ตอนที่ 6
ข่าวลือ
นางได้อยู่เรือนตนเองดั่งเดิมคือฝั่งตะวันออก ส่วนซูเยว่ซินได้เรือนฝั่งตะวันตกติดกับพี่ชายของนาง
แม้จะไม่พอใจแต่เพราะไม่อาจขัดบิดาได้ ซูเยว่ซินจึงร้องจะให้ช่างเข้ามาตกแต่งเรือนให้ตนใหม่ และให้แล้วเสร็จภายในสามวัน
“ท่านพ่อเรื่องที่พี่หญิงขอข้าไม่อาจทำให้ได้ เพราะช่างที่ข้าให้คนไปถามล้วนตอบว่าเร็วที่สุดคือเจ็ดวันเจ้าค่ะ” นางเอ่ยกับบิดา
เพราะเมื่อวานบิดาให้นางหาช่างมาต่อเติมเรือนให้ซูเยว่ซิน แม้จะไม่ได้อยากทำ แต่การจัดการในเรือนอยู่ในอำนาจนางทั้งหมด นางจึงไม่อาจเลี่ยงได้
“เอาตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ พ่อเข้าใจ” ผู้เป็นบิดาเอ่ย
“ท่านพ่อแล้วเช่นนี้เมื่อไหร่ลูกจะได้เข้าไปอยู่เรือนตนเองเสียทีเล่าเจ้าคะ หากน้องรองยกเรือนนั้นให้พี่สาวเรื่องคงไม่วุ่นวายเช่นนี้” ซูเยว่ซินเดินเข้ามาพร้อมมารดาของนางพลางเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นลูกจะติดต่อช่างเข้ามาจัดการให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายลูกจะทำบัญชีสรุปแล้วเอามาให้ท่านพ่อดูทีหลังเจ้าค่ะ” นางเอ่ยโดยไม่สนใจแม่ลูกทั้งสอง
“ไปเถอะ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยอนุญาต นางจึงเดินออกจากห้องทำงานของบิดามา
ขณะเดินกลับเรือนก็บังเอิญพบเข้ากับซูเหิงเยว่ เขากำลังฉุดสาวใช้นางหนึ่งเข้าเรือนตัวเองอยู่ แต่หันมาเห็นนางเดินมาเสียก่อน
นางทำทีเป็นมองไม่เห็น เพราะสาวใช้เหล่านี้เป็นวรยุทธทุกคนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้นางสั่งไว้ว่าหากถูกสามแม่ลูกทำร้ายให้ตอบโต้กลับได้ทันที แต่อย่าให้ถึงตายพอ
“น้องรองเจ้ากำลังกลับเรือนหรือ!!”
เสียงตะโกนถามนั้นทำให้นางต้องหยุดเดิน พร้อมกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย คราวก่อนที่เข้ามาโอบไหล่นาง นางต้องอาบน้ำขัดตัวตั้งสองชั่วยาม
ซูฮุ่ยฉินหันไปส่งยิ้มบางให้คนที่วิ่งเข้ามาตามมารยาท ก่อนเอ่ยตอบ
“เจ้าค่ะ ข้ากำลังจะกลับเรือนไปจัดการเรื่องต่อเติมเรือนให้พี่หญิงใหญ่”
“ดีเลย พี่ชายอยากเรียนรู้เรื่องการจัดทำบัญชีสั่งของพอดี พี่ขอตามเจ้าไปที่เรือนได้หรือไม่” ซูเหิงเยว่เอ่ยพร้อมสายตาพราวระยับ
“ขออภัยเจ้าค่ะ เรื่องนี้พี่หญิงต้องการให้เสร็จเร็วที่สุด ข้าต้องรีบทำบัญชีสั่งของคงไม่สะดวกสอนพี่ชาย เอาไว้ให้ท่านพ่อสอนท่านเองจะดีกว่านะเจ้าคะ ข้าขอตัวก่อน” นางเอ่ยพลางหมุนตัวเดินจากมาทันที
ซูเหิงเยว่มองตามน้องสาวต่างมารดาไปอย่างหมายมาด นางยิ่งหนีห่างจากเขา เขายิ่งต้องการนาง สักวันเขาจะเอานางมาทรมานใต้ร่างเขาให้ได้
พฤติกรรมนี้อยู่ในสายตาบ่าวในจวนบริเวณนั้นทุกคน พวกเขาเพียงมองเงียบ ๆ ก่อนจะทำหน้าที่ตัวเองต่อ
