〝 เธอคนนั้น... มีพรสวรรค์งั้นเหรอคะ? 〞 ชาลอตเห็นกรดีใจอย่างออกนอกหน้าเธอเลยถามออกมาแบบนั้นด้วยความแปลกใจ〝 ใช่แล้วหล่ะชาลอต! แถมยังโกงโคตรเลยหล่ะจะบอกให้! 〞 กรยังคงยืนเกาะขอบระเบียง และยังคงเนื้อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นไม่หาย〝 นี่ จะยังไงก็นั่งก่อนเถอะน่า 〞〝 อะ อา... โทษที 〞 พอเมอร์ลินเตือนกรให้ใจเย็นลง กรเลยเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองตื่นเต้นเกินไป เขาจึงขอโทษทุกคน ก่อนที่จะนั่งลงที่เดิม...〝 แล้วยังไงเนี่ย? อธิบายให้พวกเราเข้าใจหน่อยสิ 〞เมอร์ลินเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้าง ก่อนจะเอามือขวาเท้าคางถามกรด้วยความอยากรู้อยากเห็น(และหงุดหงิดเล็กน้อย) มีอากับชาลอตก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงว่าอยากรู้เหมือนกัน〝 สกิลที่เธอจะใช้ได้หน่ะเยอะพอสมควร... แต่มีอยู่อันนึงที่หาจากที่ไหนไม่ได้แน่ๆ มันสุดยอดขนาดนั้นเลยหล่ะ 〞〝 แล้วมันคืออะไรหล่ะยะ! 〞 เมอร์ลินส่งเสียงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ถึงขีดสุด กรเลยกอดอกวางท่าใหญ่โตก่อนจะตอบคำถาม ราวกับว่านั่นเป็นพลังของตัวเองยังไงอย่างงั้น〝 ความเสียหายเป็นศูนย์!!! 〞〝 หา? 〞เมอร์ลินยังคงไม่คลายข้อสงสัย มีอาและชาลอตก็ยังเอียงคอสงสัยอยู่ กรเลยต้อง
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบออกจากร้าน แต่ตอนก่อนจะออกจากร้าน เมอร์ลินก็เดินไปที่เคาน์เตอร์...เห็นคุยกันซักพัก เมอร์ลินก็กลับมาพร้อมกับถุงใส่เงินขนาดใหญ่... เอ่อ คือมันใหญ่จริงๆนะ ใหญ่กว่ากระสอบข้าวอีกแน่ะ!แล้วพอถามว่าคืออะไร เมอร์ลินก็บอกว่า...เงินที่นายให้มาฉันลงให้นายชนะแจ็คสันหมดหน้าตักเลยหล่ะ! อ่ะนะเมอร์ลินบอกแบบนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม...แล้วผลลัพธ์เป็นไงหน่ะเหรอ? ลงไป 865 เหรียญทองคำขาว ตัวคูณก็คืออัตราต่อรอง 50 ทางร้านหักไป 10% เป็นของร้าน...พอคำนวณออกมาแล้วก็... 38,925 เหรียญทองคำขาว!!!!!!เงินทุนเพิ่มขึ้น 40 เท่าในพริบตา! โหดสลัดรัสเซียมาก! เทียบเป็นไทย หกหมื่นสี่พันล้านบาทเชียวนะเฮ้ย!!!เมอร์ลินนี่สุดยอดเลยแฮะ เรานี่คิดไม่ถึงเลย... คิดแบบนั้นแล้วก็พุ่งเข้าไปกอดเมอร์ลิน เธองี้เขินไปเลย... โทษทีนะ แต่มันดีใจจริงๆอ่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้คุณเจ้าของร้านมันหงุดหงิด... แต่ยังโวยนิดเดียวกับเงินก้อนนี้ ก็แสดงว่าผลประกอบการของร้านมันเยอะกว่านี้อ่ะดินี่สรุปไอ้เจ้าของร้านมันรวยขนาดไหนกันเนี่ย? แต่ไม่สำคัญหรอก ช่างหัวมันเถอะ!อ้อ! แล้วก็ตอนก่อนออกจากร้าน เราเอาชุดออกมาให้ซาช่าเปลี่ยนหน
