Share

ตอนที่ 43 : คนจนจะยิ่งจน คนรวยจะยิ่งรวย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-11 15:31:37

          หลังจากที่กรสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณ ที่มีระดับความยากสูงที่สุดในโลกได้สำเร็จ กรจึงได้รับรู้ถึงความจริงของโลก.... ไม่สิ ของจักรวาลจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงซึ่งก็คือฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนแห่งนี้

          จอมมารยังคงมีชีวิตอยู่ และถูกผนึกไว้เท่านั้น แถมผนึกที่ว่ายังอยู่ได้อย่างน้อยอีกแค่ 6 เดือน...

          นั่นคือ ความเป็นจริงที่น่าหวาดหวั่น... พลังของจอมมารนั้น มีมากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่าทำให้ดวงดาวหลายสิบดวงแตกสลาย รวมถึงยังทำให้ดาวของพวกเทพล่มสลายลงได้อีก...

          แทบจะไม่ต้องคิด... เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว กรจึงตัดสินใจที่จะปกป้องสิ่งสำคัญที่อยู่ในมือก่อนเหนือสิ่งอื่นใด และตัดสินใจเป็นคนรับหน้าเพื่อปราบจอมมารในทันที เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างที่สำคัญรวมถึงจักรวาลแห่งนี้ คงจะล่มสลายลงด้วยน้ำมือของจอมมารเป็นแน่.......

ผั๊ว!  ผั๊ว!  ผั๊ว!  ผั๊ว!———————

          เสียงแปลกๆที่เกิดจากวัตถุบางอย่างกระทบกัน ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางชั้นที่ 101 ซึ่งเป็นอยู่พักอาศัยของฟรังซ์ ออลเดล

          ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์... มันคือห้องสี่เหลี่ยมทรงลูกบาศก์สีขาวเทาลายตารางขนาดใหญ่พอจะบรรจุคนได้ถึง 500 คน แต่กลับไม่มีเครื่องเรือนหรืออุปกรณ์ใช้สอยใดๆอยู่เลยซักชิ้น

          การออกแบบที่เรียบง่ายของห้องไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงถึงความสวยงาม และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ห้องที่เอาไว้ผ่อนคลายหรือรับแขกด้วยเช่นกัน... เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นว่าเพราะห้องนี้...

          .....ก็คือห้องฝึกฝนนั่นเอง

ผั๊ว!  ผั๊ว!  ผั๊ว!  ผั๊ว!————

〖คุณอุษณกรเร็วได้แค่นี้เองเหรอครับ!!!〗

〝พูดแบบนั้น ระวังจะหน้าแหกตอนโดนต่อยเอานา!!!〞

          แล้วคนที่กำลังแลกหมัดกันอยู่กลางห้องฝึกฝนขนาดใหญ่มาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่ก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฟรังซ์ ออลเดลกับกรที่อยู่ในชุดรัดรูปสำหรับฝึกนั่นเอง...

         

          ที่คลอบคลุมร่างของทั้งสองคนนั้นก็คือ ออร่าสีขาวบริสุทธิ์ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเผ่าเทพเจ้าในขณะที่ทำการฝึก... ทั้งสองคนจะต้องใช้ออร่านี้อยู่ตลอด เหตุผลนั่นก็คือ... เพื่อยกระดับความสามารถจินตนาการของกร ให้ใช้ออร่าได้อย่างอิสระ เหมือนกับฟรังซ์นั่นเอง

          และที่ทั้งสองคนกำลังฝึกอยู่ก็คือ... การก้าวข้ามขีดจำกัดของสเตตัสด้วยการคลุมร่างด้วยออร่าไว้ทั้งตัว แล้วอิมเมจว่าตัวเองทั้งแข็งแรงและรวดเร็วที่สุดนั่นเอง

〖อิมเมจถึงความเร็วกับพลังในขณะโจมตีให้มากกว่านี้หน่อยครับ!〗

〝ทำอยู่! แต่แกมันจะเร็วไปหน่อยแล้ว!〞

          ในขณะที่กำลังปะทะกัน ฟรังซ์ก็แนะนำบางอย่างกับกรในขณะที่กรชกหมัดซ้ายมาที่สีข้างของเขาอย่างแรง แต่ก็หวดลมไป กรจึงเล็งไปที่กลางลำตัวบ้าง แต่ก็โดนปัดป้องออกไปได้ ในจังหวะเดียวกันกรก็ถูกหมัดของฟรังซ์ที่ย่นระยะเข้ามาที่ใบหน้าด้วยความคล่องตัวที่มากกว่าเนื่องมาจากขนาดตัวที่แตกต่างกัน  แต่เขาก็สามารถปัดป้องออกไปได้เช่นเดียวกัน....

〖แหม! ก็โดนต่อยมันเจ็บนี่ครับ〗

〝เออ! จะต่อยให้โดนจังๆซักหมัดแน่!〞

〖หึหึ! มันต้องแบบนี้สิครับ!〗

          ฟรังซ์ยังคงล้อเล่นกับกร แม้จะถูกกรระดมหมัดใส่ด้วยความเร็วและจำนวนที่สุดยอดก็ตาม

          แต่แม้กรจะโจมตีไปมากและรุนแรง ถึงขนาดสร้างภาพติดตาได้มากกว่าสามสิบหมัดในครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่สามารถโจมตีโดนฟรังซ์จังๆเสียที กรจึงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งอยู่เช่นเคย

〖โอ๊ะ! เกือบไปๆ〗

          ในการระดมการโจมตีเป็นระลอกที่สาม กรพยายามโจมตีหลอกล่อถึง 10 ครั้งซ้อน นั่นทำให้หมัดซ้ายของกรแฉลบผ่านแก้มของฟรังซ์ได้สำเร็จ แม้จะเกิดแค่รอยถากเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่เลยทีเดียวสำหรับสิ่งที่กรกำลังฝึกฝนอยู่...

〖คิดถูกจริงๆนะครับเนี่ยที่สอนวิชานี้ให้คุณ〗

〝แน่อยู่แล้ว! ความสามารถในการจินตนาการ คือพลังพิเศษของโอตาคุยังไงหล่ะ!〞

〖หะห่ะ! คุณนี่น่าสนุกจริงๆเลยนะครับให้ตายสิ!〗

          เมื่อโจมตีผ่านไปแล้ว กรจึงเริ่มกระหน่ำหมัดเข้าใส่เป็นระลอกที่สี่และห้าต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดพัก เพื่อที่จะฝึกฝนวิชาใหม่ที่ฟรังซ์เป็นคนแนะนำให้สำเร็จในเร็ววันให้ได้

          และเช่นเคย... แม้ทั้งสองคนจะกระหน่ำโจมตีและหลบการโจมตีของกันและกันอยู่จนเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั่วร่างมากว่า 2 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่ทั้งสองคนยังคงหยอกล้อกันในขณะที่ฝึกฝนการต่อสู้อยู่ตลอดการเข้าปะทะ ด้วยความสนิทสนมที่มากขึ้นจากการร่วมมือกันเป็นพันธมิตรในการโค่นจอมมารนั่นเอง….

.

.

.

หลังจากที่ฉันรู้เรื่องที่จอมมารยังไม่ตายแต่ยังถูกผนึกไว้นั่น ตอนนี้ก็ผ่านมาได้สัปดาห์นึงแล้ว...

ฉันกับฟรังซ์ ออลเดลในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฝึกฝนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะออกเดินทาง...

หืม? กำลังงงว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงอยู่งั้นเหรอ?

แต่ก็แน่หล่ะนะ.... เพราะงั้นเพื่อให้เข้าใจตรงกัน จะขอเล่าย้อนความกลับไปตอนหลังจากที่คุยกันที่โต๊ะน้ำชาเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหน่อยแล้วกัน...

จะว่าไปแล้ว... เมื่อตอนนั้นพวกเราเองก็อยู่ที่ห้องฝึกนี่ด้วยนี่นา...

เพราะงั้นเลยทำให้เรานึกย้อนกลับไปนี่แหล่ะนะ... ตัวเราเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในตอนที่ค้นพบความแข็งแกร่งหลังจากการจุติครั้งที่ 4 เป็นครั้งแรกหน่ะ...

