บทที่ 1
ดวงตาคู่สวยก้มลงมองเนื้อหาในกระดาษด้วยความทุกข์ใจแล่นพล่านอยู่ในหัว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว หากไม่ได้จ่ายค่าเทอมภายในเดือนนี้ คงจะโดนไล่ออกแน่ ที่เรียนมาทั้งหมดก็เท่ากับว่าสูญเปล่าแล้วจริงๆ “ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องหาเงินค่าเทอมมาจ่าย ยายจะต้องสบาย ถ้าฉันเรียนจบมีงานดีๆ ทำ” ความหวังที่มีทำให้เกรซฮึดสู้ เธอรีบเก็บกระดาษใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ »—⚝—« ภายในห้องครัวโรงทำขนม ตอนนี้ขนมหลายอย่างถูกจัดวางในจาน รูปทรงหลากหลาย มีทั้งขนมทองหยิบทองหยอด ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมห่อ ข้าวต้มมัด สังขยาฝักทอง มันเชื่อม กล้วยบวชชี ขนมต้ม หม้อแกงและอีกสามสี่อย่าง ดูน่าทานและสวยงามอย่างมาก มือเหี่ยวย่นยกขึ้นปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนแคร่ไม้ หยิบน้ำในขันขึ้นมาดื่มดับกระหาย ขอบขันยังไม่ทันจะถึงกลีบปาก มือที่ยกขันก็สั่นอ่อนแรงขึ้นมากระทันหัน ดวงตาพร่ามัว และวูบหมดสติไป “ยาย!!!” เกรซเดินออกมาเห็น ก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ รีบวิ่งเข้าไปพยุงยายจ๋า แล้วเขย่าเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเงียบสนิท ดวงตาคู่สวยเริ่มน้ำตาคลอเบ้า เพราะกลัวว่ายายจะเป็นอะไรไป “ยาย ฮื้อๆๆ ยายอย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆ” เกรซร้องไห้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบวิ่งไปหาน้าองุ่น ซึ่งเป็นน้าบ้านข้างๆ ให้มาช่วยเหลือ และหามคุณยายส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา »—⚝—« (หน้าห้องฉุกเฉิน) เกรซนั่งรอ ดวงตามองประตูไม่ยอมละไปไหน เพื่อรอหมอที่รักษายายจะเดินออกมา มือเล็กๆ กำแน่น ดวงตาหมองช้ำเพราะร้องไห้อยู่นานด้วยความเป็นห่วงยายจ๋า “เกรซ ยายคงจะแค่เป็นลม คงไม่เป็นอะไรร้ายแรงหรอก อย่าคิดมากเลยนะลูกนะ” หญิงวัยห้าสิบปี หน้าตาดูเป็นคนใจดีเอ่ยกับเกรซ พร้อมกับจับมือปลอบโยนเธอ ด้วยความเอ็นดู “ขอบคุณน้าองุ่นมากนะคะ ที่ช่วยพายายมาส่งโรงพยาบาล” น้าองุ่นเป็นเพื่อนบ้านจิตใจดี มักจะทำนู่นทำนี่มาฝากเกรซกับยายบ่อยๆ และเป็นที่พึ่งให้กับสองยายหลานเสมอมา เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเหมือนเช่นวันนี้ ก็เป็นน้าองุ่นนี่แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วย น้าองุ่นเรียกได้ว่า เปรียบดั่งญาติคนนึงของเกรซเลยก็ว่าได้ “เรื่องเล็กน้อยเองลูก มีอะไรก็บอกน้าได้ตลอดนะ ยังไงเราก็คนกันเอง” ความใจดีของน้าองุ่น ฉันจดจำไว้อย่างดี หากมีโอกาสจะต้องตอบแทนบุญแน่นอน ทว่าตอนนี้ได้แต่ภาวนา ขอให้ยายจ๋าอย่าเป็นอะไรเลยนะ “หมอออกมาแล้วเกรซ” ทันทีที่เห็นคุณหมอเดินออกมา ฉันไม่รอช้าที่จะรีบลุกขึ้นไปถามอาการของยายจ๋า ในใจยังคงมีความกลัวซ่อนไว้ แต่ก็ได้แต่ฝืนยิ้มจางๆ ฟังคำของคุณลุงหมอ “คนไข้พักผ่อนน้อย เลยทำให้หมดสติ และยังมีโรคเรื้อรังที่ต้องรักษา ยังไงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะนะครับ” คำพูดของคุณลุงหมอเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ถูกยกออกจากอก ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบขอบคุณคุณลุงหมอยกใหญ่ หากวันนี้ยายเป็นอะไรไป ฉันคงเสียใจมากแน่ๆ “ขอบคุณคุณหมอมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณนะคะ” เมื่อผลตรวจเสร็จสิ้นคืนนี้ ฉันคงต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเพื่อนยาย ส่วนน้าองุ่น น้าคงไม่สามารถอยู่กับเราได้เพราะน้าก็มีลูกและสามีรออยู่ที่บ้าน “เกรซเฝ้ายายจ๋าคนเดียวได้ค่ะน้าองุ่น” ฉันเห็นสีหน้าลำบากใจของน้าองุ่น จึงยิ้มให้บางๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้าองุ่นกลับไปดูแลน้องส้มกับคุณลุงเถอะค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเขาคงเป็นห่วงแย่เลย” “แน่ใจนะ ว่าไม่ให้น้าอยู่เป็นเพื่อน” “แน่ใจค่ะ” “งั้นถ้ามีอะไรก็โทรหาน้านะลูก” น้าองุ่นเห็นว่าฉันเป็นเด็ก น้าจึงไม่วางใจที่จะทิ้งพวกเราไว้ ทว่าฉันจะเอาเปรียบความใจดีของน้าองุ่นได้ยังไงกัน “วางใจเถอะค่ะ หนูดูแลยายจ๋าได้ น้าองุ่นขับรถกลับดีๆนะคะ” “จ้ะ งั้นน้าไปก่อนนะ” หลังจากน้าองุ่นกลับไป ยายจ๋าก็ได้ถูกย้ายออกมาที่ห้องพักฟื้นบทที่ 4ติ่ง!เสียงประตูลิฟต์เปิดออก ทุกก้าวที่เดินรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งจนแทบย่างขาไม่ออก จมูกสวยถอนหายใจบางๆ ระหว่างเคลื่อนร่างเข้าไปในลิฟต์ กดหมายเลข ชั้น 76โรงแรมแห่งนี้ดูหรูหราอย่างมาก แขกที่มาพักก็คงจะกระเป๋าหนักไม่เบา ความคิดยังไม่ทันคลาย ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ตรงทางเดิน ซึ่งถูกปูด้วยพรมสีแดง ติดไฟคริสตัลสลัวตลอดแนว สองฝากฝั่งมีกระถางดอกไม้หรูหราวางประดับ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังแว่วอยู่ในอากาศ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้อง เบอร์ 609 มือเล็กหยิบกระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจหากผ่านประตูนี้ไป ความบริสุทธิ์ที่สงวนมาทั้งชีวิตก็คงจบสิ้นแล้ว ฉันได้แต่คิดเสียดาย ทว่าตอนนี้ ฉันเลือกเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับ ขอโทษนะจ๊ะยายก๊อก ก๊อก ก๊อกเมื่อสลัดความคิดในหัวลงได้ ก็ไม่รอช้าที่จะยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งและยืนรอไม่ถึงห้าวินาที ก็มีคนมาเปิดประตู“มาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเลย” ทันทีที่ประตูเปิดออกเกรซกลับต้องตกใจกับความรีบร้อนของผู้ชายในชุดสูทสีดำ เขากระชากมือเธอเข้ามาในห้องก่อนจะรีบล็อกประตู“ไม่คิดว่าคนที่ไอ้ดินหามา จะเป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยขนาดนี้”แมกซ์ ชายวัยสามสิบปี ค
บทที่ 3@วันต่อมารถแท็กซี่ขับแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรู สถานที่ที่เจ๊หงส์นัดให้เกรซมาทำงานในคืนนี้ หลังจากยื่นเงินให้คนขับ เธอก็รีบย่างลงจากรถ หันซ้ายหันขวามองหาเจ๊หงส์ ที่บอกว่ามารออยู่ก่อนแล้ว“เกรซ ทางนี้!” เสียงที่คุ้นหูดังมาจากด้านในโรงแรม เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นเจ๊หงส์ เดินมาพร้อมถุงดระดาษหนึ่งใบ สีหน้าก็ยิ้มร่า“เอานี่ รีบไปเปลี่ยนชุด จะได้เริ่มงาน” มือใหญ่ยื่นถุงกระดาษให้ ฉันเลยรีบรับมาแบบงึกงัก คิดว่าคงเป็นชุดที่ใส่ทำงาน จะได้เหมือนกับคนอื่นๆ“แล้วหนูต้องเปลี่ยนชุดตรงไหนเหรอคะ” เกรซถามโดยไม่ได้เปิดดูชุดในถุงก่อนว่าเป็นชุดแบบไหน“ทางนั้นเลย รีบหน่อยนะ ลูกค้ามารอนานแล้ว”นิ้วเรียวชี้ไปด้านขวามือ ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ไปห้องน้ำ คนตัวเล็กก็รีบสาวเท้าจ้ำอ้าว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเงียบๆ ทันทีที่เปิดถุง หยิบชุดขึ้นมาดู ดวงตาคู่สวยถึงกับนิ่งงัน“นี่ คือชุดที่ต้องใส่ทำงานเหรอ?” ฉันแอบกังวลกับชุดเดรสสีแดงสั้นเสมอขาอ่อน แถมยังเป็นแบบเกาะอกไร้สาย หากสวมคงเผยส่วนเว้าส่วนโค้ง ของร่างกายแบบชัดเจน“เกรซเสร็จรึยัง?”ปังๆๆๆ เจ๊หงส์เห็นว่าเกรซแต่งตัวนาน จึงเคาะประตูเร่งเร้า ทำให้เกรซสะดุ้
บทที่ 2ในค่ำคืนที่เงียบเหงา เกรซนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เตียงของยายจ๋าไม่ห่าง เพราะอยากให้ยายตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเธอ จะได้ดีใจ ทว่าเพราะความง่วงและอ่อนล้า เด็กสาวได้ฟุบหลับอย่างลืมตัวจนกระทั่งรุ่งเช้าแสงแดดสีเหลืองสาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาคู่สวย ปลุกให้เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาตื่นด้วยสีหน้างัวเงีย มือเล็กๆ ยกขึ้นปาดดวงตาให้มองอะไรชัดขึ้น จนเห็นว่ายายจ๋าฟื้นแล้ว “ยายตื่นแล้วเหรอคะ ทำไมยายไม่เรียกหนูละ” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นยายมองฉัน ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ “ยายอยากให้เกรซพักผ่อน เมื่อคืนคงเฝ้ายายจนดึกเลยใช่ไหม” ยายจ๋าเอ่ยถามก่อนจะจับมือเล็กๆ ของเกรซด้วยมือเหี่ยวย่น“ดึกนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร แค่ยายฟื้นเป็นปกติ หนูก็ดีใจมากแล้ว หมอบอกว่ายายต้องพักที่โรงพยาบาลสักระยะ ระหว่างนี้หนูจะดูแลยายเอง”หลังจากได้ยินที่เกรซบอก สีหน้าของยายจ๋าก็ดูเป็นกังวลเล็กน้อย ยายจ๋าถอนหายใจเบาๆ เพราะไม่อยากนอนโรงพยาบาลนาน“ยายอยากกลับบ้าน ค่ารักษาคงจะแพงน่าดูเลยนะ” ยายจ๋ากังวลเรื่องค่ารักษา เพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องมาแบกรับภาระเหล่านี้ สู้ไม่รักษาดีกว่า แต่เกรซกลับยิ้มกว้าง พร้อมกับจับมือยายด้วยสีหน้าสดใสไร้กังวล“แพ
บทที่ 1ดวงตาคู่สวยก้มลงมองเนื้อหาในกระดาษด้วยความทุกข์ใจแล่นพล่านอยู่ในหัว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว หากไม่ได้จ่ายค่าเทอมภายในเดือนนี้ คงจะโดนไล่ออกแน่ ที่เรียนมาทั้งหมดก็เท่ากับว่าสูญเปล่าแล้วจริงๆ“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องหาเงินค่าเทอมมาจ่าย ยายจะต้องสบาย ถ้าฉันเรียนจบมีงานดีๆ ทำ”ความหวังที่มีทำให้เกรซฮึดสู้ เธอรีบเก็บกระดาษใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ »—⚝—«ภายในห้องครัวโรงทำขนม ตอนนี้ขนมหลายอย่างถูกจัดวางในจาน รูปทรงหลากหลาย มีทั้งขนมทองหยิบทองหยอด ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมห่อ ข้าวต้มมัด สังขยาฝักทอง มันเชื่อม กล้วยบวชชี ขนมต้ม หม้อแกงและอีกสามสี่อย่าง ดูน่าทานและสวยงามอย่างมากมือเหี่ยวย่นยกขึ้นปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนแคร่ไม้ หยิบน้ำในขันขึ้นมาดื่มดับกระหาย ขอบขันยังไม่ทันจะถึงกลีบปาก มือที่ยกขันก็สั่นอ่อนแรงขึ้นมากระทันหัน ดวงตาพร่ามัว และวูบหมดสติไป“ยาย!!!” เกรซเดินออกมาเห็น ก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ รีบวิ่งเข้าไปพยุงยายจ๋า แล้วเขย่าเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเงียบสนิท ดวงตาคู่สวยเริ่มน้ำตาคลอเบ้า เพราะกลัวว่ายายจะเป็นอะไรไป “ยาย
บทนำจอมพล X เกรซยายจ๋า ผู้มีพระคุณของเกรซล้มป่วย ภาระทั้งหมดในบ้าน เกรซจึงเป็นผู้ดูแล ไหนจะค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเงินกู้ และค่ารักษาพยาบาลของยาย จำนวนสองแสนบาท ทำให้เกรซต้องคิดหาเงินมาจ่าย จนได้เจอกับเจ๊หงส์โดยบังเอิญ และจำได้ว่าเจ๊หงส์เคยให้นามบัตรชวนเธอไปทำงานด้วย ยังไม่ทันจะได้ถามว่างานอะไร เกรซก็รีบเอ่ยปากตกลง แต่เมื่อไปถึงหน้างานจริง เกรซกลับต้องสงสัย และถามจนได้รู้ว่า มันคืองานขายบริการทางเพศ เกรซจึงรีบปฏิเสธทันที แต่เจ๊หงส์ก็ยังเซ้าซี้และเอาเรื่องเงินมาเล้าโลม บอกยอมแค่คืนเดียวจะให้เงินสองแสน ด้วยความใจอ่อนและอยากได้เงิน เกรซจึงยอมตกลง และจุดนี้คือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอด »———⚝———«(ชีวิตของเด็กกำพร้า)ช่วงเวลาเย็น แดดอุ่นส่องลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ หน้าประตูบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้เงียบสงบ แต่รอบๆ กลับเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ปลูกตกแต่งสวยงามเพื่อเอาไว้ขาย ต้นไม้หลากชนิดถูกจัดวางอย่างตั้งใจราวกับเจ้าของบ้านดูแลมันทุกวัน ใกล้รั้วมีแปลงผักเล็กๆ และไม้เลื้อยเก่าๆ ที่แตกใบออกดอกห้อยระย้าไหวเบาๆ ตามแรงลม กลิ่นหอมจางๆ ลอยมากับอากาศ เหมือนบ้านนี้มีชีวิตของมันเอ