หลังจากที่ฉันโดน แฟน (?) มาเฟียสุดโหด โทรมาเช็กสถานะว่าอยู่ถึงมหาวิทยาลัยอย่างปลอดภัยแล้ว (ซึ่งให้ตายเถอะ! มันให้ฟีลเหมือนฉันกำลังโดนเช็ก GPS เลยเว้ย!!!)
ฉันก็นั่งเครียดกับชีวิตตัวเองอยู่พักใหญ่…
แต่เหมือนฟ้าจะไม่ปรานี…
เพราะแค่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง—
“ขออนุญาตครับ คุณมินาเอะ”
เสียงเข้ม ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันกับอัยย์หันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะพบกับ…
“เห้ยย!! หมอนี่เป็นใครวะ!?” อัยย์กระซิบถามทันที น้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขาหล่อตรงสเปคเธอเลย
ผู้ชายตรงหน้าหล่อมาก! สูงโปร่ง ใส่สูทสุดเนี้ยบ กลิ่นน้ำหอมผู้ดีแบบมาเฟียไฮคลาสโชยมาจางๆ แถมใส่แว่นแบบหนุ่มนักธุรกิจที่มีเบื้องหลังเป็นนักฆ่า (?) 😨💀
แต่ฉันจำเขาได้ทันที…
“คิน!” ฉันเบิกตากว้าง ‘เพื่อนสนิทของเรย์จิ!’
ใช่แล้ว! นี่คือ ‘คินทัต ศักดารณรงค์’ มือขวาของมาเฟียโคตรโหดที่เป็นแฟนฉัน!!!
“หืม? ดูเหมือนเธอจะจำฉันได้เร็วดีนะ” คินยกมุมปากขึ้นนิดๆ
…บอกตามตรง ฉันเริ่มไม่ไว้ใจรอยยิ้มแบบนั้นของเขาเลยว่ะ!! 😨
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่!?” ฉันถามเสียงระแวง ถอยหลังไปครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ (ถึงจะรู้ว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เถอะ!!)
คินไม่ได้ตอบทันที แต่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทสีดำ ก่อนจะหยิบ ซองจดหมายสีดำสนิท ออกมาแล้วยื่นให้ฉัน
“นายท่านเรย์จิฝากมาให้ครับ”
“..........”
“…นายท่าน!?” ฉันแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่!!! 😱💥
“เดี๋ยว! ไอ้มาเฟียบ้านั่นสั่งให้นายมาส่งของให้ฉันเรอะ!?”
“ใช่” คินพยักหน้ารับ สีหน้ายังคงเรียบนิ่งเหมือนคนที่ชินกับความวุ่นวายในชีวิต (หรืออาจจะเป็นคนสร้างความวุ่นวายเองด้วยซ้ำ!)
“เป็นคำเชิญสำหรับงานเลี้ยงของแก๊งคุโรซาวะ”
“หาาาา!!!” 😱💥
ฉันแทบจะเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้!
เฮ้ยๆๆๆ! นี่มันอะไรกัน!?
ฉันเพิ่งเป็น ‘แฟน’ ของมาเฟีย (แบบงงๆ) ได้ไม่กี่วัน แล้วนี่ฉันต้องไปออกงานมาเฟียแล้วเหรอ!?
“โอ๊ะ! น่าสนุกดีแฮะ!” อัยย์ตาวาวขึ้นมาทันที (เฮ้ยๆ! ทำไมแกดูตื่นเต้นกว่าฉันวะ!?)
“งานเลี้ยงมาเฟียฟังดูเหมือนฉากในหนังเลย!”
“หนังพ่อง!!” ฉันหันไปแว้ดใส่เพื่อนรักทันที
“มันไม่ใช่เรื่องสนุกนะเว้ย!!”
“ก็น่าลองไปดูไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเธอกลัว?”
เสียงของคินดังขึ้นช้าๆ … น้ำเสียงฟังดูเหมือนจะปกติ แต่ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกได้ถึงออร่าความท้าทายที่ลอยมาเต็มๆ
เฮ้ยๆๆ! ทำไมฟังดูเหมือนเป็นคำท้าทายแปลกๆ วะ!? 😨
“ฉันไม่กลัวเฟ้ย! แค่ไม่อยากไป!!” ฉันแยกเขี้ยวใส่คิน แต่ดูเหมือนหมอนี่จะไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด!
คินเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเขาเป็นแบบที่ ทำให้ฉันขนลุกซู่! (รู้สึกได้ถึงอันตรายยังไงไม่รู้ฟะ!!!)
“แต่เธอปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ”
“.......”
เดี๋ยวๆๆ! นี่มันขู่กันชัดๆ เลยไม่ใช่เรอะ!! 😱💀
“เห้ยๆ นายนี่มันโคตรแถว่ะ!”
อัยย์เริ่มกอดอก จ้องหน้าคินด้วยสายตาไม่ไว้ใจสุดชีวิต
“จะบังคับเพื่อนฉันไปงานเลี้ยงแบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะ”
คินหันไปมองอัยย์ช้าๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ ที่เต็มไปด้วยความน่าขนลุก
“ฉันแค่ทำตามคำสั่ง”
“งั้นก็บอกเจ้านายไปดิว่า มินาเอะไม่ไป!”
อัยย์แสยะยิ้ม เริ่มโหมดสายรุกเต็มพิกัด
“หรือว่านายกลัวเจ้านายตัวเองเกินกว่าจะกล้าบอก?”
คินเลิกคิ้วเล็กน้อย คินเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างผู้เหนือกว่า
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
“ก็ดูไม่น่าไว้ใจ” อัยย์ยักไหล่
“แถมยังดูเจ้าเล่ห์นิดๆ ด้วย”
โอ๊ยยย!!! พวกนี้เริ่มเปิดศึกกันเองแล้ว!! 😨💥
ฉันมองไปมาระหว่างเพื่อนสนิทสุดแสบของฉันกับมือขวามาเฟียที่เหมือนจะเป็นตัวอันตรายสุดๆ …
…แต่ทันใดนั้นเอง—
ฉันก็เกิดไอเดียเด็ดขึ้นมา!! 😈✨
ฉันรีบยกมือขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันจนเกิดสงครามย่อยขึ้นกลางมหา’ ลัย
“โอเคๆ ฉันจะไปงานเลี้ยงก็ได้!”
คินกับอัยย์หันขวับมามองฉันพร้อมกัน ราวกับฉันพูดอะไรที่พวกเขาไม่คาดคิด
“หา!?”
ฉันฉีกยิ้มกว้าง “แต่… ฉันมีข้อแม้”
คินหรี่ตามอง “ว่ามาสิ”
ฉันกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสดใสสุดชีวิต
“ฉันจะไปก็ต่อเมื่อ… 'อัยย์' ไปด้วย!!” 😆✨
“เห้ยๆๆๆ!!!” อัยย์แหกปากทันที จนคนรอบข้างหันมามองกันหมด!
“ฉันไม่เกี่ยวเฟ้ย!!”
“ไม่เอาน่าเพื่อนรัก~ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่า อยากลองไปดู!?”
ฉันหันไปยิ้มหวานให้อัยย์ (ที่ในใจแอบสะใจสุด ๆ เพราะลากมันซวยไปด้วยได้แล้ว! 555)
“เฮ้ยย! ฉันพูดไปงั้นๆ แกจะเอาจริงเหรอฟะ!?” อัยย์เริ่มเหงื่อตก มองหน้าฉันแบบไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะเอาคืนเธอด้วยวิธีนี้
ฉันพยักหน้าแน่วแน่
“เอาจริงสิจ๊ะเพื่อน~” 😈✨
คินมองฉันเงียบๆ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“น่าสนใจดี”
จากนั้นเขาก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคน ฉันกลืนน้ำลายเอื๊อก…
เฮ้ย! นี่เขาโทรหาเรย์จิเลยเหรอ!? 😱💦
📞 “นายท่านครับ มินาเอะตกลงไปงานเลี้ยงแล้ว แต่เธอขอให้เพื่อนของเธอไปด้วย”
…เงียบไปสามวินาที …ฉันกับอัยย์กลั้นหายใจรอฟังคำตอบจากปลายสาย
จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของเรย์จิจะดังขึ้น
📞 “งั้นก็ตามใจเธอ”
โอ้วววว! แปลว่าฉันเจรจาสำเร็จแล้วสินะ!! 🎉😆
ฉันแทบจะร้องเฮ้! ออกมา แต่ฉันยังไม่ทันดีใจจบ—
📞 “แต่มีข้อแม้”
…เห้ย!! มันต้องมีอะไรอีกแน่ๆ!! 😱
📞 “นายต้องเป็นคู่ควงของเพื่อนเธอ”
“ห๊าาาา!?!?” 😱💥💀🔥
ฉันหันไปมองคินที่ยังถือสายอยู่ อัยย์เองก็มองฉันด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
เฮ้ยยยย!! ฉันจะลากมันไปซวยด้วยเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหาคู่ให้มันเว้ยยยย!!! 😱💥
แต่นรกยังไม่จบ…
คินยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบกลับปลายสายไป
📞 “เข้าใจแล้วครับ นายท่าน”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ!! แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยฟะ!!??”
