วันนี้ทั้งวันชิงเหมยจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนเย็บปักถุงหอม เพื่อทำให้ท่านยายเล็กและท่านป้าสะใภ้สบายใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนาง แต่ความพยายามไม่เคยทำร้ายผู้ใด เพราะผ่านไปนานเกือบหนึ่งชั่วยาม ถุงหอมของชิงเหมยก็ออกมาเป็นรูปร่าง ทว่ามองหาความงดงามมิเจอไม่ ทั้งซุนเฉียวและหลิวเวยต่างพากันขบขัน ทว่าทั้งสองก็ยังคงกล่าวชมในความพยายามของหลานสาวอยู่ดี ทำในสิ่งที่ไม่ถนัดได้ดีถึงเพียงนี้ก็ย่อมได้รับคำชื่นชมแล้ว
ครั้นถุงหอมเสร็จชิงเหมยจึงขอตัวลากลับเรือนเพื่อไปพักผ่อน ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่รั้งให้หญิงสาวให้อยู่ต่อ ชิงเหมยจึงลุกขึ้นคำนับลาแล้วเดินจากออกจากเรือนของท่านยายเล็ก มุ่งหน้ากลับเรือนนอนของนาง วันนี้นางต้องพักผ่อนเอาแรงเพื่อเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ใช้ในค่ำคืนนี้ปลายยามห้าย จวนในละแวกนี้ต่างเงียบสงัดราวกับไร้ผู้คนอาศัยอยู่ เพราะทั้งเจ้านายและบรรดาบ่าวสาวรับใช้ ต่างก็เข้านอนกันตามปกติแล้ว มีเพียงบ่าวชายที่ทำหน้าที่เป็นเวรยาม คอยเฝ้าดูแลความสงบเรียบร้อยยามค่ำคืนภายในจวนเท่านั้น ที่ยังคงไม่หลับใหลและกำลังเดินสำรวจไปรอบๆ จวนเฉกเช่นในทุกค่ำคืน ทว่าค่ำคืนนี้เจ้าของเรือนปีกซ้ายของจวนตระกูลซุน กลณ ศาลต้าถิงบรรยากาศภายในวันนี้ค่อนข้างเคร่งเครียด เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาจากพ่อค้าทาสที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา คือขุนนางของราชสำนัก ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ควรประพฤติตนให้อยู่ในกฎของบ้านเมือง สมกับเป็นขุนนางที่สอบผ่านเข้ามารับใช้บ้านเมือง แต่ทว่ากลับทำในสิ่งที่ผิดกฎของบ้านเมืองเสียเอง ใต้เท้าซ่งที่ถูกเชิญตัวมาก่อน รู้สึกกระวนกระวายใจ ต่างจากใต้เท้าซิ่วที่มั่นใจว่า หวงเชาไม่มีหลักฐานใดมาใส่ความเขา“เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน” ใต้เท้าซ่งพึมพำออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ“ใต้เท้าซิ่ว ท่านไม่กังวลบ้างหรือ” เขากระซิบถามใต้เท้าซิ่วที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องโถง“อย่าเพิ่งร้อนตัวไปท่านใต้เท้าซ่ง หากเราสองคนยืนกรานว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับคนพวกนั้น ผู้ใดจะมาเอาผิดพวกเราได้ หวงเชามันคงไม่ฉลาดพอจนเก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้หรอก ท่านอย่าไปหลงเชื่อในกลอุบายของพวกมือปราบหรือพวกเจ้าหน้าที่ของศาลต้าถิงเลย”ใต้เท้าซิ่วกล่าวออกมาเช่นนี้เพื่อข่มความกังวล แท้จริงแล้วลึกๆ ภายในใจของเขาเองก็หวาดหวั่นไม่แพ้กัน แต่ที่ไม่แสดงออกมานั้นก็เพราะไม่อยากทำ
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวคราวเรื่องที่พ่อค้าทาสถูกมือปราบแห่งเมืองถิงฮวา จับกุมตัวที่ชายป่าทางทิศเหนือของหมู่บ้านซานฉีเมื่อคืนที่ผ่านมา ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งเมืองถิงฮวา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างพากันหวาดหวั่น เกรงว่าจะถูกให้การซัดทอดไปด้วย โดยเฉพาะใต้เท้าซ่ง เจ้ากรมพิธีการ กับใต้เท้าซิ่ว ขุนนางของราชสำนักทั้งสองคน ที่กระทำผิดกฎของบ้านเมือง หาผลประโยชน์ให้ตนเอง“ซิ่วฟาง นั่นเจ้ากำลังจะไปที่ใดรึ” ฮูหยินผู้เฒ่าซิ่วถามบุตรชายที่สั่งให้คนเก็บสัมภาระ เพื่อเตรียมการหลบหนี“ข้าอยากจะไปเยี่ยมฮูหยินสักหน่อยน่ะขอรับท่านแม่” ใต้เท้าซิ่วตอบมารดา ก่อนที่จะหันไปถามชวนฟง บ่าวรับใช้ข้างกาย“เสร็จเรียบร้อยหรือยัง”“เสร็จแล้วขอรับนายท่าน”“ท่านพ่อจะไปเยี่ยมท่านแม่หรือขอรับ เหตุใดไม่ชวนพวกข้าไปด้วย พวกข้าก็คะนึงหาท่านแม่เช่นกัน” ซิ่วจิ่วรีบถามบิดา เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาถึงได้รีบร้อนยิ่งนัก อีกทั้งไม่กล่าวชวนพวกเขาที่เป็นบุตรให้ติดตามไปด้วยอีกต่างหาก“เอาไว้วันหลังเถิด วันนี้พ่อรีบ อยู่จวนดูแลท่านย่าให้ดีๆ
“ปะ…เป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ต้าหมิง ต้าหมิง พวกเจ้าจับเจ้านั่นไปหรือ”หวงเชาเอ่ยถามเสียงสั่นพยายามถอยหลังร่นไปหากลุ่มสตรี เขารู้ตัวแล้วว่างานนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า หากลูกน้องคนสนิทถูกจับ แล้วผู้ใดจะส่งสัญญาณขอกำลังสนับสนุนจากท่านใต้เท้าและท่านเศรษฐีกัน“ลูกพี่!!! ช่วยข้าด้วยขอรับ ข้ากำลังจะส่งสัญญาณให้ใต้เท้าส่งคนมาช่วย แต่ทว่ายังไม่ทันได้จุดไฟกลับเจอคนพวกนี้เข้า"ต้าหมิงที่ถูกคุมตัวไว้ร้องเรียกหวงเชาพลางบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาพบพานออกมา หวงเชาเห็นท่าไม่ดีรีบปรี่เข้าไปดึงแขนสตรีนางหนึ่งขึ้นมาเป็นตัวประกัน มือหนากอบกุมที่ลำคอของหญิงสาวเอาไว้ ทำท่าราวกับจะบีบคอนางให้ตาย ถ้าสตรีลึกลับกับพวกมือปราบเข้ามาใกล้ตน“อย่าเข้ามา…มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านางผู้นี้เสีย” สตรีวัยแรกแย้มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความหวาดกลัว“ยอมตั้งแต่แรก คงไม่ได้เจ็บตัวสินะ” เสียงหวานดังขึ้นมาพลางส่งสัญญาณให้สตรีวัยแรกแย้มที่ถูกชายตรงหน้าถูกจับเป็นตัวประกันเตรียมพร้อมหวงเชาแสดงสีหน้างุนงงในคำพูดของนาง แต่ทว่าในขณะที่เขาไม่ทันระวังตัว สต
สตรีลึกลับกระโดดลงมาจากหลังอาชาด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนที่จะตบก้นของมันเพื่อให้มันหนีออกไปจากบริเวณนี้ ครั้นอาชาหนุ่มวิ่งหลบออกไป ชายฉกรรจ์นับสิบก็พากันกรูเข้ามาล้อมสตรีลึกลับเอาไว้ ร่างเล็กที่สวมใส่อาภรณ์สีดำ ปกปิดใบหน้าของนางด้วยผ้าสีเดียวกับสีของอาภรณ์ ดูลึกลับและน่าค้นหาสมคำร่ำลือด้านหลังของนางสะพายดาบคู่ นัยน์ตาที่โผล่พ้นผ้าสีดำมานั้นช่างเป็นประกายไร้ซึ่งความหวาดกลัว พวกมันพากันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เพราะคิดว่าพวกตนเหนือกว่า ชิงเหมยหาได้หวั่นเกรงหรืออ่อนไหวไปกับเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจเหล่านี้ไม่“รีบเข้ามาเถิด พวกเจ้าทำข้าเสียเวลานอนยิ่งนัก” คำพูดราวกับไม่เกรงกลัวและต้องการท้าทายของสตรีลึกลับ ทำให้พวกชายฉกรรจ์โมโหจนพากันพุ่งกายเข้าไปหานางอย่างไร้สติมือบางดึงดาบคู่ออกมาจากทางด้านหลังอย่างชำนาญ ท่วงท่าสง่างามของนางทำให้ผู้ที่ยืนมองอยู่แทบจะละสายตาไปจากนางไม่ได้ การเคลื่อนไหวร่างกายหลบหลีกคมมีดก็ว่องไวยิ่งนัก ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งพลาดท่าถูกสตรีลึกลับใช้ดาบฟันไปยังต้นแขนจนโลหิตสาดกระเซ็น พวกที่กรูกันเข้ามาต้องพากันถอยหลังไปตั้งหลัก“ฝีมือดีสมค
วันนี้ทั้งวันชิงเหมยจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนเย็บปักถุงหอม เพื่อทำให้ท่านยายเล็กและท่านป้าสะใภ้สบายใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนาง แต่ความพยายามไม่เคยทำร้ายผู้ใด เพราะผ่านไปนานเกือบหนึ่งชั่วยาม ถุงหอมของชิงเหมยก็ออกมาเป็นรูปร่าง ทว่ามองหาความงดงามมิเจอไม่ ทั้งซุนเฉียวและหลิวเวยต่างพากันขบขัน ทว่าทั้งสองก็ยังคงกล่าวชมในความพยายามของหลานสาวอยู่ดี ทำในสิ่งที่ไม่ถนัดได้ดีถึงเพียงนี้ก็ย่อมได้รับคำชื่นชมแล้วครั้นถุงหอมเสร็จชิงเหมยจึงขอตัวลากลับเรือนเพื่อไปพักผ่อน ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่รั้งให้หญิงสาวให้อยู่ต่อ ชิงเหมยจึงลุกขึ้นคำนับลาแล้วเดินจากออกจากเรือนของท่านยายเล็ก มุ่งหน้ากลับเรือนนอนของนาง วันนี้นางต้องพักผ่อนเอาแรงเพื่อเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ใช้ในค่ำคืนนี้ปลายยามห้าย จวนในละแวกนี้ต่างเงียบสงัดราวกับไร้ผู้คนอาศัยอยู่ เพราะทั้งเจ้านายและบรรดาบ่าวสาวรับใช้ ต่างก็เข้านอนกันตามปกติแล้ว มีเพียงบ่าวชายที่ทำหน้าที่เป็นเวรยาม คอยเฝ้าดูแลความสงบเรียบร้อยยามค่ำคืนภายในจวนเท่านั้น ที่ยังคงไม่หลับใหลและกำลังเดินสำรวจไปรอบๆ จวนเฉกเช่นในทุกค่ำคืน ทว่าค่ำคืนนี้เจ้าของเรือนปีกซ้ายของจวนตระกูลซุน กล
เสียงฆ้องตีร้องบอกในยามเหม่า บ่าวรับใช้ภายในจวนต่างเริ่มลงมือทำงานกันในเช้าวันใหม่อย่างขะมักเขม้น บ้างก็กวาดลาน บ้างก็ปัดกวาดเช็ดถูเรือน บ้างก็ง่วนมืออยู่กับการทำอาหารในเรือนครัว ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ตนได้รับผิดชอบ คงจะมีก็แต่ผู้เป็นเจ้านายทั้งหลาย ที่ยังคงนอนหลับกันอยู่จนกว่าจะถึงปลายยามเหม่า ยกเว้นก็แต่นายหญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่ที่ตื่นนอนแต่เช้าเพราะความเคยชินคุณหนูใหญ่ปกติแล้วก็ตื่นก่อนเรือนใหญ่และเรือนของนายหญิงรอง ทว่าวันนี้กลับมีบางอย่างแปลกประหลาด เพราะเลยเวลาที่คุณหนูใหญ่ต้องตื่นนอนมาเกือบหนึ่งเค่อแล้ว บ่าวรับใช้ในจวนก็ยังหาได้มีผู้ใด พบเห็นเจ้าของดวงหน้างามราวกับบุปผาแรกแย้มไม่ เห็นแต่สองสาวรับใช้ของคุณหนูใหญ่ที่กำลังทำหน้าที่เฉกเช่นทุกวัน“พี่เซียงซุน คุณหนูใหญ่ยังไม่ตื่นนอนอีกหรือเจ้าคะ” สาวรับใช้วัยแรกแย้มผู้หนึ่งเอ่ยถามสาวรับใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ออกมาด้วยความประหลาดใจ“ยัง… เมื่อคืนคุณหนูใหญ่คงจะนอนดึก เพราะกว่าข้าจะเห็นแสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงดับลง ก็เลยยามนอนของนางไปเกือบหนึ่งก้านธูปแล้ว” เซียงซุนตอบออกมาก่อนที่จะถามกลับ&l
ณ เรือนจีอู้ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่กลางเรือน ที่มีโต๊ะตัวยาวอยู่ตรงกลาง มีแผนที่ของเมืองถิงฮวาวางอยู่ นัยน์ตาคมกวาดมองไปเรื่อยๆ นิ้วชี้เรียวยาวลากจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ไม่นานนักเสียงของลูกน้องในสำนักมือปราบก็ดังใกล้เข้ามาทุกที หัวหน้ามือปราบหนุ่มจึงละสายตาจากแผนที่แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในเรือนจีอู้ สถานที่ที่มีไว้สำหรับปรึกษาหารือกันภายในสำนักมือปราบแห่งนี้“มากันครบแล้วหรือยัง”น้ำเสียงทุ้มเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาของบุรุษหนุ่มที่สวมใส่อาภรณ์ประจำตำแหน่งหัวหน้ามือปราบ ซึ่งกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างสง่างาม แม้เขาจะยังเยาว์วัยแต่ทว่า หัวหน้ามือปราบหนุ่มกลับได้รับการนับถือจากลูกน้องในสำนักมือปราบทุกคน เป็นเพราะผลงานที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีคุณสมบัติมากพอ ที่จะเป็นหัวหน้าของทุกคน“ขอรับท่านหัวหน้า”มือปราบนับสิบขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน เยว่อู๋ชางมองหน้าทุกคน มือปราบทั้งสิบเป็นคนที่เขาให้จิ้นซู่คัดเลือกมา เพื่อรับหน้าที่จัดการงานสำคัญในครานี้โดยเฉพาะ ทุกคนล้วนมีฝีมือและชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี
ณ โรงเตี๊ยมเก่าแก่ ชายแดนเมืองถิงฮวาบุรุษหลายคนกำลังนั่งจับกลุ่มร่ำสุรากันอยู่อย่างสนุกสนาน ส่งเสียงดังออกมาตามประสาชายฉกรรจ์ เพราะกำลังฉลองก่อนเริ่มงานใหญ่ การกลับมาค้าทาสในครานี้ หวงเชาได้คนมาเป็นกำลังให้อีกมาก อีกทั้งยังมีผู้ที่ร่วมลงทุนกับธุรกิจค้าทาสของเขาใหม่ถึงสองคน ส่วนใต้เท้าผู้นั้นที่เคยเป็นนายทุนใหญ่ บัดนี้มิใช่อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายนั้นเอาแต่ขลาดกลัว หวาดระแวงเพียงเพราะสตรีลึกลับเพียงผู้เดียว“ครานี้ข้าจะต้องจัดการนางสตรีลึกลับนางนั้นให้ได้ ความแค้นเมื่อสามปีก่อนต้องได้รับการชำระ”หวงเชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ยอดฝีมือที่มาร่วมกลุ่มกับเขา ต่างก็อยากจะประลองกับสตรีลึกลับผู้นั้นดูสักครา เพราะชื่อเสียงของนางเลื่องลือไปไกลในหมู่โจรและพวกพ่อค้าทาส“เฮๆๆ จัดการนาง จัดการนาง”เสียงของบรรดาลูกน้องร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยม หวงเชายกไหสุราขึ้นมาแล้วชูขึ้น ทุกคนทำตามแล้วส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างฮึกเหิม“เห้ย!!! แล้วไอ้พวกสำนักมือปราบมีความไหวอันใดบ้างหรือไม่” เพราะถูกพวกมือปราบจัดการ ทำให้หวงเชาไม่อาจมองข้าม
“ยายมิเคยสั่งสอนให้เจ้ากล่าววาจาโป้ปด ตอบยายมาตามความจริง วันนี้เจ้าออกไปพบผู้ใดมา สหายที่เจ้าออกไปพบคือผู้ใดกัน”น้ำเสียงของผู้เป็นยายฟังดูแล้วเยือกเย็นขึ้นกว่าอยู่เดิมหลายส่วน จนผู้กระทำความผิดอย่างชิงเหมยรู้สึกขนลุกขนชัน นางยิ้มหวานออกมาพลางขยับกายเข้าไปใกล้ๆ ผู้เป็นยาย สองมือยื่นไปบีบนวดขาทั้งสองข้างให้อย่างเอาใจ“หามิได้เจ้าค่ะท่านยาย… ความจริงก็คือ ข้าตั้งใจจะออกไปพบหลิวหลูซินจริงๆ แต่ทว่าระหว่างทางข้าได้พบกับหริ่งเอ๋อร์เข้า นางชวนข้าไปเยี่ยมสหายของนางที่ท้ายหมู่บ้าน ข้าเกรงว่าท่านยายจะตำหนิที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านก่อน จึงได้โป้ปดออกมาเจ้าค่ะ” นางแสร้งทำน้ำเสียงเศร้าสลด ซุนฉีที่มิเคยว่ากล่าวหลานสาวเลยสักคราก็ถึงกับใจอ่อนยวบ“หากเป็นเช่นนี้แล้วยายจะตำหนิเจ้าด้วยเหตุใด หริ่งเอ๋อร์หาใช่คนอื่นคนไกลไม่ นางก็เปรียบเสมือนน้องสาวของเจ้า หากคราหน้าเจ้าจะพานางไปที่ใดก็บอกยายได้ ยายไม่นึกตำหนิเจ้าเพียงเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอกหนา คิดแล้วก็ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก”ซุนฉีค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา น้ำเสียงก็ฟังดูผ่อนคลายขึ้น เพราะลึกๆ ภาย