❖❖❖❖❖

          หลังจากที่ทุกคน ตัดสินใจได้ว่าเป้าหมายสุดท้ายคือ การโค่นจอมมารที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในอีกครึ่งปี... คนที่ขอตรวจสอบพลังของตัวเองในตอนนี้ก็คือกรที่เพิ่งผ่านการจุติครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายมาได้ แถมกรยังเป็นคนแรกที่สามารถทำแบบนั้นได้อีกด้วย

          ด้วยความอยากรู้อยากเห็น... ทั้งฟรังซ์ เคลเบรอสและเมอร์ลินต่างก็อยากตามมาด้วย และแน่นอนว่ากรไม่ได้ห้ามเมอร์ลินกับเคลเบรอส ส่วนฟรังซ์นั้น หากเขาไม่ได้เป็นคนตระเตรียมห้องฝึกฝนขนาดใหญ่ที่ว่าไปในตอนแรกนั่นให้กรใช้ได้หล่ะก็ เขาคงไม่ได้ลงมาดูด้วยเพราะถูกกรปฏิเสธอย่างแน่นอน…

          แล้วพอห้องฝึกฝนถูกเปิดให้ใช้งานโดยฟรังซ์ ทั้ง 4 คนจึงรีบลงไปยังห้องที่ว่าอย่างรวดเร็วโดยที่ยังคงใส่ชุดเดิม เหมือนเมื่อตอนดื่มน้ำชา...

〝โกง!〞

〖โกงจริงๆเลยนะครับเนี่ย... แต่ในอีกแง่หนึ่ง คุณยิ่งทำให้ผมคาดหวังได้มากขึ้นอีกนะครับเนี่ย!〗

〝เจ้าหนูเอ้ย! แกนี่มันโกงได้โล่จริงๆพับผ่าสิ!〞

〝กร สุดยอดไปเลย!〞

นั่นคือคำพูดแรก ที่ออกมาจากปากของเมอร์ลิน ฟรังซ์ เคลเบรอสและมีอา เมื่อมองเห็นหน้าต่างสเตตัสของฉันในตอนนี้....

ฉันเองก็ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆเท่านั้น เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันช่างเหนือคำบรรยายเสียเหลือเกิน...

ถ้าเป็นเราเมื่อก่อนคงต้องรู้สึกหดหู่และหวาดกลัวที่จะได้รับพลังมามากเกินไปจนนั่งกอดเข่าไปแล้วมั้ง...

แต่พอฉันเห็นหน้าต่างของตัวเองในตอนนี้ถึงกลับยิ้มออกมาที่มุมปากเสียจนกว้าง หลังจากที่อ่านรายละเอียดถี่ถ้วนหมดแล้ว ทำไมงั้นเหรอ?

นั่นเพราะหลังจากที่เคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณได้... มันก็ทำให้รู้ถึงความอ่อนแอของตัวเองหน่ะสิ...

ตอนนี้ฉันถึงดีใจสุดๆที่มีพลังมากมาย... มากพอที่จะไม่ต้องกลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญเหมือนกับในลูปนรกเวรนั่นไงหล่ะ!

แล้วถ้าถามว่าหน้าต่างสเตตัสของฉันในตอนนี้มันสุดติ่งขนาดไหนหล่ะก็... ดูด้วยตาของตัวเองจะเข้าใจง่ายกว่านะ....

     ข้อมูลสเตตัส

อุษณกร  วัชรวิรุฬห์ 』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  เจ้าแห่งสรรพสิ่ง

อาชีพ』                             เลเวล     1

เทพนักดาบ(LV-5)   ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด(LV-4)   จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ(LV-4)         

ฉายา

          【ทั่วไป】〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙,〘ไอ้หื่น〙 ,〘นักดาบไร้พ่าย〙,〘เทพนักแม่นปืน〙,〘จอมเวทย์บรรพบุรุษ〙,〘อัพคลาสอาชีพขั้นสูง〙,〘เทพนักดาบ ระดับ 5〙,〘ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด ระดับ 4〙,〘จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ ระดับ 4〙,〘ที่สุดแห่งเวทย์มนต์〙

          【พิชิต】〘ราชาผู้พิชิต〙,〘ไจแอนท์สเลเยอร์〙,〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》

          【จุติ】〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติยักษาแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙,〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙

          【เฉพาะตัว】〘Give me Your Everything ?〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙,〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙,〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙,〘กายาเหล็กไหล〙,〘แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง〙,〘Ogre Armor Form〙,〘ออร่าแห่งทวยเทพ〙,〘ผู้หยั่งรู้〙,〘Sacred God Armor Form〙,〘ออร่าแห่งจอมมาร〙,〘เนตรแห่งจอมมาร〙,〘ผู้ไม่ยอมตาย〙,〘ผู้ใช้ออร่า〙,〘กลืนกิน(พัฒนา)〙,〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙

          【?????】〘The arks enDs〙,〘ความเป็นจริง?〙

           

          《พลังโจมตี》            7,500,000 + 3,750,000

          《พลังป้องกัน》         7,200,000 + 2,880,000

          《พลังเวทย์》            7,400,000 + 3,700,000

          《ความต้านทานเวทย์》7,400,000 + 3,700,000

          《ความว่องไว》          7,500,000 + 3,750,000

          《พละกำลัง》            7,500,000 + 3,750,000

〝ก่อนที่จะตกใจ เรามาไล่ดูทุกๆอันก่อนดีกว่ามั้ง!〞

          กรพูดแบบนั้นหลังจากที่เห็นสเตตัสของตัวเองในตอนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนบุคคลก่อนที่จะเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ เมอร์ลินเองก็เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิแบบเดียวกันลงทางด้านซ้ายของกรพร้อมกับฟรังซ์ และในขณะเดียวกัน มีอาเองก็นั่งพับเพียบลงทางด้านขวาของกรเช่นเดียวกัน ส่วนเคลเบรอสนั้นกำลังยืนดูกรอยู่จากทางด้านหลัง

          พอทั้งมีอาและเมอร์ลินนั่งลงเรียบร้อย กรจึงได้ไล่ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ฉายาทีละอัน เพื่อเปิดขึ้นมาอ่านรายละเอียดของทุกฉายา ที่ได้รับมาใหม่ในทีเดียว…

〝โห้! ….น่าสนใจจริงๆ〞

〖จะว่าไงดี... หล่ะครับเนี่ย〗

          เมอร์ลินและฟรังซ์ต่างก็ทำหน้าตะลึงไปหมดกับหน้าต่างเล็กๆที่แสดงรายละเอียดฉายาของกร แตกต่างจากเคลเบรอสที่ชินกับสถานการณ์นี้ไปแล้ว กับมีอาที่ยังคงสงบอยู่และขยับเข้ามาจนชิดกับแขนของกร จนกรรู้สึกประหม่าเล็กน้อย กรจึงเริ่มอ่านรายละเอียดของฉายาที่ว่าเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ดังกล่าวในทันที...

〘ที่สุดแห่งเวทย์มนต์〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ได้รับเวทย์มนตร์ครบทุกประเภท มีผลพิเศษทำให้เมื่อโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ จะลดพลังเวทย์ที่ใช้ลงครึ่งหนึ่งและลดความต้านทานเวทย์มนตร์ของเป้าหมายลงครึ่งหนึ่ง》  

 〘ไจแอนท์สเลเยอร์〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่สังหารบอสมอนสเตอร์ระดับ SSS ประเภทยักษ์ได้ มีผลพิเศษทำให้สเตตัสพลังโจมตีของผู้ใช้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อต่อสู้กับเป้าหมายที่มีขนาดตัวสูงกว่าผู้ใช้ 2 เท่าขึ้นไป 》

〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่เคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》ได้สำเร็จ มีผลพิเศษทำให้ผู้ใช้และสมาชิกในปาร์ตี้มีสเตตัส พลังชีวิต??? และความสามารถในการฟื้นฟูเพิ่มขึ้นในระดับสูงมาก 》 

ดูเหมือนจะเป็นเพราะตรงกับเงื่อนไขบางอย่างเข้า เลยทำให้ฉายาประเภท【พิชิต】ถูกแยกออกมาแล้วแฮะ....

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้นซักหน่อย....

สองอันแรกเป็นฉายาที่เพิ่มสเตตัสอย่างที่คิด เลยไม่น่าแปลกใจ... แต่ไอ้ฉายาที่คิดว่าคงจะได้มาเพราะเคลียร์มหาดันเจี้ยนแห่งนี้ได้... ฉายา〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》〙นี่แหล่ะที่น่าสงสัย

สเตตัสพลังชีวิตงั้นเหรอ? จำไม่เห็นได้เลยนะว่ามีสเตตัสแบบนั้นอยู่ด้วย...