แต่ในใจนั้นคิดว่าต้องเฝ้าระวังไม่ให้คนผู้นี้เข้าใกล้คุณหนูของพวกเขาได้อีก
ด้านจางลู่เหวินตอนนี้กำลังหนักใจกับสิ่งที่ภรรยาและบุตรสาวคนโตร้องขอ
“ท่านพ่อจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวข้ากับลูกเมื่อไหร่เจ้าคะ ข้ากับลูกจะได้สั่งตัดชุดกัน” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามสามี
“ลูกอยากได้เครื่องประดับใหม่ด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อต้องพาพวกเราไปเที่ยวในเมืองด้วยนะเจ้าคะ” ซูเยว่ซินเอ่ยอย่างออดอ้อน
“ได้ ๆ แต่ขอพ่อทำบัญชีร้านพวกนี้ให้เสร็จก่อนนะ หากเบื่อก็ไปเที่ยวเล่นก่อนก็ได้ พ่อจะให้คนพาไป”
จางลู่เหวินตอบ ก่อนจะหยิบถุงเงินให้ภรรยาและบุตรสาวไปถุงใหญ่
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินรับมาอย่างดีใจ ก่อนจะชวนมารดาออกไปข้างนอกทันที
นางอยากออกไปเห็นว่าเมืองหลวงมีผู้คนพลุ่งพล่าน ร้านค้าเครื่องประดับงดงามอย่างที่เคยได้ยินมาหรือไม่
ทั้งสองออกจากจวนไป ชิงชิงก็รีบวิ่งมารายงานคุณหนูของตนเองทันที
“คุณหนูเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกนางสองแม่ลูกออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี! ซินซินเจ้าสั่งคนที่ว่าจ้างไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” นางหันมาถามสาวใช้ของตน
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ ทันทีที่พวกนางลงจากรถม้า เราจะเริ่มทำตามแผนทันที” ซินซินตอบ
นางวางแผนปล่อยข่าวลือของสามแม่ลูก เรื่องที่ท่านป้าไปเล่าในงานเลี้ยงน้ำชานั้น มันเป็นเรื่องเล่าในกลุ่มของฮูหยินพ่อค้า ซึ่งรวมถึงฮูหยินขุนนางด้วย
แต่ที่นางปล่อยข่าวลือเป็นกลุ่มพวกชาวบ้านทั่วไป เรื่องยอดขายของกิจการช่วงนี้อาจไม่ค่อยดีนัก แต่อนาคตนางวางแผนสำรองไว้แล้ว
รถม้าของฟางเจียวเหมยและบุตรสาวหยุดลงหน้าร้านเครื่องประขึ้นชื่อของเมืองหลวง พวกนางลงมายืนมองอย่างตื่นตาตื่นใจ
เพราะที่เมืองชิงไม่ได้มีร้านเครื่องประดับใหญ่และหรูหราขนาดนี้ นี่สินะเมืองหลวงอะไร ๆ ก็ดูงดงามน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด
“เจ้าดูนั่น! พวกนางสองแม่ลูกคือเมียชู้กับลูกชู้ของเขยแต่งเข้าตระกูลซูล่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมชี้มาที่สองแม่ลูก
“จริงหรือ! หน้าไม่อายจริง ๆ ได้ยินว่าเขยแต่งเข้าผู้นั้นจะยกนางเป็นฮูหยินเอกด้วยล่ะ”
“เจ้าพูดจริงหรือ!! ที่นางไม่ยอมเข้าจวนคงเพราะวางแผนให้ฮูหยินตระกูลซูสิ้นก่อน แล้วตนจะเข้ามานั่งเชิดหน้าชูคอเป็นฮูหยินเอกแทนสินะ”
“ดูลูกชู้นั่นสิ ข้าได้ยินว่าอายุมากกว่าคุณหนูซูฮุ่ยฉินเสียอีก แสดงว่าคงแอบเลี้ยงกันไว้ตั้งแต่ฮูหยินซูเลี่ยงลี่ยังไม่ท้องคุณหนูเลยด้วยซ้ำมั้ง”