เพราะนอนเร็ววันนี้เราเลยตื่นเช้า... เช้าที่ว่านี่คือ 6 โมงหน่ะนะวันนี้มีนัดเข้าไปในเมืองชั้นในกับคุณโรนี่ แต่เวลานัดคือตอนบ่าย 2หมายความว่าช่วงเช้าเราจะว่างนั่นเอง... แล้วเวลาจะเอาไปทำอะไรงั้นเหรอ?ก็ลุยดันเจี้ยนหน่ะสิครับ... ห่างจากตัวเมือง 1 กิโลเมตรทางฝั่งตะวันตกมีดันเจี้ยนระดับ A อยู่ที่นึงที่พอใช้ได้ชาลอตก็พอรู้จักดันเจี้ยนนี้อยู่... ก็จากหนังสือที่เคยอ่านนั่นแหล่ะนะ...เพราะแบบนั้นเราเลยลงไปทานข้าวเช้ากันก่อนแล้วค่อยขึ้นมาเตรียมตัว... แล้วพอทั้ง 5 คนขึ้นมาบนห้องหลังทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย พวกกรก็เริ่มเตรียมการในทันที...〝 ซาช่า เคยใช้อาวุธมาก่อนไหม? 〞 กรนั่งบนพื้นพร้อมกับนำวัสดุออกมากองไว้เพื่อเตรียมสร้างเกราะให้ซาช่า〝 คะ ค่ะ... เคยฝึกใช้ดาบกับโล่มาบ้างค่ะ 〞 ซาช่าที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงข้ามกับกร ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจเล็กน้อย แต่ที่ตอบกรในทันทีก็แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็เริ่มเปิดใจให้กรบ้างแล้วดาบโล่งั้นสินะ... ภาพพจน์เหมือนกับที่คิดไว้เลยแฮะอัศวินมังกรไรเงี้ย!? เท่ไม่หยอกเลยนะเนี่ย... ในขณะที่กรคิดแบบนั้น เขาก็คัดเลือกอาวุธและโล่ที่คิดว่าดีที่สุดจาก
หลังจากนั้นพวกเราก็พาซาช่าเก็บเวลเรื่อยๆอาการกลัวก็ลดลงจนอยู่ในระดับน่าพอใจแล้วใช้เวลาเล็กน้อยให้เธอคุ้นชินกับคำสั่งของเรากับฝึกฟอร์เมชั่นพื้นฐานไปในตัวจนในที่สุดตอนนี้เราสามารถสู้ร่วมกันได้แล้ว...เคร๊ง! เสียงโลหะมีคมสัมผัสเข้ากับโล่ของซาช่าดังก้องไปทั่วบริเวณทำให้กรกลับมาสนใจสถานการณ์ปัจจุบัน ในตอนนี้พวกกรกำลังเข้าปะทะกับมอนสเตอร์จำนวน 5 ตัวเท่าจำนวนพวกกร 3 ตัวเป็นวูล์ฟแบร์ ส่วนอีก 2 ตัวเป็นมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนลิงคิงคองขนาด 2 เมตรครึ่ง ขนทั่วทั้งตัวเป็นสีเงินและใช้หมัดเป็นการโจมตีหลักตู้ม! หมัดของคิงคองตัวที่กรรับมืออยู่อัดกระแทกลำตัวของเขา แต่กรก็ใช้มือซ้ายรับไว้ได้เหมือนทุกที〖 หมัดแรงน่าดูนะเนี่ย ไหวไหมเจ้าหนู? 〗เคลเบรอสที่อยู่ในมือขวาของกรถามออกมาด้วยความเป็นห่วงแบบกวนประสาทเล็กน้อย 〝 จะเป็นงั้นได้ไง? เดี๋ยวก็จบแล้วหล่ะ เหมือนทุกทีนั่นแหล่ะ! 〞 กรพูดแบบนั้นแล้วก็ดันหมัดของคิงคองออก ก่อนจะฟันมันด้วยเคลเบรอสในมือขวา ทำให้คิงคองที่มีร่างกายใหญ่โตหลบไม่พ้นและตายในดาบเดียว และหากมองไปทางมีอากับเมอร์ลิน พวกเธอเองจัดการคู่ต่อสู้ของตัวเอ
〝 ประลอง... กับผมงั้นเหรอ? 〞 ฟรอนตกใจอย่างมากเมื่อกรท้าประลองเขาท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นรอง จนถึงกับทำให้ลืมความโกรธไปได้ขณะนึงและเก็บดาบเข้าฝักไปได้เลยทีเดียว แต่แน่นอนว่ากรไม่ปล่อยให้คู่สนทนามีโอกาสใจเย็นได้นานนัก เขาจึงเริ่มพูดต่อ...〝 ใช่แล้ว! ได้ยินไม่ผิดหรอก... ฉันได้ยินว่าการประลองในประเทศนี้ คนที่แพ้ต้องทำตามเงื่อนไขเดิมพันของผู้ชนะ 〞 กรยื่นมือออกมาข้างนึงราวกับเชื้อเชิญฟรอนในขณะถาม〝 แล้วไงครับ? 〞 ฟรอนตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์ ทำให้กรแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งและเริ่มวางเงื่อนไขในทันทีโดยไม่รีรอท่าทีของฟรอนซักนิด〝 ทางนี้ต้องการให้นายยกเลิกโทษของพวกเรา... แล้วที่สำคัญ ทางนี้ต้องการให้นายขอโทษที่เสียมารยาทกับพวกเธอด้วย! 〞〝 วะ ว่าไงนะ! 〞 ไม่แม้แต่ฟรอนเท่านั้น แม้กระทั่งอัศวินที่คุมตัวชาลอตและซาช่า รวมถึงตัวพวกเธอเองต่างก็ตกตะลึงกับเงื่อนไขนั้นทั้งสิ้น ซึ่งชาลอตนั้นอยากจะเปิดปากห้ามกรเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถขัดจังหวะบทสนทนาได้เลยซักนิดเพราะกลัวเรื่องจะแย่ลงกว่าเดิม〝 คุณนี่มันเหลิงสิ้นดี! คิดว่าชนะลีโอนาโดได้แล้วจะเอาชนะผมได้งั้นเหรอ! 〞〝 ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกน่า 〞 กรยังคงยิ้มเยาะแ
หลังจากกรและผองเพื่อนเดินเข้ามาในห้องประชุมและมีการทักทายเล็กน้อยกับเจ้าชาย โรนี่ก็นำทางไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ให้ โดยมีสายตาหลากหลายคู่ส่งมายังพวกกรทุกอณูของการเคลื่อนไหว ที่นั่งมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม โดยมีเจ้าชายนั่งอยู่จุดกึ่งกลางของวงกลมและมีสมาชิกจำนวน 24 คนล้อมรอบ ส่วนเก้าอี้ที่พวกกรนั่งนั้นเป็นแถวหลังสุดเยื้องไปขวาของเจ้าชายเล็กน้อย...〝 ถึงจะทราบกันอยู่แล้วว่าท่านผู้นี้เป็นใคร แต่ขอให้ท่านแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอีกครั้งได้รึเปล่า? 〞 เจ้าชายวางกริยาอย่างเหมาะสมและนอบน้อมโดยไม่ถือตัว กำลังขอให้กรแนะนำตัวเองกับสมาชิกทุกคนในห้องประชุม กรยืนขึ้นด้วยท่าทีทะมัดทะแมงอกผายไหล่ผึ่ง และเริ่มแนะนำตัวในทันที〝 ชื่อของผมคือ อุษณกรครับ... ต่อจากนี้ขอรบกวนด้วย 〞กรแนะนำตัวสั้นๆก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อยพอเป็นพิธี แล้วก็นั่งลงเช่นเดิม〝 อย่างที่ทราบว่าเขาคนนี้ถูกแนะนำให้มาร่วมสืบคดีโดยท่านโรนี่... แม้จะยังหนุ่มแต่ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถ ดังที่ทุกท่านได้เห็นในการประลองเมื่อครู่... 〞 เจ้าชายกล่าวเสริมเล็กน้อย แต่พอพูดถึงการประลองที่ผ่านมาเมื่อครู่แล้ว ส
