หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปได้เกือบ 4 ชั่วโมง ตอนนี้พวกกรได้เริ่มกิจกรรมสานสัมพันธ์ครั้งใหม่ รวมถึงแนะนำซาช่ากับเรเชลให้รู้จักกันและกันแล้วด้วย... ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเห็นว่าบรรยากาศมันอึมครึมเกินไปก็เถอะ กรจึงจัดการใช้สกิล『หัตถ์สรรค์สร้าง(ต้นฉบับ)』สร้างไพ่ขึ้นมาสำรับนึง เพื่อที่จะเล่น『อีแก่กินน้ำ』ด้วยกันทั้ง 6 คน เพื่อให้บรรยากาศครึกครื้นกลับคืนมาอีกครั้ง〝 ฮืม............ 〞〝 เอ้า! เรเชล ตาเธอแล้วนะ เลือกไพ่สิ! 〞 กรเร่งเร้าเรเชลให้เลือกไพ่ 1 ใน 2 ใบจากในมือของเขาไป เรเชลที่ตอนนี้ในมือมีไพ่ 3 ใบกำลังใช้ความคิดอย่างมากกับการบลัฟของกร... นั่นเพราะ 1 ในไพ่ของกรมี『อีแก่』อยู่นั่นเอง...〝 เอ้าๆ! ไหงเลือกช้างั้นเล่า 〞〝 คะ คุณกรนี่หล่ะก็! โถ่ ก็ได้ค่ะ งั้นเอาใบนี้!!! 〞ฟุบ! เรเชลเลือกใบซ้ายมือของกรเพราะถูกกรเร่ง แล้วก็ต้องหางตกในทันทีเพราะที่เธอได้ไปจากกรก็คือ『อีแก่』นั่นเอง แล้วก็เป็นเพราะเธอหางตกนั่นแหล่ะ ทุกคนถึงได้รู้กันหมดว่าในมือของเรเชลมีอีแก่อยู่...〝 เอาหล่ะ! ขอให้ได้คู่ทีเถอะนะ! 〞〝 อึก! 〞ต่อจากนั้นกรก็หยิบไพ่ของซาช่า
กริ๊ง!〝 ยินดีต้อนรับ! 〞 เมื่อเรเชลเปิดประตูร้านเข้ามาจนเสียงกระดิ่งลมดัง เจ้าของร้านก็ส่งเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรในทันที การเดินทางมายังร้านนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากอยู่ในตรอกลึก นั่นจึงทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีลูกค้าหน้าใหม่... กลับกันแล้วจึงทำให้มีแต่ลูกค้าประจำ แต่กระนั้นก็ไว้ใจได้พอสมควรเนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้าประจำที่ว่ามักสนิทกับเจ้าของร้านอยู่ก่อนแล้วจึงจะหาร้านเจอ ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์กรายๆในเมืองที่แสนน่ากลัวแห่งนี้ก็ว่าได้...หืม... หน้าร้านเนี่ยสภาพไม่ต่างจากในเมืองเลยแท้ๆนะ แต่ภายในกลับดูดีแล้วก็ยังสะอาดกว่าที่คิดซะอีก...ถึงจำนวนโต๊ะจะน้อยไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็คงเพราะไม่จำเป็นต้องรองรับลูกค้าจำนวนมากสินะ...ในสุดมีลักษณะเคาน์เตอร์บาร์นั่งดื่มและเป็นที่กินอาหารในตัว...ก็ถือว่าใช้ได้นะเนี่ย ถ้าเทียบกับสภาพเมืองที่โคตรจะทรุดโทรมข้างนอกนั่นหน่ะ...〝 สวัสดีค่ะเถ้าแก่ ไม่เจอกันนานนะคะ! 〞เรเชลเดินนำเข้ามาในร้านและทักทายเถ้าแก่ร้านด้วยความสนิทสนม〝 โอ้ว! เสียงนั่นมัน เรเชลงั้นเหรอจ๊ะ! 〞หญิงสาววัยทองซึ่งมีหูสุนัขสีดำ ทักทายเรเชลกลับมาด้วยความน้ำเสีย
