หลังจากกินข้าวเสร็จเสี่ยวหนานก็เตรียมตัวจะออกไปที่ร้าน เป็นอีกครั้งที่แม่โจวแบ่งอาหารทะเลสด ๆ ที่ได้มา ให้เธอนำไปให้พ่อแม่ และยังมีอาหารที่ทำร้อน ๆ ส่วนหนึ่งที่เธอแบ่งเอาไว้ เพื่อจะเอาไปให้พวกท่าน
จักรยานคันเดิมถูกปั่นไปตามเนิน ไม่นานก็ถึงบ้านซูทันเวลาก่อนที่พ่อกับพี่ชายและน้องชายของเธอจะออกไปทำงาน
"จื่ออัน มาเอากับข้าวพวกนี้ไปกินเร็วเข้า ของสดพวกนี้เอาไว้ให้แม่ทำกับข้าวนะ"
จื่ออันเห็นพี่สาวปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
"พี่เสี่ยวหนาน พี่ไม่เข้ามาในบ้านก่อนเหรอครับ"
"ไม่ล่ะ พี่มีธุระต้องรีบไปจัดการแต่เช้า ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่พี่จะบอกอีกที พี่ไปนะ พี่ใหญ่ พ่อ แม่ หนูไปก่อนนะคะ"
เธอกล่าวเสียงใสแล้วโบกมือลาทุกคนแล้วปั่นจักรยานออกไปเลย
"ระวังตัวด้วยนะลูก" เสียงแม่ซูตะโกนไล่หลังลูกสาว
จักรยานของเสี่ยวหนานแล่นผ่านถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมาในช่วงเช้า กลิ่นเค็มของทะเลลอยปะปนมากับกลิ่นหมึกแห้งที่ตากอยู่ริมรั้ว
ไม่นานก็มาถึงท่าเรือเมืองเยี่ยนเทียน ที่ห่างจากหมู่บ้านเพียง 2 กิโลเท่านั้น เมื่อมาถึงหน้าร้าน เสี่ยวหนานหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าผ้า ใช้แรงหมุนดอกกุญแจจนมีเสียง "แกร๊ก"
ประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมเล็กน้อยถูกดันออกช้า ๆ เธอเข็นจักรยานเข้าไปเก็บในมุมหนึ่งของร้านก่อนจะปิดประตูอย่างมิดชิด
ไฟในร้านถูกเปิดให้สว่าง เผยให้เห็นร้านที่ถูกทำความสะอาดไปบ้างแล้ว จากฝีมือของคนงานที่หวังหยุนฮวาส่งมาจัดการหลังจากทำสัญญาเช่าเสร็จ
เสี่ยวหนานเริ่มหยิบโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ ถ้วยชาม หม้อ กระทะ และเครื่องครัวทั้งหมดออกมาจัดเรียงตามผังที่เธอวางไว้ในใจ ทุกอย่างถูกจัดลงอย่างมีระเบียบเหมือนเธอไม่ได้แค่ตกแต่งร้าน
เธอไม่ได้เพียงจัดร้าน แต่กำลังคืนชีพร้านเก่าจากกาลเวลาที่เธอจากมา ในเมื่อเธอไม่อาจกลับไปที่นั่นได้ เธอก็จะยกร้านนั้นมาไว้ที่นี่
"ยังขาดอะไรอยู่น๊า..." เสี่ยวหนานพึมพำขณะมองรอบร้าน ดวงตาหลุบต่ำแล้วสว่างวาบเมื่อคิดออก
เธอรีบเอารูปอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในร้าน ในมิติ มาติดผนังร้าน พร้อมกับนาฬิกาแขวนสีทองและป้ายอักษรมงคลที่พ่อเขียนให้
福满堂 (ความสุขสมบูรณ์ล้นเรือน) มาติดไว้เหนือเคาน์เตอร์
กระถางดอกไม้เล็ก ๆ ถูกจัดวางตามมุมต่าง ๆ ของร้าน ความเขียวขจีของพวกมันทำให้ร้านดูสดชื่นขึ้นทันตา
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เสี่ยวหนานยืนนิ่งมองไปรอบร้าน ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความสงสัย เธอนึกอยากเห็นว่าเอาสิ่งของจากร้านออกมามากมาย ป่านนี้ร้านที่อยู่ในมิติคงว่าเปล่าแล้ว
"พาฉันเข้าไปในมิติ..."
