ตอนที่ 7
คร่ำคราญ
สองแม่ลูกกลับถึงจวนก็รีบไปหานายท่านของจวนทันที พร้อมกับบีบน้ำตาเอ่ยความเท็จต่าง ๆ นานา
“ท่านพี่น้องเสียใจนัก ไม่คิดว่าคุณหนูรองจะกลั่นแกล้งพวกเราแม่ลูกเช่นนี้ ฮึก!” ฟางเจียวเหมยเอ่ยพลางสะอื้น
“จริงเจ้าค่ะ พวกเขาบอกว่าเป็นน้องรองที่ให้คนไปแจ้งว่าอย่าขายของให้พวกเรา” ซูเยว่ซินเอ่ยฟ้อง
“ท่านพี่ข้าเสียใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าคุณหนูรองจะรังเกียจเราสองแม่ลูกขนาดนี้”
“ด่าว่าข้ากับท่านแม่เป็นเมียชู้กับลูกชู้ยังพอทน แต่ด่าว่าท่านพ่อเป็นเพียงเขยแต่งเข้าของตระกูลซูริอาจทำการใหญ่ หวังฮุบกิจการตระกูลซูลูกยอมไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ”
จางลู่เหวินได้ยินที่ภรรยาและบุตรสาวเอ่ยใบหน้าของเขา เดี๋ยวดำคล้ำ เดี๋ยวแดงก่ำ มือสองข้างกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“ให้คนไปตามซูฮุ่ยฉินมาเดี๋ยวนี้!”
บ่าวที่เฝ้าหน้าเรือนรีบทำตามที่เจ้าบ้านสั่งทันที ไม่นานก็เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าราบเรียบ
“ท่านพ่อให้คนไปตามลูกมามีเรื่องอะไรงั้นหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนถูกเรียกมาด้วยเรื่องใด
“วันนี้พี่สาวกับแม่ของเจ้าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกมา” จางลู่เหวินเอ่ยเสียงนิ่ง ๆ พลางดูปฏิกิริยาบุตรสาวตรงหน้าไปด้วย
“จริงหรือเจ้าคะ ข้ายุ่งเรื่องต่อเติมเรือนให้พี่หญิง จึงไม่มีเวลาพาทั้งสองออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกเลย ข้าขอโทษพี่หญิงกับท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
ซูฮุ่ยฉินเอ่ยอย่างคนที่รู้สึกผิดจริง ๆ นั้นทำให้บิดาเริ่มลังเลใจ ว่าสิ่งที่สองแม่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“น้องรองเหตุใดเจ้าพูดราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้ พี่สาวกับท่านแม่รู้ความจริงหมดแล้ว!” ซูเยว่ซินเอ่ยพลางร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“เออ...ท่านพ่อนี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ” นางถามด้วยสีหน้างุนงง
“ร้านค้าในเมืองหลวงไม่ยอมให้พี่สาวกับแม่เจ้าเข้าร้าน พวกเขาบอกว่าเจ้าให้คนมาแจ้งเอาไว้ แถมยังใส่ร้ายว่าพี่สาวเจ้าเป็นลูกชู้อีก” ผู้เป็นบิดาเอ่ย
“ตายจริง!!! ข้าไม่เคยให้คนไปบอกอะไรเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ท่านแม่ได้ถามหรือไม่ ว่าคนที่ไปบอกมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร” นางแสร้งเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
“ข้าไม่ได้ถามหรอกเจ้าค่ะ แต่ทุกร้านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหนูรองสั่งมา ฮึก!! หากคุณหนูไม่ชอบข้าเหตุใดจึงไม่มาลงที่ข้าเล่าเจ้าคะ ฮึก!!! เหตุใดจึงป้ายสีให้พี่สาวของคุณหนูเสียหายด้วย”
ฟางเจียวเหมยพูดไปก็สะอึกสะอื้นไปอย่างน่าสงสาร ภาพสองแม่ลูกนั่งกอดกันร้องไห้ช่างน่าเวทนานัก
“ท่านพ่อข้าไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าทุ่มเทเวลาไปกับการต่อเติมเรือนให้พี่หญิงเสร็จเร็ว ๆ เพื่อเอาใจพี่หญิง แล้วข้าจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร” นางเอ่ยแย้งเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง
“จริงขอรับนายท่าน บ่าวอยู่กับคุณหนูแทบจะตลอดเวลา คุณหนูเอาใจใส่เรื่องนี้มาก”
พ่อบ้านเดินเข้ามาพร้อมรายการจดของตกแต่งที่จะซื้อเข้าเรือนซูเยว่ซิน
“.....” จางลู่เหวินรับไปอ่านโดยไม่เอ่ยอะไร
“ของที่คุณหนูเลือกให้คุณหนูใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวัสดุทุกอย่างต้องคุณภาพดี ของตกแต่งเรือนก็เลือกที่ดีที่สุด ราคาแพงที่สุดข้าน้อยไม่เห็นประโยชน์ว่าคุณหนูจะทำเรื่องเช่นนี้ไปเพื่ออะไรเลยขอรับ”
“อืม...จริงอย่างที่พ่อบ้านพูด แต่เรื่องที่ทั้งสองได้เจอมาก็เป็นเรื่องจริง ซูฮุ่ยฉินหากไม่ใช่เจ้าที่ให้คนไปพูดเช่นนั้น แล้วเหตุใดทุกร้านจึงพูดตรงกัน”
จางลู่เหวินเอ่ยถามบุตรสาวคนรองด้วยน้ำเสียนงเรียบนิ่ง
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ แต่ลูกไม่คิดจะทำเรื่องเช่นนั้นเลยสักครั้ง ท่านพ่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกด้วย” นางเอ่ยพลางคุกเข่าลงกับพื้น
“นายท่านขอรับ นายท่านซุนมาขอพบขอรับ”
บ่าวเฝ้าหน้าจวนเข้ามารายงานทำให้คนในห้องชะงัก สองแม่ลูกมองหน้ากันทันที จางลู่เหวินจึงมองบุตรสาวคนรองแวบหนึ่ง
“เขาได้บอกหรือไม่ว่ามาด้วยเรื่องใด” จางลู่เหวินเอ่ยถาม
“นายท่านซุนบอกว่าต้องการคุยเรื่องที่กำลังเป็นข่าวลืออยู่ในตอนนี้ขอรับ”
“ยังจะต้องคุยอะไรอีก ข้าบอกไปแล้วนี่ว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัวของข้า”
เขาเอ่ยพลางมองซูฮุ่ยฉินอย่างไม่พอใจเล็กน้อย บุตรสาวคนรองของเขาคงไปฟ้องอะไรคนจวนนั้นอีกเป็นแน่
“นี่เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ ว่าเมียชู้กับลูกชู้ของเจ้าไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้บ้าง” เสียงซุนหนิงเจี้ยนเอ่ยพลางเดินเข้ามาโดยไม่รอให้เจ้าบ้านอนุญาต
“หมายความว่าอย่างไร” จางลู่เหวินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าก็ลองเรียกบ่าวในจวนมาถามสักคนสิ ว่าตอนนี้ในเมืองหลวงเขาพูดถึงจวนตระกูลซูว่าอย่างไรบ้าง” ซุนหนิงเจี้ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน
“พวกเจ้ากลับเรือนไปก่อนข้าจะคุยกับนายท่านซุน เชิญท่านทางด้านนี้เถิด”
แม้จะไม่พอใจคนตรงหน้า แต่เขาก็ยังไม่ลืมมารยาทที่ต้องต้อนรับแขกก่อน
ซูฮุ่ยฉินจึงเดินออกมาก่อน ตามด้วยสองแม่ลูกที่ทำตัวราวกับเป็นผู้ถูกนางกระทำ แต่พ้นเรือนมาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“นี่!! นังฮุ่ยฉิน ทั้งหมดเป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่!!”