สังหารมิตร... หมายถึง... ให้ฆ่าเพื่อนพ้องอย่างงั้นเหรอ?จะบ้ารึไงว่ะ ไอ้ระบบเวรนี่!แถมยังมีอยู่แค่ข้อเดียวอีก...จะบอกว่าถ้าไม่ฆ่าเพื่อนหล่ะก็ จะไม่แข็งแกร่งไปกว่านี้แล้วงั้นเหรอ? นี่มันบังคับกันชัดๆ!ไอ้เงื่อนไขบ้าบอนี่มันอะไรกันว่ะ! หลังจากถูกความมืดครองสติไปชั่วขณะทั้งที่ยังไม่ได้ชันตัวขึ้นจากท่านั่งชันเข่าซักนิด เงื่อนไขเลเวลอัพแสนโหดร้ายก็เข้าทำร้ายจิตใจของกรอีกครั้งโดยไม่ให้หยุดพักหายใจ ในหัวของกรตอนนี้จึงมีแต่ความสับสน...〝 กะ กร วันนี้พักก่อนไหม? 〞ในขณะที่กำลังสับสนและใช้ความคิดจนสมองแทบแตก มีอาก็ส่งเสียงเรียกจากด้านข้างของเขาด้วยความเป็นห่วง〝 อะ อา... ยังไหวอยู่ ไม่เป็นไรหรอก... 〞กรพูดแบบนั้นแล้วก็ตบหน้าตัวเองเพื่อลืมเรื่องเงื่อนไขนั่นไปก่อน แล้วก็ชันตัวเองขึ้นก่อนมีอากับเมอร์ลินที่นั่งอยู่ข้างๆเสียอีก ทุกคนยังคงมองกรด้วยสายตาเป็นห่วง... แต่เวลาไม่เคยคอยใคร ทั้งที่ยังปรับตัวไม่ได้ กรก็ถูกบุคคลที่สามทักอีกครา〝 นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า? หรือว่า บาดเจ็บงั้นเหรอ? 〞คุณลุงที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายวิ่งเข้ามาดูอาการของกรหลังจากที่พวกกรจับโจรได้〝 ไม่เกี่ยวกับพวกโจรหรอก
หลังจากศึกครั้งแรกในดันเจี้ยนแห่งนี้จบลง พวกกรได้นั่งจับกลุ่มคุยกันโดยมีมีอา เมอร์ลินและชาลอตคอยสอดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อให้กร ซาช่าและเรเชลปรึกษาเรื่องความสามารถของพวกเธอเอาหล่ะนะ... ในการต่อสู้เมื่อกี้ทำให้เห็นจุดที่ต้องแก้ไขมาแล้ว...ซาช่ายังมีสเตตัสไม่เพียงพอกับการเป็นแนวหน้าส่วนเรเชลยังร่ายเวทย์ต่อครั้งได้น้อยเกินไป... ดาเมจเองก็น้อยเนื่องด้วยสเตตัสของเธอที่พูดมาเมื่อกี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นปัญหาในระยะยาวที่ไม่สามารถแก้ได้ในทันที...นั่นคือในกรณีที่พวกเธอเป็นคนธรรมดาหน่ะนะ...ตอนแรกคิดว่าจะเก็บไว้ใช้เพราะกลัวเจ้าหญิงแวมไพร์นั่นรู้เข้าหน่ะนะ...แต่ถ้าเป็นแบบนี้ซาช่ากับเรเชลจะเสี่ยงโดยใช่เหตุ... เพราะงั้นจะรออีกไม่ได้แล้ว... กรคิดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ต่อหน้าซาช่ากับเรเชลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว พวกเธอทำได้แค่เอียงคอสงสัยเท่านั้น แต่สาวๆคนอื่นกลับยิ้มแหยๆออกมาแทนเพราะเข้าใจความคิดของกรในระดับนึง〝 งั้นก่อนอื่น... เรเชล ลองเปิดหน้าต่างสตัสของตัวเองดูสิ สู้ไปเมื่อกี้เลเวลคงอัพแล้วใช่ไหม? 〞〝 คะ ค่ะ! 〞เรเชลทำตามที่กรบอกในทันที แม้จะยังไม่เข้าใจก็