ทันใดนั้นเธอก็เข้ามาอยู่ในร้านเดิม ที่อยู่ภายในมิติ แต่ที่น่าตกใจก็คือข้าวของทุกอย่างยังคงครบครันเหมือนเดิม แต่ก็มีเรื่องให้เธอตกใจยิ่งกว่า...
ชาร้อนแก้วนั้นยังวางอยู่บนโต๊ะ เสี่ยวหนานเบิกตากว้างเพราะเธอจำได้ชัดเจนนั่นคือชาที่เธอชงไว้ก่อนหัวใจวายเสียชีวิต
เธอก้าวไปช้า ๆ แล้วยื่นมือแตะขอบแก้ว...
"ร้อน...?"
เธออึ้งไปเมื่อไอร้อนจากแก้วลอยแตะปลายนิ้ว และขนมที่วางข้าง ๆ ก็ยังส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ
"เหมือนเพิ่งชง...เหมือนเพิ่งทำใหม่...หรือว่า..."
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวเธอ...
"มิตินี้...คงสภาพของสิ่งของได้อย่างนั้นเหรอ?"
เธอมองไปรอบ ๆ ร้านอีกครั้ง ทุกอย่างยังอยู่ครบ แม้แต่ถ้วยจาน โต๊ะเก้าอี้ที่เธอขนออกมาตั้งร้านก็ยังอยู่ในมิติ
"แล้วของที่เรายกออกไปล่ะ... ทำไมยังมีที่นี่?"
ปริศนานี้เริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจเธอ เสี่ยวหนานเม้มปากแน่น ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า
"ต้องพิสูจน์..."
เธอออกจากมิติทันที แล้วรีบเปิดร้านเอาจักรยานออกไป แล้วรีบปิดประตูล็อกร้าน
"ป้ากู้คะ ฉันเอาโคล่าเย็น ๆ 3 ขวดค่ะ"
หญิงสูงวัยที่กำลังนั่งถือพัดอยู่ในร้านรีบวางมือแล้วไปหยิบของให้เสี่ยวหนานอย่างรวดเร็ว
"ได้ ๆ วันนี้มาคนเดียวเหรอเสี่ยวหนาน?"
"ใช่ค่ะป้า พี่สือซานเพิ่งกลับจากหาปลาก็เลยพักอยู่ น่าจะเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ถึงจะขนของเข้ามา"
เสี่ยวหนานตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เธอไม่อยากให้สงสัยว่าของในร้านเธอมากจากไหน จึงหลีกเลี่ยงด้วยการบอกว่าจะขนของเข้ามาช่วงค่ำแทน เพราะตอนนั้นจะไม่ค่อยมีคนอยู่
"ดี ๆ รีบมาขายด้วยกันนะ คนงานที่มาส่งของขึ้นเรือหาข้าวกินแถวนี้ไม่ได้เลย ถ้าเสี่ยวหนานมาขาย ป้าว่าต้องขายดีแน่ ๆ"
"นี่เงินค่าของค่ะ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะป้า จัดเตรียมของเสร็จฉันจะรีบมาเปิดร้านขายของเป็นเพื่อนค่ะ"
"จ้า ป้าจะรอนะ"
เสี่ยวหนานปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างรวดเร็ว พอถึงกลางทางเธอก็หาที่แวะหลบสายตาคนแล้วเอาโคล่าเข้าไปไว้ในมิติ 1 ขวด เธอจะพิสูจน์... ว่าเมื่อเธอเข้าไปอีกครั้ง โคล่าขวดนี้จะยังคงเย็นเหมือนเดิมหรือไม่
และหากใช่ มิตินี้อาจไม่ใช่แค่คลังเก็บของ...แต่อาจกลายเป็นขุมทรัพย์ ที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของเธอ...และสือซานไปตลอดกาล
ระหว่างทางกลับบ้าน เสี่ยวหนานยังแอบเอาเนื้อหมูกับผักแบ่งออกมาเป็นสองชุดแล้วแวะไปบ้านซูเพื่อเอาของเหล่านั้นไปให้ พอไปถึงก็พบว่าประตูปิดอยู่ เธอเคาะเบา ๆ สองครั้งแล้วเปิดเข้าไป
"มาทำไม แม่ไม่อยู่..."
อี้หลันพูดขึ้นทันทีที่เห็นเสี่ยวหนานเดินเข้ามาในบ้าน ถึงใบหน้าของเธอจะเรียบเฉยแต่ในดวงตามีแววระแวดระวังอยู่ตลอด เสียงนั้นไม่แข็งกระด้างเหมือนเคย คล้ายพูดเพื่อให้รู้ ไม่ใช่เพื่อขับไล่
"ฉันไปเดินดูของที่ตลาด ก็เลยเอาผักกับเนื้อหมูมาฝากค่ะพี่สะใภ้"
เสี่ยวหนานแปลกใจนิดหน่อย เธอจึงตอบกลับพร้อมกับยื่นถุงข้าวของให้กับคนตรงหน้า อี้หลันนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยื่นมือมารับของอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
"ขะ…ขอบใจ" เสียงตอบเบาและติดสะอึกอย่างไม่คุ้นชินกับการได้รับน้ำใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ"
แล้วเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปโดยไม่กล่าวอะไรอีก ทิ้งให้พี่สะใภ้ยืนมองถุงในมือเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบ ๆ
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบบ่ายโมง เสี่ยวหนานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าสือซานกำลังชะเง้อคอมองออกมาจากหน้าประตู เขายิ้มออกเมื่อเห็นเธอเดินมา พร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยที่วิ่งโผเข้าใส่
"แม่! แม่กลับมาแล้ว~"
"หน่วนหน่วน หนูกับพ่อออกมารอแม่เหรอ?"
"ใช่ค่ะ หน่วนหน่วนเห็นพ่อยืนอยู่หน้าประตูนานแล้วก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน ว่าแต่..วันนี้แม่ทำอะไรให้หน่วนหน่วนกินน้า~"
เสี่ยวหนานหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วลูบหัวลูกน้อย ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างล้อเลียน
"วันนี้เราจะทำหมูตุ๋นผักดองกันจ้ะ แล้วก็มีซุปหอยนางรมกับปลาหมึกผัดน้ำดำด้วยนะจ๊ะ แม่ทำเสร็จแล้วหน่วนหน่วนต้องกินเยอะ ๆ นะ"
"ว้าวววว~ ได้เลยค่า ของที่แม่ทำต้องอร่อยมากแน่ ๆ"
หน่วนหน่วนกระโดดตัวลอยแล้วปรบมือรัว สือซานที่ยืนฟังอยู่นานรีบเดินเข้ามารับตะกร้าจากภรรยา
"ให้พี่ช่วยอะไรบ้างหนานหนาน?"
เธอยิ้มแล้วพยักหน้า
"ช่วยล้างผักก็พอค่ะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง"
เสียงตะหลิวกระทบกระทะยังคงดังกังวานในห้องครัวเล็ก ๆ ที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของหมูตุ๋นผักดอง ซุปหอยนางรม และปลาหมึกผัดน้ำดำ น้ำซุปเดือดปุด ๆ
ระหว่างที่หม้อเคี่ยวได้ที่ เสี่ยวหนานก็เล่าเรื่องในวันนี้ให้สือซานฟัง ตั้งแต่การจัดร้านจนถึงแวะไปบ้านพี่สะใภ้ แม้จะเล่าอย่างเรียบง่าย แต่ในน้ำเสียงของเธอมีประกายแห่งความภูมิใจที่ไม่อาจซ่อนได้
กลิ่นหอมคล้ายจะปลุกวิญญาณหิวโหยของทั้งครอบครัวให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะหนูน้อยหน่วนหน่วนที่ยืนชะโงกหน้ามองหม้อใบโตตาแป๋ว ปากเล็ก ๆ พึมพำเบา ๆ ว่า..
