Masukซูเมี่ยวจินนั่งกินไปคิดไปตามที่ระบบบอก เธอลืมไปเลยว่ายุคสมัยนี้เพิ่งเริ่มมีการพนันหินหยกตามแนวชายแดน หากว่าเธอสามารถมองทะลุหินได้จริง ๆ ก็นับว่าการซื้อหินหยกในอนาคตจะสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัวฉางได้ไม่น้อย
[ถ้านายว่าอย่างนั้น ฉันตกลงรับภารกิจก็ได้ ว่าแต่ภารกิจนี้ไม่จำกัดระยะเวลาใช่ไหม]
[ใช่ครับเจ้านาย แต่เจ้านายเร็วหน่อยก็ดีนะครับ เจ้านายจะได้หาเงินลงทุนไปพนันหินเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งได้] ระบบยังคงอยากให้ซูเมี่ยวจินเร่งมือ เพราะมันยังมีภารกิจอีกมากให้เจ้านายทำ ตอนนี้ระดับขั้นของมันเพิ่งอยู่แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น กว่าที่จะไปถึงขั้นสูงสุดในระดับ 99 มันเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกัน
[รู้แล้วล่ะน่า รอให้ฉันปรึกษากับพ่อแม่สามีก่อนค่อยว่ากัน ถ้าจะซื้ออสังหาริมทรัพย์จริง ๆ ฉันก็ต้องหาที่มันสามารถต่อยอดได้ ไม่อย่างนั้นจะให้ฉันซื้อมาทิ้งเอาไว้เฉย ๆ หรือไงกัน]
[ครับ ๆ ผมเข้าใจแล้วครับเจ้านาย]
หลังบอกให้ระบบหุบปาก ซูเมี่ยวจินยังค
ชุ่ยฟ่านที่ตอนนี้ยังอยู่เมืองเถิงซงมองดูเบอร์โทรศัพท์ซึ่งไม่คุ้นชินอย่างแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าใครโทรหาเช้าถึงขนาดนี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาติดต่อธุรกิจกับหลายคนจึงรีบรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา“สวัสดีครับ ผมชุ่ยฟ่านรับสายครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันซูเมี่ยวจินที่เคยขายหยกให้คุณ ไม่ทราบคุณจำได้หรือเปล่าคะ”“อ้อ จำได้สิครับ ไม่ทราบว่าคุณซูอยากขายหยกหรือเปล่าครับ”“ใช่ค่ะ ฉันกับสามีผ่าหินดิบออกมาแล้วได้หยกมาจำนวนหนึ่ง แต่พวกเราไม่รู้ราคาของมัน ฉันเลยโทรหาคุณเพื่อถามว่าคุณอยากซื้อหยกของเราหรือเปล่าคะ”“แน่นอนครับ พวกคุณอยู่ตรงไหนของอำเภอเจิ้งไห่ครับ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่เถิงซง ผมจะได้ให้ลูกน้องนำหยกที่ซื้อมากลับปักกิ่งไปก่อนครับ”“ฉันอยู่ที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตระกูลฉางตรงข้ามโรงงานในอำเภอค่ะ ที่นี่มีร้านของบ้านเราร้านเดียว คุณคงหาไม่ยาก”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาวันนี้ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยมีนัดไปรับเอกสารร้านค้าที่มณฑล พวกเขาเดินทางกันหลังกินข้าวเช้าเสร็จ ในโกดังยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเหลืออยู่ พวกเขาจึงยังไม่คิดจะซื้อมาเติมในวันนี้ทั้งสองเข้ามณฑลแล้วแวะซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้ทุกคนในบ้านที่ห้างใหญ่และกินมื้อเที่ยงกันในห้าง ฉางเล่ยถามระหว่างกินข้าวว่าเมื่อไหร่จะผ่าหินดิบที่ซื้อมา“อืม… เอาเป็นพรุ่งนี้ดีไหมคะ กว่าเราจะกลับถึงบ้านแล้วเก็บของที่ซื้อมาคงใช้เวลามากสักหน่อย” ซูเมี่ยวจินมองถุงเสื้อผ้าที่ครั้งนี้เธอซื้อให้ทุกคนคนละห้าชุด ทำให้ต้องขนถุงเสื้อผ้ามากกว่าครั้งก่อนหลายเท่าเลยทีเดียว“ตกลงครับ แล้วถ้าเราผ่าได้หยก คุณจะขายเลยหรือเปล่า”“ต้องดูก่อนนะคะ เรายังมีเงินในบัตรอีกแปดแสนเลยนะ แล้วยังมีเห็ดหลินจือแดงที่ยังไม่ได้เอาออกไปขายอีกมาก”“ผมคิดว่าเราน่าจะขายดีกว่านะครับ ไม่อย่างน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยหลังกลับถึงบ้านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเขาช่วยกันขนหินดิบเข้าไปไว้ในโกดังทั้งหมด รวมถึงเครื่องผ่าหินและใบเลื่อยสำรองทั้งหมด พวกเขายื่นหยกน้ำแข็งเนื้อดีที่ผ่าแล้วมาให้คนในบ้านดู ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าหยกที่อยู่ภายในหินนี้สามารถขายได้ราคาสูงมากวันต่อมาหลังจากนั้น ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันดูเงื่อนไขการตรวจร้านค้าและทำการปรับปรุงร้านจนเรียบร้อยภายในสามวัน พวกเขาพร้อมที่จะให้สรรพสามิตเข้ามาตรวจร้านค้าแล้วหยกน้ำแข็งที่พวกเขามีอยู่ ซูเมี่ยวจินยังไม่คิดจะนำไปทำเครื่องประดับตามที่ฉางเล่ยอยากให้ทำ เธอคิดว่าช่างแถวนี้ฝีมือไม่ดีเท่าช่างในปักกิ่ง ซูเมี่ยวจินจึงรอให้ฉางเซียงจูสอบติดเสียก่อนค่อยนำหยกไปทำเครื่องประดับในปักกิ่งก็ยังไม่สายระหว่างกินมื้อเช้าวันนี้ พ่อแม่และฉางเซียงจูต่างกังวลเรื่องการตรวจร้านที่ซูเมี่ยวจินเล่าให้ทุกคนฟังไม่น้อย“ไม่ต้องเป็นห่วงมากเ