〝 เอ๋? ผมหน่ะเหรอ? 〞กรหันขวับกลับไปถามย้ำ เผื่อที่ว่าเขาจะฟังผิดหรือเข้าใจอะไรผิด ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่〝 อื้ม! ใช่แล้วหล่ะ... 〞เจ้าชายออริออนพยักหน้าเป็นการยืนยันด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ส่วนทางกรเองก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยในความหมายที่ต่างออกไป เพราะไม่รู้จะถูกเรียกใช้งานหรือรับมอบภารกิจอื่นใดอีก... แถมมีอาและเมอร์ลิน ไม่สิ... ชาลอตและซาช่าต่างก็ทำสีหน้าเป็นกังวลออกมาแล้วด้วยอะไรกันหล่ะเนี่ย.... ต้องใช้ให้ทำเรื่องยุ่งยากอีกแหงแซะ...ตามสไตล์ไลท์โนเวลเลยอ่ะดิ! ก็อย่างเช่นพระเอกเมพกว่าชาวบ้าน ก็เลยให้ทำงานหินกว่าชาวบ้านไง ฉันอ่านเกมออกน่า ไม่ได้แอ้มหรอกเอ่อ... แต่จะให้ปฏิเสธก็กะไรอยู่... ไม่สิ เราเองยังไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยด้วยแถมอีกฝ่ายยังเป็นเจ้าชาย หาทางปฏิเสธไม่เจอเลยด้วย... แต่ถึงระดับเรางานหินจะไม่หวั่นก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้จะเสี่ยงโดยที่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรไปทำไมหล่ะเนอะ...แถมที่สำคัญ... ทุกคนเริ่มเป็นห่วงเราแล้วด้วย〝 เข้าใจแล้วครับ... ขอโทษด้วยนะทุกคน ช่วยรอข้างนอกแปปนึงนะ... 〞กรพยักหน้าและตอบกลับสั้นๆ แต่กลับหันไปตอบพวกมีอาด้วยท่าทีที่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าอย่างชั
หลังจากการนอนหลับพักผ่อนของพวกกร ในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นพวกกรต้องเริ่มออกเดินทางในทันที เนื่องจากการที่จะไปยังเมืองนั้นมีรถม้าเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น... อนึ่ง แม้ที่จริงกรจะสามารถสร้างยานพาหนะได้เอง แต่ที่กรต้องมานั่งรถม้าแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเจ้าชายออริออนได้ทำการเหมารถม้าที่ว่าไว้แล้วเพื่อพวกกร แถมยังตกแต่งซะหรูหรา ครั้นจะปฏิเสธก็คงเป็นการเสียมารยาทเกินไป กรจึงต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะแบบนั้นแหล่ะนะ บนรถถึงได้มีแค่ 7 คน....หืม? ยังดูเยอะเกินไปอยู่งั้นเหรอ? หรือคิดว่าฉันนับผิดกันหล่ะ?งั้นมาไล่นับกันใหม่.... หนึ่งตัวฉัน สองมีอา สามเมอร์ลิน สี่ชาลอต ห้าซาช่า หกคุณลุงคนคุมบังเหียน...อา... หกคน... นี่แหล่ะคือจำนวนที่ควรจะเป็นถ้างั้นอีกคนนึงคือใครหน่ะเหรอ?ก็คือผู้หญิงที่กำลังจ้องจี่มาทางฉันอยู่นี่แหล่ะ... กรคิดแบบนั้นพลางถอนหายใจให้กับสายตาของผู้หญิงที่จ้องตาเขม็งมาที่กร ซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในรถม้าที่กำลังวิ่งจี่—————— ที่กำลังจ้องกรอยู่ด้วยสายตาโหยหาบางสิ่งราวกับไม่ได้พบกันมานานก็คือ หญิงสาวเผ่าสุนัขที่มีผมและหางสีขาวโทนสีน้ำเงิน
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า