EP.3
ปัจจุบัน
"พี่นธี เนยขอติดรถไปข้างนอกด้วยได้มั้ย" ฉันมองเขาด้วยแววตาแห่งการร้องขอ ซึ่งเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
"อือ" พูดจบเขาก็หันไปทางไอ้พี่วีแล้วบอกเสียงเรียบ "กูไปก่อนนะ"
"เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้น้องเนย ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก" ไอ้สารเลวนั่นพูดแล้วยิ้มออกมา หากเป็นคนอื่นคงไม่รู้สึกอะไรและมองเป็นพี่ชายต่างสายเลือดที่แสนดี แต่ฉันมองรอยยิ้มนั้นแล้วรับรู้ได้ถึงการหมายจะคุกคามอยู่ตลอดเวลาของมัน
"ไม่ต้อง...ค่ะ" ฉันพูดเสียงเรียบแล้วรีบเดินลงจากบันไดโดยมีพี่นธีเดินตามมาเงียบ ๆ
พอมาถึงรถของเขาบ่อน้ำตาของฉันมันก็แตกทันที รีบนั่งลงกอดเข่าตัวเองและซุกหน้าลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
มันตกใจจนตั้งตัวไม่ทันเลย
ทั้งที่คิดว่าการหนีสิ่งเลวร้ายมาอยู่ที่นี่มันจะทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น แต่มัจจุราชที่แฝงมาในรูปแบบพี่ชายคนนั้นกลับตามฉันมาถึง ตรงนี้
ฉันไม่คิดจะหาคำตอบว่ามันมาอยู่นี่ได้ยังไง แต่ฉันควรหาทางไปจากมันให้ได้ดีกว่า
"..."ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่นธีเดินมาหยุดอยู่ข้างตัวฉัน เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ไม่คิดจะถามหรือสงสัยอะไรเลยนั่นอาจเป็นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว
"ขอบคุณนะคะที่เอามือถือมาคืน..." ฉันเงยหน้าขึ้นจากเข่า ปาดน้ำตาตัวเองออกลวก ๆ แล้วพูดโดยที่ไม่ได้แหงนมองว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหนและมองฉันยังไง
การที่เขายืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้กลับทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด แต่จะให้รบกวนเขามากกว่านี้มันคงจะเกินไป
"เนยไม่รบกวนพี่แล้วค่ะ เดี๋ยวเดินไปเอง" ฉันปาดน้ำตาออกจากแก้มอีกครั้งเพราะมันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล รีบเดินหันหลังออกมาจากตรงที่เขายืนมองอยู่
"ขึ้นรถ" คำพูดสั้น ๆ ที่เหมือนคำสั่งทำให้ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองเขาอีกครั้ง "จะไปส่ง"
"..." ฉันเม้มปากแน่นพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งบนรถเขา
แล้วพี่นธีก็ออกรถขับพาฉันมาร้านสะดวกซื้ออย่างที่ขอ เขาไม่พูดอะไรเลยเหมือนใช้ความคิดอยู่คนเดียวจนฉันเองก็ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ รบกวน
"ขอบคุณนะคะ" เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องกล่าวขอบคุณเขาในเวลาไม่กี่นาที
"..."
ฉันรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงตรงม้านั่งที่อยู่หน้าเซเว่น เวลานี้ยังมีคนเดินเข้าออกเพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยและนักศึกษาหลายคนเพิ่งจะกลับจากการไปท่องราตรี
ตรงนี้คือจุดที่ไม่ยอมหลับไหลและมันคงเป็นที่ที่ดีที่สุด
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้เกือบยี่สิบนาที รถของพี่นธีก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนจึงต้องลุกขึ้นไปหาเขาอีกรอบเพราะความสงสัย เคาะกระจกเบา ๆ สองสามทีเขาก็เลื่อนมันลงมองฉันพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
"พี่ไม่กลับเหรอ"
"แล้วไม่กลับ?" เขาถามย้อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมาก เปิดเบา ๆ ว่าสะดุ้งมิขึ้นกว่าเดิม
"ไม่ค่ะ เนยว่าจะอยู่นี่ ยังไม่อยากกลับ" ฉันตอบแล้วหลุบตาต่ำลง
"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมา "ขึ้นมา"
"คะ?" ยิ่งคุยด้วยฉันยิ่งไม่เข้าใจ พูดให้มันยาวกว่านี้ไม่ได้หรือไงนะ "จะไปส่งเนยเหรอคะ ไม่เป็นไร พี่กลับเลย"
"ขึ้นมา" เขาย้ำคำนั้นอีกครั้งน้ำเสียงที่ดุกว่าเดิม
"..." ฉันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ขึ้นไปนั่งบนรถเขาอีกรอบ "จะไปไหน ถ้าจะไปส่งหอเนยไม่ไปค่ะ"
"กลับคอนโด"
"คอนโดพี่เหรอคะ?!" จะว่าไปแล้วถ้าเป็นคอนโดพี่นธีรู้สึกว่าจะมีห้องรับรองด้านล่างซึ่งสามารถไปนั่งพักผ่อนตรงนั้นได้ ฉันเคยไปส่งญานินหลายครั้งจนจำได้ "เนยไปนั่งเล่นที่ห้องรับรองแขกก็ได้"
ฉันพูดแล้วยิ้มออกมา เขาก็ยังคงเงียบเหมือนเดิมแล้วขับรถออกไปจนถึงคอนโด
"เขาไม่ให้เข้า" พี่นธีบอกแล้วหันไปมองห้องรับรองที่ถูกล็อกเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขารู้อยู่แล้วหรอกเหรอ... แต่ทำไมยังปล่อยให้ฉันมาที่นี่
"เนยนั่งอยู่แถวนี้ก็ได้ค่ะ" ที่จริงฉันอยากจะไปขอความช่วยเหลือจากญานิน แต่ก็ไม่อยากให้ใครรับรู้ชีวิตที่น่าอับอายแบบนี้เลย
ฉันไม่อยากเอาความทุกข์ใจของตัวเองไปทำให้เพื่อนรู้สึกสงสารหรือลำบากใจ
"ขึ้นไปบนห้อง" คำพูดสั้น ๆ แต่กลับมีอิทธิพลกับฉันอยู่ตลอด
"ไม่เป็นไรค่ะเนยไม่อยากรบกวนแล้ว" พอฉันพูดจบคนที่ยืนอยู่ก็ตวัดสายตาคมเข้มนั้นมามอง เหมือนกับจะบอกว่าที่ฉันทำมานี้มันเกินคำว่ารบกวนไปแล้วและถ้าไม่ลุกไปด้วยเขาคงเริ่มหงุดหงิดอย่างแน่นอน
อย่างน้อย ๆ เขาก็คงจะดีกับฉันในฐานะเพื่อนของน้องสาวตัวเอง จะทิ้งเอาไว้แบบนี้ก็คงจะดูใจร้ายเกินไปล่ะมั้ง
สุดท้ายก็ต้องยอมลุกขึ้นและตามเขาขึ้นไปบนห้อง
แววตาคู่นั้นที่มองมาออกจะเย็นชาด้วยซ้ำไป ผู้ชายอย่างพี่นธีคงไม่คิดจะทำอะไรคนอย่างฉันหรอก ต่างจากไอ้หมอนั่นที่สายตาของมันแทบจะกินฉันไปทั้งตัวจนน่ารังเกียจ
"เนยขอนอนตรงนี้นะคะ" ฉันชี้ไปที่โซฟาตัวยาวแล้วยิ้มออกมาแต่คนที่มองอยู่กลับทำหน้านิ่งเหมือนเคยแล้วเดินไปทางอื่นเหมือนไม่ใส่ใจ