30 นาทีต่อมา คนของโจวอู่หมิงก็มาถึง ครั้งนี้กองกำลังของพวกเขามากันมากถึง 30 คน เพื่อตามล่าตัวคนร้ายกลับมาให้ได้ ส่วนคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยไปยังเมืองไคหยวนครั้งนี้เพิ่มขึ้นมาอีก 7 คน โดยมีซ่งเซียวเป็นหัวหน้าหน่วยเหมือนเดิมฟู่จือหยางสั่งการไล่ล่าคนร้ายทันที จากนั้นเขาจึงบอกให้ซ่งเซียวที่เตรียมตัวพร้อมแล้วพาซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยเดินทางต่อไปยังไคหยวนก่อนที่จะสายมากไปกว่านี้ เรื่องการไล่ล่าคนร้าย ซ่งเซียวมั่นใจว่าสหายของตนต้องจับตัวพวกมันได้แน่ เขาจึงขึ้นรถไปพร้อมออกคำสั่งเดินทางครั้งนี้ซูเมี่ยวจินให้ฉางเล่ยนั่งข้างคนขับ เธอเห็นว่าถึงแม้บาดแผลของเขาจะไม่มากนัก แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยขับรถ ฉางเล่ยเองก็ไม่อยากขัดใจภรรยา เขาจึงยอมตามใจปล่อยให้เธอขับรถตามรถของซ่งเซียวไป รถคันหลังยังขับตามอย่างกระชั้นชิดเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหมือนก่อนหน้านี้5 ชั่วโมงต่อมา ขบวนของซูเมี่ยวจินก็ไปถึงเมืองไคหยวน ซ่งเซียวเห็นว่าภารกิจจบสิ้นแล้ว เขาจึงขอตัวไปเติมน้ำมันและก
รุ่งเช้าวันต่อมา ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยและผู้คุ้มกันนั่งกินอาหารเช้าก่อนเดินทางไปยังเมืองไคหยวน พวกเขานำสัมภาระวางเอาไว้ข้างโต๊ะอาหาร หยกน้ำแข็งก้อนใหญ่นั้นฉางเล่ยใส่เอาไว้ในกระเป๋าเงินใบใหญ่พร้อมกับหน้าไม้ของเขากับภรรยาเพื่อไม่ให้ใครเห็น หลังจากเขารู้เรื่องของกลุ่มโจรที่ต้องการปล้นหินดิบของภรรยา ฉางเล่ยจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นหลายเท่าต้วนมู่ชิงเมื่อวานนี้ถูกนำตัวไปสอบสวนเรื่องการสั่งปล้นหินดิบของซูเมี่ยวจินจนไม่สามารถไปที่ตลาดค้าหินได้ เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้ข้าราชการที่รับเงินเขา ใช้ตำแหน่งมาประกันตัวจึงออกจากสถานีตำรวจได้เมื่อค่ำวานนี้ ยิ่งคิดว่าแผนการของเขาล้มเหลวแถมยังถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่อีก ต้วนมู่ชิงยิ่งแค้นซูเมี่ยวจินมากขึ้นเป็นเท่าทวี ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรโจ่งแจ้งได้จึงคิดที่จะเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงก่อนเพื่อกบดานกลุ่มของซูเมี่ยวจินคืนห้องพักและออกเดินทางในเวลาแปดโมงเช้า พวกเขาขับรถอย่างระมัดระวังเพราะในรถของซูเมี่ยวจินนั้นเต็มไปด้วยหินดิบ ทำให้การเดินทางไม่สามารถขับเร็วเกินไปนัก ก่อน
ซูเมี่ยวจินชวนฉางเล่ยไปห้องของพวกซ่งเซียวเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วหลังการต่อสู้เมื่อคืน“คุณซู คุณฉาง เข้ามาก่อนครับ” ทหารนายหนึ่งออกมาเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไป“ซ่งเซียว พวกคุณเป็นยังไงกันบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อคืน“เราดีขึ้นมากแล้วครับ พวกคุณจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าครับ ผมจะส่งพวกเขาไปคุ้มกัน” ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่บาดเจ็บต้องพักผ่อนต่อจึงมอบหมายงานให้กับทหารสองคนที่ร่างกายสมบูรณ์กว่า“วันนี้พวกคุณพักผ่อนกันเถอะค่ะ ฉันกับสามีจะออกไปซื้อของสักหน่อย พรุ่งนี้เราถึงจะไปที่ตลาดค้าหิน พวกคุณค่อยตามเราไปก็แล้วกัน นี่เงินสี่พันหยวน พวกคุณเอาไปแบ่งกันนะคะ เพราะฉันจะอยู่ที่เถิงซงต่อ วันมะรืนถึงจะเดินทางกลับ”ซูเมี่ยวจินยื่นเงินให้ซ่งเซียวนำไปแจกจ่ายลูกน้อง วันนี้เธอแค่จะออกไปซื้อเครื่องผ่าหินเท่านั้น“ขอบคุณคุณซูม