공유

บทที่ 7

last update 최신 업데이트: 2025-07-12 03:42:39

กลางดึก...

ไต้ก๋งโจวเดินมาที่เสาไฟท้าย ก่อนจะหยุดยืนเงียบมองทะเลสักครู่ สายตาคมจับจ้องไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง แล้วเอ่ยเบา ๆ โดยไม่ต้องหันไปมองใคร

"ถึงแล้ว จุดเดิม..."

"ผมไปเปิดไฟเลยนะครับพ่อ"

สือซานเอ่ยถาม เมื่อเห็นบิดาพยักหน้ารับ เขาก็เดินไปยังยังเครื่องปั่นไฟ ทันทีที่เครื่องทำงานแสงไฟสีส้มก็สว่างจ้าเปล่งประกายเหนือผืนน้ำ

หมิงหลงปีนขึ้นกราบเรืออีกด้าน เปิดหลอดไฟเสริม ส่วนเจียงเฉิงกับฉุนกังช่วยกันเลื่อนเสาไฟท้ายให้เอียงลง ส่องตรงผืนน้ำคล้ายจันทร์ตกทะเล

แสงส้มสะท้อนผิวน้ำเหมือนม่านทองเปิดต้อนรับแขก ไม่กี่อึดใจ เสียงเจียงเฉิงร้องอย่างตื่นเต้น

"มาแล้ว! หมึกขึ้นแล้วครับไต้ก๋ง"

ใต้ผิวน้ำสีดำสนิท เงาสีเงินเรืองวาวลอยเข้าหาแสง ร่างเล็กยาวของหมึกหลายสิบตัวพุ่งขึ้นจากความลึก เหมือนฝูงผีเสื้อใต้ทะเลที่หลงแสงเทียน

"สือซาน ประจำหัวอวนเลยลูก!"

ไต้ก๋งออกคำสั่งทันที เสียงนั้นแม้จะดังกว่าคืนก่อนแต่ก็มั่นคงเสมอ สือซานรีบวิ่งประจำตำแหน่ง ฉุนกังกับเจียงเฉิงช่วยกันโยนอวนออกทางกราบเรือ ท้องอวนเปิดอ้าเหมือนปากยักษ์ กลืนแสงและเงาหมึกลงไปอย่างเงียบงัน

สายตาทุกคู่จับจ้องเส้นเชือก

"ระวังอวนตึงนะพี่สือซาน!" หมิงหลงตะโกนขณะช่วยจัดเชือกให้คลายตัวช้า ๆ

"ดึงกลับช้า ๆ อย่าให้ขาด...พ่อจะนับจังหวะให้" เมื่อเห็นว่าเชือกตึกแล้วไต้ก๋งโจวจึงส่งสัญญาณตามมา

มือหยาบกร้านของชายวัยห้าสิบกว่ากำเชือกแน่น เขาดึงจังหวะด้วยน้ำหนักมือที่มีแต่คนทะเลเท่านั้นจะรู้ สือซานอยู่ข้าง ๆ พยายามปรับแรงให้สมดุล ส่วนเจียงเฉิงกับหมิงหลงช่วยกันยกหางอวน

ในอวนมีหมึกหลายร้อยตัวที่ถูกลากขึ้นมาในครั้งเดียว แต่นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!

"เยอะกว่าครั้งที่แล้วอีก" ฉุนกังพูดพลางปาดเหงื่อ ร่างใหญ่ของเขาก้มลงจับหมึกโยนใส่ถัง

"ยังไม่หมดนะพี่ฉุนกัง ดูใต้ท้ายอวนสิ" หมิงหลงชี้

สือซานดึงปลายอวนขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วทุกคนก็ร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นว่ามีปลาหมึกตัวใหญ่ติดมาด้วยหลายตัว ทั้งปู ปลาเล็กปลาใหญ่ต่างก็ติดมาด้วย

"โอ้โห! หมึกยักษ์!"

มันยาวเกือบครึ่งแขน ลำตัวใสจนเห็นอวัยวะภายใน ไต้ก๋งยิ้มที่มุมปาก มือนั้นตักหมึกขึ้นมาอย่างชำนาญก่อนจะโยนลงถังน้ำแข็งที่เตรียมไว้

"คืนนี้คุ้มค่าน้ำมันแล้ว"

การเก็บหมึกใช้เวลาไม่นาน แต่การรักษาความสดคือหัวใจ ไต้ก๋งชี้ไปที่ลังน้ำแข็งแล้วกำชับกับเจียงเฉิง เพราะราคาของอาหารทะเลเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพความสดใหม่นั่นเอง

"อาเฉิง เติมเกลือไปชั้นหนึ่ง หมิงหลง เอาน้ำทะเลมาราด ห้ามปล่อยให้อากาศเข้า"

"ครับลุงโจว/ครับไต้ก๋ง"

ลูกเรือทุกคนขยับกายทำตามคำสั่งเหมือนละครที่ซ้อมมาแล้วนับร้อยรอบ ไม่มีใครพูดเล่น ไม่มีเสียงหัวเราะ มีเพียงเสียงหอบ เสียงอุปกรณ์ และเสียงลมหายใจที่เต็มไปด้วยความสุขเงียบ ๆ

ลากอวนแต่ละรอบใช้เวลาไม่น้อยในการจัดการกับอาหารทะเล ชีวิตของพวกเขาวนอยู่แบบนั้นซ้ำไปมา เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ไต้ก๋งเดินไปท้ายเรือ มองท้องทะเลอีกครั้งแล้วพูดเบา ๆ กับตัวเอง

"คืนนี้ทะเลเมตตา...เรากลับบ้านกันเถอะ"

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง กลิ่นน้ำมันผสมเกลือทะเลตลบในลม ยามฟ้ากำลังเปลี่ยนสีจากดำสนิทเป็นม่วงเข้ม พวกเขาหันหัวเรือกลับ สู่แสงไฟริบหรี่ของหมู่บ้านที่เห็นอยู่ไกล ๆ

เช้ามืดหลังจากเรือเทียบท่า ทุกคนช่วยกันขนของสดไปที่จุดรวมตัว ซึ่งก็คือ ตลาดสมาคมชาวประมง

ตลาดของสมาคมชาวประมงเปิดรับของทะเลตั้งแต่เช้ามืด แม่ค้าหลายคนยืนรออยู่หน้าลาน บางคนเป็นภรรยาของชาวประมงเอง บ้างก็เป็นพ่อค้าคนกลางที่เชื่อมระหว่างชาวบ้านกับเมืองใหญ่

เสียงตะโกน เสียงหัวเราะ เสียงคุยเรื่องราคากุ้งปลาดังเจื้อยแจ้วเหมือนเพลงพื้นบ้าน ท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อย กลับมีชีวิตที่อุ่นใจแทรกอยู่เงียบ ๆ

ท้องฟ้าเบื้องบนยังปกคลุมด้วยม่านสีเทานวลจาง ๆ กลิ่นทะเลสดชัดเจนยิ่งกว่าทุกวันเมื่อเรือประมงของไต้ก๋งโจวเทียบท่าตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง ลังปลาหมึก ปลาทู และปูม้าสดใหม่ถูกลำเลียงลงจากเรือด้วยแรงมือของชายหนุ่มสี่ห้าคน

"เข็นไปชั่งน้ำหนักแล้วเอาบิลมาด้วยนะ เดี๋ยวพ่อจะไปแจ้งหัวหน้าไป๋"

ไต้ก๋งโจวพูดกับลูกชายเบา ๆ เมื่อมาถึงลานชั่งน้ำหนัก สือซานพยักหน้า ยกหลังมือเช็ดเหงื่อ ข้าง ๆ กัน ฉุนกังกับหมิงหลงจัดการเรียงลังอย่างคล่องแคล่ว เจียงเฉิงถอนหายใจเมื่อมองปลาหมึกยังดิ้นเบา ๆ อยู่ในลัง

"ของสดขนาดนี้ ถ้าได้ราคาดีหน่อยคงหายเหนื่อยเลยเนอะพี่สือซาน" หมิงหลงพูดระหว่างที่ช่วยกันยกของลงจากรถเข็น

"อื้อ..ไม่น่าจะต่ำกว่า 200 หยวน"

ขณะเดียวกันเสียงของหัวหน้าไป๋ก็ดังมาแต่ไกล

"ไต้ก๋งโจว มาส่งเหรอ วันนี้ได้ของเท่าไหร่?"

ชายพุงพลุ้ยสวมเสื้อกั๊กสีแดงเดินอาด ๆ มุ่งหน้ามาที่บริเวณที่ลังสินค้าของบ้านโจววางอยู่

"พอสมควรครับ ลังแถบนี้ปลาหมึก ลังแถบนู้นปลาทู แล้วก็กุ้ง ปู ยังสดอยู่เลย ลองดูก่อนนะหัวหน้าไป๋"

ไต้ก๋งโจวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าสายตาของหัวหน้าไป๋กลับเหมือนคนมืดบอด มองของดีเป็นของใกล้เสีย ตัดสินใจกดราคาอย่างหน้าด้าน ๆ

"ก็ไม่เท่าไหร่ ของทั้งหมด... ได้แปดสิบสองหยวน"

เขาว่าพลางหันหน้าหนีเหมือนไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านั้น

"แปดสิบสอง? แต่ของเราทั้งสดทั้งเยอะ จะขายได้ราคานี้ได้ยังไง?" สือซานทวนคำ น้ำเสียงปนไม่เชื่อหูตนเอง

"วันนี้สมาคมรับซื้อราคานี้ จะขายก็ขาย ไม่ขายก็เก็บไว้กินกันเอง" หัวหน้าไป๋สวนกลับ

คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศแถวนั้นหนาวเย็นขึ้นถนัด เจียงเฉิงขยับเข้ามาเหมือนจะพูดอะไร แต่ไต้ก๋งโจวรีบวางมือลงบนบ่าเขาเพื่อหยุดทุกอย่างเอาไว้ก่อน

"พอเถอะ ไม่มีประโยชน์หรอกอาเฉิง..."

น้ำเสียงนั้นนิ่ง แต่ในแววตาไต้ก๋งโจวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หมิงหลงมองหน้าทุกคน ก่อนถามเสียงเบา

"ไต้ก๋ง...ถ้าเราเอาของไปขายเองข้างนอก จะได้ราคาดีกว่านี้ไหม?"

"ไม่ได้ กฎของสมาคมบอกไว้ชัด..สมาชิกทุกคนต้องขายผ่านตลาดนี้เท่านั้น จะขายให้พ่อค้าคนกลางหรือแอบนำไปที่อื่นไม่ได้เลย…" พ่อโจวรีบตอบทันที

"เพราะต้องหักเงินส่วนต่างมาเข้ากองทุนบำรุงตลาดไงอาหลง พวกเราถึงทำแบบนั้นไม่ได้"

ฉุนกังพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก ต่างคนต่างรู้ว่าหากละเมิดข้อห้าม จะถูกตัดสิทธิ์ในการใช้ท่าเรือและระบบประมงทั้งหมด ซึ่งเท่ากับเป็นการขาดลมหายใจของชีวิตประมง

สุดท้าย ไต้ก๋งโจวพยักหน้าเบา ๆ อย่างยอมจำนนในความจำเป็น รับเงินแปดสิบสองหยวนในถุงผ้าขึ้นมากำแน่น

"ไปเถอะ กลับบ้านกัน"

ระหว่างทางกลับเสียงล้อเหล็กลากครืดคราดบนถนนเรียบ สะท้อนความฝืดเคืองในอกของทุกคน

"ผมว่า หัวหน้าไป๋ตั้งใจแน่ ๆ ครับ ใครก็รู้ว่าลูกสาวเขาชอบพี่สือซาน พอรู้ข่าวว่าพี่สะใภ้แต่งเข้าบ้านโจว ก็ทำตัวเย็นชาใส่เราทันที"

หมิงหลงโพล่งขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"ใช่ วันนี้ราคาทะเลไม่ได้ตกสักหน่อย แค่คนอื่นไม่กล้าทัก เพราะกลัวโดนตัดสิทธิ์จากสมาคม! นี่มันใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นชัด ๆ"

สือซานยังคงเงียบ ใบหน้าหน้าขรึม เขาจ้องมองล้อที่หมุนไปช้า ๆ เหมือนความคิดกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน

"พ่อเข้าใจว่าทุกคนโกรธ แต่ของแบบนี้เราต้องระวัง ถ้ายังไม่มีหลักฐาน ก็อย่าเพิ่งปักใจว่าเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว..."

ไต้ก๋งโจวถอนหายใจหนัก ๆ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผิดจากคำพูดของลูกหลาน แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้พูดเขาพูดออกไป คำพูดก็ไม่ต่างจากดาบสองคม

รุ่งเช้าที่บ้านโจว

ลมทะเลโชยเอื่อย กลิ่นอายเกลือแตะจาง ๆ เข้าจมูก ลอดผ่านผ้าปิดหน้าต่างที่พับเก็บเรียบร้อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แสงขาวนวลจากหลอดไฟยังส่องวับบนเคาน์เตอร์ครัวไม้เก่า เสี่ยวหนานผูกผ้ากันเปื้อนลายจุดไว้แน่น เดินเข้าครัวข้างบ้านแต่เช้ามืด

เตาอิฐสูงเท่าสะโพก สองช่องถูกจุดด้วยถ่านไม้แห้งควันขาวกรุ่น เธอเริ่มต้นด้วยการหุงโจ๊กข้าวสวยซาวน้ำสะอาด ใส่กุ้งแห้งตัวเล็กจากไหที่แม่สามีเคยบอกไว้ ระหว่างนั้นก็นึ่งปูแล้วนำมาแกะเนื้อ หั่นผักซอยขิงเตรียมไว้ครบเครื่อง

หัวเตาข้างกัน ซุปเนื้อปูใส่ไข่ขาวละลายหยอดเป็นเกล็ดหิมะกำลังเดือดพล่านอยู่ในหม้อดิน เยื่อไผ่แช่น้ำจนนิ่มถูกฉีกเส้นบาง ๆ ใส่ลงพร้อมเห็ดหูหนูขาวชิ้นเล็กขาวละมุน เครื่องปรุงต่าง ๆ ถูกเติมจนได้รสชาติกลมกล่อม

เสร็จแล้วเสี่ยวหนานก็ตั้งหม้อนึ่ง เต้าหู้เนื้อแน่นจากถั่วลิสงที่เธอซื้อมาจากตลาดตั้งแต่เมื่อวาน ถูกวางเรียงในจานเคลือบลายดอกแดง โรยเห็ดหอมซอย ขิงหั่นเส้น และราดซอสซีอิ๊วตามสูตรของเธอแล้วนำขึ้นนึ่งในหม้อร้อน ๆ

พอโจ๊กเคี่ยวได้ที่เสี่ยวหนานก็รีบต้นน้ำขิงต่อ สามีกับพ่อสามีออกทะเลมาทั้งคืน กับข้าวเช้านี้ก็ยังมีเนื้อปูที่มีฤทธิ์เย็น เธอจึงตั้งใจจะต้มน้ำขิงที่มีฤทธิ์ร้อนให้ทุกคนดื่ม จะได้สบายตัว ระหว่างที่ทำกับข้าวสายตาของเธอก็ชำเลืองมองไปทางประตูหน้าบ้านอยู่ตลอด

"แม่จ๋า… แม่มองหาพ่ออยู่เหรอ?"

เสียงใสปนน้ำเสียงงัวเงียของหน่วนหน่วน ลูกสาววัยห้าขวบทำให้เสี่ยวหนานหันไปยิ้มกว้าง แล้วรีบเดินเข้าไปหา

"ใช่จ้ะ ป่านนี้ไม่รู้พ่อของหนูจะขึ้นฝั่งรึยังเลย"

แม่โจวที่เพิ่งเดินออกจากตัวบ้านก็รีบบอกลูกสะใภ้ให้สบายใจ นางรู้ดีว่าความเป็นห่วงที่ลูกสะใภ้กำลังเผชิญเป็นยังไง

"อีกเดี๋ยวก็กลับมาถึงแล้วล่ะลูก ถ้าทำกับข้าวเสร็จแล้วก็ตั้งโต๊ะเถอะ ส่วนหน่วนหน่วนก็รีบไปล้างหน้าแปรงฟัน จะได้ออกมากินข้าวพร้อมกัน"

"ค่ะย่า หน่วนหน่วนจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"

สองแม่ลูกแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยมีแม่โจวคอยช่วยจัดโต๊ะจนเสร็จไม่นานสือซานกับพ่อโจวก็เดินกลับมาถึงบ้านพร้อมกัรถเข็นและของสดที่เหลือ เขาวางลังไม้ลงข้างครัวแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เป็นอะไรรึเปล่าพี่ ทำไมถอนหายใจแบบนั้นล่ะ?" เสี่ยวหนานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของทั้งคู่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่

"วันนี้พวกเราได้เงินมาแค่แปดสิบหยวน ทั้งที่มันควรจะเกินร้อย ไหนจะจ่ายค่าแรงลูกเรือคนละสามหยวน แล้วยังมีค่าน้ำมันอีก… สุดท้ายเหลือไม่ถึงสี่สิบหยวน ยังต้องเก็บไว้เผื่อซ่อมเรืออีก"

"หาของทะเลได้น้อยเหรอคะ?"

"หาได้เยอะ เงินที่ขายได้ก็ควรได้เยอะกว่านี้มาก.."

สือซานไม่พูดอะไรต่อแต่เสี่ยวหนานก็พอจะรู้ได้ ทั้งหมดคงเป็นเพราะคนสกุลไป๋พวกนั้น

"ไม่เป็นไรนะพี่ ฉันจะรีบเปิดร้านให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเปิดเมื่อไหร่ ฉันจะรับซื้ออาหารทะเลจากพี่เองพี่ทุกวันเลย จะได้ไม่ต้องไปง้อสมาคมไหนให้เจ็บใจอีก"

เสี่ยวหนานจับมือของสามีเอาไว้ เธอยังมีความรู้และสูตรลับอีกมากมายที่จะจัดการกับอาหารทะเลพวกนี้ ไม่ขำเป็นต้องไปขายให้คนสกุลไป๋เอาเปรียบอีก แต่ช่วงแรกก็ต้องทนลำบากไปก่อน

"หนานหนาน พี่จะให้น้องแบกรับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง"

"ครอบครัวเดียวกัน จะทุกข์จะสุกก็ต้องฟันฝ่าไปด้วยกัน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่ก็พักอยู่ที่บ้าน ฉันจะออกไปจัดการที่ร้านสักหน่อย"

"แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ไปช่วย?"

"พี่ทำงานมาเหนื่อย ๆ นอนพักเถอะ เรื่องแค่นี้ฉันจัดการได้"

หลังจากคุยกันเสร็จทุกคนก็มาล้อมวงกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยแล้วทิ้งเรื่องน่าปวดหัวไว้ข้างหลัง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 95

    ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน หน่วนหน่วน หยวนเปา หยวนเป่ย ต่างก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างกระตือรือร้น ไม่นานนัก พวกเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งตุ๊กตาตัวโปรด ของเล่นชิ้นโปรด สมุดวาดรูป สมุดเขียน และดินสอสีสารพัดสีสัน แต่ละคนขนออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วนำมากองรวมกันที่ห้อ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 94

    หน่วนหน่วน เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้อง ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเตือนสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง "คุณลุงคะ น้องอิงลั่ว ถ้าจะใช้กระทะไฟฟ้าหรือกาน้ำร้อน ห้ามใช้ช้อนที่ทำจากสเตนเลสหรือเหล็กลงไปสัมผัสโดยตรงเด็ดขาดนะคะ ให้ใช้กระบวยที่มีด้ามจับแบบนี้แทน ไม่อย่างนั้นไฟจะดูดเอาได้ ไฟดูดน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 93

    เธอเริ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเป็นกันเองเซ่าเวินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหนานด้วยความเกรงใจ เขาวางตะเกียบลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ "ผม...ผมชื่อเซ่าเวินครับ นี่ลูกสาวของผม เซ่าอิงลั่ว พวกเราเป็นคนกว่างโจวครับ" เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เสี่ยวหนานฟังด้วยความเจ็บ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 92

    ในระหว่างนั้น เสี่ยวเปากับอันเจ๋อ ก็ช่วยกันยกถาดอาหารที่แม่ตักให้มาวางไว้ที่โต๊ะ อาหารร้อน ๆ กลิ่นหอมฟุ้งเต็มโต๊ะไปหมด ส่วน เสี่ยวเป่ย ก็รีบไปหยิบน้ำอัดลมที่เพิ่งซื้อมาพร้อมกับนมอีก 4 กล่อง รวมถึงขนมปังที่แม่เตรียมไว้ให้เป็นขนมของพวกเขา เสี่ยวเป่ยก็แบ่งส่วนหนึ่งมาวางไว้ให้ด้วยพอหน่วนหน่วนพาสองพ่อลู

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 91

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 90

    สายตาของพนักงานสาวมองผ่านเพียงแค่วูบเดียว ก็ทำให้กิริยาของพนักงานเปลี่ยนไปในทันใด เธอกะพริบตาถี่ รีบยกมือขึ้นประสานพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย"เชิญคุณลูกค้าทางนี้เลยนะคะ ห้องพิเศษของเราพร้อมแล้วค่ะ!"พนักงานผายมืออย่างนอบน้อม แล้วเดินนำแขกกลุ่มใหญ่ผ่านโถงกลางร้านเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status