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบจึงถือว่าอนุญาตแล้วและเดินไปจับจองพื้นที่สำหรับพักกายในคืนนี้ทันที ถ้าให้กลับไปที่หอคิดว่าคงไม่ปลอดภัยแน่
เมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที
พี่นธีเข้าไปอาบน้ำและออกมาในชุดลำลองเป็นกางเกงวอมสีขาวกับเสื้อยืดสีดำ ที่จริงก็อยากจะอาบบ้างแต่ถ้าขออีกก็เกรงใจเหมือนกัน
"ผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้" เขาบอกแค่นั้นเหมือนรู้ทันความคิดฉัน แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง คงง่วงเต็มทน แล้วก็เงียบไปในที่สุด
พอชะเง้อคอมองก็เห็นเขานอนคว่ำหลับตาพริ้มกับหมอนใบใหญ่จึงย่องไปเปิดตู้อย่างเบามือหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่เหมือนยังไม่ถูกใช้งานออกมา
"ขอยืมเสื้อกับกางเกงได้มั้ยคะ"
"..." เขาครางตอบรับในลำคอเบา ๆ นึกว่าหลับสนิทไปแล้วซะอีกแค่แกล้งถามดูเท่านั้นเอง
พอออกมาก็เห็นพี่นธีนอนท่าเดิมตอนนี้คงหลับสนิทไปแล้วเพราะเขานอนนิ่งมากราวกับหยุดหายใจ
กว่าจะได้นอนก็เป็นเวลาตีสองกว่า โชคดีที่โซฟาตัวนี้กว้างและนุ่มกว่าเตียงที่หอพักราคาพันกว่าของฉันอีก จึงค่อนข้างหลับสบายพอสมควร
วันต่อมา
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่รู้สึกหลับเต็มอิ่มกว่าคืนไหน ๆ ผ้าห่มปริศนาถูกอยู่บนตัวฉันโดยไม่รู้ที่มา มันสร้างความอบอุ่นจนทำให้หลับยันเช้าจากตอนแรกที่หนาวเหน็บเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูของพี่นธีที่อยู่ในชุดเมื่อคืนดังขึ้น เขาเข้ามาพร้อมกับข้าวสองกล่องจากนั้นก็เอามันไปวางบนโต๊ะกินข้าว
"ข้าวผัดหมู คงกินได้" เขาพูดแค่นั้นแล้วนั่งแกะกล่องข้าวกินเงียบ ๆ
"เนยรบกวนเยอะเกินไปแล้ว"
"..." เขาไม่ตอบแต่นั่งกินข้าวกล่องนั้นอย่างไม่สนใจ ฉันเคยเห็นตอนเขาพูดเยอะกว่านี้นะ แต่กับเพื่อนสนิทอย่างพี่ทศกัณฐ์หรือไม่ก็กับน้องสาวอย่างญานินเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าตัวเองตื่นสายกว่าเจ้าของห้องจึงลุกขึ้นมานั่งตรงข้ามเขาแล้วดึงเอาข้าวอีกกล่องมาทานเงียบ ๆ
"พี่นธีชอบแมวมั้ย" ชวนคุยเพื่อคลายความอึดอัด
"ทำไม"
"ตอนเข้ามาเนยเห็นแมวน้อยตัวนึงน่าสงสารมากอยู่แถว ๆ ข้างบันได"
"แล้ว?" เขามองมาแบบนิ่งเงียบจนฉันแอบเกรงตัวไปด้วย แต่สายต่คู่นั้นก็เต็มไปด้วยคำถาม
"พี่ไม่อยากเลี้ยงมันเหรอ มันน่าสงสาร เหมือนมันจะอดอยาก"
"เลี้ยงไม่เป็น" เขาตอบแล้วตักข้าวเข้าปากคำโตและเคี้ยวมันอย่างเนิบนาบ
"เนยช่วยเลี้ยง" ฉันยิ้มกว้างส่งไปให้คนหน้านิ่งแต่พี่นธีกลับมองฉันแค่แว่บเดียวแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจ
"..."
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์