LOGIN“หนูแค่ไม่อยากให้พ่อกับอาเล่ยเหนื่อยมากน่ะค่ะ ยังไงเราก็ต้องเข้ามณฑลอยู่แล้ว หนูเลยคิดว่าน่าจะไปเดินดูที่นั่นดีกว่า ราคาก็น่าจะไม่แพงด้วยนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก
“ผมว่าทำเองก็ดีนะครับภรรยา เผื่อว่าที่เราซื้อมาจะวางไม่พอดี ยังไงก็ต้องแก้ไขอยู่ดี”
“เฮ้อ! ถ้าคุณคิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เราพาพ่อกับแม่ไปดูร้านก่อน แล้วค่อยไปที่เมืองมณฑลหาซื้อของมาเล็กน้อยเลยดีไหมคะ ก่อนกลับฉันอยากแวะไปที่ร้านขายรถยนต์เพื่อเอาเอกสารสักหน่อย พวกเขาจะได้ไม่ต้องส่งมาให้เราที่บ้าน”
“ตกลงครับ ทำตามที่คุณว่า” ฉางเล่ยไม่ปฏิเสธคำชวนของซูเมี่ยวจิน เขารู้ดีว่าเธออยากรีบเปิดร้านเพื่อหาเงิน
คนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาเองก็อยากทำงานหาเงินช่วยลูกสะใภ้อย่างซูเมี่ยวจินเร็ว ๆ เพราะค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่ผ่านมาก็เป็นเงินของลูกสะใภ้พวกเขาทั้งนั้น
ระหว่างทานอาหาร ฉางเล่ยยังบอกที่ตั้งร้านค้าให้ทุกคนในบ้านรู้อีกด้วย พอพวกเขารู้ว่าทำเลของร้านอยู่ใกล้กับโรงงาน พวกเขาต่างยกย่องซูเมี่ยวจินกันยกใหญ่ที่เลือกทำเลค้าขายได้ดีจริง ๆ ทำเอาซูเมี่ยวจินผู้เย็นชาถึงกับหลุดยิ้มบางออกมาอย่างอดไม่ได้
ฉางเซียงจูถึงจะเสียใจที่ไม่ได้ไปช่วยครอบครัว แต่เธอก็รู้ดีว่าหน้าที่ของเธอตอนนี้คือการเรียนหนังสือให้ดี ซูเมี่ยวจินเห็นหน้าน้องสาวก็เข้าใจ เธอจึงบอกให้ฉางเซียงจูตามไปที่ร้านหลังเลิกเรียนได้ เพราะพวกเขาน่าจะอยู่ที่ร้านกันทั้งวัน
“ขอบคุณพี่สะใภ้ค่ะ เลิกเรียนแล้วหนูจะไปหาที่ร้านนะคะ” ฉางเซียงจูยิ้มแป้น
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะจ๊ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังไงหลังจากนี้น้องสาวก็ต้องเข้าไปอยู่ในอำเภอด้วยกัน ไปดูที่ทางไว้ก่อนก็ดีจ๊ะ”
หลังกินข้าวกันเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ยังมีงานให้พวกเขาจัดการกันอีกมาก ฉางเล่ยเองก็รู้ดีว่าช่วงนี้ภรรยาจะต้องเหนื่อยอีกไม่น้อย เขาจึงอดทนต่อความต้องการของตัวเองและนอนกอดซูเมี่ยวจินเท่านั้น
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ทุกคนก็ออกเดินทางไปในอำเภอ ซูเมี่ยวจินไม่ลืมที่จะนำกระเป๋าเอกสารส่วนตัวและเงินสำรองที่เก็บไว้ไปด้วย เผื่อว่าเธอจะต้องใช้จ่ายในการซื้อของมาตกแต่งร้านที่เมืองมณฑล
ชาวบ้านเห็นรถยนต์ของบ้านตระกูลฉางออกไปจากหมู่บ้านก็นึกแปลกใจไม่น้อย พวกเขาได้ข่าวแล้วว่าพ่อแม่ฉางจะเลิกทำงานแลกแต้ม แต่ไม่มีใครกล้าสอบถามว่าเพราะเหตุใด ช่วงนี้ที่หมู่บ้านเงียบสงบลงมากตั้งแต่สามป้าถูกคุมขัง พวกเธอยังต้องรับการลงโทษอีกนานกว่าจะได้กลับมาที่หมู่บ้าน
ฉางเล่ยพาทุกคนไปถึงหน้าร้านค้าตอนเจ็ดโมงตรงพอดี บนถนนยังเต็มไปด้วยคนทำงานที่กำลังหาอะไรกินก่อนเข้างานในตอนเช้า พวกเขาต่างพากันมองไปยังรถจี๊ปของบ้านตระกูลฉางอย่างแปลกใจ พอเห็นมีคนลงจากรถและไปเปิดประตูร้านค้าที่ปิดไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พวกเขาก็ยิ่งอยากรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าของใหม่จะทำอะไรกับร้านค้าตรงนี้
“ฉางเล่ย จอดรถไว้หน้าร้านนี่แหละค่ะ เราพาพ่อกับแม่ไปดูในร้านสักครู่ก่อน แล้วจะได้รีบไปเมืองมณฑลต่อเลย” ซูเมี่ยวจินบอกสามี
“ตกลงครับ คุณพาพ่อกับแม่เข้าไปก่อนเถอะ ผมจะจอดรถให้ดี ๆ แล้วจะตามเข้าไป”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำและชวนพ่อแม่ฉางเข้าไปด้านในร้าน พอพ่อแม่ฉางเห็นภายในร้านที่กว้างขวางและดูดีมาก พวกเขาต่างมีรอยยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าลูกสะใภ้จะไม่ได้บอกพวกเขาว่าราคาร้านนี้เท่าไหร่ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่านี่คือการลงทุนที่ลูกสะใภ้คิดมาดีแล้ว
“พ่อแม่ชอบไหมคะ ด้านหลังยังมีห้องน้ำด้วยนะคะ ไปดูกันค่ะ รอฉางเล่ยมา หนูจะพาพ่อกับแม่ไปดูโกดังด้านหลังกัน” ซูเมี่ยวจินเดินพาทั้งสองคนไปดู ไม่นานนักฉางเล่ยก็ตามเข้ามาสมทบและช่วยกันแนะนำที่ทางในร้านค้า
“ร้านนี้เลือกได้ดีจริง ๆ ลูกสะใภ้เก่งมาก” ฉางชิงหยูอดเอ่ยชมขึ้นมาไม่ได้เมื่อพวกเขาเดินดูร้านค้าครบทั้งหมดทุกห้อง
“พ่อชมเกินไปแล้วค่ะ ฉางเล่ยก็ช่วยหนูดูด้วยนะคะ” ซูเมี่ยวจินไม่ลืมชมสามี
“ตอนนี้กี่โมงแล้วอาเล่ย จะได้ไปมณฑลกัน” หลิวเอ้อหลิงถามลูกชาย
“เกือบแปดโมงเช้าแล้วครับแม่” ฉางเล่ยหันไปบอก
“ถ้าอย่างนั้นเราปิดร้านแล้วไปกันเถอะ” ฉางชิงหยูชวน
“ตกลงค่ะ ฉางเล่ย ขอกุญแจรถหน่อยค่ะ ฉันขับเอง” ซูเมี่ยวจินยื่นมือออกไป
“นี่ครับ ผมปิดร้านเอง พ่อกับแม่ไปรอที่รถกับเมี่ยวจินก่อนนะครับ”
“ตกลง ไปกันเถอะแม่” ฉางชิงหยูชวนภรรยา
ซูเมี่ยวจินเดินนำไปเปิดรถและสตาร์ทเครื่องรอ เธอไม่ลืมที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อากาศถ่ายเทไปยังกระบะท้ายที่พ่อกับแม่นั่งอยู่
ฉางเล่ยปิดล็อกร้านค้าและตรวจสอบว่ามีตรงไหนที่เขาลืมหรือไม่ เมื่อเห็นว่าปิดล็อกครบหมดแล้ว เขาก็มานั่งข้างคนขับและเอากุญแจร้านค้าใส่กระเป๋าภรรยาที่วางอยู่ด้านข้าง
“ไปกันเถอะครับ ผมล็อกร้านเรียบร้อยดีแล้ว” ฉางเล่ยหันไปบอกภรรยา
“ตกลงค่ะ ตอนนี้คนมาทำงานที่โรงงานเยอะมากเลยนะคะ ถ้าเราเปิดร้านคงมีคนสนใจมาดูสินค้าในร้านไม่น้อยแน่เลย” ซูเมี่ยวจินค่อย ๆ เคลื่อนรถออกอย่างระมัดระวัง เพราะหลายคนกำลังปั่นจักรยานมาที่หน้าโรงงานฝั่งตรงข้ามร้านพวกเขาอยู่ และอีกหลายคนก็เดินผ่านไปมาเต็มไปหมด
45 นาทีต่อมา ซูเมี่ยวจินพาทุกคนไปที่ร้านขายรถยนต์ก่อนเพื่อรับเอกสาร เธอให้พวกเขารออยู่ที่รถ ส่วนเธอสะพายกระเป๋าเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ดีที่พนักงานขายจำเธอได้ การรับเอกสารจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นซูเมี่ยวจินก็ขับรถพาทุกคนไปที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ซึ่งอยู่ที่ตลาดค้าส่ง ที่นั่นเป็นศูนย์รวมสินค้าหลากหลายชนิดสำหรับพ่อค้าแม่ค้าตามต่างอำเภอซึ่งมักจะมาซื้อของไปขายต่อ
ซูเมี่ยวจินจอดรถเสร็จก็สะพายกระเป๋าและลงจากรถหลังจากทุกคนยืนรอที่ด้านข้างรถกันหมดแล้ว
“เราจะไปดูอะไรกันก่อนดีครับภรรยา” ฉางเล่ยหันไปถามซูเมี่ยวจิน
“ไปดูตู้กระจกที่เราต้องวางนาฬิกากันก่อนดีไหมคะ ส่วนชั้นวางถ้าราคาถูกก็ค่อยคิดกันว่าจะซื้อหรือเปล่า วันนี้เราซื้อนาฬิกาไปขายสัก 30 เรือนด้วยดีไหมคะ” ซูเมี่ยวจินไม่อยากมาเสียเที่ยว เธอจึงอยากให้พ่อแม่ขายนาฬิกาไปพลาง ๆ ระหว่างที่รอทำชั้นวางเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เธอจะหาซื้อมาขายในร้าน
“ตามใจลูกเลยจ๊ะ พ่อกับแม่จะเดินเลือกนาฬิกาช่วยด้วย” หลิวเอ้อหลิงที่อยากได้นาฬิกาปลุกเหมือนที่เธอมีไปขายบอกลูกสะใภ้
“ตกลงค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาตู้ใส่กันก่อน จะได้ให้คนขนมาไว้บนรถก่อน การเลือกนาฬิกาไปขายน่าจะใช้เวลานานสักหน่อยนะคะ” ซูเมี่ยวจินยิ้มบอก
ทั้งสี่คนเดินกันเป็นกลุ่มหาร้านขายตู้ใส่นาฬิกา เพื่อความรวดเร็ว ซูเมี่ยวจินสอบถามที่อยู่ร้านกับพนักงานขายคนหนึ่งตรงทางที่เธอเดินผ่าน เมื่อทราบว่าร้านอยู่ตรงไหน พวกเขาก็เร่งฝีเท้าเดินไปยังร้านค้าแถวนั้นทันที
“โอ้! ร้านขายตู้กระจกมีเยอะจังเลย ลูกอยากดูที่ร้านไหนก่อนล่ะ” ฉางชิงหยูเห็นร้านขายตู้มากมายเรียงรายอยู่จึงอดจะเอ่ยถามลูก ๆ ไม่ได้
“เราค่อย ๆ ดูไปทีละร้านดีกว่านะคะ จะได้เปรียบเทียบราคาด้วย” ซูเมี่ยวจินไม่อยากใจร้อนเลือกของ เพราะตู้นาฬิกานี้จะต้องวางโชว์เอาไว้หน้าร้าน ตู้ที่จะซื้อจึงต้องแข็งแรงและดูดีสักหน่อยเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้หน้าร้านของเธอ
“ตกลงจ๊ะ พวกเราช่วยกันดูเถอะ” หลิวเอ้อหลิงพยักหน้ารับคำลูกสะใภ้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเมี่ยวจินปรึกษากับทุกคนว่าจะซื้อตู้กระจกในร้านใหญ่ที่อยู่กึ่งกลาง เพราะเธอตรวจสอบคุณภาพดูแล้วเห็นว่ามันดูแข็งแรงและดีกว่าตู้กระจกจากร้านอื่นที่ดูผ่านมาทั้งหมด ถึงแม้ราคาจะสูงกว่านิดหน่อยก็ไม่เป็นอะไร