ซูเยว่ซินที่ไม่อาจควบคุมความโกรธของตนได้ จึงได้ตะโกนใส่สตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวต่างแม่
“เยว่ซิน!! เดี๋ยวพวกบ่าวในจวนมาได้ยินเข้า!” ฟางเจียวเหมยรีบดุบุตรสาว
“หึ!! ข้าต้องกลัวใครอีกเล่า ท่านแม่ก็รู้ว่าอย่างไรท่านพ่อก็เข้าข้างเราอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องทุกอย่างก็มีสาเหตุมาจากมัน!!” เอ่ยพร้อมกับชี้หน้านางด้วยความโกรธ
ซูฮุ่ยฉินมองสตรีสองนางตรงหน้าเถียงกันไปมาอย่างใจเย็น ช่างน่าเวทนายิ่งนัก ไม่รู้ว่าชาติก่อนนางโง่ไปเชื่อความเมตตาปลอม ๆ ของพวกนางได้อย่างไร
“ท่านแม่...ไม่สิ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าเรียกเจ้าว่าแม่ เพราะจากนี้ไม่รู้ว่าข่าวลือด้านนอกจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งที่ท่านวาดหวังในจวนมากแค่ไหน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้อะไรมา” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามลูกเลี้ยงอย่างหวาดระแวง
“ธรรมเนียมแคว้นจ้าวไม่มีที่ใดสามารถรับได้ หากบุรุษยกย่องเชิดชูให้สตรีที่เป็นชู้ขึ้นเป็นภรรยาเอก ยิ่งลูกที่เกิดจากชู้ไม่มีสังคมใดรับได้ โดยเฉพาะเหล่าฮูหยินขุนนาง”
“หึ!! ทำเป็นหยิ่งผยองไปเถอะ ท่านพ่อรักข้ากับพี่ชายและท่านแม่มากกว่าสิ่งอื่นใด”
“....”
“เผื่อเจ้าจะยังไม่รู้ข้าจะบอกให้ก็ได้ เพื่อให้พวกเราอยู่อย่างสุขสบาย ท่านพ่อถึงขั้นยอมแต่งกับมารดาเจ้า แล้วเอาเงินจากกิจการร้านค้าของตระกูลซูมาเลี้ยงพวกเรา เรื่องนี้อย่างไรท่านพ่อก็สามารถจัดการให้พวกเราได้แน่” ซูเยว่ซินเอ่ยอย่างถือดี
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะรอดูนะเจ้าคะ” นางเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากมา
“หยิ่งผยองเสียจริงนะ แต่เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไรเดี๋ยวนางก็เอาไปฟ้องพ่อเจ้าหรอก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยดุบุตรสาวอีกครั้ง
“ท่านแม่จะกลัวไปใย นางหรือจะกล้า หากมันกล้าทำจริงลูกจะสั่งสอนมันเอง” ซูเยว่ซินเอ่ยราวกับตนเหนือกว่าสตรีอีกนางทุกทาง
ด้านจางลู่เหวินกำลังนั่งรอบ่าวที่ส่งออกไปสืบข่าวอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ฟังความจากปากซุนหนิงเจี้ยนแล้ว แต่ตนไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าใดนัก
บุตรสาวของเขากับเหมยเอ๋อร์เป็นสตรีที่ดีเลยทีเดียว จะไปทำกิริยาล่วงเกินฮูหยินเสนาบดีราวกับคนไร้การอบรมได้อย่างไร
“นายท่านขอรับ บ่าวคนนั้นกลับมาแล้ว” พ่อบ้านเข้ามารายงาน
“ให้เข้ามา” จางลู่เหวินอนุญาตทันที
“นายท่านแย่แล้ว! ตอนนี้ฮูหยินท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายกำลังไปฟ้องร้องทางการแล้วขอรับ บอกว่านายหญิงกับคุณหนูใหญ่ไปล่วงเกินนางเข้า” บ่าวคนนั้นเอ่ยอย่างร้อนรน
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาผุดลุกจากเก้าอี้ทันที
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม