เกวียนเทียมวัววิ่งไปตามถนนอย่างไม่รีบร้อน สายลมในฤดูสารทอบอ้าวและร้อนชื้น ด้านหลังเกวียนเยว่อวิ๋นนำถังหูหลู่ออกมาแบ่งให้ทุกคน แม้แต่เซี่ยต้าจวงเองก็ยังได้ไปหนึ่งไม้ด้วยหลีจวินกัดเข้าไปหนึ่งคำก็ตกหลุมรักรสชาติหวานเปรี้ยวนั้นทันที เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากพลางกัดผลซานจาอีกคำใหญ่ ความเสียดายเงินสองตำลึงก่
ภาพมารดาคุกเข่าขอร้องทั้งน้ำตาเพื่อช่วยบุตรชายตรงหน้าน่าเวทนายิ่งนัก หากเป็นคนอื่นเห็นแบบนี้คงใจอ่อนไปนานแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่ยามนี้ไร้ผล เพราะคนที่ป้าจ้าวร้องขอความช่วยเหลือคือเซี่ยฉงอวิ๋นที่เฉยชาต่อผู้อื่นอย่างยิ่งกระทั่งยามเหลือบไปเห็นว่าหน้าผากของป้าจ้าวอาบชุ่มไปด้วยโลหิต เจ้าตัวก็ยังนั่งเ
“ฉงอวิ๋น ป้าผิดไปแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้านะ ทั้งหมดเป็นเพราะคนบ้านจางทั้งนั้น พวกเขาบังคับข้าให้ทำเรื่องทั้งหมด หลานชายเจ้าอย่าถือสาป้าเลย ป้ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำไม่ถูก ป้าขอโทษเจ้าแล้ว ได้โปรดช่วยอาเฉินด้วยเถอะ ขอแค่เจ้าช่วยอาเฉินจะให้ข้าทำอะไรก็ยอม” ป้าจ้าวร่ำไห้โฮอย่างหมดสภาพ บุตรชายคนเล
เงินหนึ่งร้อยตำลึงนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย สำหรับชาวบ้านคนธรรมดาทั่วไป ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจหาไม่ได้ด้วยซ้ำ บ้านป้าจ้าวเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ ครอบครัวของพวกเขาถึงแม้พอมีพอกิน ทว่าการจะควักเงินร้อยตำลึงออกมานั้นเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย“ไสหัวไป”เสียงใสกล่าวเย็นเยียบ ป้าจ้าวเ
“เจ้าจะลองดูก็ได้”เยว่อวิ๋นพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านทันที นางในอดีตผันตัวเองเข้ากองทัพเพราะอยากช่วยบิดาและผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากสงคราม ยามนี้บิดาที่ว่าได้ตายจากไปในใจตั้งแต่วันที่ถูกทรยศแล้ว ทว่าความรักราษฎรมาตุภูมินั้นยังคงมีอยู่ นั่นทำให้นางไม่เคยคิดนำเอาความผิดเล็กน้อยของชาวบ้านมาใส่ใจแต่สำ
ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเยว่อวิ๋นอคติมองสามีตัวเองในแง่ร้าย แต่จังหวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นประจวบเหมาะจนนางอดคิดไม่ได้จริงๆเซี่ยฉงอวิ๋นที่เดิมคิดว่าจบเรื่องแล้วพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าโชคชะตาช่างเป็นปรปักษ์กับตนเสียจริง ตอนภรรยายังไม่กลับก็ไม่เห็นจะมีอะไร ไฉนยามนี้เรื่องเก่ายังไม่ทันจบ เรื่องใ
เยว่อวิ๋นเลิกคิ้ว ดูเหมือนนางจะเดาถูกสินะ“ก่อนหน้าเจ้าเมื่อครู่ ยายแก่บ้านจ้าวก็เพิ่งมาขอร้องให้พวกข้าช่วยจ่ายเงินชื้อตัวจ้าวเฉินจากบ่อนพนันหนึ่งร้อยตำลึงน่ะสิ”แม่เฒ่าเซี่ยได้ฟังก็ก่นด่าป้าจ้าวออกมาทันที “จ้าวฮวานางสารเลวนั่นยังมีหน้ามาขอร้องให้บ้านเราช่วยอีกหรือ ถ้าไม่เพราะจ้าวเฉินคนเสเพลนั่น เจ้า
“ถ้าเจ้ายังทำตัวดื้อดึงไม่รู้ความ คราวหน้าจุดจบของเซี่ยหยวนชางจะไม่จบแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แน่ เชื่อไหม”“ที่เจ้าสามเกิดเรื่องขึ้น เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม” ประกายความคิดสายหนึ่งวาบขึ้นมาในหัว แม่เฒ่าเซี่ยถามด้วยสีหน้าหวาดกลัว“เข้าใจผิดแล้ว ฝีมือของจ้าวเฉินต่างหาก” ถึงแม้ว่าสาเหตุจะมาจากเขาก็เถอะ แ
