“หลังรู้เรื่องการเสียชีวิตของราชบุตรเขย องค์หญิงใหญ่ที่เพิ่งฟื้นก็ไม่สนใจร่างกายของตนเอง รีบเดินทางกลับเมืองหลวงทันที”การเดินทางครั้งนั้นเรียกได้ว่าเกือบคร่าชีวิตที่เพิ่งดึงมาจากมือยมทูตขององค์หญิงใหญ่เข้าจริงๆ ต่อมาเมื่อเรื่องราวทุกอย่างจบลง ฉิงฮวนนางกำนัลคนสนิทก็ได้บอกเรื่องที่ตนสงสัยว่าคุณชายน้อ
สิ่งที่เซี่ยฉงอวิ๋นถนัดที่สุดคือใช้คำพูดซื้อใจคน หากเป็นฝูซีในอดีตที่รู้ไส้รู้พุงกันดีย่อมไม่มีทางติดกับเขาแน่ ทว่าน่าเสียที่ยามนี้เจ้าตัวจดจำอะไรไม่ได้ จึงตกหลุมพรางอีกฝ่ายอย่างกู่ไม่กลับ“ศิษย์รักของข้า เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ” ฝูซีหลั่งน้ำตาบุรุษออกมาอย่างไม่ละอาย หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยซื่อ เขา
ฝูซีแม้ไม่อยาก แต่มิอาจไม่ยอมรับได้ว่าตนเองไม่ใชคู่ต่อสู้ของเซี่ยฉงอวิ๋น ตลอดเวลาที่เขาสืบหาความจริง กลับถูกเจ้าเด็กนี่ปิดบังจนหัวหมุนไปหมด สอบถามอะไรใครก็ล้วนไม่ได้ความ มีหลายครั้งที่เขาพยายามหลอกถามเจ้าตัว แต่กลับถูกอีกฝ่ายพาหลงหัวข้อเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยเปื่อยทว่าถึงกระนั้นฝูซีกลับเชื่อมั่นจนเป็
“ท่านแม่ ข้าคิดว่าจะกลับไปเรียนใหม่อีกครั้งขอรับ” เซี่ยหยวนชางบอกมารดาสีหน้าจริงจัง ทว่าสายตายังคงไม่ละจากตั๋วเงินในมือผู้เป็นมารดา“นี่...” แม่เฒ่าเซี่ยฟังแล้วลังเลเล็กน้อย ถึงอย่างไรที่ผ่านมา นางก็ฝากความหวังไว้ที่บุตรชายคนนี้มาตลอด ยามนี้ได้ยินคำพูดของบุตรชาย ในใจจึงเกิดความคาดหวังขึ้นมาอีกครั้ง
แม่เฒ่าเซี่ยพูดจบก็ลอบมองเซี่ยฉงอวิ๋นอย่างจับสังเกต ก่อนจะแสดงความผิดหวังเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีอะไรเลย นางพลันถอนลมหายใจพรู ยามนี้คนตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีความคิดลึกล้ำแล้วจริงๆ ถึงขั้นนี้ก็ยังไม่แสดงความรู้สึกให้เห็น“ข้าพูดเรื่องทั้งหมดออกไปหมดแล้ว เจ้าเองก็รักษาสัญญาด้วยเล่า” นางกล่าวจบก
ทำอย่างไรน่ะหรือ ด้วยนิสัยของครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าใครก็คงโกรธแค้นแม่เฒ่าเซี่ยโดยไม่ฟังเหตุผลแน่“เจ้าอาจคิดว่าทำทุกอย่างก็เพื่ออนาคตของครอบครัว ถ้าบุตรคนนั้นของเจ้ากระทำการสำเร็จตามที่หวัง ถึงยามนั้นเจ้าก็จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา ขอร้องให้เขาเห็นแก่สายสัมพันธ์ ช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องคนอื่นๆ แต่...มันจะ