ด้านชาลิตก็แต่งตัวแบบหนุ่มเซอร์ๆพร้อมกับกระเป๋าเป้หนึ่งใบเดินทางจากกระบี่มากรุงเทพ หลังจากที่เขาไปอยู่เกาะมานานถึงหกเดือนแบบไม่กลับบ้าน จนไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของเขานั้นป่วยหนักขนาดไหน
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เมธาวีแอร์สาวสุดสวยในวันนี้เอ่ยถามลูกค้าในชั้นเฟิร์สคลาสออกไปด้วยรอยยิ้ม แล้วคิดในใจว่าหน้าตาแบบนี้ไม่หน้าจะมานั่งชั้นแบบนี้ได้ แต่ก็อย่างว่าแหละคนเรามันมองแค่ภายนอกไม่ได้
ชาลิตที่กำลังจะนอนเงยหน้าขึ้นมามองแอร์สาวที่คุยกับเขา แล้วก็เจอหน้าสวยๆยืนยิ้มให้เขาแบบน่ารัก เขาก็มองเธอแบบเฉยๆเพราะเมื่อก่อนสวยกว่านี้เขาก็เอาขึ้นเตียงมาแล้ว
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ชาลิตพูดจบก็หันตัวไปทางกระจกหน้าต่างแล้วเอนตัวนอนแบบสบายๆอย่างไม่สนใจแอร์สาวเลยสักนิด จนเมธาวีอึ้งที่เธอสวยขนาดนี้แล้วยังถูกลูกค้าหน้าตาบ้านๆแบบนี้เมิน ทั้งๆที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะพูดจีบเธอทั้งนั้น
“ค่ะ” เมธาวีกัดฟันพูดบอกเจ็บใจแล้วก็ฉีกยิ้มออกไป แล้วก็เดินกลับไปหาเพื่อนอีกคนที่ถูกชายหนุ่มคนนี้ปฏิเสธไปก่อนหน้านี้
“ไงล่ะแก ฉันบอกแกแล้วว่าเขาหยิ่ง ฉันไปถามแล้วเขาก็เมินแบบนี้เลย จ่ายมาตังแพงไม่กินอะไรเลยสักอย่าง เอาแต่นอนหลับอย่างเดียวเลยอ่ะแก ” เพื่อนสาวของเมธาวีพูดบอกแบบอดไม่ได้ หลังจากแอบมองอยู่นาน เพราะค้าลูกคนอื่นๆเขาก็รับอาหารดื่มแชมเปญกันตามปกติ ก็มีแค่ผู้ชายหน้าโหดคนนั้นแหละที่ไม่ยอมดื่มหรือกินอาหารรับรองอะไรเลย
“ฉันก็ไม่เคยโดนเมินแบบนี้มาก่อนเหมือนกันนั่นแหละ คิดว่าหล่อมากหรือไง” เมธาวีพูดไปแบบเสียฟอร์มที่เธอถูกเมิน
“แต่เขาก็เข้มๆคมๆนะแก ถ้าโกนหนวดโกนเคราดีๆนะ ฉันว่าแซ่บอยู่นะ รูปร่างก็ออกจะดูดี เขาเมินก็อย่าไปโมโหเขาสิยะ แกอาจจะไม่สวยในสายตาเข้าก็ได้ ฮ่าๆ” เพื่อนของเมธาวีพูดออกไปแล้วยิ้มไปอย่างสะใจ สมน้ำหน้า มั่นใจว่าสวยดีนักเจอคนแบบนี้เข้าให้
“เออๆ แกดูแลไอ้บ้านั่นเลยนะ ฉันไม่อยากไปถามอะไรเขาแล้ว” เมธาวีพูดออกไปแล้วไปนั่งพักทันที ก่อนจะแลมองไปที่ผู้ชายคนนั้นแบบโมโห เพราเขานั่งด้านหน้าพวกเธอนี่เอง
ด้านชาลิตก็ได้ยินทุกอย่างที่สาวแอร์ฮอสเตสพูดกัน เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะขี้เกียจจะมีปัญหา จากนั้นเขาก็นั่งเครื่องจนกระทั่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แอร์สาวก็ยืนยิ้มขอบคุณเขาก่อนออกมา
“ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้ามาใช้บริการสายการบินของเราอีกนะคะ” เมธาวีและเพื่อนพูดบอกไปแล้วก็ยกมือไหว พร้อมกับฉีกยิ้มออกไปให้กับลูกค้าที่เมินพวกเธอตอนอยูบนเครื่อง
“ทีหลังถ้าลูกค้าไม่รับอะไรก็อย่าเอาไปพูดเม้าท์เลยนะครับ มันเสียมารยาท” ชาลิตพูดจบก็เดินสะพายเป้อกมา แล้วปล่อยให้แอร์สาวทั้งสองคนยืนอึ้งอยู่ตรงประตูทางออก
ส่วนเขาก็ยิ้มมุมปากแบบขำๆแล้วเดินออกมาแบบชิวๆ พอออกมาก็เห็นชาติคนขับรถของที่บ้านมายืนรอรับเขาแล้ว
“สวัสดีคุณใหญ่ครับ มารอบนี้ผมเกือบจำไม่ได้เลยครับ เชิญครับๆรถอยู่ด้านหน้าแล้วครับ” ชาติเอ่ยทักทายนายน้อยไปแบบเกร็งๆ เพราะรอบนี้ชาลิตมาแบบหนวดเคราเข้มๆแบบโหดๆ
“เออ ฉันก็ลืมโกนหนวดมาน่ะ ยัยเล็กโทรไปตามมาด่วนก็เลยรีบออกมาเลยไม่ทันได้ทำอะไร เดี๋ยวค่อยไปทำที่บ้านละกัน แล้วพ่อฉันเป็นยังไงบ้าง” ชาลิตพูดบอกไปแล้วก็เดินตามคนขับรถของบ้านที่เขาเองก็รู้จักมานาน
“อ่อ คือ คุณท่าน อ่อ ผมว่าคุณใหญ่ไปดูเองจะดีกว่าครับ” ชาติพูดไปแบบตะกุตะกัก เพราะไม่รู้ว่าจะบอกยังไง เพราะนายท่านไม่ได้ป่วยสักหน่อย เมื่อเช้ายังให้เขาขับรถไปบ้านคุณนายอภิรดีอยู่เลย
“เออๆ งั้นก็รีบไป ฉันจะไปดูพ่อฉัน” ชาลิตพูจบก็โยนกระเป่าให้ชาติรับไป แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันหรูทันที จากนั้นก็นอนพักสายตาแบบเหนื่อยๆ เมื่อคิดไปว่าเขาจะต้องอึดอัดขนาดไหน ตอนที่เจอโยธกากับลูกพี่ลูกน้องของเขา
ส่วนชาติก็รีบเอากระเป๋าไปแล้วรีบขึ้นมาบนรถ พร้อมกับเอากระเป๋าวางไว้ข้างคนขับแล้วรีบขับรถพานายน้อยกลับไปที่บ้าน เพราะกว่าจะฝ่าฟันรถติดกลับไปก็คงจะเย็นพอดี
ด้านพิชามลพอรู้ว่าหลานชายกำลังจะกลับมาจากใต้ เธอก็สั่งแม่บ้านให้เตรียมอาหารเย็นต้อนรับหลานชายอย่างตื่นเต้น เพราะเธอเองก็รักชาลิตไม่ต่างจากลูกชายของเธอเลย
“วันนี้ลงมือทำเองเลยเหรอคะคุณแม่ สงสัยมื้อนี้โยคงต้องล้างท้องรอแล้วมั้งคะเนี่ย” โยธกาเดินเข้ามาเอ่ยถามแม่สามีออกไปแบบเป็นกันเอง เมื่อเห็นแม่สามีทำอาหารเองในวันนี้
“อ่าวกลับมากันแล้วเหรอ แม่ว่าจะโทรไปตามอยู่เชียว รู้ไหมว่าวันนี้ตาใหญ่กำลังจะกลับมาแล้ว เย็นนี้เราจะไปทานข้าวเย็นกันที่บ้านคุณลุงนะ เต็มตัวกันด้วยล่ะ” พิชามลบอกลูกลูกสะใภ้และลูกชายที่เดินมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม
โยธกาที่ยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มไปแบบอึ้งๆ ก่อนจะทำตัวเป็นปกติ เพราะถ้าไม่ใช่เพราเธอชาลิตก็คงไม่ปลีกตัวออกไปแบบนี้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ ถ้าเขาไม่เจ้าชู้และไม่ทำร้ายจิตใจเธอ เธอก็คงจะยังรักเขา ไม่มาเทใจให้กับลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างนี้
“จริงเหรอครับ นี่ผมไม่เห็นหน้าพี่ใหญ่มาหลายเดือนแล้วนะครับเนี่ย วันนี้คงต้องคุยกันยาวแน่ๆ” ภาสวรหรือกลางเอ่ยพูดออกไปแบบดีใจเช่นกันที่ลูกพี่ลูกน้องกำลังจะกลับมา เพราะตั้งแต่เขาแต่งงานกับโยธกามาพี่ชายคนนี้ก็ไปอยู่เกาะแทนที่จะมาดูแลบริหารธุรกิจที่กรุงเทพ เขาก็พอรู้เหตุผลว่าทำไมแต่เขาก็เคลียร์เรื่องโยธกากับพี่ชายของเขาไปแล้ว และตอนนี้ก็เข้าใจกันดี
“งั้นโยช่วยนะคะคุณแม่” โยธกาบอกไปก็ยิ้ม แล้วเดินไปล้างมือ มาช่วยแม่สามีและแม่บ้านทำอาหารให้กับชาลิต
“งั้นผมไปดูหนูแยมนะ คุณช่วยคุณแม่ไปละกัน” ภาสวรบอกไปก็ยิ้ม แล้วเดินออกไปหาลูกสาววัยห้าขวบกว่า ที่กำลังไปเปลี่ยนชุดหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน
ด้านลลิสาที่นัดจะไปฉลองความสำเร็จในวันนี้กับทางบริษัท ก็ลืมโทรไปบอกแฟนหนุ่มของเธอที่คบหากันมาเกือบจะสองปี จนธนวาขับรถมารับเธอตามปกติแล้วก็โทรหาลลิสา จนเธอต้องรีบลงมาหาเขาแบบเร่งด่วน
“น้ำผึ้งขอโทษนะธัน เราลืมโทรไปบอกเลยอ่ะว่าวันนี้เราจะไปฉลองกับบริษัท ธันเลยมาเสียเวลาเพราะเราเลยเนี่ย” ลลิสาพูดบอกไปแบบรู้สึก ก่อนจะทำหน้าเศร้าไปจนธนวายิ้มออกมา
“อ่าวเหรอ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับก่อนก็ได้ น้ำผึ้งไปร้านไหนก็บอกเรานะ อ่ะ นี่ธันซื้อมาให้พอดีเห็นมันเหมาะกับน้ำผึ้งน่ะ” ธันวาพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม แล้วส่งถุงกระดาษให้แฟนสาวของเขา
“ขอบคุณนะ ไว้เดี๋ยวคืนนี้เราโทรหานะ บ้ายบาย” ลลิสาพูดบอกไปแล้วโบกมือให้กับธันวาไป แล้วเขาก็เดินกลับออกไป ส่วนเธอก็เดินกลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้ง แล้วก็เจอเพื่อนสาวลงมาพอดี
“อ่าวน้ำผึ้ง ธันกลับแล้วเหรอ แล้วนั่นเขาซื้ออะไรให้อีกล่ะ” มัทนาเอ่ยถามออกไปแล้วมองไปเห็นหลังธันวาแวบๆ
