แชร์

บทที่ 5

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-19 19:30:10

แสงอรุณของวันใหม่สาดส่องผ่านรอยแตกของประตูไม้เข้ามา ปลุกให้เสี่ยวชุนที่หลับใหลอยู่บนพื้นฟางลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย

ร่างกายของนางยังคงปวดเมื่อย แต่ความหิวโหยที่เคยทรมานได้ทุเลาลงไปมากแล้ว สิ่งแรกที่นางเห็นคือคุณหนูของตนกำลังนั่งขัดสมาธินิ่งสงบอยู่บนแคร่ไม้

แววตาคู่นั้นที่จ้องมองมายังนางไม่มีความสับสนหรือเกรี้ยวกราดหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงความนิ่งลึกที่ยากจะหยั่งถึง

"ตื่นแล้วหรือ" จื่อเหยาเอ่ยทัก

"เจ้าค่ะคุณหนู" เสี่ยวชุนรีบลุกขึ้นนั่งอย่างเรียบร้อย

"ดี" จื่อเหยาพยักหน้า "กินหมั่นโถวที่เหลือเสีย จะได้มีแรงทำงาน"

หลังจากที่ทั้งสองแบ่งปันอาหารมื้อเช้าอันน้อยนิดกันเรียบร้อยแล้ว จื่อเหยาก็เริ่มเข้าเรื่องทันที

"เสี่ยวชุน ข้ามีเรื่องสำคัญยิ่งยวดต้องการให้เจ้าช่วย"

"ขอเพียงเป็นเรื่องของคุณหนู บ่าวยินดีทำทุกอย่างเจ้าค่ะ!" เสี่ยวชุนตอบรับอย่างหนักแน่น

"ขอบใจเจ้า" จื่อเหยากล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

พร้อมกับหยิบเศษถ่านไม้ที่หาได้จากมุมห้องขึ้นมา ก่อนจะเริ่มวาดภาพของพืชสามชนิดลงบนแผ่นกระดานปูพื้นที่ค่อนข้างเรียบ แม้ลายเส้นจะเรียบง่ายแต่กลับเก็บรายละเอียดสำคัญไว้ได้อย่างน่าทึ่ง

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงมาดูรูปภาพพวกนี้" นางกล่าวและเมื่อเห็นบ่าวรับใช้ตัวน้อยขยับเข้ามาใกล้แล้ว นางจึงได้อธิบายออกมาเพิ่มเติม

"ท่านแม่ของข้าเคยทิ้งตำรับยาบำรุงไว้ให้ข้าหนึ่งตำรับและสมุนไพรพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในตำรานั้น...ซึ่งเป็นยาสำหรับขับพิษร้อนและเสริมกำลัง แต่การจะปรุงยาขนานนี้ได้ จำเป็นต้องใช้สมุนไพรสดสามชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ"

กล่าวจบ นางก็ชี้นิ้วไปยังภาพวาดทีละภาพ "นี่คือ...ใบหญ้าลิ้นงู...มันชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะ...ส่วนนี่คือดอกสายน้ำผึ้งเป็นไม้เลื้อยมีกลิ่นหอมเย็น...และสมุนไพรสุดท้ายสิ่งนี้เรียกว่ารากชะเอมเทศ...อันนี้อาจจะหายากสักหน่อย"

หลังกล่าวจบนางจึงได้เงยหน้ามองบ่าวรับใช้ของตนที่กำลังตั้งใจมองภาพวาดในกระดานปูพื้นอย่างจดจำ "วันนี้ข้าอยากให้เจ้าลองไปสืบดูว่า ในเรือนเมฆาคล้อยแห่งนี้หรือในหมู่บ้านใกล้เคียง...พอจะหาสมุนไพรสามอย่างนี้ได้หรือไม่"

"เจ้าค่ะคุณหนู!" เสี่ยวชุนรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้น หลังจากทบทวนรูปพรรณของสมุนไพรจนขึ้นใจดีแล้ว นางก็รีบออกไปปฏิบัติภารกิจทันที

ตลอดทั้งวันนั้น บรรยากาศในเรือนเมฆาคล้อยดูเหมือนจะกลับสู่สภาวะปกติ ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้น บ่าวไพร่ต่างทำงานของตนไปอย่างเงียบ ๆ แม้จะมีสายตาบางคู่ที่ลอบมองมาทางห้องพักของจื่อเหยาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยตรง

จนกระทั่ง...ลำแสงสุดท้ายของวันย้อมท้องฟ้าเป็นสีส้มอมม่วง จื่อเหยาที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องมาตลอดทั้งวัน จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู

บานประตูไม้เก่าแง้มเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ร่างผอมบางของเสี่ยวชุนก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะรีบปิดประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว สภาพของเด็กสาวในยามนี้ดูอิดโรยอย่างยิ่ง ใบหน้าเล็ก ๆ มีคราบเหงื่อไคลและฝุ่นดินเกาะอยู่ประปราย ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย

แต่ทว่า...ดวงตาคู่นั้นกลับทอประกายแห่งความสำเร็จและความดีใจอย่างปิดไม่มิด

"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสดใสแม้ว่าร่างกายจะดูเหนื่อยล้าอย่างเห็น ได้ชัด

จื่อเหยามองสำรวจสภาพของสาวใช้คนสนิทแล้วคลี่ยิ้มบางออกมา ซึ่งนับได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่จริงใจอย่างแท้จริง "เหนื่อยมากหรือไม่? มานั่งพักดื่มน้ำก่อน" นางกล่าวพลางพยักพเยิดไปยังกระบอกไม้ไผ่ที่ยังมีน้ำสะอาดเหลืออยู่

"บ่าวไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ!" เสี่ยวชุนปฏิเสธอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นของนางมีมากกว่าความเหนื่อยล้า นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าจื่อเหยา แล้วค่อย ๆ คลี่ห่อผ้าขี้ริ้วในมือออกอย่าง ทะนุถนอมราวกับมันเป็นของล้ำค่ามากที่สุดในโลก

ภายในห่อผ้านั้นปรากฏสมุนไพรสามชนิดวางอยู่เคียงกัน...ใบหญ้าลิ้นงูที่ยังมีเศษดินชื้น ๆ ติดอยู่ตามราก ตามมาด้วยดอกสายน้ำผึ้งที่ส่งกลิ่นหอมเย็นจางออกมา และสุดท้ายรากชะเอมเทศท่อนเล็กที่มีกลิ่นหอมของเนื้อไม้

"บ่าวหามาได้ครบแล้วเจ้าค่ะ!" เสี่ยวชุนรายงานอย่างภาคภูมิใจ "ใบหญ้าลิ้นงูอยู่ที่บ่อน้ำร้างหลังเรือนฟืน ส่วนดอกสายน้ำผึ้งอยู่บนกำแพงทิศตะวันออก...แต่ว่ารากชะเอมเทศหายากมากเจ้าค่ะ บ่าวต้องแอบออกไปหาจนถึงในหมู่บ้านจึงจะได้มา"

จื่อเหยาไม่ได้พูดอะไรในทันที นางหยิบสมุนไพรแต่ละชนิดขึ้นมาพิจารณาด้วยสายตาของผู้เชี่ยวชาญ นางดมกลิ่นของมัน ใช้ปลายนิ้วสัมผัสพื้นผิวของใบและราก...ทุกอย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบ

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเสี่ยวชุน ดวงตาที่เคยนิ่งสงบของนางในยามนี้ฉายแววอ่อนโยนและซาบซึ้งใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้...ยอมเสี่ยงอันตรายและเหนื่อยยากเพื่อทำภารกิจที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้นี้ให้สำเร็จ...เพื่อนาง

"ขอบใจเจ้ามาก...เสี่ยวชุน" จื่อเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล "เจ้าทำได้ดีมากจริง ๆ"

เพียงคำชมแสนสั้นนั้น ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดของเสี่ยวชุนมลายหายไปสิ้น นางยิ้มกว้างอย่างมีความสุข "เพื่อคุณหนู บ่าวยอมทำทุกอย่างเจ้าค่ะ!"

"ข้ารู้" จื่อเหยาพยักหน้า "แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งชื่นชมกัน เราต้องรีบปรุงยาก่อนที่ใครจะผิดสังเกต" นางกล่าวพลางมองไปรอบ ๆ ห้องที่คับแคบและอับชื้นก่อนจะพูดต่อ "กลิ่นยาจะรุนแรงเกินไปหากปรุงในนี้...ที่บ่อน้ำร้างตรงนั้นเปลี่ยวคนหรือไม่?"