ไม่สิ จะว่าไม่มีมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว... นั่นเพราะนูเมรัลดิสเพลย์ ที่เป็นหนึ่งในหน้าต่างของสกิลตั้งค่าเอง ก็มีการแสดงผลพลังชีวิตเป็นตัวเลขอยู่เหมือนกัน...

แสดงว่าสเตตัสพลังชีวิตเองก็มีอยู่จริงๆสินะ... แต่ดูเหมือนจะมีรายละเอียดยิบย่อยเยอะมาก

เอาเถอะ... อย่างน้อยก็รู้ว่าพลังชีวิตเป็นสเตตัสที่ไม่แสดงผลแหล่ะนะ แค่นี้ก็คุ้มกับค่าข้อมูลแล้ว...

          กรยังคงนั่งอ่านรายละเอียดของฉายาแต่ละอันอย่างสงบเสงี่ยม นั่นเพราะเขาไม่ได้ตกตะลึงกับผลพิเศษของฉายาแต่อย่างใด เห็นทีคงจะเป็นเพราะความชินชาที่ได้แต่สกิลโกงๆหลังจุตินั่นแหล่ะ

          แล้วจากนั้น กรก็ทำการเปิดหน้าต่างรายละเอียดเพิ่มขึ้นและไล่อ่านฉายาใหม่ต่อๆไป โดยทิ้งฟรังซ์และเคลเบรอสที่ยังทำหน้ามึนงงอยู๋ใกล้ๆไปก่อน แล้วมุ่งความสนใจไปยังหน้าต่างแสดงผลเล็กๆแทน...

〘จุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙

《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง  โดยการผ่านเงื่อนไขจำนวนมากที่ผลเกี่ยวเนื่องกัน  มีผลทำให้สเตตัสพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างยิ่งยวดตามเงื่อนไขที่ผ่านการตรวจสอบ เพิ่มสเตตัสทุกด้านขึ้นอย่างมหาศาล และเพิ่มสเตตัสด้านพลังโจมตีและความว่องไวเป็นพิเศษ  ได้รับสกิลต้นฉบับที่ไม่เหมือนใครมาครอง สุดท้ายคือขีดจำกัดของสกิลและเวทย์มนต์ที่มีในครอบครอง(เฉพาะสายปกติ)จะถูกปลดล็อคจากระดับสูงสุดจาก ขั้นเทพเจ้า ไปเป็น ขั้น??? (การแสดงขั้นของสกิลและเวทย์หลังจากขั้นเทพเจ้าจะถูกแสดงเป็นตัวเลขแทนเพื่อความสะดวก โดยที่ขั้นเทพเจ้าอยู่ที่ ขั้นที่ 7 *อนึ่งการพัฒนาสกิลและเวทย์นั้นสามารถเลื่อนขั้นขึ้นได้อย่างไม่จำกัด) 》

〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙

《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านการจุติครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายได้เป็นคนแรก  ทำให้ความสามารถอยู่นอกเหนือหลักการทางธรรมชาติโดยส่วนใหญ่จะขึ้นกับความรู้สึกของผู้ใช้  มีผลพิเศษทำให้พลังเฉพาะตัวอยู่นอกเหนือกฎธรรมชาติ ไม่เหมือนบุคคลอื่น นั่นคือระบบการอัพเลเวลของผู้มีฉายานี้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยใช้คนละระบบกับของบุคคลอื่น  》

เผ่าเปลี่ยนไปแล้วแฮะ กลายเป็น เจ้าแห่งสรรพสิ่ง ไปแล้ว!

นี่มันไม่น่าเรียกว่าเผ่าแล้วมั้ง... น่าจะเป็นฉายามากกว่า...

แต่ถึงมันจะแปลกโคตรก็เถอะ... แต่ถ้านี่จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของฉันในตอนนี้ได้หล่ะก็...

จะมองผ่านไปให้ก็แล้วกัน...

〝!!!?〞

          แล้วกรก็ค่อนข้างตกตะลึงในจังหวะที่กวาดสายตาผ่านๆไปยังหน้าต่างของฉายา〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙เพราะอ่านรายละเอียดมันเข้าไป  และที่กรสะดุดก็คงไม่พ้นข้อความที่เขียนว่า...

 《.....ระบบการอัพเลเวลของผู้มีฉายานี้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยใช้คนละระบบกับของบุคคลอื่น   》

          กรไม่รอช้าที่จะพิสูจน์ความสามารถดังกล่าวนี้ พอเพ่งสมาธิไปยังฉายา ก็ได้ความว่า หากอยากจะเปิดวิธีอัพเลเวลของตัวเองในตอนนี้ดู ก็จำเป็นต้องกดที่ตัวเลขแสดงผลเลเวลของตัวเขา กรจึงไม่รอช้าที่จะทดสอบดู แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างกรตกตะลึง...

     ตารางอัพเลเวล

เลเวลต่อไป : 2

เลเวลปัจจุบัน : 1

เงื่อนไขที่ 1

กำจัดมอนเสตอร์ ระดับ A ขึ้นไป 1 ตัว

ผลพิเศษเมื่ออัพเลเวลในเงื่อนไขนี้ : โบนัสสเตตัสโจมตีเพิ่มขึ้น 1 ระดับ

เงื่อนไขที่ 2

เพิ่มระดับเวทย์มนต์ที่มีอยู่ขึ้น 1 ขั้น

ผลพิเศษเมื่ออัพเลเวลในเงื่อนไขนี้ : โบนัสสเตตัสเวทย์มนตร์เพิ่มขึ้น 1 ระดับ

เงื่อนไขที่ 3

เก็บสะสมของดังต่อไปนี้เพื่อให้ตรงกับเงื่อนไข

1.『หนังหัวหน้าออร์ค』2.『ดาบภูผาเงิน

...........

ผลพิเศษเมื่ออัพเลเวลในเงื่อนไขนี้ : ได้รับสกิล『ดาบผ่าธรณี(ต้นฉบับ)

*หมายเหตุ : ในการอัพเลเวลแต่ละครั้ง จำเป็นต้องเลือกเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง เพียงข้อเดียวเท่านั้นเพื่อบรรลุเป้าหมาย และเมื่อทำสำเร็จ เลเวลจะอัพและได้รับผลพิเศษดังกล่าวโดยอัตโนมัติ

ที่เห็นนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ เพราะดูเหมือนว่าพอเลื่อนลงไปอีก ก็จะเจอเงื่อนไขอีกเยอะเลย ซึ่งในกรณีที่เลเวลหนึ่งอัพขึ้นไปเป็นเลเวล 2 นี่ก็มีเกือบ 10 เงื่อนไขให้เลือกเลยทีเดียว....

แถมดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ผ่านเงื่อนไข ก็จะเสริมความสามารถในด้านนั้นๆมาด้วย...

แล้วเท่าที่ลองตรวจสอบดู... ระบบอัพเลเวลใหม่ของฉันเนี่ย ไม่มีระบบสะสมค่าประสบการณ์เลยหล่ะ... พูดง่ายๆคือ ขอแค่ผ่านเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง ก็สามารถอัพเลเวลได้เลย...

จากที่พูดมามันก็ฟังดูสะดวกที่ไม่ต้องเก็บเวลแหล่ะนะ... แต่จริงๆแล้ว ไอ้ที่เป็นเงื่อนไขแบบนี้หน่ะ ยุ่งยากกว่าการฟาร์มเวลแบบปกติโขเลยหล่ะ

ทำไมงั้นเหรอ? นั่นเพราะมันไม่มีหลักการที่แน่นอน ในการคาดเดาการอัพเลเวลแต่ละครั้งหน่ะสิ...

แถมการทำเงื่อนไขมาให้แบบนี้ เหมือนกับมันจะบอกเป็นนัยๆเลยว่า....

ทางเดินต่อจากนี้จะถอยกลับไม่ได้แล้วนะ ถ้าเลือกเส้นทางไหนก็ต้องไปทางนั้นเท่านั้น.... ประมาณนั้นเลย

เส้นทางการบิลตัวละครให้เกิดความสมดุลคงจะยาก เพราะการมีระบบเงื่อนไขแบบนี้ ทำให้อิสระในการรับโบนัสสเตตัสน้อยลง... ถึงแต่เดิมมันจะเยอะอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่อยากประมาทอีกนี่นา…

แต่ยังไงก็เถอะ... เรื่องการเลือกว่าจะเน้สเตตัสแบบไหนเดี๋ยวค่อยคิดก็ได้...