“อ่อ เครื่องสำอางน่ะ ธันเขาบอกว่าเหมาะกับเราเขาก็เลยซื้อมาให้” นรินดาพูดบอกไปขณะก้มมอของในกล่องแล้วก็เห้นว่ามันคือเครื่องสำอาง เธอก็บอกไปตามตรง แต่ครั้งก่อนที่เขาซื้อมาให้เธอก็ยังใช้ไม่หมดเลย
“แก ธันเขาไม่ใช่เกย์แน่นะ ทำไมเขาชอบซื้อของพวกนี้ให้แกจัง ตั้งแต่เปลี่ยนการแต่งตัวของแกแล้วนะ แถมยังสอนแกแต่งหน้าอีก แล้วนี่ก้ยังมาซื้อเครื่องสำอางให้อีก ฉันว่ามันดูแปลกๆนะ” มัทนาพูดออกไปแบบสงสัยว่าแฟนของเพื่อนสาวจะเป็นเกย์ ขนาดเธอเป็นเพื่อนสนิทกับน้ำผึ้ง เธอยังเจอกับธันวานับครั้งได้เลย
“ก็ไม่นะ ปกติธันเขาก็เป็นแบบนี้แหละ แกอ่ะคิดมากไปมัดหมี่ เขาไม่ใช่เกย์หรอก” ลลิสาพูดบอกไป แล้วคิดตามในใจแบบกังวลเช่นกัน เพราะคบกันมาตั้งสองปีแล้วเธอกับธันวาก็ไม่เคยมีอะไรกันเลย เขาก็มาหาก็แค่พากันไปกินข้าว คอยปรับทุกข์แล้วก็ช่วยเหลือเธอ แต่ก็มีไปเที่ยวด้วยกันบ้างก็แค่นั้น เขาก็เหมือนแฟนปกติทั่วๆไป เขาก็คงไม่ใช่เกย์หรอกเขาคงจะแค่ให้เกียรติเธอรอจนถึงวันแต่งงานแน่ๆ
“แก ไม่คิดไม่ได้นะ ยิ่งแฟนแกสำอางขนาดนั้นแกก็ต้องคิดบ้าง แกจะมาฉลาดแค่เรื่องงานอย่างเดียวไม่ได้นะน้ำผึ้ง เรื่องผู้ชายก็ก็ต้องฉลาดด้วย เข้าใจไหม” มัทนาพูดบอกไปแบบเป็นห่วงเพื่อนสาว กลัวจะโดนธันวาหลอก
“เออๆ แต่ฉันมั่นใจจริงๆว่าเขาไม่ใช่เกย์ ไม่งั้นเขาไม่ขอฉันแต่งงานหรอก แกดูสิ” ลิลสาพูดบอกแบบมั่นใจ เพราะแหวนเพชรยังคานิ้วเธออยู่เลย ก่อนจะโชว์ให้เพื่อนสาว
“จ้า แล้วก็อย่ามาร้องไห้ล่ะ ฉันเตือนแกแล้วนะ” มัทนาพูดบอกไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกอดแขนกันเข้าลิฟต์ไป เพื่อขึ้นด้านบน
“โอเคๆ ไม่ร้องแน่ เพราะฉันมั่นใจ” ลลิสาพูดบอกไปก็ยิ้มให้เพื่อนสาวแบบขำๆ เพราะมัทนาก้ชอบว่าแบบนี้ทุกครั้งที่ธันวาทำอะไรแบบนี้ให้เธอ
“ใจเย็นจ้ะคุณนายมันยังไม่ใช่ตอนนี้ อย่าพึ่งอารมณ์เสียเลยจ้ะ ใจเย็นๆจ้ะ” ชบาพูดบอกไปก็ยิ้มแห้งๆบอกไป แล้วก็คิดในใจว่าคุณนายนี่ก็ขี้หึงนายหัวเหมือนกันนะเนี่ย แบบนี้ค่อยเป็นมวยถูกคู่หน่อย ถ้าได้เจอยัยลูกค้ารังนกนั่น ยัยนั่นคงจะเงิบหน้าดูถ้าได้รู้ว่าตอนนี้นายหัวของเธอแต่งงานมีเมียไปแล้ว ชบาคิดในใจ“ฉันไม่ยอมเสียเขาให้ใครหรอกชบา เธอคอยดูเถอะ” ลลิสาพูดเสียงเข้มออกไปแบบมาดมั่น“ดีจ้ะคุณนาย ร้อยแปดกระบวนท่ามีเท่าไหร่เอาออกมาใช้ให้หมดเลยจ้า เอาให้นายหัวรักนายหัวหลงเลยนะจ้ะ” ชบาพูดแล้วก็ยิ้มแบบชอบใจ เพราะเธออยากให้คุณนายคนนี้อยู่กับนายหัวของเธอไปนานๆ เพราะลลิสานั้นดีมากจริงๆจนเธอ“งั้นเธอกลับบ้านไปก่อนชบา ฉันขอทำหน้าที่เมียหน่อยละกัน พูดมาขนาดนี้ละ ฮ่าๆ บอกไข่นุ้ยนะว่าวันนี้นายหัวจะไปทำงานตอนบ่าย ตอนเช้านายหัวติดธุระยาว” ลิสาพูดบอกไปแบบไม่อาย เพราะมันไม่มีอะไรให้อายมาตั้งแต่ที่ชาลิตเอากับเธอทุกเช้าตอนสองแม่ลูกคู่นี้มาทำงานบ้านแล้ว“ได้จ้ะคุณนาย เต็มที่นะจ้ะฮ่าๆ” ชบาพูดแล้วก็เดินออไปแบบขำๆ ก่อนจะปิดประตูบ้านให้ทั้งสองด้านลลิสาพอชบาออกไปแล้วเธอก็เดินออกไปเปิดประตูระเบียงบ้าน แล้วก็มองชาลิตกำลังโ
“ผมไม่เคยมีอะไรกับหลานสาวของคุณนะคุณอร จะฟันแล้วทิ้งได้ยังไงล่ะ แต่คนที่ฟันหลานสาวคุณน่ะคือลูกชายของผมเอง พวกเขาแอบได้เสียกันโดยที่คิดว่าคนอื่นไม่รู้ ผมก็เลยลองส่งให้หนูน้ำผึ้งไปอยู่กับลูกชายของผมที่เกาะดู ว่าพวกเขาจะไปกันได้ไหม แล้วก็ดูเหมือนว่าหลานสาวของคุณจะทำได้ดีทีเดียว” อนุวัตรพูดบอกไป จนอภิรดีอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หลานสาวของเธอเนี่ยนะจะกล้ามีอะไรกับลูกชายของเขา“มันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันได้ไหมคุณอนุวัตร ฉันงงไปหมดแล้ว” อภิรดีถามออกไปอย่างงๆ ไหนบอกให้หลานสาวเธอไปอยู่เกาะเพื่อแก้เคล็ดไง แล้วทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้“หึ ได้ ฟังแล้วอย่าตกใจก็แล้วกันคุณอร” อนุวัตรพูดเล่าเรื่องของชาลิตและลลิสาตั้งแต่ตั้นให้อภิรดีรับรู้ว่าทั้งสองทำอะไรไว้บ้าง แบบระเอียดยิบเพื่อจะได้ไม่ต้องมาแคลงใจกันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในอนาคต เนื่องจากเขาก็เคยจดทะเบียนกับลลิสามาแล้ว เขาจึงต้องเคลียยร์และเล่าทุกอย่างให้อภิรดีฟัง“คุณเล่นเกมอะไรของคุณคุณอนุวัตร หลานฉันไม่ใช่ผักใช่ปลานะที่จะแต่งกับคนนั้นทีคนนี้ทีน่ะ” อภิรดีพูดบอกไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก“ใจเย็นๆก่อนสิคุณอร ผมก็ไม่ได้จะให้ลูกชายผมเขาทิ้งหลานสาวคุณ อ่ะ น
ชาลิตจึงถอนปากออกมาแล้วใช้นิ้วบี้คลึงร่องสาวของเธอไปด้วยแบบเมามันส์ จนลลิสาหย่อนหน้าลงมาแบบทรมานจนหน้าของเขาเลอะไปด้วยน้ำหวานของเธอ“อ้ะ เลียอีกค่ะ เลียแรงๆ สอดลิ้นเข้ามาลึกๆ อ่าส์ ซี๊ด น้ำผึ้งขอสองนิ้วได้ไหมคะ นิ้วเดียวมันไม่มันส์ อ้ะ อ้ะ คุณใหญ่ ขอสองนิ้วนะคะ อ้ะ อ้ะ น้ำผึ้งเสียว ซี๊ด” ลลิสาร้องไปแล้วก็ร้องของให้ชาลิตสอดนิ้วเข้ามาสองนิ้ว เพราแค่นิ้วเดียวสำหรับเธอตอนนี้มันไม่สนุกแล้ว“จิ๋มขยายแล้วสิ โดนเล็กเข้าหน่อยทำเป็นขอสองเลยนะ เดี๋ยวจะให้เก้านิ้วเลยเมียจ๋า ไม่ต้องขอแค่สองนิ้วหรอก” ชาลิตพูดแล้วก็ยิ้มขำๆออกไป จึงสอดนิ้วเพิ่มให้เธอเป็นสองนิ้วรัวๆ จนลลิสาร้องออกมาแบบพอใจ“ดีค่ะ อ้ะ อ้ะ คุณใหญ่ อ้ะ อ้ะ น้ำผึ้งไม่ไหวแล้ว อย่าหยุดนะคะ อย่า อ้ะ อ้ะ” ลลิสาร้องไปจนกระทั่งเธอเกร็งกระตุกออกมา แล้วก็พ่นน้ำรักใส่หน้าของชาลิตแบบสุขสม จนหน้าของชาลิตเปียกไปหมดเพราะน้ำรักของเธอ“น้ำแตกขนาดนี้เลยเหรอคุณ อ่าส์ เยอะชะมัดเลย” ชาลิตบอกไปแล้วก็เอามือลูบหน้าที่เปียกน้ำรักของลลิสาไป ก่อนจะมาจับลลิสานอนลงไปบนโต๊ะทำงานของเขา“อ่าส์ คุณใหญ่ ฉันอยากโดนเก้านิ้วแล้วอ่ะ รีบๆใส่เข้ามาสิคะ” ลลิสาบอกไปแล้วก็อ้าขาร
“ใช่ ผมกับโยเราเคยคบกันมาก่อน ผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ผมเลือกจะมาเป็นคู่ชีวิต ผมตัดสินใจจะขอเขาแต่งงานในวันครบรอบสามปีที่คบกัน แต่เพราะความเจ้าชู้ของผมเองแหละที่ไม่รู้จักพอ นอนกับผู้หญฺงไปทั่ว โยเขาก็เลยทนไม่ไหว ขอเลิกกับผม” ชาลิตพูดออกไปแล้วก็มองหน้าลลิสาแบบจริงจัง“แล้วไปแต่งงานกับคุณกลาง ลูกพี่ลูกน้องของคุณเนี่ยนะ” ลลิสาถามแบบอึ้งๆ เพราะถ้าเป็นเธอก็คงจะจุกอ่ะ ที่อยู่ๆ แฟนตัวเองกลายเป็นเมียของน้องชายแบบนั้น แถมยังต้องเจอหน้ากันทุกวัน ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรับไม่ได้แล้วหนีมาอยู่เกาะอย่างนี้“อืม กลางมันคอยดูแลรับฟังโยเขามาตลอด พอสองคนนั้นตกลงที่จะแต่งงานกัน ผมที่ยังลืมโยเขาไม่ได้ก็เลยมาอยู่เกาะอย่างนี้แหละ นานๆจะกลับไปกรุงเทพ แต่มันก็ผ่านมาหกปีแล้วนะ ตอนนี้ผมเฉยๆแล้วล่ะ ผมมีเมียแล้วจะคิดถึงผู้หญิงคนอื่นได้ยังไงล่ะ คุณนั่นแหละโอเคไหมกับเรื่องนี้ ” ชาลิตพูดบอกไปตามตรง เพราะตอนนี้เขาคิดว่าในใจของเขาเกี่ยวกับโยธกามันเริ่มจืดจางลงไปทุกที แต่มันกับ “ฉันโอเคสิคุณ แต่คุณน่ะเฉยๆแน่เหรอ ฉันยังเห็นคุณเก็บรูปเขาไว้อยู่เลย แต่ถ้าคุณลืมเขาไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ยังไงมันก็เป็นแค่อดีตของคุณ” ล
“คิดมากไปละน้ำผึ้ง นั่นมันอดีตของเขาไหมล่ะ น้ำผึ้งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้องชายเขาไม่ใช่เหรอ จะเอามาใส่ใจทำไม แล้วใครบอกว่าน้ำผึ้งไม่สวย น้ำผึ้งเองก็สวยมากไม่รู้ตัวเลยหรือไงล่ะ ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องชอบทั้งทั้งนั้นแหละ อย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้นเลย แล้วอย่างไอ้คุณใหญ่อะไรนี่ มันจับน้ำผึ้งไปทำเมียขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องมีชอบบ้างแหละ ไม่งั้นมันไม่กล้างัดข้อกับพ่อเอาน้ำผึ้งไปเป็นเมียหรอก” ภูวนาทพูดบอกไปแบบอดไม่ได้ เพราะเขาเองก็เป็นผู้ชาย เขาคิดว่าอย่างชาลิตอะไรนี่ต้องชอบเพื่อนของเขาแน่ๆ ไม่งั้นคนดีๆที่ไหนจะมาเอาแม่เลี้ยงตัวเองไปทำเมียกันล่ะ“เออจริง แกฉลาดมาทุกเรื่องนะน้ำผึ้ง แกจะมาโง่เรื่องนี้ไมได้ คิดจ้ะเพื่อนคิดดีๆ แกจะยอมถอยให้ผู้หญิงที่เขามีผัวไปแล้วทำไมห้ะ ตอนนี้แกเป็นเมียคุณใหญ่แล้วนะ แกควรจะไปต่อกับเขา ไม่ใช่มาคิดท้อใจอย่างนี้ แล้วแกก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอก อดีตก็คืออดีตเขาคงไม่กลับไปเอาเมียของน้องชายหรอกแก” มัทนาพูดบอกไปแบบให้เพื่อนสาวได้สติ“ก็จริงอ่ะแก ฉันคงจะคิดมากไป หรือว่าฉันจะเริ่มชอบเขาแล้วอ่ะ” ลลิสาพูดบอกไปแบบเริ่มรู้ใจตัวเองว่าเริ่มจะชอบชาลิตแล้ว เพราะเธอมีอาการหึ
ผ่านไปสองอาทิตย์ชาลิตและลลิสาก็ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันอยู่ภายในเกาะรายา ทั้งสองก็พยายามปรับตัวเข้าหากันได้แบบสนิทสนมมากกว่าเดิม แถมลลิสายังเข้ามาช่วยงานชาลิตแบบเต็มตัวเพราะเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ เธอจึงไปช่วยชาวบ้านออกแบบร้านขายของตามชายหาดภายในเกาะ รวมไปถึงที่พักแบบโอมเตย์ของชาวบ้านอีกด้วย จนชาวบ้านที่นี่ชื่นชมและชอบลลิสามาก รวมไปถึงชาลิตด้วยที่ได้เห็นลลิสาในอีกด้านหนึ่งของเธอ“คุณใหญ่ฉันทำแพลนร้านค้าของชาวบ้านเสร็จแล้ว คุณจะดูเลยไหมคะ” ลลิสาถามออกไป เพราะเห็นว่าเขากำลังทำหน้าเครียดอยู่กับผู้รับเหมา ไข่นุ้ยและลุงมิ่งพ่อของชบาอยู่“เอาไปไว้ในห้องทำงานของผมก็ได้ เสร็จธุระตรงนี้แล้วผมจะไปดู อ่อ เดี๋ยวผมวานคุณหยิบเอกสารส่งของซองสีเหลืองในลิ้นชักฝั่งขวามือให้ผมด้วยนะ” ชาลิตเอ่ยบอกไปก็หันมาคุยงานต่อ เพราะตอนนี้มันก็ใกล้เวลาที่รีสอร์ทจะเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแค่ตกแต่งเท่านั้น“ค่ะ เดี๋ยวน้ำผึ้งเอามาให้นะคะ” ลลิสาพูดบอกไปก็เดินไปที่ห้องทำงานของเขาที่อยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งมันจะมีวิวทะเลให้ดูแบบสบายตาพอถึงห้องทำงานของชาลิตแล้วเธอก็เอางานของเธอไปวางบนโต๊ะของเขา ก่อนจะหาซองสีเหลืองที่เขาบอกทั