Mag-log in“เมี่ยวจิน คุณไม่ต้องเสียเงินเพื่อพวกเราอีกหรอกนะครับ เมื่อก่อนไม่มีเงิน พวกเราก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณให้ดี คุณเก็บเงินเอาไว้ก่อนเถอะนะ” ฉางเล่ยเกลี้ยกล่อมภรรยาอีกครั้ง เขารู้ว่าพ่อกับแม่เองก็ไม่กล้าพูดมากสักเท่าไหร่
“สามี พ่อกับแม่อายุมากแล้วนะคะ คุณยังจะให้พวกท่านออกไปทำงานแลกแต้มอีกหรือยังไงกัน ฉันที่เป็นลูกสะใภ้ จะปล่อยให้พ่อกับแม่ลำบากได้เหรอ ใช่ว่าการเปิดร้านจะเสียเงินอย่างเดียว การค้าก็ต้องมีกำไรด้วยนะคะ พวกเราไปซื้อของในราคาส่งจากเมืองมณฑล แต่นำมาขายในราคาปลีกที่อำเภอ ยังไงก็มีแต่กำไรทั้งนั้น ก่อนที่น้องสาวจะสอบเสร็จปีหน้า อย่างน้อยครอบครัวเราก็สามารถทำเงินได้แน่ค่ะ”
ฉางเล่ยพอฟังภรรยาพูดก็หันไปมองใบหน้าพ่อแม่ที่เริ่มแก่ชราของเขา จริงอยู่ว่าเขาสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ แต่หากยังอยู่ที่หมู่บ้าน พ่อกับแม่ของเขาก็ต้องออกไปทำงานแลกแต้มเหมือนเมื่อก่อนแน่
“เฮ้อ! ในเมื่อภรรยาต้องการแบบนั้น ผมจะสนับสนุนคุณครับ พ่อ แม่ ทำตามที่เมี่ย
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยหลังกลับถึงบ้านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเขาช่วยกันขนหินดิบเข้าไปไว้ในโกดังทั้งหมด รวมถึงเครื่องผ่าหินและใบเลื่อยสำรองทั้งหมด พวกเขายื่นหยกน้ำแข็งเนื้อดีที่ผ่าแล้วมาให้คนในบ้านดู ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าหยกที่อยู่ภายในหินนี้สามารถขายได้ราคาสูงมากวันต่อมาหลังจากนั้น ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันดูเงื่อนไขการตรวจร้านค้าและทำการปรับปรุงร้านจนเรียบร้อยภายในสามวัน พวกเขาพร้อมที่จะให้สรรพสามิตเข้ามาตรวจร้านค้าแล้วหยกน้ำแข็งที่พวกเขามีอยู่ ซูเมี่ยวจินยังไม่คิดจะนำไปทำเครื่องประดับตามที่ฉางเล่ยอยากให้ทำ เธอคิดว่าช่างแถวนี้ฝีมือไม่ดีเท่าช่างในปักกิ่ง ซูเมี่ยวจินจึงรอให้ฉางเซียงจูสอบติดเสียก่อนค่อยนำหยกไปทำเครื่องประดับในปักกิ่งก็ยังไม่สายระหว่างกินมื้อเช้าวันนี้ พ่อแม่และฉางเซียงจูต่างกังวลเรื่องการตรวจร้านที่ซูเมี่ยวจินเล่าให้ทุกคนฟังไม่น้อย“ไม่ต้องเป็นห่วงมากเ
30 นาทีต่อมา คนของโจวอู่หมิงก็มาถึง ครั้งนี้กองกำลังของพวกเขามากันมากถึง 30 คน เพื่อตามล่าตัวคนร้ายกลับมาให้ได้ ส่วนคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยไปยังเมืองไคหยวนครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาอีก 7 คน โดยมีซ่งเซียวเป็นหัวหน้าหน่วยเหมือนเดิมฟู่จือหยางสั่งการไล่ล่าคนร้ายทันที จากนั้นเขาจึงบอกให้ซ่งเซียวที่เตรียมตัวพร้อมแล้วพาซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยเดินทางต่อไปยังไคหยวนก่อนที่จะสายมากไปกว่านี้ เรื่องการไล่ล่าคนร้าย ซ่งเซียวมั่นใจว่าสหายของตนต้องจับตัวพวกมันได้แน่ เขาจึงขึ้นรถไปพร้อมออกคำสั่งเดินทางครั้งนี้ซูเมี่ยวจินให้ฉางเล่ยนั่งข้างคนขับ เธอเห็นว่าถึงแม้บาดแผลของเขาจะไม่มากนัก แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยขับรถ ฉางเล่ยเองก็ไม่อยากขัดใจภรรยา เขาจึงยอมตามใจปล่อยให้เธอขับรถตามรถของซ่งเซียวไป รถคันหลังยังขับตามอย่างกระชั้นชิดเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหมือนก่อนหน้านี้5 ชั่วโมงต่อมา ขบวนของซูเมี่ยวจินก็ไปถึงเมืองไคหยวน ซ่งเซียวเห็นว่าภารกิจจบสิ้นแล้ว เขาจึงขอตัวไปเติมน้ำมันและก
รุ่งเช้าวันต่อมา ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยและผู้คุ้มกันนั่งกินอาหารเช้าก่อนเดินทางไปยังเมืองไคหยวน พวกเขานำสัมภาระวางเอาไว้ข้างโต๊ะอาหาร หยกน้ำแข็งก้อนใหญ่นั้นฉางเล่ยใส่เอาไว้ในกระเป๋าเงินใบใหญ่พร้อมกับหน้าไม้ของเขากับภรรยาเพื่อไม่ให้ใครเห็น หลังจากเขารู้เรื่องของกลุ่มโจรที่ต้องการปล้นหินดิบของภรรยา ฉางเล่ยจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นหลายเท่าต้วนมู่ชิงเมื่อวานนี้ถูกนำตัวไปสอบสวนเรื่องการสั่งปล้นหินดิบของซูเมี่ยวจินจนไม่สามารถไปที่ตลาดค้าหินได้ เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้ข้าราชการที่รับเงินเขา ใช้ตำแหน่งมาประกันตัวจึงออกจากสถานีตำรวจได้เมื่อค่ำวานนี้ ยิ่งคิดว่าแผนการของเขาล้มเหลวแถมยังถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่อีก ต้วนมู่ชิงยิ่งแค้นซูเมี่ยวจินมากขึ้นเป็นเท่าทวี ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรโจ่งแจ้งได้จึงคิดที่จะเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงก่อนเพื่อกบดานกลุ่มของซูเมี่ยวจินคืนห้องพักและออกเดินทางในเวลาแปดโมงเช้า พวกเขาขับรถอย่างระมัดระวังเพราะในรถของซูเมี่ยวจินนั้นเต็มไปด้วยหินดิบ ทำให้การเดินทางไม่สามารถขับเร็วเกินไปนัก ก่อน
ซูเมี่ยวจินชวนฉางเล่ยไปห้องของพวกซ่งเซียวเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วหลังการต่อสู้เมื่อคืน“คุณซู คุณฉาง เข้ามาก่อนครับ” ทหารนายหนึ่งออกมาเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไป“ซ่งเซียว พวกคุณเป็นยังไงกันบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อคืน“เราดีขึ้นมากแล้วครับ พวกคุณจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าครับ ผมจะส่งพวกเขาไปคุ้มกัน” ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่บาดเจ็บต้องพักผ่อนต่อจึงมอบหมายงานให้กับทหารสองคนที่ร่างกายสมบูรณ์กว่า“วันนี้พวกคุณพักผ่อนกันเถอะค่ะ ฉันกับสามีจะออกไปซื้อของสักหน่อย พรุ่งนี้เราถึงจะไปที่ตลาดค้าหิน พวกคุณค่อยตามเราไปก็แล้วกัน นี่เงินสี่พันหยวน พวกคุณเอาไปแบ่งกันนะคะ เพราะฉันจะอยู่ที่เถิงซงต่อ วันมะรืนถึงจะเดินทางกลับ”ซูเมี่ยวจินยื่นเงินให้ซ่งเซียวนำไปแจกจ่ายลูกน้อง วันนี้เธอแค่จะออกไปซื้อเครื่องผ่าหินเท่านั้น“ขอบคุณคุณซูม
ตำรวจหลายนายมาถึงที่เกิดเหตุก็ต้องตกใจกับสภาพที่เห็น ในลานจอดรถเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืนและร่างของคนสามคนนอนอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ตายก็ถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกมา“สวัสดีครับ พวกเราเป็นทหารจากค่ายนอกเมือง คนร้ายพวกนี้พยายามจะปล้นหินดิบของคุณผู้หญิง เราได้รับคำสั่งให้มาคุ้มกันเธอกับสามีครับ” ซ่งเซียวทำความเคารพตำรวจตามมารยาทและยื่นบัตรทหารในกระเป๋าส่งให้เขาตรวจสอบ“สวัสดีครับ ต้องรบกวนผู้หมวดเล่ารายละเอียดให้เราฟังด้วยนะครับ” หัวหน้าตำรวจที่เข้าเวรวันนี้รีบทำความเคารพกลับเมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้ามียศสูงกว่า“ซ่งเซียว คุณจัดการเรื่องหลังจากนี้แล้วกลับไปพักผ่อนได้เลยนะ พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันถึงจะออกไปข้างนอก” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตำรวจที่มองเธอเป็นตาเดียวกัน เธอสั่งการซ่งเซียวเสร็จก็เดินถือหน้าไม้กลับเข้าโรงแรมไป“ทราบแล้วครับคุณซู” ซ่งเซียวรับคำแล้วหันไปบอกให้ลูกน้องส่งตัวคนร้ายตำรวจที่มาด
กลุ่มคนของต้วนมู่ชิงต่างเฝ้ารออยู่นอกโรงแรม พวกเขาหาอะไรง่าย ๆ กินระหว่างรอให้ถึงกลางดึก หัวหน้ากลุ่มส่งลูกน้องไปตามหาที่จอดรถของซูเมี่ยวจินก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือทหารสองนายที่เฝ้ารถอยู่กินอาหารเสร็จก็คอยอยู่ที่รถอย่างระมัดระวัง พวกเขาเตรียมอาวุธประจำกายไว้ให้พร้อมตามที่ซ่งเซียวกำชับไว้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธจริงหรือไม่ก็ตาม การปกป้องรถคันนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเขากลางดึกคืนนั้น ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่พักผ่อนก่อนหน้านี้ลงมาเปลี่ยนเวรยามตามที่นัดหมายเอาไว้ ซูเมี่ยวจินเห็นว่าฉางเล่ยหลับลึกแล้ว เธอจึงยกแขนของเขาออกจากเอวเบา ๆ เมื่อมองแล้วว่าฉางเล่ยคงไม่ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ เธอก็รีบเปลี่ยนชุดพร้อมนำหน้าไม้และลูกดอกจำนวนมากออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วกลุ่มคนของต้วนมู่ชิงเองก็พากันไปซุ่มอยู่ในที่จอดรถได้พักใหญ่แล้ว พวกเขารอคอยให้ถึงเวลาสับเปลี่ยนเวรอย่างใจจดใจจ่อ เพราะรู้ดีว่าระหว่างการสับเปลี่ยนเวรคนพวกนั้นคงไม่ทันระวังตัว อาวุธปืนในมือของพวกเขาเตรียมพ