เพราะงั้นก็ต่อไป....

〘ออร่าแห่งจอมมาร〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งชนะการต่อสู้สุดท้ายมาได้โดยใช้ออร่าสายความมืดเป็นตัวแปรหลัก รวมถึงได้รับถ่ายทอดออร่าแห่งความมืดที่มีความบริสุทธิ์สูงจากบุคคลอื่นในช่วงก่อนการจุติ  มีผลทำให้สามารถสร้างออร่าซึ่งเป็นสกิลเฉพาะของเผ่าปีศาจ ในระดับจอมมารออกมาใช้งานได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามแต่ความชำนาญและเลเวลของผู้ใช้ ซึ่งการใช้ผลพิเศษนี้จะไม่เสียพลังเวทย์แต่อย่างใด》

〘เนตรแห่งจอมมาร〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง  ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถอ่านวงจรเวทย์ของบอสมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถคัดลอกสกิลและเวทย์ของบอสมอนสเตอร์ได้ มีผลทำให้ได้รับสกิลเนตร 2 แบบข้างต้น  *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดผ่านระบบสกิลเท่านั้น  **ความสามารถขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง โดยไม่อิงจากสเตตัสใดๆของผู้ใช้ทั้งสิ้น 》    

〘ผู้ไม่ยอมตาย〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง  ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถจำลองและรักษา ร่างกายของตัวเองได้ มีผลทำให้ได้รับสกิลรักษา? เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร  》

〘ผู้ใช้ออร่า〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง  ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถใช้งานการประยุกต์ออร่าได้อย่างหลากหลาย และได้รับออร่าอีกหลายแบบและหลายแหล่งก่อนที่จะจุติ  มีผลพิเศษทำให้สามารถใช้งานออร่าทั้งหลายที่รับมานั่นได้อย่างอิสระ  》

〘กลืนกิน(พัฒนา)〙

《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ได้รับออร่าแห่งความมืด แล้วผสานเข้ากับสกิลเฉพาะของตัวเอง จนเกิดความสมารถใหม่สำเร็จ ทำให้สกิลดูดซับทุกสิ่งได้รับการพัฒนาให้สูงขึ้น 》

〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙

《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่มีความสามารถในการสร้างและผสานศาสตร์หลากแขนงเข้าด้วยกันได้ในระดับสุดยอด ทำให้ผู้ที่ได้รับฉายานี้ ได้รับสกิลสายผลิตขั้นสูงสุด》  

อืม... มีแต่ฉายาสุดยอดทั้งนั้นเลยนะเนี่ย... แต่ก็ยังไม่รู้ความสามารถที่แน่ชัดจนกว่าจะได้ดูสกิลใหม่นั่นแหล่ะนะ

เพียงแต่มีอยู่เรื่องนึงที่ติดใจ... เรื่องออร่าแห่งความมืดนั่นแหล่ะ....

มันเขียนว่าเราได้รับความสามารถนี้มาจากการถ่ายทอด... เหมือนกับตอนมีอา... เราคงได้พลังมาจากที่เมอร์ลินช่วยรักษาเราละมั้ง

แต่ตอนนั้น... เราจำได้ว่า ได้ใช้ออร่าแห่งความมืดผสานเข้ากับ ดูดซับทุกสิ่ง จนสกิลเปลี่ยนไป... ก็แสดงว่าเราได้รับออร่าแห่งความมืดมาก่อนที่เมอร์ลินจะถ่ายทอดซะอีกไม่ใช่เหรอ?

          ในขณะที่คิดแบบนั้นด้วยความสงสัย กรเองก็คิดอีกเช่นกันว่าถ้าอ่านไปเรื่อยๆจนครบทุกอัน เดี๋ยวก็คงรู้อะไรเพิ่ม ดีกว่ามานั่งตีความไปเอง กรจึงเปิดฉายาอีกสองอันที่เหลือในทันที แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขางงงวยยิ่งขึ้นกว่าเดิม

〝!?〞

〝มีอะไรเหรอกร?〞

〝.....หน้าต่างแสดงผลมันไม่เด้งขึ้นมา〞

〝〝〝 !!!!!? 〞〞〞

          มีอาถามกรออกมาด้วยความเป็นห่วงในทันทีที่กรพยายามเอานิ้วจิ้มฉายา〘The arks enDs〙และ〘ความเป็นจริง?〙 เพื่อเปิดหน้าต่างแสดงรายละเอียดขึ้นมา แต่ทำยังไงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยซักนิด นอกเสียจากซาวน์เอ็ฟเฟ็คที่ดัง 〝อ๊อออด!〞 คล้ายกับเสียงในเกมยามที่กดใช้สกิล แต่ MP ดันหมด หรือไม่ก็เป็นเสียงยามเมื่อระบบปฏิเสธการเข้าถึง เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ากรไม่ได้กดผิด เพียงแต่มันไม่แสดงผลให้เท่านั้นเอง นั่นเลยทำให้ทุกคนงงงวยกันไปหมด

〖มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับเนี่ย? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย〗

〝แถมแท็กที่เป็นหัวข้อใหญ่ของฉายาพวกนี้ ยังมีแต่เครื่องหมายคำถามอีก... นี่มันยังไงกันเนี่ย?〞

〝ถามฉันไป ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ〞

          ฟรังซ์แสดงความสงสัยออกมาพร้อมกับเมอร์ลิน กรจึงตบมุขเมอร์ลินครั้งนึงด้วยอารมณ์หยากแกล้งเฉพาะกิจ ก่อนที่จะหันกลับมาพินิจพิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

แสดงผลไม่ได้แบบนี้มันอะไรกันเนี่ย... ทั้งน่าสงสัยแล้วก็ยังน่าหงุดหงิดอีก...

แถมความหมายของทั้งสองอัน.... 〘ความเป็นจริง?〙 ทำไมฉายาดันเป็นคำถามหล่ะ คนที่จะถามหน่ะคือทางนี้ต่างหาก?

ชิ ว่าจะไม่ตบมุกแล้วเชียว...

ส่วนอีกอัน...〘The arks enDs〙ถ้าแปลความหมายตรงๆหล่ะก็... เรือแห่งจุดจบ งั้นเหรอ?

ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าจะสื่ออะไร... แถมทำไมต้องขีดทับด้วย... แล้วตัว D ที่อยู่เกือบหลังสุดยังเป็นตัวพิมพ์ใหญ่อีก แบบนี้มันผิดหลักไวยากรณ์นะคร้าบ เดี๋ยวฟ้องครูเอเลนซะเลย...

....เผลอตบมุกอีกแล้ว

...............

อะ อา... แต่เท่าที่พอคิดได้ ก็เดาได้สามอย่างหล่ะนะ...

หนึ่งคือ ฉายาพวกนี้ มีระดับสูงกว่าที่เราจะอ่านได้... แต่ข้อนี้คงเป็นไปได้ยาก นั่นเพราะถ้าเรามีพลังไม่ถึง มันก็ไม่ควรได้ฉายาพวกนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว...

สองคือ สกิลยังไม่ปลดล็อค... ข้อนี้ก็ยากอีกเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้เงื่อนไขนี่นา...

สามคือ สกิลพวกนี้ ไม่อยู่ในข้อมูลของสาระบบ... คงไม่หรอกมั้ง... จะบอกว่าฉายาพวกนี้ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาเองก็ไม่ใช่... คิดว่านะ...

〝ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลย...〞

〝เป็นอีกครั้งที่ต้องปวดหัวกับตัวเองสินะเจ้าหนูเอ๋ย〞

〝ฮึ่ม...〞

          เคลเบรอสที่อยู่ในชุดพ่อบ้านหยอกล้อกรที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ แต่นั่นกลับทำให้ตัวเขาผ่อนคลายลงเสียอย่างงั้น กรจึงเลิกคิดหาเหตุผล เพราะคิดมากไปก็เท่านั้น แล้วก็จัดการเลื่อนหน้าต่างสกิล เข้ามาอยู่ตรงกลางเพื่อเริ่มอ่านรายละเอียดต่อไป

          และแน่นอนว่านี่เป็นอีกครั้งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง...