หลังจากเหตุวุ่นวายอันก่อโดยเรเชลสงบลง พวกกรก็นั่งล้อมวงลงเพื่อปรึกษากันอีกครั้ง...〝 อะแฮ่ม! ถ้างั้นต่อไปมาคุยเรื่องซีเรียสกันต่อเถอะนะ 〞กรพูดขึ้นมาในขณะที่ปาร์ตี้รวมหัวกันเป็นวงกลมนั่งลงกับพื้น〝 ว่าไงบ้างชาลอต... ข้อมูลเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ไหม? 〞〝 ค่ะ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยค่ะ 〞หืม? คิดไปเองรึเปล่าว่าชาลอตกำลังหงุดหงิดอยู่?เอ่อ... คงไม่มั้ง〝 นี่! ฉันว่าน่าจะได้เวลาเฉลยแล้วนะ! ที่พูดกันอยู่คือเรื่องที่ขอร้องชาลอตก่อนหน้านี้ใช่ไหม? 〞เมอร์ลิน(ซึ่งหายหงุดหงิดแล้ว)ถามออกมาด้วยความสงสัย นั่นทำให้กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังก่อนจะตอบออกมา...〝 อื้ม! เรื่องของมอนสเตอร์พวกนี้นี่แหล่ะ... ฉันเองก็คิดเหมือนกับมีอาว่าพวกนั้นแกร่งเกินไป กรณีสเตตัส 20 ล้านเมื่อกี้ก็เป็นตัวอย่างแล้ว... 〞ทุกคนพยักหน้ารับคำอธิบายของกร ก่อนที่กรจะอธิบายต่อ〝 ที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน... แถมพวกนั้นยังไม่ใช่มอนสเตอร์อีก... เอาสั้นๆเลยนะ ฉันคิดว่าไอ้พวกนั้นเป็นเวทย์อัญเชิญหน่ะ! 〞〝 !!!!? 〞ทุกคนยกเว้นเมอร์ลินกับชาลอตตกใจกันทั้งสิ้น แต่เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา กรจึงเริ่มอธิบายต่อในทันที〝 เวทย์อัญเชิญมันมีข้อจำกัดหลาย
มีพลังเทียบเท่ากับจอมมารงั้นเหรอ?เฮ้ยๆ! ถ้าเป็นงั้นจริง ขำไม่ออกหรอกนะเฮ้ย ไอ้ตัวที่ฟรังซ์ ออลเดลบอกว่าโอกาสชนะไม่มีแม้แต่หนึ่งในหมื่นนั่นหน่ะ..บอกตรงๆ สู้กันคงชนะยากแน่... แต่จะให้หนีงั้นเหรอ?ดูท่าทางของสาวเจ้า... ยังไงเธอคงไม่ยอมปล่อยเราไปแหงๆ...〝 แหมๆ พูดชมเกินไปแล้ว พี่สาวเขินนะเนี่ย〜 〞ลิลิธยกมือขึ้นมาทาบแก้มตัวเองและเริ่มแสดงการเอียงอายอย่างไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแท้ๆ〝 เมอร์ลินไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเธอเข้าร่วมสงครามตอนนั้น... หรือว่าเธอไม่ได้ไปช่วยงั้นเหรอ? 〞กรพยายามถามเพื่อถ่วงเวลา ซึ่งลิลิธเองก็รู้ว่ามันเสียเวลา แต่เธอก็ยังคงตอบกลับไปในทันทีราวกับเวลาไม่ใช่ข้อผูกมัดสำหรับเธอ〝 ฮึฮึ〜 ใช่แล้วหล่ะ! ที่ไม่ช่วยนี่ก็เพราะว่าพี่สาวหน่ะ เกลียดพวกตาแก่บนสวรรค์นั่นจะตายชักหน่ะซี่〜 〞ลิลิธตอบคำถามกรกลับด้วยรอยยิ้มขี้เล่น... เพียงแต่จากการใช้สุดยอดการประมวลผลเลยทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด〝 เรื่องพรรค์นั้นช่างมันเหอะน่า〜 พี่สาวอยากรู้มากกว่า ว่าตอนนี้เธอมีกะจิตกะใจสู้รึยัง? 〞คำถามของลิลิธทำให้คิ้วของกรกระตุกกึก เมื่อความกังวลเนื่องจากความแข็งแกร่งขอ
ทันทีที่พวกกรกลับมายังห้องโถงที่เดิม ก็พบกับลิลิธที่นอนแผ่หลาอยู่กลางห้องมองดูดาวอยู่กับพื้นด้วยสภาพที่เรียกได้ว่า หมดแรง...〝 นายท่าน!!! 〞〝 คุณกร!!! 〞 ทันทีที่พวกกร รวมถึงเคลเบรอสที่เป็นร่างมนุษย์กลับมาได้ครบทุกคน ชาลอตกับเรเชลก็ตะโกนเรียกกรด้วยความเป็นห่วงในทันที แต่พวกเธอก็ยังไม่ได้วิ่งเข้าไปหากรเนื่องจากกำลังดูแลซาช่าที่กำลังหมดสติอยู่〝 ไม่ต้องห่วง... ทุกอย่างจบแล้วหล่ะ 〞กรเดินเข้าไปหาชาลอตและเรเชล ยิ้มให้พวกเธอแล้วจัดการลูบศีรษะของพวกเธอที่กำลังจะเริ่มหลั่งน้ำตาในทันที ด้วยความอบอุ่นจากสัมผัสของมือกรทำให้พวกเธอผ่อนคลายและไม่ได้ร้องไห้ออกมา และเป็นตัวบ่งบอกอีกอย่างด้วยว่าพวกกรไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส〝 แล้วก็มีอา เมอร์ลิน ขอบคุณมากนะที่ช่วยถ่วงเวลาให้ เจ้าหมาด้วย... 〞〝 แน่นอนอยู่แล้ว! 〞〝 อืม! 〞〝 คิดมากน่า 〞 กรขอบคุณมีอา เมอร์ลินและเคลเบรอสด้วยรอยยิ้ม แล้วทุกคนก็ตอบกลับในทันทีด้วยท่าทีดีใจหลังได้รับชัยชนะร่วมกัน ก่อนจะเดินเข้าไปทางมีอา และใช้มือสัมผัสกับแก้มของเธอตรงที่มีรอยแผล〝 โทษทีนะ ทำให้เป็นแผลซะได้ 〞กรพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเริ่มรักษาแ
หลังจากที่รับลิลิธเป็นพวกแล้ว พวกกรก็เริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวงในทันที ซึ่งก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย ที่เวลามาของขบวนรถม้าในรอบต่อไปคืออีก 30 นาทีพอดี พอพวกกรไปบอกลาเถ้าแก่ที่รู้จักกับเรเชลแล้ว พวกกรก็ไปรอขึ้นรถม้าต่อในทันที ในระหว่างการเดินทาง พวกกรทุกคนต่างก็ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งมองวิวทิวทัศน์นอกตัวรถม้า โดยตำแหน่งที่นั่งแบ่งเป็นสองซีก คือ กร มีอา เมอร์ลิน และซาช่า กับอีกฟากคือ ชาลอต เรเชลและลิลิธ อนึ่ง เนื่องด้วยเป็นเพราะขนาดรถม้าที่บรรทุกได้แค่ 8 คนต่อเล่มเกวียน และจำนวนคนเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้ มีเพียง 12 คนเท่านั้น พวกกรเลยได้ยึดเกวียนหนึ่งเล่มเป็นของพวกตนไปโดยปริยาย (แม้จะต้องติดสินบนเล็กๆน้อยๆก็ตามที)〝 เฮ้อ! สุดท้ายก็ไม่ได้พักจนได้แฮะ 〞กรพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ และเพราะเห็นว่าทุกคนยังวางตัวกันไม่ถูกเมื่อลิลิธมาร่วมก๊กด้วย〝 ดีแล้วไม่ใช่รึไง ฉันไม่อยากพักอยู่ในเมืองแบบนั้นหรอกนะ... อ๊ะ! แต่ไม่ได้หมายความว่าที่พักของเถ้าแก่ไม่ดีหรอกนะ 〞เมอร์ลินตอบกลับกรในทันทีเพราะอ่านบรรยากาศออก แต่ก็เพราะพูดมากเกินไปเลยตอบเป็นเชิงขอโทษเรเชล〝 ไม่หรอ
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า