เจ้าของร้านมองดูสิ่งของมากมายที่ลูกค้ารายใหญ่นำมาก็ตกตะลึงไม่น้อย ของเหล่านี้น้อยคนนักที่จะซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ในเมื่อลูกค้าทั้งสองต้องการ เขาก็ทำการคิดเงินทีละรายการ หน้าไม้ของซูเมี่ยวจินเป็นของดี ราคาจึงสูงถึง 500 หยวน ส่วนของฉางเล่ยราคาเพียง 250 หยวนเท่านั้น สำหรับลูกดอกก็เช่นกัน ลูกดอกของซูเมี่ยวจินทั้งหมดราคา 500 หยวนเช่นกัน ส่วนของฉางเล่ยราคาเพียง 100 หยวน ยังไม่รวมมีดพกแบบต่าง ๆ ถึงสิบด้ามหลายขนาดที่ซูเมี่ยวจินเลือกมา แต่ละอันราคาไม่น้อยเลย เสื้อผ้าสำหรับขึ้นเขาแม้ว่าจะราคาสูงกว่าเสื้อผ้าทั่วไป แต่เนื้อผ้าก็สามารถทนต่อการเดินทางในถิ่นทุรกันดารและบนเขาได้เป็นอย่างดี“ทั้งหมดราคา 4,450 หยวนครับ นี่เป็นราคาที่ผมลดให้แล้วนะครับ” เจ้าของร้านบอกระหว่างที่นำสินค้าใส่ถุงให้ลูกค้าไปด้วยหลังจากคิดเงิน“ขอบคุณค่ะ นี่เงิน 4,450 หยวนค่ะ” ซูเมี่ยวจินจ่ายเงินโดยตาไม่กระพริบสักนิด สิ่งของพวกนี้เธอต้องมี อย่างไรก็ต้องซื้อมาให้ได้ฉางเล่ยที่กำลังหยิบถุงสิ่งของที่ซื้อมา พอได้ยินราคาก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าราคาจะแพงมากขนาดนี้ แต่เมื่อมองสีหน้านิ่งเรียบของภรรยาแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะพูด
ซูเมี่ยวจินยืนรออยู่ 20 นาที พนักงานของร้านก็เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยกล่องนาฬิกาออกมาหน้าร้าน“ฉันขอตัวก่อนนะคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินบอกลา“โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ เอาของไปส่งคุณผู้หญิงดี ๆ นะ” เจ้าของร้านบอกพนักงานที่กำลังเข็นรถตามหลังซูเมี่ยวจินไป“ทราบแล้วครับเจ้านาย” พนักงานร้องบอกอย่างอารมณ์ดี วันนี้ร้านค้าของเจ้านายเขาขายสินค้าออกมากในครั้งเดียว พนักงานในร้านจะต้องได้รับเงินพิเศษเหมือนกับทุกครั้งเป็นแน่ซูเมี่ยวจินไปถึงรถก็เห็นฉางเล่ยกำลังดูพนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังจัดเรียงสินค้าขึ้นรถใกล้เสร็จพอดี เธอรีบเดินเข้าไปยืนข้างเขาและเอ่ยขึ้น“รอพวกเขาขนของเสร็จ เราไปกินมื้อเที่ยงกันก่อนนะคะ จากนั้นค่อยเดินหาร้านขายเครื่องมือล่าสัตว์กัน” ซูเมี่ยวจินรู้ดีว่ายุคสมัยนี้การขอใบอนุญาตพกปืนนั้นยากลำบากนัก เธอไม่คิดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการจึงไม่อยากหาซื้อปืนเถื่อนมาใช้
“ฉันขอขายในราคาสองแสนสองหมื่นหยวนได้ไหมคะ หรือว่าคุณมีเงินไม่พอ”“อ่า… ตกลงครับ เพียงแต่รบกวนพวกคุณรอผมที่ร้านสักพักนะครับ ผมต้องไปถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อเห็ดของคุณก่อน” เจ้าของร้านตัดสินใจยอมรับข้อตกลง ในเมื่อเขามีเห็ดดอกนี้แล้ว กำไรที่จะได้รับหลังจากนี้ก็นับว่ามากพอให้เขาอยู่ได้อย่างสบายไปอีกหลายปี“ตกลงค่ะ พวกเราจะรอคุณที่นี่ อ้อ! คุณต้องการพิษงูหรือเปล่าคะ ครั้งนี้เราได้งูมามากกว่าหนึ่งร้อยตัว ระหว่างที่รอจะได้รีดพิษออกมาไว้ให้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่อยากรออยู่เฉย ๆ เธอนึกเรื่องพิษงูขึ้นมาได้พอดี“โอ้! ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอสักครู่ ผมจะไปเอาตลับรีดพิษมาให้”เจ้าของร้านรีบเดินเข้าไปด้านใน โชคดีที่ครั้งก่อนเขาซื้อตลับมาเพิ่ม ไม่อย่างนั้นพิษงูมากมายขนาดนี้ เขาคงเสียไปเปล่า ๆ แล้วฉางเล่ยรับถุงตลับรีดพิษมาถือไว้ จากนั้นเจ้าของร้านก็ขอตัวออกไปโดยกลับด้านป้ายห