สองแม่ลูกได้ยินทุกประโยคชัดเจน แต่เมื่อมองไปที่คนพูดเห็นเป็นเพียงชาวบ้านแต่งตัวธรรมดา ตนจึงไม่สนใจก่อนจะเดินเข้าร้านเครื่องประดับไป
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาพ้นประตูร้าน ก็มีหลงจู้วิ่งเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
“ขออภัยเจ้าค่ะ ร้านเครื่องประดับหนิงลี่ของเราไม่ขายให้บุคคลที่เป็นชู้ของสามีชาวบ้าน พวกท่านทั้งสองเชิญไปร้านอื่นเถอะเจ้าค่ะ”
ประโยคของหลงจู้ร้านทำให้ทั้งสองหน้าม้านไปทันที พวกนางทั้งอับอายทั้งกรุ่นโกรธ
“แต่ข้ากับท่านแม่เป็นลูกค้านะ เจ้าจะมาไล่พวกเราเช่นนี้ได้อย่างไร” ซูเยว่ซินเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
“ลูกชู้เช่นเจ้าข้าไม่นับเป็นลูกค้าหรอกนะ เป็นอนุยังนับว่ามีเกียรติกว่าพวกเจ้าเลย ขืนปล่อยให้พวกเจ้าแม่ลูกเข้าร้านก็เป็นเสนียดกับร้านข้านะสิ”
สิ้นเสียงนี้ตัวคนก็ปรากฏ เป็นหญิงวัยกลางคนแต่งตัวด้วยผ้าไหมชั้นดีผู้หนึ่ง กลิ่นอายของนางบ่งบอกว่าเป็นฮูหยินขุนนางที่ร่ำรวยไม่น้อย
“จะ เจ้าเป็นใคร ถึงได้เที่ยวมาพูดจาดูถูกผู้อื่นเช่นนี้ ข้าจะฟ้องทางการข้อหาที่เจ้าพูดจาให้ร้ายข้ากับลูก” ฟางเจียวเหมยเอ่ย
“ก็ลองดูว่าฮูหยินเสนาบดีฝ่ายซ้ายเช่นข้า จะแพ้เมียชู้กับลูกชู้ของคหบดีหรือไม่”
“นายหญิงกับคุณหนูอย่าไปยอมนะเจ้าคะ เรื่องพวกนี้ตำแหน่งอะไรไม่มีผลหรอกเจ้าค่ะ มันอยู่ที่ศาลจะตัดสินว่าผู้ใดถูกหรือผิดต่างหาก”
สาวใช้ส่วนตัวคนใหม่ของฟางเจียวเหมยเอ่ย หารู้ไม่ว่าการยุยงนี้เป็นอีกหนึ่งคำสั่งของคุณหนูตัวจริงของจวน
“แล้วอย่างไร ข้าจะฟ้องทางการแน่ ไปลูก! เราไปร้านอื่นดีกว่า ทั่วเมืองหลวงนี้หาได้มีร้านนางเพียงร้านเดียวเสียเมื่อไหร่” ฟางเจียวเหมยได้ยินที่สาวใช้เอ่ย จึงเอ่ยวาจาอย่างถือดีออกไป
พวกนางพากันเข้าร้านนั้นร้านนี้ แต่ก็ไม่มีร้านใดต้อนรับพวกนางสักร้าน ไม่พอบางร้านยังเอาน้ำมาสาดไล่อีก พวกนางจึงกลับจวนด้วยความหงุดหงิด
“ท่านแม่เช่นนี้เป็นการกลั่นแกล้งพวกเราชัด ๆ ” ซูเยว่ซินเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย
“แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละลูก แต่ใครมันจะแกล้งพวกเราเช่นนี้กันเล่า”
“ก็นังฮุ่ยฉินไงเจ้าคะท่านแม่ มันคงยัดเงินเพื่อให้ทุกร้านไม่ต้อนรับพวกเราเป็นแน่ มันอยากกลั่นแกล้งพวกเราเพราะแค้นใจแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
“กลับไปคงต้องสั่งสอนนางเสียหน่อยแล้ว ว่าฮูหยินเอกคนใหม่ผู้นี้หาได้ไร้ฤทธิ์เดชให้เด็กสาวอย่างนางรังแกได้”
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม