ฮัดชิ่ว!
อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มผู้หนึ่งยังคงยืนอยู่ชายป่าถัดจากธารน้ำไหลข้างเรือนวสันต์ สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ริมระเบียง
“นายท่าน” ชายชุดดำคุกเข่าลงด้านข้าง ยื่นเสื้อคลุมให้แต่เจ้าตัวกลับโยนไปด้านหลัง เงาร่างสีดำรับไปสวมเอาไว้ คุกเข่าลงบริเวณนั้น
“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา”
“เจ้าเป็นองครักษ์เงา แต่กลับมีร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ ไปฝึกใหม่สามเดือน ค่ายเหมันต์”
“ขออภัยนายท่าน ข้าขอรับโทษด้วยความเต็มใจ” ว่าแล้วคนก็เลือนหายไป
“นายท่าน ลงโทษหนักเกินไปหรือไม่ขอรับ อันดับเก้าเพียงแค่อยู่เฝ้าริมลำธารนี้มาหลายวันแล้ว ซ้ำยังถูกยุงกัดจนเป็นไข้…”
‘นี่ไม่ใช่เพราะนายท่านมอบเรือนกลางป่านี้ให้กับผู้หญิงลึกลับคนนั้นหรือ’ เขาไม่ได้เอ่ยคำที่อยู่ในใจออกมา เพียงแค่อดค้านไม่ได้ ตอนนี้กระทั่งเรือนอาบน้ำนายท่านก็ยังจะมอบให้นางเสียแล้ว หากไม่ยั้งไว้บ้างไม่แน่กระทั่ง…อ่า เขาไม่อยากจะคิดเลย
“เพราะอย่างนั้นจึงต้องไปค่ายเหมันต์ หมอเทวดาอยู่ที่นั่น คนของข้าเป็นไข้ป่าง่าย ๆ ได้อย่างไร เจ้านั่นต้องมีบาดแผลเก่าหรือพิษซ่อ
ฮัดชิ่ว!อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มผู้หนึ่งยังคงยืนอยู่ชายป่าถัดจากธารน้ำไหลข้างเรือนวสันต์ สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ริมระเบียง“นายท่าน” ชายชุดดำคุกเข่าลงด้านข้าง ยื่นเสื้อคลุมให้แต่เจ้าตัวกลับโยนไปด้านหลัง เงาร่างสีดำรับไปสวมเอาไว้ คุกเข่าลงบริเวณนั้น“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา”“เจ้าเป็นองครักษ์เงา แต่กลับมีร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ ไปฝึกใหม่สามเดือน ค่ายเหมันต์”“ขออภัยนายท่าน ข้าขอรับโทษด้วยความเต็มใจ” ว่าแล้วคนก็เลือนหายไป“นายท่าน ลงโทษหนักเกินไปหรือไม่ขอรับ อันดับเก้าเพียงแค่อยู่เฝ้าริมลำธารนี้มาหลายวันแล้ว ซ้ำยังถูกยุงกัดจนเป็นไข้…”‘นี่ไม่ใช่เพราะนายท่านมอบเรือนกลางป่านี้ให้กับผู้หญิงลึกลับคนนั้นหรือ’ เขาไม่ได้เอ่ยคำที่อยู่ในใจออกมา เพียงแค่อดค้านไม่ได้ ตอนนี้กระทั่งเรือนอาบน้ำนายท่านก็ยังจะมอบให้นางเสียแล้ว หากไม่ยั้งไว้บ้างไม่แน่กระทั่ง…อ่า เขาไม่อยากจะคิดเลย“เพราะอย่างนั้นจึงต้องไปค่ายเหมันต์ หมอเทวดาอยู่ที่นั่น คนของข้าเป็นไข้ป่าง่าย ๆ ได้อย่างไร เจ้านั่นต้องมีบาดแผลเก่าหรือพิษซ่อ
“...” เคยรู้สึกเหมือนอะไรก็ไม่เป็นอย่างใจหรือไม่ หนิงอันเพิ่งรู้สึกแบบนั้นก็ตอนที่ถูกขังในเรือนวังมารนี่แหละ“อันเซ่อมีงานต้องไปทำ ข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่เรือน” ใบหน้าหล่อเหลาของชายชุดดำนิ่งสนิทไร้การเคลื่อนไหวทางอารมณ์ แต่ร่างกายของเขากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะนำทางนางกลับเรือนพักอย่างปลอดภัย“...” แม้จะยังไม่กล้าพูดกับอีกฝ่าย แต่อาจเพราะมัวคิดถึงสถานการณ์น่าอับอายก่อนหน้านี้ ทำให้หนิงอันไม่ได้มีใจหวาดกลัวคนตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว“เหตุใดเจ้าจึงหวาดกลัวข้านัก เพราะการพบกันครั้งแรกของเรา ไม่น่านึกถึงสักเท่าไหร่งั้นหรือ” ‘ชุนหรง’ เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กเดินตามตนเองมาแต่โดยดี แม้จะยังไม่กล้าเอ่ยปากสนทนา แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมากซึ่งต่างจากวันแรก ๆ“ข้า…” ‘ใครเห็นแบบนั้นก็ต้องกลัว เขาฆ่าคนตาไม่กระพริบเชียวนะ’ แค่คิดว่าคน ๆ นี้สามารถฆ่านางได้ทุกเมื่อ หนิงอันก็สั่นสะท้านแล้ว“ไม่ต้องกลัว ข้าเพียงกำจัดคนชั่ว ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์”‘ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์งั้นหรือ’ หนิงอันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรง ๆ เป็นครั้งแรก แม้เขาจะเคยบอกว่าจะไม่มีวันทำร้ายนาง หนิงอันก็ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ใน
หนิงอันชะงักไปเมื่อพูดถึงตรงนี้ เพราะเวลาที่นางบ่นพึมพำอะไร วันต่อมาสิ่งนั้นมักมีปรากฎในเขตพื้นที่เรือนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่บ่นว่าชั้นหนังสือว่างเปล่า วันถัดมาตำราก็เต็มห้อง หรือตอนที่บ่นว่าดอกไม้เหี่ยวเพียงพริบตาก็เห็นดอกไม้บานเต็มสวน ไม่ว่าจะเป็นน้ำชา ของว่าง ของกิน ดูเหมือนจะเป็นของโปรดนางทั้งสิ้น‘ต้องเป็นอันเซ่อที่คาบข่าวไปบอกเจ้านายนางแน่ ๆ’ หนิงอันคิดเช่นนั้น“ถึงแล้ว ข้าจะเฝ้าอยู่ด้านนอก หากมีอะไรก็…เรียกได้” อันเซ่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะเปิดประตูและดันหลังหนิงอันเบา ๆ ก่อนจะปิดประตูตามหลัง“เดี๋ยวสิ ข้ายังบ่นเจ้าไม่จบเลย อันเซ่อนะอันเซ่อ” หญิงสาวร่างเล็กบ่นกระปอดประแปด คิดว่าเมื่อกลับเรือนแล้วคงต้องบ่นสาวใช้ตัวน้อยอีกสักหน่อย“...” หันกลับมามองบรรยากาศโดยรอบ ที่นี่เป็นบ่อน้ำพุร้อนจริง ๆ มีไอควันลอยอยู่ทั่วไปหมด พื้นที่เปียกชื้นและอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย สมกับเป็นบ่อน้ำพุร้อน แต่นี่คงเป็นสถานที่ส่วนตัวของชายผู้นั้น คิดได้แบบนั้นหนิงอันก็รีบเร่งเดินไปหลังหินก้อนใหญ่ ถอดเสื้อผ้าออก วางชุดใหม่ไว้บนก้อนหิน ก้าวเดินลงไปในบ่อน้ำจ๋อม~เสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง สิ
คริ้ง~เสียงกระทบของจอกชาทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นหันคอไปมองบนโต๊ะ พบว่ามีชายชุดดำนั่งอยู่จริง ๆ อาจเพราะนางไม่ได้ปิดประตู วันนี้เจ้าบ้านจึงเข้ามาอย่างถือวิสาสะ“...” ซ้ำบนโต๊ะยังมีเสื้อผ้าพับอยู่กองหนึ่ง คงไม่ใช่อันเซ่อวิ่งแจ้นไปแจ้งเจ้านายหรอกนะ“นี่…” หนิงอันรู้สึกว่านางควรจะพูดได้แล้ว วันนี้นางต้องถามให้ได้ว่าตกลงเขาจะเอายังไง ให้นางอยู่ที่นี่เพื่ออะไร และจะปล่อยนางไปได้หรือยัง แต่พูดออกมาได้คำเดียวก็รู้สึกเหนียวลำคอจนกล่าวต่อไม่ออก“ทำไมจึงกลัวข้าถึงเพียงนั้น”เสียงทุ้มเอ่ยถาม เงยหน้าขึ้นจากจอกชา สายตาคมกริบตวัดมองประกอบกับดวงตาของชายหนุ่มดูลึกล้ำยากคาดเดา แต่พอเห็นท่าทางสั่นกลัวของหญิงสาวเขาก็เบี่ยงสายตากลับมามองจอกชาในมือ“...” พูดไม่ออกจริง ๆ รู้เพียงว่านางหวาดกลัวเขามาก อาจเพราะเป้าหมายในชีวิตนี้คือการมีชีวิตอยู่ยืนยาว ดังนั้นจึงไม่กล้าแม้แต่อ้าปากคุยกับบุคคลที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นผักปลาอย่างคนตรงหน้า“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า”“ท่าน…” หนิงอันเม้มปาก พร้อมทำหน้าเสียดาย เมื่อนางไม่สามารถขยับปากพูดต่อได้ ทั้งที่อยากรู้แทบตายว่าเขาต้องการอะไร“ให้รู้ว่าข้าไม่มีวันทำร้ายเจ
นั่งหย่อนขาอยู่บนชานระเบียงในตอนเช้า ในมือมีของกินเล่นอย่างบ๊วยหวาน นางค่อย ๆ กินขนมในมือด้วยติดนิสัยมาจากชีวิตที่สอง ซึ่งถูกควบคุมอาหาร ทำให้กินอะไรได้น้อยเป็นเรื่องธรรมดา โดยปกติแล้วมักจะกินขนมหรือของหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวันเสมอ เพราะอย่างนั้นของว่างจึงเป็นสิ่งที่นางโปรดปรานเป็นพิเศษ และดูเหมือนอันเซ่อจะรู้ใจดีเหลือเกิน“ท่านต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ” เสียงสาวใช้คอยถามจนน่ารำคาญ ถึงจะรู้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ตอนนี้หนิงอันคิดว่าตัวเองก็เริ่มมีปัญหาแล้วเหมือนกัน“ข้าไม่มีชุดเปลี่ยน”ตัวเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว คราแรกคิดว่าจะได้ออกจากที่นี่เร็ว ๆ นี้ แต่เห็นทีหากนางยังหวาดกลัวต่อชายชุดดำก็คงนานกว่าจะได้ออกไป เพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยนางไปเสียที ผ่านมาก็สองสามวันแล้ว แต่เจ้าตัวเพียงเข้ามานั่งในเรือน จิบชาสักพักแล้วก็จากไปถึงอย่างนั้นความหวาดกลัวยังไม่ยอมหมดไป จะเอ่ยปากแต่ละคำแสนยากเย็น จะมีแก่ใจถามได้อย่างไร“ท่านต้องการชุดแบบใด สีใด สามารถบอกข้าได้เลยเจ้าค่ะ”“ก็คือข้าไม่สามารถออกไปซื้อเองได้ใช่หรือไม่” หนิงอันไม่ได้มีเงินเยอะ แม้จะยังมีเงินในมือแต่นี่ต้องใช้จ่ายค่าช่าง ซึ่งไม่รู้ว่
“...” หากความผิดพลาดที่สุดในชีวิต คือลืมไปว่าพรรคมารนั้นแตกต่างจากคนทั่วไปที่นางเคยพบ ไม่ใช่เพียงอาภรณ์ที่มักจะสวมใส่แต่สีดำ ยังมีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดา ไปมาไร้เสียงดั่งจอมยุทธ์ทั่วไป ฝีเท้าเบาเสมือนตีนแมว ลงมือว่องไวไร้ร่องรอย‘แย่แล้ว! เขาได้ยินอะไรไปบ้าง’ หนิงอันก้มหน้างุด พยายามมองหาอันเซ่อ แต่สาวเจ้าตัวต้นเรื่องที่ไม่รู้จักเตือนว่ามีคนมา กลับหายออกไปจากห้องพร้อมสำรับเมื่อเช้าแล้ว คาดว่าคงนำไปเก็บ จะไปจะมาไม่บอกเช่นนี้ทำให้หนิงอันรู้สึกเหมือนเห็นผีจริง ๆโดยเฉพาะผีตัวโตตรงหน้า หน้าตาถมึงทึง ใบหน้าเย็นชา บรรยากาศเย็นเยียบ แค่อยู่ใกล้ก็เกือบจะกลั้นหายใจจนตาย ซ้ำเขายังเดินเนิบ ๆ เข้ามานั่งบนโต๊ะอย่างคุ้นเคย บ่งบอกว่าตนเป็นเจ้าของเรือนชายที่ช่วยชีวิตนางจากโจร แต่…ออกจะโหดเหี้ยมสมกับเป็นคนพรรคมารไปเสียหน่อย ภาพสยองของหมู่โจรยังติดตา นี่คือวิถีของคนพรรคมารที่กระทั่งชีวิตที่สองนางยังไม่เคยได้เห็นจัง ๆ แบบนี้“เจ้ามีอะไรจะคุยกับข้า” ชายหนุ่มตัวโตนั่งลง มีเงาดำปรากฎขึ้นก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีชุดน้ำชาปรากฎบนโต๊ะแล้ว บ่งบอกว่านั่นอาจเป็นจอมยุทธ์ที่เป็นข้ารับใช้ของชายหนุ่ม
“ท่านทำอะไร” มองผ้าเช็ดหน้าในมือหนิงอันแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก“นำผ้ามาให้ข้าเถิด ข้าจะซักให้ มือท่านแดงหมดแล้ว”“แล้วมือเจ้าจะไม่แดงหรือ ข้าซักจะเสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องให้มือโดนน้ำอีกคนหรอก” ว่าแล้วก็แย่งผ้ากลับมาซักจนเสร็จ“แต่…”“เสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องให้มือเจ็บด้วยหรอก” ว่าแล้วหนิงอันก็บิดผ้าเช็ดหน้า สะบัดเบา ๆ คิดว่าจะนำไปตากไว้ริมหน้าต่างตอนกลับขึ้นเรือน“แต่ข้าเป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน” อันเซ่อมีใบหน้าซีดเผือด“เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นสาวใช้ ส่วนข้าเป็นหญิงสาวชาวนาธรรมดา ๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องแนะนำตนเองบ่อยนัก” กล่าวยิ้ม ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“ข้าอยู่ในวังมารจริง ๆ ใช่หรือไม่อันเซ่อ”“ใช่เจ้าค่ะ ที่นี่คือวังมาร”‘จริง ๆ สินะ’ คิดแล้วก็เดินกลับเข้าเรือน ถึงในสวนจะสวยงามราวกับอยู่บนสวรรค์ แต่หนิงอันก็ไม่วางใจ รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อคิดว่าที่นี่คือวังมาร สถานที่ซึ่งจอมมารผู้โหดร้ายอาศัยอยู่ หากนางทำให้เขาระคายตาก็อาจจะหัวหลุดออกจากบ่าได้เลย ดังนั้นยิ่งเก็บเนื้อเก็บตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี“ท่านจะกลับแล้วหรือ” อันเซ่อเดินเร็ว ๆ ตามมา เห็นท่าทางเหมือนหนีตายของหญิงสาวแล้วก็ไม่เข้าใจนัก“ใช่ ที่นี่อัน
โครก~เสียงท้องร้องดังขึ้น เมื่อนึกดูแล้วดูเหมือนจะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวาน มองสำรับอาหารบนโต๊ะกลางห้องแล้วก็หิวขึ้นมา จึงลุกมาล้างหน้าล้างตาแล้วรีบนั่งกินข้าว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ขอเพิ่มพลังก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีต่อไปแล้วกัน “เอาล่ะ” กินข้าวอิ่ม เก็บสำรับเรียบร้อยก็ถึงเวลาเสียที ร่างบางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมานำติดตัวไปด้วยเพราะคิดจะนำไปซัก ขณะเดินไปเปิดประตูหน้าของเรือนออก ร่างสาวใช้คนเดิมยืนขวางอยู่ตรงหน้าราวกับรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว“เอ่อ เจ้า…”“อันเซ่อเจ้าค่ะ ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ” สาวใช้อันเซ่อมองเลยเข้าไปด้านหลัง เห็นสำรับอาหารจัดเก็บไว้เรียบร้อยก็ยิ้มน้อย ๆ“ข้าอยากจะขอถามแม่นางอันเซ่อ ตอนนี้ข้าอยู่ที่ใดหรือ” ในเมื่อเจอคนแล้วก็ต้องถามคนจึงจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน ใช่วังมารอย่างที่คิดหรือไม่‘ถ้าเป็นวังมารล่ะ ข้าควรจะทำอย่างไร ในเมื่อจอมมารนั้นโหดเหี้ยมเอาแต่ใจ หากข้าต้องการออกจากวังมารแล้วแลกด้วยความตายจะทำยังไง ขออย่าให้เป็นวังมารเลย’ “ที่นี่คือเรือนวสันต์เจ้าค่ะ”“ค่อยยังชั่ว ข้าคิดว่าเราอยู่ในวังมารซะอีก” หนิงอันลูบอกด้วยความโล่งใจ สาวใช้กลับมีสีหน้าแปลก ๆ“ใช่สิเจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงหญิงสาวจากด้านนอกทำให้หนิงอันรีบยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง หยิบผ้าเช็ดหน้าติดมือมา คิดว่าจะเอาไปซักในภายหลัง ประตูห้องเปิดออกโดยที่นางยังไม่ทันบอกอนุญาต แต่ตอนนี้นางไม่คำนึงถึงมารยาทใด ๆ ทั้งนั้นดวงตาดอกท้อของสาวงามจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ อีกฝ่ายเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินออกไปนำถาดอาหารมาจัดเรียงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นก็เดินวุ่นเปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ ลมเย็นที่พัดเข้ามายังไม่น่าตกใจเท่าบรรยากาศรอบ ๆ เรือน ซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนคนเพิ่งเคยเห็นอดตะลึงไม่ได้“ให้ข้าปรนนิบัติหรือไม่เจ้าคะ”เสียงหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะ หนิงอันจึงหันไปมอง อีกฝ่ายมีรูปร่างเย้ายวนหน้าตาออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าเนื้อดีกว่านางตอนนี้เสียอีก แต่กลับมีท่าทางเหมือนสาวใช้?“ขออภัย ข้ายังไม่ได้แนะนำตนเอง ข้ามีนามว่าอันเซ่อ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน”“สาวใช้… ของข้า!?” แนะนำตัวว่าเป็นสาวใช้ ยังไม่น่าตกใจเท่าเป็นของต