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินไปถึงบ้านเก่าในเวลาเพียงสิบนาที ตอนนี้บ้านอื่นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย ทำให้พวกเขารีบนำรถเข้าไปจอดในบ้านและสะพายตะกร้าเดินขึ้นเขาไปในทันที โดยมีฉางเล่ยคอยส่องไฟฉายให้กับซูเมี่ยวจินที่เดินข้างกันครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองที่เร่งรีบขึ้นเขาก็ไปถึงทางเข้าป่างูพิษ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ฉางเล่ยจึงบอกให้ภรรยาอย่าเดินห่างจากเขา เพราะกลัวว่างูพิษจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธออย่างไม่คาดคิด“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณก็ระวังตัวด้วย ฉันมีหน้าไม้อยู่ คุณอย่ากังวลเลย” ซูเมี่ยวจินเองก็เป็นห่วงฉางเล่ยที่มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือถือมีดเพื่อเอาไว้จัดการเหล่างูพิษในป่า“ตกลงครับ ผมจะระวัง” ฉางเล่ยรับคำภรรยาและค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ เขารู้ดีว่าป่านี้อันตรายมากแค่ไหนซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยฆ่างูไปจำนวนมากไม่ต่างจากครั้งแรกที่มา ยิ่งตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างด้วยแล้ว เหล่างูพิษกลับมีจำนวนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว ยังดีที่ทั้งสองคนมีสัญชาตญาณในการต่อสู้
ฉางเล่ยพาซูเมี่ยวจินกลับมาถึงร้านในเวลาไม่นาน พ่อกับแม่ที่อยู่หน้าร้านได้ยินเสียงรถลูก ๆ มาถึงก็พากันเดินไปหาที่หลังร้าน ดีที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้า พวกเขาจึงเข้าไปสอบถามเรื่องการสอบใบขับขี่พร้อมรอยยิ้ม“ไปสอบมาเป็นยังไงกันบ้างลูก” หลิวเอ้อหลิงถาม“พวกเราได้ใบขับขี่มาแล้วค่ะแม่ พ่อกับแม่กินข้าวเที่ยงหรือยังคะ” ซูเมี่ยวจินตอบ“กินแล้วจ๊ะ พวกลูกกินข้าวกันเถอะ พ่อกับแม่จะไปเฝ้าหน้าร้านต่อ”“ใช่ ๆ รีบกินข้าวก่อนเถอะลูก เหนื่อยกันมาทั้งเช้าแล้ว” ฉางชิงหยูกล่าวเสริม“ได้ค่ะ/ครับ” ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยรับคำพร้อมกันฉางชิงหยูชวนภรรยากลับไปดูแลหน้าร้านต่อ ส่วนฉางเล่ยก็ตักอาหารใส่จานให้ซูเมี่ยวจินเหมือนกับทุกวัน“สามี ฉันอยากไปเมืองชายแดนเพื่อพนันหินค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่รำคาญการรบเร้าของระบบเอ่ยบอกฉางเล่ย
“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ







