EP.2
“ไง น้องสาวคนสวย" คนคนนั้นพูดแล้วยิ้มมุมปากมองฉมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะกวาดสายตามองเรือนร่างภายใต้ชุดทำงานรัดรูป แต่เปลี่ยนเป็นใส่กางเกงยีนขายาวสวมทับไว้แล้วแต่ยังไงทุกอย่างยังคงรัดรูปเช่นเคย
"..." ฉันไม่ตอบพยายามก้าวถอยหลังออกมาห่าง ๆ แต่หมอนั่นกลับก้าวเข้ามาหาฉันด้วยความรวดเร็วแล้วขว้าข้อมือของฉันที่กำลังจะหันหลังวิ่งลงบันได
หมับ!
"จะไปไหน พี่มาหาถึงที่ขนาดนี้ มาคุยกันก่อนมั้ย" พูดจบมันก็พยายามฉุดกระชากตัวฉันเข้าไปในห้องแล้วปิดปากไม่ให้ร้องเสียงดังความรู้สึกหลายอย่างแล่นเข้ามาในหัวทั้งกลัว ทั้งรังเกียจและอยากเอาตัวรอด
ขณะที่ก็พยายามดิ้นรนออกจากเงื้อมมือของมัน
ฉันจับถุงรองเท้าส้นเตารีดไว้แน่นก่อนจะฟาดมันไปด้านหลังอย่างไม่มีเป้าหมายจนเกิดเสียงดัง ปึก! เหมือนมันกระทบกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้ชายสารเลวคนนั้น จนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุดเพราะมันยกมือขึ้นไปกุมศีรษะของตัวเองและร้องเสียงหลง
"เชี่ย!"
ตึก ตึก ตึก
ฉันรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันทีแต่มันก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ ยังคงวิ่งตามมาด้านหลัง ตอนนี้แข้งขาฉันที่สลับก้าวไปมามันแทบจะพันกันเพราะอยากเอาตัวรอด
ปึก
ร่างของฉันชนเข้ากับใครบางคนตอนถึงมุมเลี้ยวของบันไดชั้นสอง มือของเขารีบขว้าราวบันไดและรวบเอวฉันไว้ข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้หงายหลังกันทั้งคู่
"พี่นธี!" ฉันเบิกตากว้างเรียกชื่อของเขาก่อนจะรีบมุดหน้าลงกับแผงอกกว้างทันที "พี่นธีช่วยเนยด้วย!"
"..." เขาไม่ตอบอะไรอาจเพราะกำลังตกใจก่อนที่เสียงของไอ้วีจะดังขึ้น
"อ้าว ไอ้ธี"
'วี' คือลูกชายภรรยาคนใหม่ของพ่อ ที่ภายนอกเป็นผู้ชายสุดแสนจะดูดีแต่ใครจะรู้ว่ามันเลวขนาดไหน
"ไง" พี่นธีทักทายสั้น ๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง ฉันได้แต่มุดหน้าอยู่ตรงแผงอกกว้างที่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองและเขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้แสดงความเต็มใจด้วยการโอบหรือปกป้องแต่อย่างใด
"มึงอยู่หอนี้ด้วยเหรอ"
"เปล่า" พี่นธีตอบสั้นห้วนอีกตรั้งแล้วดันตัวฉันออก แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของฉันมาให้ "เอามือถือมาคืน"
ฉันมองมือถือของตัวเองในมือเขาที่ยื่นมาให้ ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ที่เขาได้ยังไง น่าจะทำหล่นก่อนหน้านี้ล่ะมั้ง
"ออ พอดีกูมาหาน้องสาวไม่คิดว่าจะมาเจอมึง" ไอ้เลวนั่นอยู่รุ่นเดียวกับพี่นธีตอนมัธยมเคยเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ดูภายนอกมันคือคนปกติทั่วไปแถมยังเป็นเด็กเรียนดี
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเลวกับฉันขนาดไหน หลายต่อหลายครั้งที่ฉันต้องหนีเอาตัวรอดเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทุเรศโสมมของคนคนนี้
หกเดือนก่อนหน้า
ตึก
เสียงผิดปกติบางอย่างดังขึ้นตรงหน้าประตูเรียกให้ฉันตื่นจากภวังค์ หลังจากที่เพิ่งจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะต้องเก็บของสำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้
กุกกัก กุกกัก
'!!' ฉันรีบลุกจากเตียงด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกได้ว่าคนคนนั้นกำลังพยายามไขประตูจากด้านนอกเข้ามา 'ใคร!'
'...' ไม่มีเสียงตอบกลับมา ประตูยังคงถูกคนคนนั้นพยายามที่จะเปิดมันเพราะฉันล็อกจากด้านในเอาไว้
เร็วเท่าความคิดขาของฉันจึงก้าวถอยหลังและหันกลับไปทางหน้าต่างก่อนจะเปิดมันและก้าวขาเพื่อหนีออกไปแต่กลับถูกมือใหญ่ของไอ้สารเลวคนนั้นคว้าเอาไว้ทันที
หมับ
'จะไปไหนน้องเนย'
'ปล่อย! ช่วยดะ...อื้อ อู้ ๆ ๆ ' มันรีบปิดปากของฉันไว้ก่อนจะลากเข้ามาในห้องอีกครั้งเหวี่ยงลงเตียงอย่างไม่ปราณีและกดลงกับฟุกด้วยมือทั้งสองข้างขณะที่ฉันยังคงพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช
ตอนนี้เสียงฟ้าร้องคำรามดังทั่วท้องฟ้าฝนที่ตกลงมาราวกับจะฉีกหัวใจของฉันออกเป็นชิ้น ๆ เพราะมันเป็นการเตือนว่าโอกาสรอดของฉันมันคงน้อยลงไปทุกที
ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่แม่เสียไปชีวิตฉันมันก็เหมือนไม่มีคุณค่าอีกเลย
'อย่าร้องไปเลย ไม่มีคนมาช่วยหรอก' คนตรงหน้ายิ้มเยาะก่อนจะปล่อยมือออกและทำท่าจะก้มลงมาจูบฉัน
'ไอ้xxx มึงปล่อยกู!'ฉันดิ้นสุดแรงยกศีรษะโขกกับจมูกของมันจนอีกคนร้องลั่น เมื่อได้โอกาสจึงรีบลนลานออกมาจากอ้อมแขนแข็งแรงแต่กลับเสียหลังล้มลงพื้น เปิดโอกาสให้มือนั้นก็ลากข้อเท้าของฉันเข้าไปหาอีกครั้ง
'กูพูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบแบบรุนแรงเหรอ!'
'ไอ้วี' ลูกชายเพียงคนเดียวของแม่ใหม่ที่พ่อเพิ่งจะพาเข้ามาอยู่บ้านได้ไม่ถึงปีพูดขึ้นด้วยความโกรธจัด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพยายามจะทำร้ายฉันแต่ครั้งนี้มันมีโอกาสที่จะทำสำเร็จมากพอ เพราะพ่อพาแม่ใหม่คนนั้นไปเที่ยวต่างจังหวัดและไอ้วีคนนี้กลับไปหาย่าที่บ้านเกิด ฉันไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาเพื่อที่จะมาทำแบบนี้จึงไม่ได้ระวังตัว
'กรี๊ด!! ช่วยด้วย!!' ฉันร้องสุดเสียงพยายามสู้รบกับมันแต่ก็ไม่เท่ากับแรงผู้ชายที่เป็นถึงนักกีฬาของโรงเรียน เสื้อผ้าของฉันถูกดึงทึ้งออกไปจากตัวจนฉีกขาดเหลือเพียงชั้นในบางสองชิ้นที่ปิดอะไรแทบไม่มิด
จังหวะที่มันกำลังจะก้มลงมาจูบฉัน เป็นเวลาที่มันทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนไม่สนใจจะปัดป้อง
ปึก!