"เปลี่ยวมากเจ้าค่ะ ไม่มีใครอยากเข้าไปแถวนั้น"

"ดี...ถ้าเช่นนั้นเราจะไปปรุงยากันที่นั่น"

ทั้งสองรอจนกระทั่งความมืดโรยตัวลงมาพร้อมกับสรรพสำเนียงรอบด้านเริ่มเงียบลง จึงแอบลอบออกจากห้องพัก โดยนำเตาอั้งโล่เก่าขนาดเล็กและหม้อดินใบที่แอบไปหยิบยืมมาได้ก่อนหน้านี้ติดมือไปด้วย

บรรยากาศรอบเรือนเก็บฟืนยามค่ำคืนนั้นเงียบสงัดและวังเวง มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรและแสงจันทร์สีเงินที่ส่องลอดลงมาตามกิ่งไม้ จื่อเหยาและเสี่ยวชุนช่วยกันก่อไฟในเตาอั้งโล่อย่างเงียบเชียบอย่างที่สุด แสงไฟสีส้มที่ลุกโชนขึ้นมาขับไล่ความมืดและความหนาวเย็นออกไป เผยให้เห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของเด็กสาวทั้งสอง

จื่อเหยาเริ่มขั้นตอนการเตรียมยาอย่างคล่องแคล่ว นางล้างสมุนไพรด้วยน้ำสะอาดที่เหลืออยู่ แล้วใช้ก้อนหินแบนสองก้อนที่เตรียมไว้เป็นครกและสากชั่วคราว ค่อย ๆ บดรากชะเอมเทศและใบหญ้าลิ้นงูอย่างใจเย็น เสียงทุบหินดังเป็นจังหวะเบา ๆ กลมกลืนไปกับเสียงแมลงกลางคืน

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว นางจึงบรรจงใส่สมุนไพรลงในหม้อดินตามลำดับความแข็งของตัวยา เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วม แล้วยกขึ้นตั้งบนเตาไฟที่ลุกโชนพอดี

ไม่นานนัก กลิ่นหอมขมอันเป็นเอกลักษณ์ของยาจีนก็เริ่มลอยอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น ทั้งสองนั่งเฝ้าหม้อยาอยู่ข้างกันในความเงียบ มีเพียงแสงไฟจากเตาที่ส่องกระทบใบหน้าของพวกนางให้เห็นเป็นเงาวูบวาบ

ในยามนี้ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างคุณหนูและบ่าวรับใช้อีกต่อไป มีเพียงสตรีสองคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเคียงข้างกัน

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนยาในหม้องวดลงเหลือเพียงหนึ่งถ้วยเข้มข้น จื่อเหยาจึงยกหม้อลงจากเตาแล้วดับไฟอย่างรวดเร็ว ทั้งสองรีบเก็บข้าวของแล้วลอบกลับมายังห้องพักโดยไม่ให้ใครเห็น

หลังจากดื่มยาถอนพิษสีดำสนิทรสขมปร่าเข้าไปจนหมดถ้วย จื่อเหยาก็รู้สึกถึงกระแสความร้อนที่ค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายขับไล่ความเฉื่อยชาที่เกาะกุมนางมาหลายวันให้ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์

ความอ่อนเพลียที่สะสมมาตลอดทั้งวัน ประกอบกับฤทธิ์ยาที่เพิ่งดื่มเข้าไป ทำให้เปลือกตาของนางหนักอึ้งเกินกว่าจะต้านทานไหว เด็กหญิงเอนกายลงบนแคร่ไม้แข็ง ๆ แล้วผล็อยหลับไปในภวังค์ที่ไม่สนิทนัก...

วูบ!

นางสะดุ้งสุดตัว ลืมตาโพลงขึ้นมากลางความมืด!

ไม่ใช่เพราะเสียง...แต่เป็นเพราะความรู้สึกเย็นเยียบที่แผ่ซ่านไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วราวกับถูกโยนลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ลมหายใจของนางกลายเป็นไอสีขาวจาง ๆ ในอากาศที่หนาวเหน็บผิดปกติ

และที่ปลายเตียงของนางได้มีร่างของใครบางคนยืนอยู่!...ซึ่งเป็นร่างโปร่งแสงของสตรีร่างท้วมที่จื่อเหยาจำได้ทันทีว่าคือ "ป้าจาง"! นางพึมพำเสียงเบาราวคนละเมอ

สภาพของหญิงวัยกลางคนในยามนี้ช่างน่าสังเวชระคนน่าสยดสยองอย่างยิ่ง ทั่วทั้งร่างของนางเปียกโชกราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ น้ำหยดจากปลายผมและชายเสื้อของนางลงสู่พื้น

แต่ทว่าพื้นไม้เก่า ๆ กลับไม่เปียกเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดขีด ไม่มีความเกรี้ยวกราดหรือร้ายกาจหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงความสับสนและไม่เชื่อในชะตากรรมของตนเอง