เสียงโวยวายของอัยย์แทบจะทำให้แก้วน้ำบนโต๊ะสั่นสะเทือน
เพื่อนสาวของฉันแทบจะลุกพรวดขึ้นมา ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์ด้วยความเหลืออด เธอจ้องมองฉันสลับกับคินราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์สุดพิลึกนี้
“ฉันไปเป็น ‘เพื่อน’ มินาเอะเว้ย ไม่ได้ไปเป็น ‘คู่ควง’ ใคร!!”
“ทำไมล่ะ?”
คินหันมามองอัยย์ช้าๆ ก่อนจะยกยิ้มบางๆ
“เธอไม่ชอบฉันเหรอ?”
“ชอบพ่อง!!!”
เสียงสบถของอัยย์ดังลั่น เธอตวัดตาจ้องคินอย่างเอาเรื่องสุดๆ ออร่าความเดือดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ (ถึงแม้ในใจเธอจะคิดว่า คินตรงสเปคเธอก็เหอะ)
เฮ้ยๆๆๆ!! ทำไมกลิ่นอายมันดูเป็นศึกศักดิ์ศรีหญิง-ชายแปลกๆ ฟะ!! 😨🔥
ฉันรีบยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อแก้สถานการณ์ก่อนที่พวกนี้จะฟาดกันกลางมหา'ลัย
“เอาน่า… คินเป็นคนดูแลความปลอดภัยของแก ฉันเองก็มีบอดี้การ์ด”
ฉันรีบพูดก่อนจะชี้ไปที่ชายชุดดำสองคนที่ยังยืนกอดอกเงียบๆ ไม่ไกลจากโต๊ะของพวกเรา
(โอ๊ยย! ฉันลืมไปเลยว่าโดนคุมตัวอยู่! 😱)
“นายก็แค่เป็น ‘บอดี้การ์ดพิเศษ’ ของอัยย์ไปละกัน!” ฉันรีบสรุปจบประโยคอย่างมีเหตุผลสุดๆ
คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงคอน้อยๆ ราวกับคำพูดของฉันมันน่าสนใจขึ้นมาในทันที
“หืม… ‘บอดี้การ์ดพิเศษ’ งั้นเหรอ?”
เอ๊ะ!? เดี๋ยว!? ทำไมฉันรู้สึกว่าคำนี้ฟังดูทะแม่งๆ ฟะ!? 😨
“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ!” อัยย์ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ใบหน้าสวยสะบัดไปมองคินด้วยสายตาหงุดหงิดสุดชีวิต
“ฉันจะไปช่วยเพื่อนฉันเท่านั้น ไม่ได้จะไปเดตกับใคร!!”
เธอย้ำชัดเจน (อัยย์ที่รัก...ฉันก็ไม่ได้บอกให้แกไปเดตนี่นา แค่ให้ไป ‘คู่ควง’ เฉย ๆ เอ๊ง~ 😈✨)
คินไม่ได้โต้ตอบอะไรทันที…
แต่กลับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ปลายนิ้วดันกรอบแว่นขึ้นอย่างใจเย็น ก่อนที่ริมฝีปากจะกระตุกเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“งั้นคงต้องรอดูว่า...”
“เธอจะหนีฉันพ้นมั้ย?”
“!!!!!”
ฉันสะดุ้งสุดตัว อัยย์เองก็ชะงักไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะรีบชี้หน้าคินด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“นี่นาย…!”