เท้าเล็กถีบมันออกเต็มแรงจนเสียหลัก รีบวิ่งไปที่หัวเตียงหยิบมีดทำครัวที่เอามันซ่อนไว้เพื่อป้องกันตัวออกมา
'ห้ามเข้ามา!'
'หึ' มันหันมายิ้มแล้วค่อย ๆ ก้าวขาเข้ามาอย่างเชื่องช้าราวกับว่าไม่ได้กลัวสิ่งที่อยู่ในมือของฉันเลยซักนิดเดียว
อีกแค่วันเดียวเท่านั้น...
อีกแค่วันเดียวฉันก็จะหลุดพ้นไปจากที่นี่ได้ ฉันจะต้องรอดออกไปให้ได้
'ฉันแทงแน่!ถ้าแกเข้ามา'
'ฮ่า ๆ เอาเลย ต่อให้แทงฉันจนพรุนวันนี้เธอก็ไม่รอด' ร่างกำยำนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้ 'แล้วจะบอกทุกคนว่ายังไงดีนะ บอกว่าใครทำร้ายใครดี แล้วเธอก็จะไม่ได้ไปเรียนต่อ มันก็คุ้มค่าดีนะเพราะฉันจะได้เอาเธอไปตลอดในบ้านหลังนี้'
ฉันเงียบใช้ความคิดในมือกำมีดไว้แน่นจนสั่น
ตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่ก็ไม่ค่อยสนใจฉันอีกเลย สนใจแค่ผู้หญิงคนนั้นและไอ้ผู้ชายเลวตรงหน้าที่พออยู่ต่อหน้าพ่อแล้วมันคนเป็นดียิ่งกว่าเทพบุตร
ฉันเคยบอกพ่อหลายครั้งแล้วว่าผู้ชายคนนี้พยายามจะลวนลามฉันแต่มันก็กลายเป็นแค่ประโยคบอกเล่าที่ไม่มีความหมาย
พ่อไม่เชื่อแล้วยังคิดว่าฉันหาเรื่องลูกเลี้ยงเพราะไม่อยากให้พ่อมีผู้หญิงคนใหม่เพราะบุคลิกของวีต่อหน้าทุกคนคือคนดีเกินกว่าที่ฉันจะยัดเยียดความเลวแค่ปากเปล่าให้มันได้
หรือต้องรอให้ฉันสูญเสียทุกอย่างไปก่อนพ่อถึงจะเชื่อ…
'...' เมื่อทำอะไรมันไม่ได้จึงพลิกปลายมีดเข้าหาตัวเอง ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 'ห้ามเข้ามา ฮึกถ้าฉันทำอะไรแกไม่ได้ฉันก็ขอตายดีกว่าให้แกทำร้าย ไอ้สารเลว!'
'ฮ่า ๆ โง่จังเลยนะ ไม่อยากรู้เหรอว่าการเอากันมันสนุกขนาดไหน ถ้าได้ลองแล้วเนยจะไม่พูดว่าอยากตายแบบนี้นะครับ' มันไม่สนใจคำขู่ก้าวขาเข้ามาอีกก้าว แล้วพยายามจะขว้ามีดไป
วินาทีนั้นฉันคิดอะไรไม่ออก ถ้าฉันต้องตกเป็นของมันฉันยอมตายดีกว่า ยังไงพ่อก็ไม่ได้ต้องการฉันอยู่แล้วตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ชีวิตฉันมันมีค่ากับใครหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ฉึก!
จุดที่ฉันแทงลงไปเป็นหน้าท้องของตัวเองไม่รู้ว่ามันลึกแค่ไหนแต่มันทำให้ฉันล้มทั้งยืนได้ทันที เห็นภาพไอ้ผู้ชายคนนั้นยืนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแสงไฟในห้องก็ดับลงจนมืดสนิท
ผลัก! ตุบ!
อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครอีกคนพุ่งตัวเข้ามาต่อยกับมันในความมืดไม่นานร่างของฉันที่นอนอยู่บนพื้นก็ถูกช้อนขึ้นจากพื้นและไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกเลย
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์