     สกิล

สกิลโจมตี

วิชาดาบอัลติเมทเฮอริเคนแสลช(พัฒนา)(ต้นฉบับ), มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ) , เอนลาจซอร์ด(ต้นฉบับ)

วิชาดาบคู่คอมบิเนชั่นคอมโบ(ต้นฉบับ), อัลติเมทโซนิคเบลด(ต้นฉบับ)

วิชามือเปล่าวันพ้านนนนช์(ต้นฉบับ) , หมัดสว่าน(ต้นฉบับ)

สกิลป้องกันกายาเพชร(ต้นฉบับ)

เวทย์มนต์

เวทย์ธาตุ】เวทมนต์น้ำขั้นที่ 9, เวทมนต์ลมขั้นที่ 9, เวทมนต์ไฟขั้นที่ 9, เวทมนต์ดินขั้นที่ 9, เวทมนต์น้ำแข็งขั้นที่ 9, เวทมนต์สายฟ้าขั้นที่ 9, เวทมนต์พฤกษาขั้นที่ 9, เวทมนต์โลหะขั้นที่ 9, เวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 9, เวทมนต์ความมืดขั้นที่ 9

เวทย์เสริม】เวทมนต์รักษาขั้นที่ 9, เวทมนต์แปรธาตุขั้นที่ 9, เวทมนต์ไร้ธาตุขั้นที่ 9, เวทมนต์พันธะขั้นที่ 9, เวทมนต์วิญญาณขั้นที่ 9, เวทมนต์สนับสนุนขั้นที่ 9, เวทมนต์ลวงตาขั้นที่ 9, เวทมนต์มิติขั้นที่ 9, เวทมนต์อัญเชิญขั้นที่ 9

เวทย์พิเศษออร่าเทพเจ้า(ต้นฉบับ), แสงแห่งการชำระล้าง(ต้นฉบับ), ออร่าจอมมาร(ต้นฉบับ), แสงแห่งการทำลายล้าง(ต้นฉบับ), ออร่า???(ต้นฉบับ)

สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังกาย,เพิ่มพลังเวทย์, เคลื่อนไหวความเร็วแสง(ต้นฉบับ), Ogre Arm(ต้นฉบับ), ปักษาสวรรค์(ต้นฉบับ), ปักษาทมิฬ(ต้นฉบับ)

สกิลติดตัวกลืนกิน(พัฒนาจากดูดซับทุกสิ่ง)(ต้นฉบับ), โจมตีอย่างแม่นยำ(ต้นฉบับ), เรียกหน้าต่างสเตตัส,  เข้าใจภาษาขั้นที่ 8, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์ขั้นที่ 9, เร่งการฟื้นฟูบาดแผลขั้นที่ 9, เติบโตยิ่งยวดขั้นที่ 9, ตาเหยี่ยวขั้นที่ 9, มองเห็นในที่มืดขั้นที่ 9, ก้าวไร้เสียงขั้นที่ 9, ลบตัวตนขั้นที่ 9

สกิลสายผลิต』ผลิตยาขั้นที่ 7, ผลิตอาวุธขั้นที่ 7, สร้างแบบอาวุธขั้นที่ 7, ดัดแปลงคุณสมบัติแร่ขั้นที่ 7, หัตถ์ผสมผสาน(ต้นฉบับ), หัตถ์สรรค์สร้าง(ต้นฉบับ)

สกิลพิเศษตั้งค่าขั้นสูงสุด(ต้นฉบับ), ตรวจสอบขั้นที่ 9, ตั้งปาร์ตี้ขั้นที่ 9, Ogre Armor Form(ต้นฉบับ), Sacred God Armor Form(ต้นฉบับ), เนตรทวิกาล(ต้นฉบับ), รีดดิ้งอาย(ต้นฉบับ), ไรท์ติ้งอาย(ต้นฉบับ), ออโต้รีไวฟ์(ต้นฉบับ)

อ่า... มีแต่สกิลต้นฉบับเพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิมเลยแฮะ...

อัลติเมทเฮอริเคนแสลช(พัฒนา)(ต้นฉบับ)』ก็เป็นสกิลที่พัฒนาจากเดิม... ส่วน『หมัดสว่าน(ต้นฉบับ)』ก็คือ สกิลที่เราคิดขึ้นด้วยตัวเอง...

จะมีก็แต่สกิลโจมตี 2 อันหลัง กับสกิลป้องกันที่มีแค่อันเดียวนี่แหล่ะที่เพิ่งได้มาใหม่จริงๆ...

เอนลาจซอร์ด(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เมื่อใช้สกิล จะทำให้ใบดาบขยายใหญ่ขึ้นตามแต่พลังเวทย์ที่ใช้ และได้รับโบนัสดาเมจเพิ่มขึ้นตามพลังเวทย์ที่ใส่เข้าไปด้วยเช่นกัน 》

อัลติเมทโซนิคเบลด(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : สกิลจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อใช้ดาบสองเล่มในการเข้าปะทะเท่านั้น มีผลทำให้ความเร็วเริ่มต้นในการโจมตีครั้งแรกเท่ากับความเร็วเหนือเสียง และจะเพิ่มขึ้น 1 มัคเมื่อโจมตีครบ 10 ครั้งจนกระทั่งจบคอมโบต่อเนื่องนี้ 》

กายาเพชร(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เมื่อสั่งใช้งาน จะสามารถสร้างเกราะป้องกันมาคลุมร่างไว้ได้ ซึ่งมีผลพิเศษทำให้รับความเสียหายแทนได้เท่ากับค่าพลังป้องกันและค่าพละกำลังรวมกัน 》 

โอ้ะ! สองสกิลนี้ได้มาจากตอนที่เราฟันถ่วงเวลาทศกัณฑ์ แน่เลยแฮะ...

ถ้าใช้ทั้งสองสกิลควบกันหล่ะก็ ก็จะเหวี่ยงดาบยักษ์ได้ โดยที่ความเร็วต้นอยู่ในระดับสูง... แบบนี้แหล่ะที่เราต้องการ...

ส่วนสกิลป้องกันนี่ ก็ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน... แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นสกิลป้องกันแรกของเราเลยนี่นา

น่าสนใจแฮะ... แบบนี้ชักจะอดใจรอสกิลต่อไปไม่ไหวแล้วสิเนี่ย...

〝หืม? กร เวทย์ของนายแสดงผลเป็นขั้นงั้นเหรอเนี่ย?〞

          ไม่ใช่แค่กรทั้นที่กำลังอ่านสกิลของตัวเอง แต่ทั้งมีอา ฟรังซ์ เคลเบรอส และเมอร์ลินต่างก็จ้องตาเป็นมันเหมือนกัน... นั่นเลยทำให้เมอร์ลินที่สังเกตเห็นการแสดงผลเวทย์ของกรเปลี่ยนไป เริ่มถามออกมาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง

〝อา... อย่างที่เห็นแหล่ะเมอร์ลิน ทำไมเหรอ?〞

〝เหมือนฉันเลยหล่ะ〞

〝เอ๋ จริงดิ?〞

〝ก็จริงหน่ะสิ!〞

          เมอร์ลินขยับเข้ามาเบียดเสียดกรอย่างจงใจ ในขณะที่กรกำลังเขิน(และเมอร์ลินเองก็หน้าแดงอยู่หน่อยๆเช่นกัน) ก่อนที่เธอจะเปิดหน้าต่างสกิลของตัวเองให้กรดูเพื่อยืนยันคำพูด

          แล้วพอเมอร์ลินเลื่อนหน้าต่างมาให้กรเห็น กรก็สังเกตุแค่ตรงส่วนของเวทย์มนต์เท่านั้น แล้วก็รู้ความจริงที่น่าตกใจเข้า...

〝อึก! ระดับ... 12 งั้นเหรอ?〞

          ใช่แล้ว... ระดับของเวทย์เมอร์ลินก็คือ 12 ซึ่งหมายความว่ามากกว่ากรที่จุติครั้งที่ 4 ถึง 3 ขั้น กรเลยเผลอกลืนน้ำลายในจังหวะที่อ่านมัน

          จะเป็นเพราะเผ่าดั้งเดิมของเธอก่อนจุติสูงอยู่แล้วหรือเพราะเน้นการบิลสเตตัสให้เป็นแบบสายเวทย์ล้วนก็ตามแต่ พอกรคิดย้อนกลับไปในตอนที่สู้กับเมอร์ลิน มันทำให้กรเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูกเลยที่ไปสู้กับสัตว์ประหลาด ที่ถึงเขาจะจุติถึง 4 ครั้ง แต่ก็ยังระดับน้อยกว่าแบบนี้...