“หืม?”
“นายมัน…!”
“ฉันมัน…?”
“โคตรกวนตีนเลยว่ะ!!!”
“ฮ่าๆๆๆ”
คินหัวเราะออกมาเบาๆ … แบบผู้ชนะ!!! 😈🔥
เฮ้ยย!! ทำไมบรรยากาศมันชักจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ ฟะ!! 😱
💘 คฤหาสน์คุโรซาวะ — หนึ่งปีหลังวันหมั้น☀️ เช้าที่แสนสงบเรย์จิ & มินาเอะ...ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่คือ “ผู้สร้างสมดุลใหม่” ให้โลกใต้ดิน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มต้นจากเกมบังคับ กลายเป็นสงครามหัวใจ และจบด้วยคำสัญญา...ที่ไม่ต้องเปล่งเสียงอีกต่อไปทุกเช้า—เรย์จิจะชงกาแฟให้เธอก่อนที่เธอจะตื่น มินาเอะจะวางแท็บเล็ตไว้ข้างแก้วเขา พร้อมแผนที่ปรับให้เรียบร้อยพวกเขา...พูดน้อยลง แต่เข้าใจกันได้ด้วยการเหลือบตาเพียงครั้งเดียว มือที่เคยประสานเพื่อจับปืน วันนี้ประสานเพื่อ “จับหัวใจของกันและกัน”👑 มินาเอะ — ราชินีของโลกใต้ดิน“มาเฟียควีน” ไม่ใช่คำล้ออีกต่อไป เธอคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หลักขององค์กร นั่งประจำเก้าอี้หัวโต๊ะขององค์กรคุโรซาวะที่เคยสงวนไว้ให้คนเดียวเท่านั้น...เรย์จิเธอสวมสูทเรียบหรู ส้นสูงเฉียบ แววตาคมแต่ยังเปล่งประกายแบบ ‘เนิร์ดตัวจริง’ ที่ใครก็ประมาทไม่ได้แต่วันนี้...เธอมีอำนาจต่อรองเหนือกว่ากระสุน เพราะมินาเอะรู้ว่า ศัตรูไม่ได้แพ้ด้วยปืน ...แต่มักแพ้ให้กับคำพูดที่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าพูด“เราไม่จำเป็นต้องรบกับทุกคนค่ะ ถ้าทำให้เขาอยากอยู่กับเรามากกว่ากลัวเรา”เสียงในห้องประชุมเงียบไป
📍 คฤหาสน์คุโรซาวะ – 6 เดือนหลังสงครามพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองอุ่น ๆ รินลงผ่านกระจกห้องโถงใหญ่ ทอดเงายาวลงบนพื้นไม้ขัดมันอย่างเงียบงาม ด้านหลังคฤหาสน์...สวนถูกเนรมิตขึ้นใหม่เพื่องานสำคัญที่สุด“พิธีหมั้นกลางแจ้ง”ที่ทุกคนร่วมกันเตรียม...เพื่อเธอคนเดียว ลานหญ้าถูกปูด้วยพรมทางเดินสีครีมอ่อน รายล้อมด้วยดอกกุหลาบขาวที่ปลูกลงดินจริงเรียงแถวละเมียดเส้นสายไม้โค้งเป็นซุ้มประดับผ้าโปร่ง และไฟ fairy light ที่เตรียมไว้ส่องเมื่อตะวันตกดิน ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความรัก...ไม่ใช่เพราะพิธี แต่เพราะคนที่ยืนอยู่ในพิธีนี้🎼 เครื่องดนตรีคลอเพลงคลาสสิกบรรเลงเบา ๆโน้ตแต่ละตัว...เรย์จิเคยเลือกมันเองจากร้านแผ่นเสียงเก่า ๆ กลางเมืองและที่ปลายเวที —ไทกะ เจ้าหมาชิบะอินุตัวแสบ ใส่โบว์สีงาช้าง-ทอง ยืนสง่าด้วยแท่นแหวนในปาก (หลังจากถูกมินาเอะ อัยย์ และทีมแม่บ้าน “ต่อรองด้วยขนม 7 แบบ” เกือบครึ่งวัน ถึงจะยอมถือ)...👰🏻♀️ มินาเอะ — ว่าที่เจ้าสาวอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีงาช้างที่แสนเรียบหรู แต่งดงามราวกับภาพฝัน ผมมัดครึ่งคลายลงมาเป็นลอนนุ่ม ประดับด้วยปิ่นเงินรูปผีเสื้อ ใบหน้ามีรอยยิ้มสั่นไหว — ไม่ใ