เนื่องจากนางไม่ได้กล่าวเสียงดังมากนัก อีกทั้งโต๊ะนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากชายชรากับหานซื่อและเถี่ยโกว่ คนอื่นจึงไม่ได้ยินเรื่องน่าขายหน้านี้“ท่านพ่อ ท่านฟังนางพูดสิเจ้าคะ” หานซื่อเป็นบุตรสาวของบัณฑิตซิ่วไฉจากในตำบล ถูกสู่ขอมาให้บุตรชายผู้ใหญ่บ้านที่ระดับชนชั้นต่ำกว่าฐานะบ้านเดิม เมื่อมาอยู่ที่นี่ครอบครั
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าวอย่างมั่นใจ ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนพลางถาม “ทำไม อาอวิ๋นไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ”“ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ เพียงแต่เวลาล่วงเลยมาจนขนาดนี้แล้ว ข้ายังไม่เห็นว่าแขกของท่านจะเดินทางมาถึงเลย ดูสิแม้แต่อาจารย์ใหญ่ฉีก็ยัง...” เยว่อวิ๋นกล่าวน้ำเสียงซุกซนพลางบุ้ยริ
กาลเวลาผันผ่านนำพามาซึ่งสิ่งใหม่ๆ นางในตอนนี้กลายเป็นกบก้นบ่อที่เสื้อผ้าชุดเดียวก็ทำให้ประหลาดใจได้ไปแล้วสินะทว่าเยว่อวิ๋นไม่ได้รู้เลยว่า เสื้อผ้าชุดเดียวที่นางใช้ค่อนขอดตัวเองนั้น แม้แต่จวงกุ้ยเฟยผู้อยู่เหนือสนมนางใดในวังหลัง ก็ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสมันมองเงาร่างดรุณีน้อยอาภรณ์แดงในฉัน
เซี่ยเฉิงที่ติดตามมาด้วยชำเลืองมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างหมดคำพูด นี่ใช่การมาเชิญไปร่วมงานเลี้ยงยินดีเสียที่ไหนกัน เป็นการมาหาศัตรูเพิ่มใส่ตัวชัดๆ พี่ฉงอวิ๋นทำแบบนี้คงไม่ใช่คิดว่าชีวิตตนเองสุขสงบเกินไปกระมังแต่ไม่ว่าในใจซุนไฉกับผู้อาวุโสจินและเซี่ยเฉิงจะมีความคิดอะไร สองวันถัดมางานเลี้ยงที่ทุกคนรอค
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เหยียนเซียวใช้คำพูดรุนแรงกับนาง ที่ผ่านมาต่อให้ไม่ชอบใจเขาก็แค่แสดงท่าทีเย็นชาใส่เท่านั้น คิดถึงรอยยิ้มบางยามอีกฝ่ายเอ่ยชื่อของเยว่อวิ๋น ในใจหานจีก็ยังไม่อาจสงบได้“ไปบ้านสกุลกู้” นางรีบกลับขึ้นรถม้าอีกครั้ง ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเทานางจำเป็นต้องขอร้องให้ญาติผู้พี่ออกห
คนชั้นต่ำนี่กล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งข้า เฉียนซานเจ้าคนไร้ความสามารถอยู่ที่ไหน รีบออกมาเดี๋ยวนี้นะ” หานจีที่ลงมาจากรถม้าทันได้ยินคำถามของสืออิงเข้าพอดี นางโมโหจนพูดไม่ออก ได้แต่หันไปร้องตะโกนเรียกเฉียนซานด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโทสะไม่นานร่างสันทัดของเฉียนซานก็ก้าวออกมาจากร้าน เจ้าตัวมองไปยังหานจีที่ยืนหน้า
เยว่อวิ๋นส่งใบรายการสินค้าให้สืออิง คราวนี้นางปรุงยาห้ามเลือดได้แค่สามพันขวด ส่วนขี้ผึ้งทาเท้านั้นเนื่องจากสืออิงสามารถซื้อวัตถุดิบมาได้จำนวนมาก ทั้งยังมีคนงานที่ลงนามสัญญามาช่วยงานอีกหลายสิบคน ทำให้ผลิตได้มากถึงหกพันกว่าตลับ เยว่อวิ๋นจึงถือโอกาสนี้ให้สืออิงนำของไปส่งพร้อมเทียบเชิญงานเลี้ยงเข้าบ้านใ
แน่นอนว่าเรื่องราวพวกนี้เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ด้วยสักนิด เพราะทุกครั้งที่นางไปรอรับคน อาจารย์ใหญ่ฉีผู้เอ็นดูเซี่ยฉงอวิ๋นแบบไม่มีขีดจำกัด มักจะแสดงท่าทีกุลีกุจอดีต่อครอบครัวพวกเขายิ่งนัก นั่นทำให้เยว่อวิ๋นเกิดภาพลวงตาว่าสามีตนเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น“งั้นก็ตกลงตามนี้ อีกสองวันจัดงานเลี้ยงสักหลายโต๊ะหน่
แต่ใครเลยจะรู้ พี่ฉงอวิ๋นกลับทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ด้วยการตอบคำถามเหล่านั้นได้กระจ่างและดีเยี่ยมอันที่จริงแล้วการที่อาจารย์ทดสอบความรู้ความสามารถนักเรียนนั้นถือเป็นเรื่องปกติ และต่อให้คำตอบของเซี่ยฉงอวิ๋นจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด ก็ไม่ควรสร้างคลื่นผลกระทบอะไรแก่ผู้อาวุโสจินได้เพียงแต่เซี่ยฉงอวิ๋นนั้นเป็