〝ฟุฟุ! สุดยอดเลยใช่ม้า〞

〝หึ! เธอเนี่ยน้า...〞

          เมอร์ลินที่หัวเราะอย่างสนุกสนานเพราะได้รับปฏิกิริยาที่ต้องการจากกร รวมถึงมีเพื่อนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และในขณะเดียวกัน กรที่ตอบออกไปแบบนั้นก็ลูบหัวเธอด้วยความเคยชินเช่นเคย แต่เมอร์ลินก็ไม่ได้โกรธอะไร ทั้งยังยิ้มออกมาอย่างร่าเริงเสมือนรอรางวัลนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วยังไงอย่างงั้นเลย ถึงกับทำให้กรที่เห็นเมอร์ลินร่าเริงผิดกับความเงียบขรึมที่เจอกันตอนแรกแบบนี้ คิดอยู่ในใจเลยว่า〝เดเระแตกแล้วรึไงครับคุณเธอ?〞เลยทีเดียว

          มีอาและอีกสองคนที่เหลือพอเห็นแบบนี้ก็ไม่พ้นที่จะอมยิ้มตาม ก่อนที่กรจะผละมืออกจากศีรษะของเมอร์ลิน แล้วเอานิ้วจิ้มไปที่สกิลที่เหลือเพื่ออ่านรายละเอียดต่อ...

ออร่าจอมมาร(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เป็นเวทย์พิเศษที่ได้รับจากฉายา〘ออร่าแห่งจอมมาร〙มีผลทำให้สามารถสร้างออร่าซึ่งเป็นสกิลเฉพาะของปีศาจ แต่มีระดับสูงกว่าที่ว่าออกมาใช้งานได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามแต่ความชำนาญและเลเวลของผู้ใช้ นอกจากนี้บริเวณที่ถูกคลอบคลุมโดยออร่าดังกล่าวจะมีคุณสมบัติสลายสสารได้ในระดับโมเลกุลขึ้นกับความสามารถของผู้ใช้ และความต้านทานของเป้าหมาย *หากใช้กับสิ่งมีชีวิต จะเป็นการสร้างความเสียหายทางจิตใจ และสร้างความทรมานให้กับอวัยวะภายในแทน  **สกิลนี้ไม่มีการใช้พลังเวทย์แต่อย่างใด ***ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดเท่านั้น 》

แสงแห่งการทำลายล้าง(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เมื่อใช้งานจะสร้างแสงสว่างโอบล้อมบริเวณที่ผู้ใช้อยู่เป็นจุดศูนย์กลางโดยมีรัศมี 500 เมตร  มีผลทำให้ผู้ที่ผู้ใช้กำหนดให้เป็นศัตรู ซึ่งอยู่ในรัศมีของเวทย์พิเศษนี้ จะถูกลดสเตตัสลงเหลือเพียงครึ่งเดียว อัตราการฟื้นฟูของศัตรูจะลดลง(ไม่สามารถรักษาแผลฉกรรจ์ได้)และโอกาสติดสถานะผิดปกติของศัตรูจะเพิ่มขึ้น  โดยอัตราดังกล่าวจะขึ้นกับเลเวลของผู้ใช้ 》

ออร่า???(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เป็นเวทย์พิเศษที่ได้รับจากฉายา〘ผู้ใช้ออร่า〙 มีผลทำให้สามารถสร้างหรือดูดซับออร่าแบบต่างๆเข้ามาใช้งานได้ดังเช่นของตัวเอง โดยความสามารถขึ้นกับชนิดของออร่า *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดเท่านั้น  **สกิลนี้ไม่มีการใช้พลังเวทย์แต่อย่างใด  》 

ปักษาทมิฬ(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เมื่อใช้งานจะสร้างปีกสีดำขึ้นกลางหลังของผู้ใช้  มีผลทำให้บินได้อย่างอิสระตามความนึกคิดของผู้ใช้  เพิ่มพลังป้องกันขึ้น 50% และเพิ่มสเตตัสด้านความว่องไวและพลังเวทย์ขึ้น 2 เท่า  》

คราวนี้ก็เป็นสกิลจำพวกเดิม แต่เปลี่ยนสายจากเทพเจ้าไปเป็นจอมมารแทน... นับวันเรานี่ยิ่งกลายเป็นตัวร้ายเข้าทุกทีแล้วแฮะ...

แต่นับในแง่ผลประโยชน์ นี่ถือว่าเยี่ยมเลย... โดยเฉพาะ『แสงแห่งการทำลายล้าง(ต้นฉบับ)』นี่ ถ้าใช้คู่กับ『แสงแห่งการชำระล้าง(ต้นฉบับ)』หล่ะก็ จะสร้างดาเมจได้มากถึง 4 เท่าเลย...

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ 『ออร่า???(ต้นฉบับ)』 นี่แหล่ะ...

〝มีอา มีเรื่องจะขอร้องแหน่ะ...〞

〝ได้อยู่แล้ว! อะไรงั้นเหรอกร?〞

〝ช่วยใช้แองเจิ้ลโหมด ให้หน่อยได้รึเปล่า〞

〝ได้อยู่แล้ว!〞

          มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านขวาของกร ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในทันทีที่ได้ยินคำขอร้องของกรและจัดการใช้แองเจิ้ลโหมดจนกระทั่งทั่วทั้งร่างถูกคลุมด้วยออร่าสีชมพูอ่อน โดยที่ไม่ยังไม่ได้ยินเหตุผลของกรด้วยซ้ำ

〝งั้นก็... ขอลองดูดซับดูหน่อยนึงแล้วกัน...〞

          มีอาเองก็สังเกตมาตั้งแต่แรก เลยพอเข้าใจการกระทำของกรหลังจากที่อ่านสกิล『ออร่า???(ต้นฉบับ)』นั่น

          ในเวลาเดียวกับที่กรยื่นมือขวาออกไปข้างมีอา เธอก็กุมมันกลับด้วยมือทั้งสองข้างในทันที แล้วชั่วพริบตาที่กรสั่งใช้งานสกิลด้วยความคิด ออร่าสีชมพูอ่อนของมีอาก็ดูดเข้ามาในร่างกายของกร

〝อือ〜〜〞

〝เป็นอะไรรึเปล่ามีอา!!!〞

          กรตะโกนแทบจะสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อมีอาครางออกมา เพียงแต่ว่า...

〝มะ ไม่ใช่นะกร... คะ แค่ว่ามัน... เหมือนจะรู้สึกดี ไปหน่อยหน่ะ ก็เลย...〞

〝อ้าว!?〞

เอ๋! จะว่าไป เธอก็ทำหน้าแดงๆ บิดตัวไปมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ.... 

ไอ้สกิลบ้านี่มันอะไรว๊ะเนี่ย เอ็งทำอะไรมีอากันแน่ฟ่ะ——

〝!!!!!!〞

          การดูดซับเสร็จสิ้นลงด้วยเวลาอันสั้นในขณะที่กรยังคงพร่ำพรรณนาบางอย่างอยู่ในใจ แล้วผลลัพธ์ก็คือ ทั่วทั้งตัวของกรเองก็มีออร่าแบบเดียวกันกับมีอาคลุมร่างอยู่เหมือน... เพียงแต่ที่แตกต่างจากในอดีตที่กรยืมพลังของมีอาก็คือ ตอนนี้เขาสามารถสร้างออร่าชนิดนี้เองได้แล้ว...

อืม.... ดีเหมือนกันนะเนี่ย! ดูเหมือนความเร็วและความคล่องตัวจะเพิ่มขึ้นมากเลย...

ก็ความเร็วคือจุดแข็งของมีอานี่นา... งั้นที่ว่า 《 ความสามารถขึ้นกับชนิดของออร่า 》   นี่ ก็หมายความว่าขึ้นกับเจ้าของเดิมด้วยสินะ... 

แต่เหมือนจะอันตรายในหลายๆความหมายกับมีอา... เพราะงั้นกับเมอร์ลินก็คงไม่ใช้ด้วยแน่ๆ... งั้นสกิลพวกนี้เอาไว้แค่นี้แหล่ะ

งั้นคร่าวๆคงประมาณนี้สินะ... ถ้างั้นต่อไปก็...