"แม่จ๋า ท้องของหน่วนหน่วนร้องจ๊อก ๆ เลย"
เสี่ยวหนานหัวเราะเบา ๆ พลางเอื้อมมือมาลูบผมลูกสาวตัวน้อย
"เสร็จแล้วจ้ะเสร็จแล้ว ช่วยแม่จัดโต๊ะก่อนนะ แล้วไปเรียกคุณปู่คุณย่ามากินข้าว"
"ได้เลยค่า"
หนูน้อยตอบอย่างขันแข็ง ก่อนจะวิ่งถือตะเกียบกับถ้วยชามอย่างทะมัดทะแมง ไปวางเรียงลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่กลางบ้าน สือซานที่ยืนเช็ดมืออยู่ข้าง ๆ เห็นแล้วก็อดอมยิ้มตามไม่ได้ เขาเอื้อมมาช่วยภรรยาเปิดฝาหม้อกลิ่นหอมจนคิ้วกระตุก
"โห... กลิ่นนี่มัน... เหมือนกินในภัตตาคารเลยนะเสี่ยวหนาน"
"อาหารที่ฉันทำซะอย่าง มันต้องอร่อยอยู่แล้ว"
ไม่นานนัก อาหารก็พร้อมเสิร์ฟ หมูตุ๋นผักดองที่ตุ๋นจนนุ่มละลาย ซุปหอยนางรมกลมกล่อม และปลาหมึกผัดน้ำดำรสเข้มข้นกับข้าวสวยร้อน ๆ ถูกจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อย
ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงอย่างพร้อมเพรียง แล้วเริ่มดื่มด่ำกับรสชาติอาหารตรงหน้า
"อื้อหืออ หมูนุ่มมากเลยแม่จ๋า หน่วนหน่วนเคี้ยวนิดเดียวก็หายไปเลย!"
เสียงเคี้ยวดังกรุ๊บกรั๊บดังให้ได้ยิน ก่อนที่ดวงตาของหน่วนหน่วนจะเปล่งประกายออกมา
"ใช่เลย…รสชาติแบบนี้ ถ้าไปอยู่ในร้านนะ พี่ว่า... ต้องขายดีแน่ ๆ"
สือซานเอ่ยเสริมทันที เขารีบวางตะเกียบแล้วยกนิ้วโป้งให้ภรรยา
"จริงเหรอคะ?"
"จริงสิ! แม่จ๋าทำอร่อยที่สุดเลย หน่วนหน่วนอยากกินทุกวัน!" หน่วนหน่วนรีบเสริม
"ถ้างั้นหน่วนหน่วนต้องเป็นผู้ช่วยคอยชิมให้แม่ดีไหม?"
"ดีค่า ต่อไปหน่วนหน่วนคงอ้วนเป็นลูกหมูแน่ ๆ เลย ฮะ ฮะ ฮะ"
สือซานมองภรรยาด้วยแววตาอบอุ่น ขยับมือมาวางทับมือของเธอเบา ๆ ภาพของลูกหลานที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ตั้งแต่มีเสี่ยวหนานเข้ามา ภายในบ้านก็ดุอบอุ่นเต็มไปด้วยความสุข พลอยทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองสุขใจตามไปด้วย
ไป๋ลี่เหยายืนอยู่ในเงากำแพงของแดดยามบ่าย มือเรียวกำชายกระโปรงไว้แน่นจนเล็บฝังลงเนื้อ แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงช้อนกระทบชามจากหลังรั้วอิฐดังลอดออกมาราวกับจงใจเย้ยหยัน
เสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่เธอไม่อยากได้ยินนัก ร้องเรียกหาแม่ด้วยความสุขปนเสียงขำขัน พร้อมเสียงหัวเราะของสือซานที่ทำให้เธอปวดใจที่สุด
"เขาควรเป็นของฉัน..ไม่ใช่แก นังเสี่ยวหนาน!"