บทที่ 2
ในค่ำคืนที่เงียบเหงา เกรซนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เตียงของยายจ๋าไม่ห่าง เพราะอยากให้ยายตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเธอ จะได้ดีใจ ทว่าเพราะความง่วงและอ่อนล้า เด็กสาวได้ฟุบหลับอย่างลืมตัวจนกระทั่งรุ่งเช้า แสงแดดสีเหลืองสาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาคู่สวย ปลุกให้เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาตื่นด้วยสีหน้างัวเงีย มือเล็กๆ ยกขึ้นปาดดวงตาให้มองอะไรชัดขึ้น จนเห็นว่ายายจ๋าฟื้นแล้ว “ยายตื่นแล้วเหรอคะ ทำไมยายไม่เรียกหนูละ” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นยายมองฉัน ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ “ยายอยากให้เกรซพักผ่อน เมื่อคืนคงเฝ้ายายจนดึกเลยใช่ไหม” ยายจ๋าเอ่ยถามก่อนจะจับมือเล็กๆ ของเกรซด้วยมือเหี่ยวย่น “ดึกนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร แค่ยายฟื้นเป็นปกติ หนูก็ดีใจมากแล้ว หมอบอกว่ายายต้องพักที่โรงพยาบาลสักระยะ ระหว่างนี้หนูจะดูแลยายเอง” หลังจากได้ยินที่เกรซบอก สีหน้าของยายจ๋าก็ดูเป็นกังวลเล็กน้อย ยายจ๋าถอนหายใจเบาๆ เพราะไม่อยากนอนโรงพยาบาลนาน “ยายอยากกลับบ้าน ค่ารักษาคงจะแพงน่าดูเลยนะ” ยายจ๋ากังวลเรื่องค่ารักษา เพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องมาแบกรับภาระเหล่านี้ สู้ไม่รักษาดีกว่า แต่เกรซกลับยิ้มกว้าง พร้อมกับจับมือยายด้วยสีหน้าสดใสไร้กังวล “แพงอะไรละยาย ที่นี่เขารักษาให้ฟรีค่ะ เขาบอกว่า อาการป่วยของยายแค่เล็กน้อย ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร” ฉันได้แต่ต้องยอมโกหกไปแบบนั้น เพราะกลัวยายจะไม่ยอมรักษา ส่วนหลังจากนี้ฉันคงต้องรีบหางานทำ จะได้เอาเงินมาจ่าย ไม่รู้เป็นเงินเท่าไหร่กัน “จริงเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้น ยายก็โล่งใจหน่อย” เกรซได้แต่ยิ้มจางๆ เก็บซ่อนความคิดเอาไว้ และอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนยายจ๋าจนถึงเวลากินอาหาร พยาบาลเข้ามาส่งอาหารพร้อมกับยาหลังอาหาร เมื่อยายจ๋ากินเสร็จ ก็งีบหลับไป “เดี๋ยวเชิญญาติตามพยาบาลไปที่เคาน์เตอร์ด้วยนะคะ” พยาบาลเอ่ยก่อนเดินนำออกจากห้อง »—⚝—« “นี่เป็นค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของคุณยายอนงค์ บุษบารำพัน ญาติสามารถชำระได้จนถึงวันสุดท้ายที่คุณยายออกจากโรงพยาบาลค่ะ” ฉันรับกระดาษแผ่นบางมา ก่อนจะกวาดสายตาอ่าน อย่างละเอียด “สะ...สองแสนO_O!” ตัวเลขที่เห็นเกินจากที่คาดการณ์เอาไว้อย่างมาก มือที่จับกระดาษตอนนี้อ่อนจนหล่นมาอยู่ข้างลำตัว เด็กสาวไม่รู้เลยว่าจะหาเงินก้อนโตขนาดนี้มาจากไหน ความเครียดจึงเริ่มผุดขึ้นในหัว และหนักกว่าทุกครั้ง “น้องเกรซ! ใช่น้องเกรซจริงๆ ด้วย เจ๊ดูตั้งนาน” สาวสองรูปร่างสูงใหญ่ผิวเข้มวัยสามสิบเดินเข้ามาทักทายด้วยน้ำเสียงวี้ดว้าย “เจ๊หงส์ มาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอคะ?” เจ๊หงส์เป็นคนรู้จัก เคยเจอกันแบบผ่านๆ หลายเดือนก่อน และเจ๊แกให้นามบัตรไว้ เผื่ออยากทำงานกับแก ทว่า ฉันก็ไม่เคยติดต่อกลับไป “พอดีเจ๊มาตรวจสุขภาพน่ะจ๊ะ แล้วเราละ มาทำอะไร” ฉันไม่รู้ทำไมถึงดูลำบากใจที่จะพูด เจ๊แกเลยชวนไปหาที่นั่งคุยกัน แถวๆ ระเบียงของโรงพยาบาล และบรรยากาศดูเงียบมีแค่พวกเราสองคน “พอดียายหนูไม่สบายค่ะ” ฉันตอบเรียบ ก่อนจะคิดขึ้นได้ถึงงานที่เจ๊หงส์เคยบอก ถ้าได้เงินดีคงมีทางหาเงินมาจ่ายค่ารักษาให้ยาย “เจ๊คะ ตอนนี้เจ๊ยังรับพนักงานอยู่ไหมคะ หนูสนใจทำงานกับเจ๊ค่ะ” ฉันไม่รู้หรอกว่างานที่เจ๊หงส์เคยบอกเป็นงานอะไร แต่ถ้ามันได้เงินฉันก็อยากลองทำ “เอ่ออออ....แน่ใจนะว่าจะทำงานกับเจ๊” เจ๊หงส์ดูลำบากใจเล็กน้อยแทนที่จะยินดี หรือเจ๊เขาไม่อยากรับเรากันนะ เราทำให้เจ๊แกลำบากใจรึเปล่า “แน่ใจค่ะ แต่ถ้าเจ๊มีพนักงานเยอะแล้ว ก็ไม่เป็นไรค่ะ” “....ฮ่าๆ” จากที่เจ๊หงส์ดูกังวล จู่ๆ ก็ยิ้มร่า พร้อมหัวเราะเล็กน้อย “เยอะอะไรกันละ อ่ะๆ ถ้าอยากทำ งั้นเจ๊รับก็ได้ แต่ว่าเราแน่ใจนะ จะมาเปลี่ยนใจหน้างานไม่ได้นะจ๊ะ” ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจอย่างมาก ต่อให้เป็นงานหนักฉันก็ยินดีทำ อย่างน้อยก็คุ้มค่ากับการได้ค่ารักษายาย คนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต “แน่ใจค่ะ หนูไม่เปลี่ยนใจแน่นอน” ฉันรีบรับปาก ก่อนที่เจ๊หงส์จะนัดวันเริ่มงาน ซึ่งเป็นวันพรุ่งนี้ตอนดึก ด้วยความดีใจ ความสงสัยที่ควรจะมีเลยหายไป เหลือแค่ความตื่นเต้นที่จะได้ทำงานบทที่ 4ติ่ง!เสียงประตูลิฟต์เปิดออก ทุกก้าวที่เดินรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งจนแทบย่างขาไม่ออก จมูกสวยถอนหายใจบางๆ ระหว่างเคลื่อนร่างเข้าไปในลิฟต์ กดหมายเลข ชั้น 76โรงแรมแห่งนี้ดูหรูหราอย่างมาก แขกที่มาพักก็คงจะกระเป๋าหนักไม่เบา ความคิดยังไม่ทันคลาย ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ตรงทางเดิน ซึ่งถูกปูด้วยพรมสีแดง ติดไฟคริสตัลสลัวตลอดแนว สองฝากฝั่งมีกระถางดอกไม้หรูหราวางประดับ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังแว่วอยู่ในอากาศ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้อง เบอร์ 609 มือเล็กหยิบกระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจหากผ่านประตูนี้ไป ความบริสุทธิ์ที่สงวนมาทั้งชีวิตก็คงจบสิ้นแล้ว ฉันได้แต่คิดเสียดาย ทว่าตอนนี้ ฉันเลือกเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับ ขอโทษนะจ๊ะยายก๊อก ก๊อก ก๊อกเมื่อสลัดความคิดในหัวลงได้ ก็ไม่รอช้าที่จะยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งและยืนรอไม่ถึงห้าวินาที ก็มีคนมาเปิดประตู“มาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเลย” ทันทีที่ประตูเปิดออกเกรซกลับต้องตกใจกับความรีบร้อนของผู้ชายในชุดสูทสีดำ เขากระชากมือเธอเข้ามาในห้องก่อนจะรีบล็อกประตู“ไม่คิดว่าคนที่ไอ้ดินหามา จะเป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยขนาดนี้”แมกซ์ ชายวัยสามสิบปี ค
บทที่ 3@วันต่อมารถแท็กซี่ขับแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรู สถานที่ที่เจ๊หงส์นัดให้เกรซมาทำงานในคืนนี้ หลังจากยื่นเงินให้คนขับ เธอก็รีบย่างลงจากรถ หันซ้ายหันขวามองหาเจ๊หงส์ ที่บอกว่ามารออยู่ก่อนแล้ว“เกรซ ทางนี้!” เสียงที่คุ้นหูดังมาจากด้านในโรงแรม เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นเจ๊หงส์ เดินมาพร้อมถุงดระดาษหนึ่งใบ สีหน้าก็ยิ้มร่า“เอานี่ รีบไปเปลี่ยนชุด จะได้เริ่มงาน” มือใหญ่ยื่นถุงกระดาษให้ ฉันเลยรีบรับมาแบบงึกงัก คิดว่าคงเป็นชุดที่ใส่ทำงาน จะได้เหมือนกับคนอื่นๆ“แล้วหนูต้องเปลี่ยนชุดตรงไหนเหรอคะ” เกรซถามโดยไม่ได้เปิดดูชุดในถุงก่อนว่าเป็นชุดแบบไหน“ทางนั้นเลย รีบหน่อยนะ ลูกค้ามารอนานแล้ว”นิ้วเรียวชี้ไปด้านขวามือ ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ไปห้องน้ำ คนตัวเล็กก็รีบสาวเท้าจ้ำอ้าว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเงียบๆ ทันทีที่เปิดถุง หยิบชุดขึ้นมาดู ดวงตาคู่สวยถึงกับนิ่งงัน“นี่ คือชุดที่ต้องใส่ทำงานเหรอ?” ฉันแอบกังวลกับชุดเดรสสีแดงสั้นเสมอขาอ่อน แถมยังเป็นแบบเกาะอกไร้สาย หากสวมคงเผยส่วนเว้าส่วนโค้ง ของร่างกายแบบชัดเจน“เกรซเสร็จรึยัง?”ปังๆๆๆ เจ๊หงส์เห็นว่าเกรซแต่งตัวนาน จึงเคาะประตูเร่งเร้า ทำให้เกรซสะดุ้
บทที่ 2ในค่ำคืนที่เงียบเหงา เกรซนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เตียงของยายจ๋าไม่ห่าง เพราะอยากให้ยายตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเธอ จะได้ดีใจ ทว่าเพราะความง่วงและอ่อนล้า เด็กสาวได้ฟุบหลับอย่างลืมตัวจนกระทั่งรุ่งเช้าแสงแดดสีเหลืองสาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาคู่สวย ปลุกให้เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาตื่นด้วยสีหน้างัวเงีย มือเล็กๆ ยกขึ้นปาดดวงตาให้มองอะไรชัดขึ้น จนเห็นว่ายายจ๋าฟื้นแล้ว “ยายตื่นแล้วเหรอคะ ทำไมยายไม่เรียกหนูละ” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นยายมองฉัน ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ “ยายอยากให้เกรซพักผ่อน เมื่อคืนคงเฝ้ายายจนดึกเลยใช่ไหม” ยายจ๋าเอ่ยถามก่อนจะจับมือเล็กๆ ของเกรซด้วยมือเหี่ยวย่น“ดึกนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร แค่ยายฟื้นเป็นปกติ หนูก็ดีใจมากแล้ว หมอบอกว่ายายต้องพักที่โรงพยาบาลสักระยะ ระหว่างนี้หนูจะดูแลยายเอง”หลังจากได้ยินที่เกรซบอก สีหน้าของยายจ๋าก็ดูเป็นกังวลเล็กน้อย ยายจ๋าถอนหายใจเบาๆ เพราะไม่อยากนอนโรงพยาบาลนาน“ยายอยากกลับบ้าน ค่ารักษาคงจะแพงน่าดูเลยนะ” ยายจ๋ากังวลเรื่องค่ารักษา เพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องมาแบกรับภาระเหล่านี้ สู้ไม่รักษาดีกว่า แต่เกรซกลับยิ้มกว้าง พร้อมกับจับมือยายด้วยสีหน้าสดใสไร้กังวล“แพ
บทที่ 1ดวงตาคู่สวยก้มลงมองเนื้อหาในกระดาษด้วยความทุกข์ใจแล่นพล่านอยู่ในหัว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว หากไม่ได้จ่ายค่าเทอมภายในเดือนนี้ คงจะโดนไล่ออกแน่ ที่เรียนมาทั้งหมดก็เท่ากับว่าสูญเปล่าแล้วจริงๆ“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องหาเงินค่าเทอมมาจ่าย ยายจะต้องสบาย ถ้าฉันเรียนจบมีงานดีๆ ทำ”ความหวังที่มีทำให้เกรซฮึดสู้ เธอรีบเก็บกระดาษใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ »—⚝—«ภายในห้องครัวโรงทำขนม ตอนนี้ขนมหลายอย่างถูกจัดวางในจาน รูปทรงหลากหลาย มีทั้งขนมทองหยิบทองหยอด ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมห่อ ข้าวต้มมัด สังขยาฝักทอง มันเชื่อม กล้วยบวชชี ขนมต้ม หม้อแกงและอีกสามสี่อย่าง ดูน่าทานและสวยงามอย่างมากมือเหี่ยวย่นยกขึ้นปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนแคร่ไม้ หยิบน้ำในขันขึ้นมาดื่มดับกระหาย ขอบขันยังไม่ทันจะถึงกลีบปาก มือที่ยกขันก็สั่นอ่อนแรงขึ้นมากระทันหัน ดวงตาพร่ามัว และวูบหมดสติไป“ยาย!!!” เกรซเดินออกมาเห็น ก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ รีบวิ่งเข้าไปพยุงยายจ๋า แล้วเขย่าเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเงียบสนิท ดวงตาคู่สวยเริ่มน้ำตาคลอเบ้า เพราะกลัวว่ายายจะเป็นอะไรไป “ยาย
บทนำจอมพล X เกรซยายจ๋า ผู้มีพระคุณของเกรซล้มป่วย ภาระทั้งหมดในบ้าน เกรซจึงเป็นผู้ดูแล ไหนจะค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเงินกู้ และค่ารักษาพยาบาลของยาย จำนวนสองแสนบาท ทำให้เกรซต้องคิดหาเงินมาจ่าย จนได้เจอกับเจ๊หงส์โดยบังเอิญ และจำได้ว่าเจ๊หงส์เคยให้นามบัตรชวนเธอไปทำงานด้วย ยังไม่ทันจะได้ถามว่างานอะไร เกรซก็รีบเอ่ยปากตกลง แต่เมื่อไปถึงหน้างานจริง เกรซกลับต้องสงสัย และถามจนได้รู้ว่า มันคืองานขายบริการทางเพศ เกรซจึงรีบปฏิเสธทันที แต่เจ๊หงส์ก็ยังเซ้าซี้และเอาเรื่องเงินมาเล้าโลม บอกยอมแค่คืนเดียวจะให้เงินสองแสน ด้วยความใจอ่อนและอยากได้เงิน เกรซจึงยอมตกลง และจุดนี้คือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอด »———⚝———«(ชีวิตของเด็กกำพร้า)ช่วงเวลาเย็น แดดอุ่นส่องลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ หน้าประตูบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้เงียบสงบ แต่รอบๆ กลับเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ปลูกตกแต่งสวยงามเพื่อเอาไว้ขาย ต้นไม้หลากชนิดถูกจัดวางอย่างตั้งใจราวกับเจ้าของบ้านดูแลมันทุกวัน ใกล้รั้วมีแปลงผักเล็กๆ และไม้เลื้อยเก่าๆ ที่แตกใบออกดอกห้อยระย้าไหวเบาๆ ตามแรงลม กลิ่นหอมจางๆ ลอยมากับอากาศ เหมือนบ้านนี้มีชีวิตของมันเอ