กลืนกิน(พัฒนาจากดูดซับทุกสิ่ง)(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : สกิลพัฒนาแล้วของ ดูดซับทุกสิ่ง??? เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘กลืนกิน(พัฒนา)〙สามารถกลืนกินสสารและพลังงานทุกอย่างยกเว้นสิ่งมีชีวิตได้ และสามารถนำคุณสมบัติของสิ่งนั้นมาเป็นของตัวเองได้ *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้  **วิธีใช้ ใช้อัญมณีที่ติดอยู่หลังมือซ้ายเป็นตัวกลางในการดูดซับ โดยเพียงแค่สัมผัสและนึกคิดเท่านั้น》

หัตถ์ผสมผสาน(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙 สกิลที่สามารถนำสกิล เวทย์มนตร์และสิ่งต่างๆ มาผสมผสานกันเพื่อให้ได้สิ่งใหม่ที่มีคุณสมบัติเดิมของทั้งสองสิ่งคงอยู่ทั้งคู่อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ทำให้ผลพิเศษเสื่อม *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้  **วิธีใช้ ต้องทำการถ่ายพลังเวทย์ลงไปที่อักขระเวทย์ที่ฝ่ามือขวา เพื่อให้สกิลเริ่มทำงาน ***การทำงานของสกิลนี้ใช้จินตนาการของผู้ใช้เป็นสำคัญ  》

หัตถ์สรรค์สร้าง(ต้นฉบับ)

《คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙  สกิลที่สามารถสร้างสกิล เวทย์มนตร์และสิ่งต่างๆ ขึ้นได้ หากมีสิ่งจำเป็นในแต่ละอย่าง (กรณีสกิลและเวทย์มนต์คือหลักการ  กรณีของเครื่องมือใช้สอยคือส่วนประกอบและวัสดุ) *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้  **สร้างได้เฉพาะสิ่งที่ผู้ใช้เข้าใจโครงสร้าง หลักการและส่วนประกอบของสิ่งที่จะสร้างเท่านั้น  ***วิธีใช้ ต้องทำการถ่ายพลังเวทย์ลงไปที่อักขระเวทย์ที่ฝ่ามือซ้าย เพื่อให้สกิลเริ่มทำงาน ****การทำงานของสกิลนี้ใช้จินตนาการของผู้ใช้เป็นสำคัญ  》

คราวนี้เป็นสกิลโคตรโกงที่สามารถผสานหรือสร้างอะไรก็ได้งั้นเหรอ?  นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย

แล้วพออ่านเจ้าสกิลนี่ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นแฮะ.. ว่ามีรอยสักอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างเลย... ถึงลายจะไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นรูปแบบเดียวกัน...

แต่อีแบบนี้ เราก็ต้องศึกษาพวกสกิลกับเวทย์เพิ่มอีกสิเนี่ย... ก็เพื่อศึกษาหลักการ แล้วเอาไปสร้างสกิลหรือเวทย์ใหม่นั่นแหล่ะ  แต่ยังดีนะที่ต้องเข้าใจหลักการก่อนถึงจะสร้างได้

เพราะถ้ามันสามารถสร้างอะไรก็ได้ทันทีหล่ะก็ คงควบคุมไม่ได้กันพอดี... สมดุลธรรมชาติเสียพอดีนะแบบนั้นหน่ะ... เพราะงั้นก็เลยยังพอมีเหตุผลอยู่บ้างแหล่ะนะ ที่ต้องเข้าใจหลักการก่อนสร้างหน่ะ

งั้นก็เหลือแค่สกิลพิเศษแล้วสินะ....

รีดดิ้งอาย(ต้นฉบับ)

《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘เนตรแห่งจอมมาร〙 มีผลทำให้ได้รับความสามารถในการอ่านวงจรเวทย์และการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากสกิลและอื่นๆที่เกิดการเคลื่อนไหวโดยละเอียดได้  ซึ่งจะช่วยในการคาดเดาสกิลและเวทย์มนต์ รวมทั้งประเภท จำนวน ฯลฯ จากการอ่านวงจรเวทย์ โดยความสามารถขึ้นกับความชำนาญและความสามารถเฉพาะตัวของผู้ใช้  *วิธีใช้ สั่งใช้งานสกิลด้วยความนึกคิดพร้อมกับถ่ายพลังเวทย์ลงไปยังตาขวาเพื่อเริ่มใช้งาน 》

ไรท์ติ้งอาย(ต้นฉบับ)

《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘เนตรแห่งจอมมาร〙 มีผลทำให้ได้รับความสามารถในการคัดลอกสกิล เวทย์มนต์และการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากสกิลและอื่นๆที่เกิดการเคลื่อนไหวโดยละเอียดได้  อนึ่ง จำเป็นต้องมีข้อมูลของสกิล เวทย์ การเคลื่อนไหวนั้นๆก่อน แนะนำให้ใช้ควบคู่กับรีดดิ้งอายเพื่อให้สามารถอ่านและคัดลอกได้ในทันที  *วิธีใช้ สั่งใช้งานสกิลด้วยความนึกคิดพร้อมกับถ่ายพลังเวทย์ลงไปยังตาซ้ายเพื่อเริ่มใช้งาน》

ออโต้รีไวฟ์(ต้นฉบับ)

《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ผู้ไม่ยอมตาย〙มีผลพิเศษที่เป็นแบบติดตัว 2 อย่าง『รีคัฟเวอร์』➾  ร่างกายจะคืนดุลยภาพที่ดีที่สุดเมื่อถึงจุดที่ร่างกายเสี่ยงต่ออันตรายเสมอ โดยมีผลเฉพาะสิ่งที่ร่างกายสามารถผลิตได้ด้วยตัวเอง เช่นเลือด ฮอร์โมนหรือการควบคุมอุณหภูมิเท่านั้น ดังนั้นทั้งสารอาหาร เกลือแร่และน้ำในร่างกายจะไม่สามารถคืนสภาพให้ได้เมื่อถึงจุดวิกฤต『รีไวฟ์』➾  เมื่อร่างกายบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ต่อให้ไม่เหลือชิ้นส่วนหรือเซลล์ซักเซลล์เดียว ก็ยังสามารถฟื้นกลับมาจากความว่างเปล่าในสภาพสมบูรณ์เหมือนก่อนหน้าได้เสมอ  *สกิลทั้งสองเป็นแบบติดตัวไม่ต้องสั่งใช้งาน แต่ยังสามารถสั่งใช้งานด้วยตัวเองได้ทุกเมื่อเช่นกัน  **การควบคุมพลังเวทย์ในส่วนนี้ถูกแบ่งโดยอัตโนมัติและจะถูกแบ่งมาใช้ในสกิลนี้ก่อนเป็นอันดับแรกเหนือสกิลอื่น》

〝หึหึ!〞

〖แบบนี้มัน... ถึงจะโกงก็เถอะ... แต่ก็เห็นความหวังอยู่ไม่ไกลเลยนะครับเนี่ย?〗

          กรหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ พลางโดนฟรังซ์แซวในเชิงคาดหวัง หลังจากอ่านสกิลพิเศษอันใหม่ทั้ง 3 นี้ นั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างๆตกตะลึงอีกครั้ง ที่มีสกิลมหาโกงอยู่ในกำมือของกรอีกแล้ว...

หึหึ! สกิลที่ไม่มีวันตายงั้นเหรอ หึ! ฮะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!!

มันต้องแบบนี้สิ... นี่เราคงได้มาตอนที่ฟื้นสภาพจากที่ไอ้ทศกัณฑ์มันตัดร่างเราเป็นชิ้นๆนั่นสินะ...

แต่ผลลัพธ์นี่เกินคาดมาก.... ขนาดจอมมารบู ถ้าไม่เหลือซากก็คือตายแท้ๆ

แต่เราเนี่ยสิ... ต่อให้ถูกระเบิดไม่เหลือซาก ก็ยังฟื้นมาจากความว่างเปล่าได้งั้นเหรอ... นี่มันโกงขั้นเทพ ไม่สิ... สุดยอดขั้นเทพต่างหาก...

แล้วยังมีสกิลที่สามารถอ่านวงจรเวทย์ได้...

เห็นว่าเป็นสกิลเนตร ฉันเลยถามมีอาดูว่าตาของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง... เพราะจำได้ว่าครั้งล่าสุด ถูกสกิลของไอ้ยักษ์เวรนั่นทำลาสยตาทั้งสองดวงไปแล้ว... เพราะงั้นที่ได้สกิลเนตรมานั่นก็ต้องเกี่ยวด้วยแน่

แล้วคำตอบของมีอาก็คือ...

ตาของฉันยังคงมีลักษณะเหมือนเดิม... เพียงแต่แสงที่สะท้อนออกมาจากดวงตา ไม่ใช่สีใสๆแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว...

ตาดำซ้ายเป็นสีดำสนิท แต่เมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์กลับสะท้อนสีแดงสดของเลือดออกมาแทน... งั้นสีตาดำของฉันในตอนนี้ แทนที่จะเป็นดำมันน่าจะเป็นแดงที่เข้มมากจนเกือบจะดำเสียมากกว่า

ส่วนตาดำขวาเองก็เป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่สีที่สะท้อนออกมาเป็นสีม่วงเข้มเท่านั้น... นี่เรากลายเป็นพวกตาสองสีไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย?

แต่มันก็สะดวกสุดๆไปเลยหล่ะ สำหรับไว้ตรวจกับดักกับเล่ห์เหลี่ยมของจอมเวทย์  แถมยังสามารถก๊อปสกิลกับเวทย์เฉพาะได้อีก..... เพราะงั้นแค่สีตาคงไม่เป็นไรหรอก แถมถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นด้วย...

ถึงมีอาจะบอกว่าสังเกตเห็นตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วก็เถอะ... เก็บรายละเอียดดีจังแฮะ... 

ไม่สิ เพราะเป็นฉันเลยสังเกตุก่อนสินะ... น่าดีใจจนอยากพุ่งเข้าไปกอดมีอาซะตอนนี้เลยจริงๆ ให้ตายสิ!

อา... แต่ก็นะ ยังไงๆพวกนี้มันก็น่าตกใจจริงๆนั่นแหล่ะ... ก็ถึงกับทำให้เมอร์ลินกับเคลเบรอสพูดไม่ออกไปเลยนี่นา

〝หึหึ! อย่าพึงตะลึงกันสิ... เพราะของจริงฉันว่าน่าจะอยู่ที่ไอ้นี่ต่างหากหล่ะ〞

〝〝 !!!!! 〞〞

          กรไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วก็จัดการสั่งใช้งานอีกหนึ่งสกิลที่เป็นตัวหลักให้ทุกคนได้ชม นั่นก็คือ『ตั้งค่าขั้นสูงสุด(ต้นฉบับ)』 ที่ถูกเพิ่มระดับขึ้นเป็นสูงสุดไปแล้วนั่นเอง...

          กรนั้นรู้อยู่แล้วว่าสกิลนี้แสดงผลยังไงเลยไม่ได้เปิดคำอธิบาย... กรจึงสั่งใช้งาน หน้าต่างตั้งค่าทั้งหมดกว่า 20 หน้าต่างออกมาลอยอยู่รอบๆตัวเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่เพื่อไม่ให้เสียเวลาในทันที เพียงแต่ว่า....

อ้าว! แปลกจังแฮะ... หน้าต่างเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนี่หว่า...

หืม? ไม่สิ…. ที่มุมขวาบนนั่น มีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่....

          แล้วพอกรสังเกตหน้าต่างทั้งหมด ก็พบจุดร่วมใหม่ของทุกหน้าต่าง นั่นคือมีสัญลักษณ์อยู่สองอย่าง

          เรียงจากซ้ายไปขวา... หนึ่งคือเครื่องหมายไมโครโฟน ที่ไม่เข้าใจว่าเอาไปทำอะไร... ต่อไปคือเครื่องหมายคำถามที่อยู่ตัดมุมหน้าต่างของทุกๆหน้าต่าง  กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าเครื่องหมายคำถามนั่นคือตัวช่วยแก้ปัญหา จึงเอานิ้วจิ้มไปที่มัน แล้วจากนั้นก็มีหน้าต่างเล็กๆเด้งขึ้นมาในทัศนวิสัย

《  *หมายเหตุ เมื่อกดเครื่องหมายไมโครโฟน จะเปลี่ยนเป็นระบบรับคำสั่งด้วยเสียง  แล้วจากนั้นหน้าต่างตั้งค่าแต่ละอันจะแสดงส่วนเสริมดังที่ได้รับคำสั่ง แล้วจึงสามารถใช้งานได้อย่างในทุกขอบข่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้โดยตรง  》

เดี๋ยวสิ! งั้นก็หมายความว่า....

〝ผะ แผนที่โลก... จงแสดงผลแบบ 3 มิติ!〞

【รับทราบ!】

          เสียงตอบกลับแบบโมโนโทนไม่ทราบเพศอันคุ้นเคย ดังขึ้นในสติของกร

          ทันใดนั้น หน้าต่างตั้งค่าในส่วนการแสดงแผนที่ ที่เคยแสดงได้แค่แบบ 2 มิติ ก็หงายขึ้นมา ที่เป็นสัญลักษณ์สิ่งก่อสร้างก็งอกขึ้นมาจากภาพสองมิติ กลายสภาพเป็นแท่งและขยายออกเป็นรูปร่างสามมิติแบบต่างๆ  แล้วยังคงความละเอียดไว้ในระดับสูง ถึงขนาดที่ซูมเข้าไปได้ถึงขอบโต๊ะเล็กๆ ในปราสาทของบางประเทศได้เลยทีเดียว

〝เจ้าหนู... ข้าหมดคำพูดแล้วจริงๆ เฮ้อ!〞

〝นี่มันยิ่งกว่าคำว่าโกงแล้วนะ!〞

〝เอ๋! นี่มันออกจะสุดยอดแท้ๆ〞

〖ฮะฮ่ะ... น่าแปลกที่ผมเห็นด้วยกับคุณมีอานะครับ〗

          ต่างคนก็ต่างมีปฏิกิริยาต่างๆกันไป แต่กรสนใจแค่มีอากับเมอร์ลินเป็นพิเศษ แต่ก็เห็นว่าไม่ได้ตกใจจนเกินควร กรจึงไล่ดูหน้าต่างทั้งหมดต่อไปอีก...

งั้นก็หมายความว่า สามารถควบคุมหน้าต่างทั้งหมดได้เลยงั้นสิ... สามารถปรับค่าด้วยเสียงได้แบบนี้ก็เหมือนกับจะบอกอ้อมๆเลยแฮะว่า

อยากจะให้ทำอะไร ก็เชิญสั่งมาได้เลยค่ะนายท่าน... ไรเงี้ย

เพราะงั้นก็ต้องลองดูขอบเขตสูงสุดก่อน ว่าเรามอบคำสั่งได้แค่ไหน...... หืม?

          และในขณะที่กรกำลังเลื่อนหน้าต่างไปเรื่อยพลางคิดนู่นนี่นั่นอย่างเรื่อยเปื่อย เพราะกำลังเบื่อที่มีแต่หน้าต่างเดิมๆ... เขาก็พบเข้ากับหน้าต่างอันใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งด้วยความหมายที่ไม่เข้าใจ แต่พอคลับคล้ายคลับคลาว่าคืออะไร... เขาจึงพึมพำชื่อของหน้าต่างนั้นออกมาเบาๆด้วยความสงสัยและงงงวยแบบสุดๆ

〝อะไรเนี่ย... ไอ้『หน้าต่างค่าสิทธ์』 เนี่ย?〞

          คำพูดพึมพำเบาๆของกร ทำให้ทุกคนหันมาสนใจกันหมด

          แล้วพอหลังจากที่กรรู้ว่าหน้าต่างนั้น... มันช่างคล้ายกับ หน้าต่างที่ใช้ปรับสิทธ์การเข้าถึงของแอดมินหรือ GM เขาก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ที่ของพรรค์นี้กลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดความสามารถของตัวเอง....

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 225 : ความสำเร็จเกิดจากการยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง (จบบทที่ 4)

    ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 224 : ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงผืนฟ้าแลสะท้านถึงอเวจี

    ————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 223 : ความหวังและสิ้นหวัง คือสองด้านของเหรียญที่ชื่อศรัทธา

    หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 222 : แก้โจทย์ได้เมื่อใด ปัญหาใหม่ย่อมตามมาเสมอ

    หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 221 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนจบ (Mia and Merlin have a Date)

    “โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 220 : สาวน้อยธรรมดา?แค่อยากใช้เวลาด้วยกัน ตอนต้น (Mia and Merlin have a Date)

    หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status