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍เวลา 06:02 น. — บริเวณโกดังหมายเลข 14, เขตท่าเรือร้างลมทะเลพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างเก่าเสียงคลื่นกระทบท่าเรือดังต่ำ ๆ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของเมืองร้าง บนชั้นสองของโกดัง — ไม่มีใครอยู่ ยกเว้นเขาซันยืนพิงราวเหล็ก ฝ่ามือแตะหน้าต่างที่แตกเป็นรอย มองลงไปเบื้องล่าง — ลูกน้องกว่า 40 คนของเขา กำลังแทรกตัวเข้าตำแหน่งรอบเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับ "ล้อมศูนย์บัญชาการไว้ในความเงียบ"เป้าหมายของเขา:ไม่ใช่ฆ่า ไม่ใช่เผา แต่คือ “ถล่มศูนย์กลาง” ให้ระบบคุโรซาวะล่มทั้งองค์กร — เหมือนการผลักโดมิโนตัวแรกให้พังตามเป็นเส้น“เริ่มเคลื่อนกำลังได้”เสียงของซันดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงสั้น หนัก และเด็ดขาด ทันใดนั้น...เงาเคลื่อนไหวของทีมซัน ก็ขยับพรึ่บพร้อมกันทั่วแผนแต่ในขณะเดียวกัน...📍ภายในห้องบัญชาการ – คฤหาสน์คุโรซาวะมินาเอะ ยืนอยู่หน้าหน้าจอหลัก ภาพแผนผังแสดงรูปแบบล้อมรอบของซันแบบชัดเจน —เส้นสีแดงกะพริบรายล้อมศูนย์กลางหลายคนอาจมองว่าเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อม แต่แววตาของเธอ...กลับเยือกเย็น และคมเหมือนใบมีด“กับดักล้อมนอก...”“แต่ลืมว่าข้างใน...กำลังรออยู่”เธอแตะปลายนิ้วลงบนแท็บเล็ตเบา ๆ เส
📍ภายในห้องบัญชาการ – เวลา 05:16 น.แสงไฟบนเพดานสลัวลงอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการทำงานของหน้าจอหลักจอมอนิเตอร์เรียงรายเต็มฝาผนังแสดงข้อมูลแบบ real-time ทั้งจากเส้นทางการขนส่ง โกดัง สัญญาณไวรัส และโค้ดที่เพิ่งถูกเจาะเสียงไซเรนเบา ๆ ยังดังเป็นคลื่นพื้นหลัง กดอารมณ์ในห้องให้ตึงเครียดทันใดนั้น—เสียงมือถือของเรย์จิดังขึ้น หน้าจอแสดง ‘สายตรงจากคิน’พร้อมรหัสภายในพิเศษ เขารับทันทีโดยไม่ต้องพูดคำทัก และเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทันทีตามสไตล์เจ้าตัว“ได้ตัวแล้ว”“และหมอนั่นพูดทุกอย่างที่เราต้องรู้”เสียงห้าวต่ำของคินฟังนิ่ง แต่จริงจัง“ซันรู้ว่าเราวางกับดัก...แต่มันกำลังจะใช้กับดักนั่น ‘ล้อมพวกเราทั้งหมด’ แทน”ปลายนิ้วของเรย์จิเกร็งแน่นกับขอบโต๊ะไม้ เสียงเขาลดต่ำลงโดยอัตโนมัติ ราวกับแรงดึงดูดของคำที่ได้ยินกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ“หมอนั่นมันคิดจะล่อเราหลงทิศ…”“แล้วปิดเกมในครั้งเดียว?”...แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยความคิดใด ๆ ต่อไปเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง — ชัดเจน มั่นใจ แต่ทุ้มนุ่มแบบคนที่คิดเสร็จนานแล้ว แค่รอให้คนอื่นทันมินาเอะยืนพิงโต๊ะ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต อีกมือไขว้หลัง ใบหน้าเรียบเฉย