LOGINชุ่ยฟ่านที่ตอนนี้ยังอยู่เมืองเถิงซงมองดูเบอร์โทรศัพท์ซึ่งไม่คุ้นชินอย่างแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าใครโทรหาเช้าถึงขนาดนี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาติดต่อธุรกิจกับหลายคนจึงรีบรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา
“สวัสดีครับ ผมชุ่ยฟ่านรับสายครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันซูเมี่ยวจินที่เคยขายหยกให้คุณ ไม่ทราบคุณจำได้หรือเปล่าคะ”
“อ้อ จำได้สิครับ ไม่ทราบว่าคุณซูอยากขายหยกหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันกับสามีผ่าหินดิบออกมาแล้วได้หยกมาจำนวนหนึ่ง แต่พวกเราไม่รู้ราคาของมัน ฉันเลยโทรหาคุณเพื่อถามว่าคุณอยากซื้อหยกของเราหรือเปล่าคะ”
“แน่นอนครับ พวกคุณอยู่ตรงไหนของอำเภอเจิ้งไห่ครับ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่เถิงซง ผมจะได้ให้ลูกน้องนำหยกที่ซื้อมากลับปักกิ่งไปก่อนครับ”
“ฉันอยู่ที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตระกูลฉางตรงข้ามโรงงานในอำเภอค่ะ ที่นี่มีร้านของบ้านเราร้านเดียว คุณคงหาไม่ยาก”
สองเดือนต่อมาหนึ่งเดือนก่อน ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยเข้ามณฑลไปซื้อของเข้าโกดังไว้อีกครั้ง หลังจากที่ปีใหม่ยอดขายของร้านถล่มทลายจนกำไรพุ่งสูงมากที่สุดตั้งแต่เปิดร้านมา นาฬิกาที่ซื้อมาไว้ก็ขายหมดพอดี พวกเขายังแวะซื้อหนังสือแบบทดสอบให้กับฉางเซียงจูมาแทบจะหมดร้านเลยทีเดียว ช่วงที่ผ่านมาฉางเซียงจูจึงคร่ำเคร่งกับการทำข้อสอบที่ได้รับอย่างตั้งใจวันนี้เป็นวันเดินทางก่อนสอบเกาเข่าในวันพรุ่งนี้ ครอบครัวฉางจึงปิดร้านสามวันเพื่อพาฉางเซียงจูไปยังมณฑล พวกเขาอยากไปเป็นกำลังใจให้กับฉางเซียงจูจึงไม่สนใจว่าร้านค้าปิดไปแล้วจะไม่มีรายได้ อย่างไรการค้าของพวกเขาก็ไม่สำคัญเท่ากับการสอบของฉางเซียงจูหลังจากทุกคนเก็บกระเป๋าและนำขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ครอบครัวฉางก็เดินทางไปยังเมืองมณฑลทันที ระหว่างทางพวกเขายังคอยให้กำลังใจฉางเซียงจูที่กำลังตื่นเต้นกับการสอบซึ่งกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้“ลูกไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นหรอกเซียงจู ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าลูกทำข้อสอบที่พี่
“อ่า… ภรรยาพูดจริงหรือเปล่าครับ” ฉางเล่ยอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเองไม่กล้าแตะต้องภรรยามากเกินไปเพราะกลัวเธอจะไม่ชอบ ฉางเล่ยจึงได้แต่อดทนนอนกอดซูเมี่ยวจินมาตลอด“จริงสิคะ คุณคิดมากอะไรเนี่ย ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ” ซูเมี่ยวจินอดจะขำขึ้นมาไม่ได้“ขอบคุณมากนะครับภรรยา ผมจะพยายามเพื่อมีลูกของเราให้เร็วที่สุด” ฉางเล่ยยิ้มกว้างออกมาได้เสียที พอดีกับที่พวกเขามาถึงตลาดค้าส่ง“เราไปกินข้าวก่อนดีกว่านะคะ นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว” ซูเมี่ยวจินชวน“ได้ครับ ไปกันเถอะ” ฉางเล่ยตอบรับอย่างอารมณ์ดี หลังจากคืนนี้ไป เขาจะทำภารกิจผลิตลูกอย่างขยันขันแข็งให้สมกับความอดทนหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งสองกินข้าวเสร็จในเวลาไม่นาน จากนั้นจึงไปที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและสั่งสินค้าอย่างละ 50 ชิ้น เพื่อนำไปจัดโปรโมชั่นในช่วงวันปีใหม่ วิทยุและพัดลมน่าจะขายดีในช่วงปีใหม่นี้ ส่วนนาฬิกาที่ร้านยังเห
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชุ่ยฟ่านที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้จัดการธนาคารก็สามารถนำเงินในบัญชีเข้าใส่บัตรกดเงินสดให้ซูเมี่ยวจินเสร็จสิ้น ผู้จัดการธนาคารถึงแม้จะอยากถามว่าเขาต้องการมอบเงินให้ใครในอำเภอนี้แต่ก็ไม่กล้า เพราะท่าทางร่ำรวยของคนจากปักกิ่งทำให้เขากลัวว่าจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจชุ่ยฟ่านกลับมาถึงร้านของซูเมี่ยวจินในอีกสิบนาทีต่อมา เขาเดินเข้าไปในร้านอีกครั้งเพื่อให้คนไปขนหินหยกทั้งหมดไว้ที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าร้าน“ในบัตรนี่มีเงินทั้งหมด 28.7 ล้านหยวนครับ ขอบคุณพวกคุณมากที่ขายหยกให้ผม หากว่าพวกคุณมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหลือ แค่โทรหาผม ผมจะจัดการทุกอย่างให้เองครับ หวังว่าเราจะได้ทำการค้ากันอีกนะครับ ครั้งนี้ผมคงต้องกลับปักกิ่งแล้ว”“ขอบคุณมากค่ะ พวกเราก็มีแผนที่จะย้ายไปอยู่ปักกิ่งในปีหน้าเหมือนกัน หวังว่าคุณชุ่ยจะช่วยเหลือพวกเราตั้งรกรากที่นั่นด้วยนะคะ”“โอ้ ยินดีเลยครับ แล้วหินดิบที่เหลือพวกคุณคิดจะผ่าดูกันเมื่อไหร่เหรอครับ&rdquo
ชุ่ยฟ่านที่ตอนนี้ยังอยู่เมืองเถิงซงมองดูเบอร์โทรศัพท์ซึ่งไม่คุ้นชินอย่างแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าใครโทรหาเช้าถึงขนาดนี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาติดต่อธุรกิจกับหลายคนจึงรีบรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา“สวัสดีครับ ผมชุ่ยฟ่านรับสายครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันซูเมี่ยวจินที่เคยขายหยกให้คุณ ไม่ทราบคุณจำได้หรือเปล่าคะ”“อ้อ จำได้สิครับ ไม่ทราบว่าคุณซูอยากขายหยกหรือเปล่าครับ”“ใช่ค่ะ ฉันกับสามีผ่าหินดิบออกมาแล้วได้หยกมาจำนวนหนึ่ง แต่พวกเราไม่รู้ราคาของมัน ฉันเลยโทรหาคุณเพื่อถามว่าคุณอยากซื้อหยกของเราหรือเปล่าคะ”“แน่นอนครับ พวกคุณอยู่ตรงไหนของอำเภอเจิ้งไห่ครับ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่เถิงซง ผมจะได้ให้ลูกน้องนำหยกที่ซื้อมากลับปักกิ่งไปก่อนครับ”“ฉันอยู่ที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตระกูลฉางตรงข้ามโรงงานในอำเภอค่ะ ที่นี่มีร้านของบ้านเราร้านเดียว คุณคงหาไม่ยาก”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาวันนี้ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยมีนัดไปรับเอกสารร้านค้าที่มณฑล พวกเขาเดินทางกันหลังกินข้าวเช้าเสร็จ ในโกดังยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเหลืออยู่ พวกเขาจึงยังไม่คิดจะซื้อมาเติมในวันนี้ทั้งสองเข้ามณฑลแล้วแวะซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้ทุกคนในบ้านที่ห้างใหญ่และกินมื้อเที่ยงกันในห้าง ฉางเล่ยถามระหว่างกินข้าวว่าเมื่อไหร่จะผ่าหินดิบที่ซื้อมา“อืม… เอาเป็นพรุ่งนี้ดีไหมคะ กว่าเราจะกลับถึงบ้านแล้วเก็บของที่ซื้อมาคงใช้เวลามากสักหน่อย” ซูเมี่ยวจินมองถุงเสื้อผ้าที่ครั้งนี้เธอซื้อให้ทุกคนคนละห้าชุด ทำให้ต้องขนถุงเสื้อผ้ามากกว่าครั้งก่อนหลายเท่าเลยทีเดียว“ตกลงครับ แล้วถ้าเราผ่าได้หยก คุณจะขายเลยหรือเปล่า”“ต้องดูก่อนนะคะ เรายังมีเงินในบัตรอีกแปดแสนเลยนะ แล้วยังมีเห็ดหลินจือแดงที่ยังไม่ได้เอาออกไปขายอีกมาก”“ผมคิดว่าเราน่าจะขายดีกว่านะครับ ไม่อย่างน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยหลังกลับถึงบ้านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเขาช่วยกันขนหินดิบเข้าไปไว้ในโกดังทั้งหมด รวมถึงเครื่องผ่าหินและใบเลื่อยสำรองทั้งหมด พวกเขายื่นหยกน้ำแข็งเนื้อดีที่ผ่าแล้วมาให้คนในบ้านดู ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าหยกที่อยู่ภายในหินนี้สามารถขายได้ราคาสูงมากวันต่อมาหลังจากนั้น ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันดูเงื่อนไขการตรวจร้านค้าและทำการปรับปรุงร้านจนเรียบร้อยภายในสามวัน พวกเขาพร้อมที่จะให้สรรพสามิตเข้ามาตรวจร้านค้าแล้วหยกน้ำแข็งที่พวกเขามีอยู่ ซูเมี่ยวจินยังไม่คิดจะนำไปทำเครื่องประดับตามที่ฉางเล่ยอยากให้ทำ เธอคิดว่าช่างแถวนี้ฝีมือไม่ดีเท่าช่างในปักกิ่ง ซูเมี่ยวจินจึงรอให้ฉางเซียงจูสอบติดเสียก่อนค่อยนำหยกไปทำเครื่องประดับในปักกิ่งก็ยังไม่สายระหว่างกินมื้อเช้าวันนี้ พ่อแม่และฉางเซียงจูต่างกังวลเรื่องการตรวจร้านที่ซูเมี่ยวจินเล่าให้ทุกคนฟังไม่น้อย“ไม่ต้องเป็นห่วงมากเ