ฉันแทบจะเป็นลมคาแขนเรย์จิอยู่แล้ว!!! 😱
ไม่ใช่แค่เพราะไอ้มาเฟียบ้านี่มัน ‘คลั่งรัก’ แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม…
แต่เพราะตอนนี้…
ฉันกำลังจะถูกเปิดตัวเป็น ‘แฟน’ ของเขาต่อหน้าแก๊งมาเฟียทั้งหมด!!!!! 😱
งานเลี้ยงของแก๊งคุโรซาวะ
ในห้องจัดเลี้ยงสุดหรูที่เต็มไปด้วยเหล่ามาเฟียระดับสูงที่แต่งตัวเนี๊ยบชนิดที่ฉันไม่กล้าหายใจแรง…
โคมไฟแชนเดอเลียระยิบระยับ ตกกระทบกับคริสตัลบนโต๊ะอาหาร บรรยากาศทั้งหรูหราและเต็มไปด้วยแรงกดดัน ราวกับฉันกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำทุกเมื่อ
และที่สำคัญ…
ฉันกำลังยืนจับมืออยู่กับ ‘หัวหน้าแก๊ง’ ที่โคตรจะอันตราย!!!!
“ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก…”
เสียงทุ้มต่ำของเรย์จิดังขึ้น พร้อมกับดวงตาคมกริบที่กวาดมองไปทั่วทั้งห้อง ออร่าเจ้าพ่อมาเฟียระดับสูงแผ่กระจายไปทั่วจนทุกคนต้องเงียบกริบ
ฉันรู้สึกถึงแรงกดดันจากมือที่จับฉันไว้…
เรย์จิกระชับมือฉันแน่นขึ้น ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นี่คือแฟนของฉัน—”
“แค่แฟนเหรอครับ นายท่าน?”
!!!??? 😳💥💀
เสียงกวนๆ ดังขึ้นจากมุมห้อง ฉันหันไปมองก็เห็นว่าเป็นไอ้คินที่ยืนกอดอกยิ้มกริ่มอยู่!!!
“หืม?” เรย์จิเบือนสายตาไปมองคินที่ยังคงทำหน้ากวนประสาท
“ผมนึกว่าท่านจะแนะนำเธอว่าเป็น ‘เมีย’ ซะอีก”
คินพูดเสียงเรียบ...แต่น้ำเสียงแม่งโคตรกวนตีน!!!
“เห็นหวงขนาดนั้น”
พรืดดดดด!!!!!!!
ฉันแทบพ่นเลือดออกมา!
ไอ้บ้าาาาา!!! พูดอะไรออกมาฟะ!!!!
“เหอะ!” ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่คินทันที
“อย่ามากวนตีนฉันนะเว้ย!!”
“หืม?”
คินยิ้มกวนๆ พลางดันกรอบแว่นขึ้นเบาๆ (โอ๊ย! ฉันอยากจะปาแก้วไวน์ใส่หมอนี่!!!)
“ผมแค่พูดตามความจริง”
“ไอ้—!”
หมับ!
มือของเรย์จิกระชับแน่นขึ้นราวกับจะห้ามฉันไว้
“ฉันก็อยากจะแนะนำแบบนั้นอยู่หรอกนะ”
“!!??”
ฉันหันขวับไปมองหน้าเขาทันที
เฮ้ยๆๆๆ! ไอ้บ้านี่มันคิดอะไรอยู่ฟะ!!
ฉันยังคงช็อกสุดขีด หลังจากที่เรย์จิพูดประโยคทำลายระบบประสาทฉันไปเมื่อกี้!!!
“แต่กลัวว่าเธอจะเขินจนหนีไปก่อน” เรย์จิพูดต่อด้วยสีหน้าโคตรจริงจัง
“......”
ไม่ใช่ ‘กลัว’ แล้วโว้ยยย!!! ฉันอยากหนีจริงๆ แล้วววว!!!!
และก่อนที่ฉันจะทำอะไรได้—
“โฮ่ง!!” 🐶
เสียงเห่าของไทกะดังขึ้นทันที พร้อมกับที่มันเดินมาหยุดอยู่ข้างฉัน
…เอ่อ ไม่สิ มันเดินตามติดฉันแทบจะเงาตามตัวเลยต่างหาก!!!
ฉันหันไปมอง ก่อนจะเห็นเจ้าหมาตัวแสบยืนตัวตรง ดวงตาจ้องเขม็งไปทั่วงานราวกับกำลังประกาศว่า ‘เจ้าของข้าอยู่ตรงนี้!!!’
“เห้ยๆๆ! แล้วไอ้หมานี่มันเข้ามาในงานได้ไงฟะ!?” ฉันสะดุ้งเฮือก
“มันตามเธอมาเอง”
เรย์จิตอบหน้าตาย ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ (เฮ้ย! นี่มันงานเลี้ยงมาเฟียนะเว้ย! ไม่ใช่งานโชว์สุนัข!!!)
“แต่นี่งานเลี้ยงนะเว้ย!!”
“แล้วไง?”
“ก็… มันควรอยู่ข้างนอกไม่ใช่เหรอ!?”
ฉันหันไปมองไทกะ ที่ตอนนี้กำลังนั่งลงข้างๆ ฉันอย่างสงบเสงี่ยม …แต่ตาของมันกลับจ้องคนรอบๆ ตัวฉันแบบพร้อมจะขย้ำสุดๆ!!!
โอ๊ยยย!! หมานี่มันคิดว่าฉันเป็นเจ้าของจริงๆ ไปแล้วใช่ไหมฟะ!!!
ฉันกำลังจะหันไปอ้อนวอน (?) ให้เรย์จิเอาหมานรกนี่ออกไปข้างนอกสักที แต่แล้ว—
“ฉันให้มันอยู่ข้างใน… เพราะมันต้องคอยดูแลเธอ”
เสียงเรียบๆ ของเรย์จิดังขึ้น น้ำเสียงนิ่งสนิท แต่กลับแฝงความอันตรายแปลกๆ
ฉันรู้สึกเหมือนอุณหภูมิในห้องลดลงไป 5 องศาในทันที!!!
“……”
“และถ้าใครคิดจะเข้าใกล้เธอโดยไม่ได้รับอนุญาต…”
“……”
“ฉันจะปล่อยมันกัด”
“!!!!!!!!!!”
เฮ้ยยย!!! ไอ้บ้านี่มันเอาหมามาขู่คนทั้งงานเลยเรอะ!!!
ฉันหันไปมองไทกะด้วยความสิ้นหวัง และแน่นอน…
มันกระดิกหางเบาๆ แต่ตาของมันยังคงจ้องแขกในงานเหมือนจะบอกว่า…
‘ใครแตะเจ้าของข้า = ข้าจะงับ!!!’ 🐶
ฉันแทบจะกรีดร้องออกมา โอ๊ยยย!!! ฉันไม่ต้องการบอดี้การ์ดเป็นหมาาาาา!!!!
“โอ๊ยยย! ไอ้หมาบ้า! เลิกทำตัวเหมือนเป็นบอดี้การ์ดฉันได้แล้ววว!!”
ไทกะกระดิกหาง แต่ยังคงทำหน้าเหมือนบอดี้การ์ดสุดเท่ของฉันต่อไป
…และที่แย่ที่สุดคือ—
“หึ…”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของเรย์จิดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากของเขาที่โคตรจะเจ้าเล่ห์!!!
ให้ตายเถอะ!!!
ทั้งเจ้านายทั้งหมามันคลั่งรักขนาดนี้
ฉันจะหนีไปไหนได้อีกกกกก!!! 😱
ขณะที่ฉันกำลัง วุ่นวายกับไอ้หมาไทกะ ที่ทำตัวเป็นบอดี้การ์ดเกินเบอร์…
ฉันก็เหลือบไปเห็นภาพที่ทำให้ฉันต้องหันขวับ!!!
“เฮ้ย! พวกแกสองคนยืนทำอะไรฟะ!?”
ฉันอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคินกับอัยย์กำลังยืนจ้องหน้ากันเงียบๆ!!!
“…”
“……”
ความเงียบแปลกๆ ปกคลุมระหว่างสองคนนี้
บรรยากาศรอบข้างราวกับตกอยู่ในมิติส่วนตัว เหมือนพวกเขากำลังคุยกันผ่านจิตวิญญาณ (?) โดยไม่ต้องใช้คำพูด!!!
“ฉันแค่แปลกใจ”
เสียงเรียบๆ ของคินดังขึ้นก่อน
“แปลกใจอะไรอีกล่ะ?”
อัยย์ขมวดคิ้ว ใบหน้ายังคงมีท่าทางหงุดหงิดตามสไตล์เธอ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย
“เธอสวยกว่าที่ฉันคิด”
“พรืดดดด!!!”
เฮ้ยๆๆๆ!!! ทำไมไอ้คินมันพูดเหมือนพวกพระเอกซีรีส์วะ!!!
“ปกติฉันไม่ค่อยเห็นเธอแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้”
คินยิ้มบางๆ สายตาที่มองอัยย์เหมือนกำลังสำรวจรายละเอียดของเธออย่างตั้งใจ…
โอ๊ยยย!!! หมอนี่มันพูดจริงหรือกวนประสาทฟะเนี่ย!!!
อัยย์สะดุ้งไปเสี้ยววินาที…
ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนี แต่ว่า… แก้มของเธอแดงแปร๊ดเป็นมะเขือเทศไปแล้ว!!!!
“หุบปากไปเลย!”
“หืม… เขินเหรอ?”
เสียงของคินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์!!!
“ฉันไม่เขินเว้ย!!!”
“หึ…”
และในจังหวะนั้นเอง—
คินโน้มตัวเข้าไปใกล้อัยย์… ใกล้มากจนแทบจะกระซิบข้างหูเธอ!!!
“เขินจริงๆ แหละ ดูก็รู้”
“!!!!!!”
อัยย์ชะงักตัวแข็งเป็นหิน ใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว กลายเป็นระเบิดสีแดงเข้มระดับแม็กซ์!!!
เฮ้ยยย!!! ทำไมฉันรู้สึกว่าอัยย์กำลังจะต่อยคินฟะ!!?
อัยย์กะพริบตาถี่ๆ เหมือนกำลังประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง…
ก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าพรืดออกมา อย่างคนที่กำลังหนีความจริงสุดชีวิต!!!
“เหอะ!”
“ฉันแค่รำคาญนายเฉยๆ!”
“แล้วทำไมหน้าแดง?”
คินยังคงยิ้มกวนๆ หน้าตายสุดๆ
“เพราะอากาศร้อนเฟ้ย!!”
“แอร์ในนี้ 20 องศา”
“ไอ้—!!!” 😡
โอ๊ยยยย!!! ไอ้สองคนนี้มันกัดกันน่ารักเกินไปแล้วววว!!!
ฉันที่ยังมึนกับเหตุการณ์ระหว่าง ‘ไอ้หมานรกไทกะ’ กับ ‘คู่กัดสุดฟิน’ อย่างคินกับอัยย์
ก็รู้สึกได้ว่า…
เรย์จิกำลังจ้องฉันอยู่
ฉันกลืนน้ำลายเอื๊อก รู้สึกได้ถึงแรงกดดันล่องหนที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
ฉันค่อยๆ หันไปมองเขาช้าๆ …
…และก็พบว่า เขายืนอยู่ใกล้กว่าที่คิด ดวงตาคมสีนิลกำลังจ้องฉัน แบบโคตรจริงจัง!!!
“…อะไรฟะ?”
ฉันถามอย่างระแวงสุดๆ (เฮ้ย! อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้มั้ยวะ!!!)
เรย์จิไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องฉันนิ่งๆ
สายตาอ่านไม่ออกแบบนั้น ทำให้ฉันเริ่มลนลานขึ้นมาแปลกๆ!!!
“…ฉันดีใจนะ”
“หา?”
“ที่เธอยอมมา”
“!!!!”
ฉันสะดุ้งเฮือก— หัวใจเต้นกระตุกวูบอย่างไม่มีเหตุผล!!!
เขายังคงจ้องฉันนิ่งๆ ไม่กะพริบตา ราวกับต้องการให้คำพูดของเขาฝังลึกเข้าไปในใจฉัน
“ฉันนึกว่าเธอจะหาทางหนีไปซะก่อน”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ฟังดูโคตรลึกซึ้ง...
ฉันรีบสะบัดหน้าหนี พยายามจะไม่ให้ตัวเองเผลอไหลไปกับคำพูดของหมอนี่อีกแล้ว!!!
“ฉันก็อยากหนีอยู่หรอก!” ฉันเบะปาก ก่อนจะทำหน้ามุ่ยสุดชีวิต
“แต่ติดที่ว่าฉันไม่มีทางรอดจากนายไง!”
ฉันพูดไปกอดอกไป โอ๊ย! คนบ้าอะไรคลั่งรักขนาดนี้ฟะ!!!
“ดีแล้ว”
เรย์จิพูดเสียงเรียบ
ก่อนที่ฉันจะตั้งตัวได้—
เขาโน้มตัวลงมาใกล้… ใกล้มาก… ใกล้จนฉันได้กลิ่นน้ำหอมโทนเย็นเฉียบจากตัวเขา!!!
เฮ้ยๆ ๆ!!! ใกล้ไปแล้วโว้ยยย!!!
…และก่อนที่ฉันจะกระโดดหนี—
ริมฝีปากของเขาก็กระซิบที่ข้างหูฉัน
“เพราะฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”
“!!!!!!!!!!!”
โลกทั้งใบของฉันสั่นสะเทือนเป็นริกเตอร์ 9.5!!!
หัวใจฉันแทบหยุดเต้น ใบหน้าร้อนฉ่าราวกับถูกไฟเผา!!!
ฉันรีบดีดตัวออกห่างสุดแรง!!!
เฮ้ยยย!!! มาเฟียบ้านี่มันคลั่งรักเกินไปแล้วววว!!!
💘 คฤหาสน์คุโรซาวะ — หนึ่งปีหลังวันหมั้น☀️ เช้าที่แสนสงบเรย์จิ & มินาเอะ...ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่คือ “ผู้สร้างสมดุลใหม่” ให้โลกใต้ดิน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มต้นจากเกมบังคับ กลายเป็นสงครามหัวใจ และจบด้วยคำสัญญา...ที่ไม่ต้องเปล่งเสียงอีกต่อไปทุกเช้า—เรย์จิจะชงกาแฟให้เธอก่อนที่เธอจะตื่น มินาเอะจะวางแท็บเล็ตไว้ข้างแก้วเขา พร้อมแผนที่ปรับให้เรียบร้อยพวกเขา...พูดน้อยลง แต่เข้าใจกันได้ด้วยการเหลือบตาเพียงครั้งเดียว มือที่เคยประสานเพื่อจับปืน วันนี้ประสานเพื่อ “จับหัวใจของกันและกัน”👑 มินาเอะ — ราชินีของโลกใต้ดิน“มาเฟียควีน” ไม่ใช่คำล้ออีกต่อไป เธอคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หลักขององค์กร นั่งประจำเก้าอี้หัวโต๊ะขององค์กรคุโรซาวะที่เคยสงวนไว้ให้คนเดียวเท่านั้น...เรย์จิเธอสวมสูทเรียบหรู ส้นสูงเฉียบ แววตาคมแต่ยังเปล่งประกายแบบ ‘เนิร์ดตัวจริง’ ที่ใครก็ประมาทไม่ได้แต่วันนี้...เธอมีอำนาจต่อรองเหนือกว่ากระสุน เพราะมินาเอะรู้ว่า ศัตรูไม่ได้แพ้ด้วยปืน ...แต่มักแพ้ให้กับคำพูดที่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าพูด“เราไม่จำเป็นต้องรบกับทุกคนค่ะ ถ้าทำให้เขาอยากอยู่กับเรามากกว่ากลัวเรา”เสียงในห้องประชุมเงียบไป
📍 คฤหาสน์คุโรซาวะ – 6 เดือนหลังสงครามพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองอุ่น ๆ รินลงผ่านกระจกห้องโถงใหญ่ ทอดเงายาวลงบนพื้นไม้ขัดมันอย่างเงียบงาม ด้านหลังคฤหาสน์...สวนถูกเนรมิตขึ้นใหม่เพื่องานสำคัญที่สุด“พิธีหมั้นกลางแจ้ง”ที่ทุกคนร่วมกันเตรียม...เพื่อเธอคนเดียว ลานหญ้าถูกปูด้วยพรมทางเดินสีครีมอ่อน รายล้อมด้วยดอกกุหลาบขาวที่ปลูกลงดินจริงเรียงแถวละเมียดเส้นสายไม้โค้งเป็นซุ้มประดับผ้าโปร่ง และไฟ fairy light ที่เตรียมไว้ส่องเมื่อตะวันตกดิน ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความรัก...ไม่ใช่เพราะพิธี แต่เพราะคนที่ยืนอยู่ในพิธีนี้🎼 เครื่องดนตรีคลอเพลงคลาสสิกบรรเลงเบา ๆโน้ตแต่ละตัว...เรย์จิเคยเลือกมันเองจากร้านแผ่นเสียงเก่า ๆ กลางเมืองและที่ปลายเวที —ไทกะ เจ้าหมาชิบะอินุตัวแสบ ใส่โบว์สีงาช้าง-ทอง ยืนสง่าด้วยแท่นแหวนในปาก (หลังจากถูกมินาเอะ อัยย์ และทีมแม่บ้าน “ต่อรองด้วยขนม 7 แบบ” เกือบครึ่งวัน ถึงจะยอมถือ)...👰🏻♀️ มินาเอะ — ว่าที่เจ้าสาวอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีงาช้างที่แสนเรียบหรู แต่งดงามราวกับภาพฝัน ผมมัดครึ่งคลายลงมาเป็นลอนนุ่ม ประดับด้วยปิ่นเงินรูปผีเสื้อ ใบหน้ามีรอยยิ้มสั่นไหว — ไม่ใ
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍เวลา 06:02 น. — บริเวณโกดังหมายเลข 14, เขตท่าเรือร้างลมทะเลพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างเก่าเสียงคลื่นกระทบท่าเรือดังต่ำ ๆ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของเมืองร้าง บนชั้นสองของโกดัง — ไม่มีใครอยู่ ยกเว้นเขาซันยืนพิงราวเหล็ก ฝ่ามือแตะหน้าต่างที่แตกเป็นรอย มองลงไปเบื้องล่าง — ลูกน้องกว่า 40 คนของเขา กำลังแทรกตัวเข้าตำแหน่งรอบเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับ "ล้อมศูนย์บัญชาการไว้ในความเงียบ"เป้าหมายของเขา:ไม่ใช่ฆ่า ไม่ใช่เผา แต่คือ “ถล่มศูนย์กลาง” ให้ระบบคุโรซาวะล่มทั้งองค์กร — เหมือนการผลักโดมิโนตัวแรกให้พังตามเป็นเส้น“เริ่มเคลื่อนกำลังได้”เสียงของซันดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงสั้น หนัก และเด็ดขาด ทันใดนั้น...เงาเคลื่อนไหวของทีมซัน ก็ขยับพรึ่บพร้อมกันทั่วแผนแต่ในขณะเดียวกัน...📍ภายในห้องบัญชาการ – คฤหาสน์คุโรซาวะมินาเอะ ยืนอยู่หน้าหน้าจอหลัก ภาพแผนผังแสดงรูปแบบล้อมรอบของซันแบบชัดเจน —เส้นสีแดงกะพริบรายล้อมศูนย์กลางหลายคนอาจมองว่าเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อม แต่แววตาของเธอ...กลับเยือกเย็น และคมเหมือนใบมีด“กับดักล้อมนอก...”“แต่ลืมว่าข้างใน...กำลังรออยู่”เธอแตะปลายนิ้วลงบนแท็บเล็ตเบา ๆ เส
📍ภายในห้องบัญชาการ – เวลา 05:16 น.แสงไฟบนเพดานสลัวลงอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการทำงานของหน้าจอหลักจอมอนิเตอร์เรียงรายเต็มฝาผนังแสดงข้อมูลแบบ real-time ทั้งจากเส้นทางการขนส่ง โกดัง สัญญาณไวรัส และโค้ดที่เพิ่งถูกเจาะเสียงไซเรนเบา ๆ ยังดังเป็นคลื่นพื้นหลัง กดอารมณ์ในห้องให้ตึงเครียดทันใดนั้น—เสียงมือถือของเรย์จิดังขึ้น หน้าจอแสดง ‘สายตรงจากคิน’พร้อมรหัสภายในพิเศษ เขารับทันทีโดยไม่ต้องพูดคำทัก และเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทันทีตามสไตล์เจ้าตัว“ได้ตัวแล้ว”“และหมอนั่นพูดทุกอย่างที่เราต้องรู้”เสียงห้าวต่ำของคินฟังนิ่ง แต่จริงจัง“ซันรู้ว่าเราวางกับดัก...แต่มันกำลังจะใช้กับดักนั่น ‘ล้อมพวกเราทั้งหมด’ แทน”ปลายนิ้วของเรย์จิเกร็งแน่นกับขอบโต๊ะไม้ เสียงเขาลดต่ำลงโดยอัตโนมัติ ราวกับแรงดึงดูดของคำที่ได้ยินกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ“หมอนั่นมันคิดจะล่อเราหลงทิศ…”“แล้วปิดเกมในครั้งเดียว?”...แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยความคิดใด ๆ ต่อไปเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง — ชัดเจน มั่นใจ แต่ทุ้มนุ่มแบบคนที่คิดเสร็จนานแล้ว แค่รอให้คนอื่นทันมินาเอะยืนพิงโต๊ะ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต อีกมือไขว้หลัง ใบหน้าเรียบเฉย