระดาษ หลับตาแน่นทั้งสองข้าง เหงื่อผุดพราวเต็มศีรษะ มองดูแล้วคล้ายอาการแย่มาก“ฮูหยิน ตอนท่านไปได้พบกับเหยลวี่เจิงหรือ?”“เปล่า” กลับได้พบคนอื่น“ข้าว่าเจ้าไร้มารยาทเกินไปแล้วกระมัง ข้าตะโกนตามหลังนานมากเพียงนี้ เจ้าถึงขั้นขี่ม้าออกมาเช่นนี้ ทิ้งข้าไว้ข้างหลัง?”สตรีชุดขาวไล่ตามหลังมา สายตายามมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความโมโหระคนเขินอายเพื่อไล่ตามมาอย่างว่องไว ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บ้าง“ท่านอ๋องถูกวางยาพิษ รีบส่งเขาให้ข้า”สตรีชุดขาวเร่งรัด ทำเสียจนกู้หว่านเยว่พูดไม่ออก “ข้ารู้ว่าเขาถูกวางยาพิษ แต่ถือสิทธิ์อะไรต้องให้เจ้า?”“ขอล่ะ ตกลงเจ้าใช่ภรรยาจิ่งสิงหรือไม่ เหตุใดคล้ายไม่ใส่ความเป็นตายของเขาเลยเล่า? ในเมื่อเขาถูกวางยาพิษ ย่อมต้องรีบจัดการ!”สตรีชุดขาวลำพองใจหลายส่วน“ข้าเป็นวิชายุทธ์ สามารถใช้กำลังภายในยับยั้งอาการบาดเจ็บของเขาไว้ได้ช
พูดอ้อมค้อมอย่างสุภาพ กู้หว่านเยว่ก็เป็นเจ้านายของเขาครึ่งหนึ่งไฉนเลยเขาจะทำตามคำพูดของซวนลู่ ไปเป็นปรปักษ์กับนายท่านได้?“อะไรนะ ท่านอ๋องดีต่อนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง ยังไม่ยอมตัดใจ “แต่ตอนนี้ท่านอ๋องตกอยู่ในอันตราย กำลังภายในของข้าสามารถยับยั้งพิษของเขาได้ชั่วคราว”“ท่านอ๋องเป็นชายของข้า เขาถูกพิษ ข้าย่อมต้องใส่ใจ แม่ทัพซวนยังดูแลตนเองให้ดีเถอะ”กู้หว่านเยว่ได้เห็นท่าทีของฉู่เฟิงแล้ว คร้านจะสนใจซวนลู่ พาองครักษ์จันทราจากไป“เจ้า!”สายตาซวนลู่หนักอึ้ง “คุณหนูสูงศักดิ์สกุลกู้ตัวดี ดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว”นางยกเท้าไล่ตามไป อีกเดี๋ยวนางกลับอยากเห็น หากอาการของท่านอ๋องร้ายแรงยิ่งขึ้น กู้หว่านเยว่จะอธิบายเยี่ยงไรระหว่างทางกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับจวนกู้นางใคร่ครวญตลอดทาง ซูจิ่งสิงไล่ตามเหยลวี่เจิงไป ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดซวนลู่จึงไปอยู่ที่นั่นแต่ทั้งหมดเป็นเพียงการหยั่งเดาของนาง ทั้งหมดยังต้องรอซูจิ่งสิงฟื้นขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เข้าทางประตูข้าง อย่าทำให้คนอื่นตกใจ”โดยเฉพาะนางหยางและซูจิ้ง กังวลผู้เฒ่าทั้งสองจะรับไม่ไหว“ขอรับ”
ข้ารู้แล้ว เจ้าจะต้องได้ยินว่าข้าสามารถใช้กำลังภายในยับยั้งพิษของท่านอ๋องได้ดังนั้นเจ้าจึงว้าวุ่น คิดจะทำตัวโดดเด่นต่อหน้าท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะออกมาเพราะข้อสันนิษฐานของนางแล้ว ขมวดคิ้วมุ่น“เจ้าไม่ได้ป่วยกระมัง?”“เหตุใดเจ้าโจมตีข้าถึงเพียงนี้?” ซวนลู่มั่นใจบางอย่างแล้ว “จิตใจโหดเหี้ยมดังคาด”ชิงเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้าถือสิทธิ์อะไรปรักปรำฮูหยิน ฮูหยินเป็นวิชาแพทย์”ซวนลู่ไม่รู้จักชิงเหลียน ไม่ใส่ใจนาง เอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างห่วงใย“ข้าส่งคนไปขอร้องปรมาจารย์แพทย์แล้ว ข้าชี้แนะเจ้าอย่าได้ฝังเข็มท่านอ๋องด้วยตนเอง หาไม่แล้วหากเกิดเรื่องอะไร ใครก็รับผิดชอบไม่ไหว”นางเดินไปที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าปวดใจ คล้ายอยากเห็นซูจิ่งสิงทว่ายังไม่ทันถึงข้างเตียง กู้หว่านเยว่ก็ยกเท้าถีบนางออกไปอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกันก็แย่งเข็มเงินจากมือนางด้วย“สกปรกแย่แล้ว”นางโยนเข็มเงินของตนลงถังขยะอย่างรังเกียจ หมุนตัวเปลี่ยนเป็นเล่มที่สะอาดซวนลู่ถูกถีบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนงุนงงแล้ว“เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าถีบข้า!”รู้สึกตกตะลึงสั่นสะท้านภายในใจ สตรีคนนี้ถึงขั้นเป็นวิชายุทธ์ ดู
กู้หว่านเยว่หัวเราะ กลับเกิดความคาดหวังต่อคำพูดของชิงเหลียนภายในใจ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”ชิงเหลียนตอบตามสัตย์จริง “พวกบ่าวเป็นคนที่ท่านอ๋องชุบเลี้ยงไว้โดยเฉพาะ เพื่อปกป้องว่าที่พระชายา หากนางมีอะไรกับท่านอ๋องจริง บ่าวไม่มีวันไม่รู้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เองก็เชื่อซูจิ่งสิงกลับหึงหวงอย่างอดไม่ได้นางพูดอย่างนึกสนุก “รอเจ้านายของเจ้าฟื้นขึ้นมา ถามตัวเขาดูก็รู้แล้ว”“ฮูหยินถามก็พอ หากนายท่านมีอะไรกับนางจริง เช่นนั้นบ่าวก็ขอติดตามฮูหยิน!” ชิงเหลียนเอนเอียงไปทางกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เปลี่ยนเข็มเงิน ขับพิษให้ซูจิ่งสิงต่อไม่รู้ผ่านไปนานมากเพียงใด พิษที่ถูกกำลังภายในยับยั้งไว้ในร่างกายของซูจิ่งสิง กำเริบออกมาแล้วนี่เป็นสัญญาณดี มีเพียงเป็นเช่นนี้ นางถึงจะสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำว่าซูจิ่งสิงโดนพิษอะไร จากนั้นค่อยถอนพิษให้เขา“ร้อนเหลือเกิน”ปรากฏว่ากู้หว่านเยว่พบอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าเขากลายเป็นแดงก่ำเพียงแตะโดน ใบหน้านางเองก็แดงแล้วยากระตุ้นกำหนัด?เหตุใดซูจิ่งสิงถูกยาเช่นนี้ได้เล่า กู้หว่านเยว่รีบหายาถอนพิษในมิติ ขณะกำลังหยิบยาถอนพิษออกมาจู่ๆ ข้อมือก็ถูกจับไว้อย่างกะทัน
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้