ปากของวิญญาณนางจางพะงาบ ๆ พยายามจะกรีดร้องหรือพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับมีเพียงเสียงฟองอากาศดัง "บุ๋ง...บุ๋ง..." หลุดออกมาจากลำคอ

มือโปร่งแสงข้างหนึ่งของนางสั่นเทา...ค่อย ๆ ยกขึ้นชี้มาที่ลำคอของตัวเอง ขยุ้มทึ้งอากาศราวกับกำลังทุกข์ทรมานจากการขาดลมหายใจ...ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ไปทางทิศของบ่อน้ำเก่าท้ายเรือนอย่างลนลาน...

ก่อนที่ร่างนั้นจะสลายหายไปในความมืดพร้อมกับความหนาวเย็นที่ผิดปกติ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 122

    “ในเมื่อพวกเจ้าคิดจะกล้าลอบสังหารพี่ใหญ่ของข้า…ข้าก็จะตัดรากถอนโคนเจ้าก่อนที่จะทันได้ลงมือ”ไวเท่าความคิดของนาง หลังจากไตร่ตรองดีแล้ว หรงจื่อเหยาก็เดินออกจากเรือนจันทราของตนเพื่อไปยังเรือนของพี่ชายที่บัดนี้เจ้าตัวกำลังแต่งกายเพื่อเตรียมตัวออกไปด้านนอก“คุณชายขอรับ คุณหนูรองมาขอพบ” ชายหนุ่มที่กำลังสว

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 121

    เซี่ยเว่ยหลงพยักหน้ารับช้า ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม“ใช่…ในหมู่องค์กรลับ พวกมันมักใช้คาถาหรือพิษที่เรียกว่า คำสาปห้ามกล่าว หากคนของพวกมันเอ่ยความลับเพียงครึ่งคำ พิษจะกัดกินหัวใจในทันที นางจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแม้จะทรมานเพียงใดก็ตาม”หรงจื่อเหยาขมวดคิ้ว ดวงตาสะท้อนประกายคมกล้า “เช่นนั้นก็หมายค

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 120

    เสียงโลหะจากคมดาบยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่องและดังระงมเป็นระยะ ๆ แต่เมื่อหน่วยจิ่นอีเว่ยของเซี่ยเว่ยหลงบุกเข้าควบคุมสถานการณ์ ความได้เปรียบก็ค่อย ๆ เทไปทางราชสำนัก ทหารองครักษ์เข้าล้อมเป็นกำแพงเหล็กป้องกันองค์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ออกไปจากลานกว้างอย่างเร่งด่วน เสียงโกลาหลยังดังเซ็งแซ่ แต่ความระส่ำร

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 119

    แววตาของสนมบางนางที่นั่งอยู่เบื้องสูงสะท้อนความสนใจ โดยเฉพาะจ้าวกุ้ยเฟยผู้ครองตำหนักกุ้ยเหมยที่กะพริบตาเพียงเล็กน้อย ราวกับกำลังพิจารณาเด็กสาวตรงหน้าหรงจื่อเหยาเพียงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะของตน มือเรียวเริ่มต้นจากการหยิบบัวตูมขึ้นมาปักเรียงรอบขอบแจกันกระเบื้องเคลือบสีครามที่สูงเพร

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 118

    ติ๊ง![กำลังสแกน...วิเคราะห์ข้อมูล... คำเตือน: เป้าหมายที่ท่านต้องการสแกนมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรลับ ลัทธิมังกรสมุทรการเข้าถึงข้อมูลที่สมบูรณ์จำเป็นต้องใช้แต้มไขความจริง 100 แต้มแต้มคงเหลือปัจจุบัน: 50 แต้ม](หนึ่งร้อยแต้มงั้นรึ!) จื่อเหยาขมวดคิ้วมุ่น (แต้มไม่พอ!) ความผิดหวังฉายวาบในดวงตาของนางเพีย

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   บทที่ 117

    “และยาพิษ” หรงจื่อเหยาเสริม“ใช่...และยาพิษ” เขาพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง “แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ...พวกมันแฝงตัวอยู่ทั่วทุกชนชั้นในราชสำนัก...จนถึงตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่าหัวหน้าของพวกมันคือใคร...หรือแม้กระทั่งว่าพวกมันมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร”จื่อเหยาเงียบไปครู่หนึ่ง...ทุกอย่างปะติดปะต่อกันห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status