แม้ตอนนี้เนสิตาจะหายจากอาการไข้แล้วแต่มารดาของเธอก็ยังไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ดูเหมือนเนสิตาจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สองวันมานี้เธออยู่บ้านและรู้สึกเหงามากแม้ตอนกลางวันจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนและดูซีรี่ส์เรื่องโปรดแต่มันก็ไม่สนุกเลยเมื่อเทียบกับการออกไปที่ไร่องุ่นของฐากูร
เมื่อวานหญิงสาวโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยในเวลาหัวค่ำแต่ก็คุยได้ไม่นานเพราะฐากูรขอตัวไปทำงานก่อนหญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขายังจะต้องทำงานอะไรกลางคืนอีกแต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องถามเขาให้ได้ว่าที่เขาชอบพูดว่าขอตัวไปทำงานนั้นเพราะเขาไม่อยากจะคุยกับเธอหรือเพราะเขามีงานที่จะต้องทำจริงๆ
เหตุผลที่ไม่ถามทางโทรศัพท์ก็เพราะอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของเขาขณะตอบคำถามของเธอด้วยว่ามันมีความจริงใจหรือกำลังโกหกถึงกันแน่
เนสิตานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงรถของมารดาที่ขับเข้ามาในบริเวณบ้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวรีบเปิดประตูต้อนรับทันที
“เหนื่อยไหมคะแม่วันนี้ลูกค้าเยอะไหม”
“เยอะจ้ะลูกค้าเต็มทุกโต๊ะเลย”
“กินน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะแม่ กินข้าวมาหรือยังคะ” เนสิตารีบเอาน้ำในตู้เย็นมาให้มารดาแล้วนวดไปบนไหล่อย่างเอาใจ
“แม่กินแล้วเนสล่ะลูกเย็นนี้กินอะไร”
“หนูข้าวผัดกินค่ะแม่ ตอนนี้หนูหายดีแล้วพรุ่งนี้หนูจะไปช่วยช่วยงานที่ร้านนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะพรุ่งนี้แม่จะมีพนักงานใหม่เข้ามาทำงานอีกคน”
“แม่ไม่ให้หนูไปช่วยแล้วทำไมต้องรับพนักงานใหม่มาเหรอคะคนไม่พอใช่ไหมหรือหนูทำงานไม่ได้เรื่อง” หญิงสาวรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยงานมารดาได้จนต้องจ้างคนใหม่มาช่วย
“เรื่องนี้แม่คิดไว้นานแล้วแม่อยากได้คนเข้ามาช่วยงานน้าเหมียวในครัว คนที่รับเขามาใหม่เขาเคยทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงแรมมาก่อนแม่เห็นประวัติการทำงานแล้วก็เลยอยากจะรับไว้ฝึกอีกนิดหน่อยก็น่าจะทำงานได้คล่องขึ้น มันไม่เกี่ยวกับหนูเลย”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะถ้ามีคนมาช่วยน้าเหมียวทำงาน แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอยู่ในครัว”
“แม่ก็คิดว่าอย่างนั้น แม่ว่าจะนั่งคิดเงินที่หน้าเคาน์เตอร์อย่างเดียว ตอนนี้ลูกค้าเราก็เยอะขึ้นถ้าแม่เอาแต่อยู่ในครัวก็กลัวว่ามาลีกับลูกปลาจะดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึง”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้หนูไปช่วยงานแม่นะคะ” หญิงสาวขอมารดาอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากให้หนูช่วยงานในร้านนะ แต่แม่รู้ว่าถ้าเปิดเทอมหนูก็ต้องไปเรียน แม่เลยอยากให้ทุกคนในร้านได้ทำงานกันอย่างเป็นระบบถ้าหนูอยากจะเข้าไปจริงๆ ก็ไปช่วยแม่คิดเงินที่เคาน์เตอร์หรือไม่ก็ไปช่วยทำบัญชีตอนใกล้จะปิดร้านก็แล้วกันนะ” นีรนุชอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างใจเย็น
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ แม่คะวันนี้คุณฐาได้มาทานข้าวที่ร้านเราหรือเปล่าคะ”
“วันนี้เขาไม่มานะแต่โทรมาสั่งแล้วให้ลูกน้องแวะมารับนะสงสัยช่วงนี้งานที่ไร่จะยุ่งหนูอย่าเพิ่งไปกวนเขาเลยนะ เอาไว้ถ้าวันไหนเขาเข้ามาที่ร้านแล้วแม่จะลองถามเขาก่อนว่ายุ่งไหม ถ้าไม่ค่อยยุ่งแล้วหนูก็ไปเที่ยวได้ เอาล่ะคืนนี้แม่ขอไปพักก่อนนะหนูก็รีบเข้านอนล่ะ เพิ่งหายไข้ใหม่ๆ เดี๋ยวมันจะกลับมาเป็นซ้ำอีก”
“ค่ะแม่ฝันดีนะคะ หนูรักแม่ที่สุดเลย”
“แม่ก็รักลูกจ้ะ”
“แม่เข้าไปนอนก่อนเลยนะคะเดี๋ยวหนูจัดการปิดไฟข้างนอกเอง”
“ขอบใจนะลูก”
เนสิตาปิดไฟห้องรับแขกจากนั้นก็กลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลว่าจะโทรไปหาฐากูรดีหรือเปล่า
ใจหนึ่งก็คิดว่ามันจะเป็นการรบกวนเขาจนเกินไปแต่อีกใจหนึ่งก็อยากได้ยินเสียงเขาอยากถามว่าเขาเป็นยังไงบ้างยิ่งมารดาบอกว่าที่ไร่เขายุ่งเธอก็ยิ่งอยากรู้ว่ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้หรือเปล่า
หญิงสาวกดโทรศัพท์โทรออกและคิดว่าถ้าเสียงสัญญาณรอนานเกินสิบวินาทีเธอจะกดวางสายแต่ยังนับหนึ่งไม่ถึงสิบฐากูรก็กดรับเสียก่อน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะคุณฐาเนสเองนะคะ”
“ครับ”
“เนสโทรมารบกวนหรือเปล่า”
“ไม่หรอกผมทำงานเสร็จพอดีคุณล่ะหายดีแล้วใช่ไหม”
“หายดีแล้วค่ะ แม่บอกว่าช่วงนี้ที่ไร่กำลังยุ่งใช่ไหมคะมีอะไรให้เนสช่วยไหม”
“ช่วงบ่ายวันนี้ยุ่งครับแต่ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้ว”
“ถ้ายังงั้นคุณฐาก็คงมีเวลาเข้ามาในเมืองใช่ไหม เนสจะได้ขอตามไปที่ไร่ด้วย”
“คุณคงต้องรอก่อนเพราะพรุ่งนี้ผมต้องเข้ากรุงเทพ”
“เข้าไปทำไมคะแล้วจะค้างหรือไปเช้าเย็นกลับ”
“ผมมีธุระต้องไปติดต่อที่โรงแรมของเพื่อนนิดหน่อยคิดว่าเย็นๆ ก็คงจะกลับ”
“จะว่าอะไรไหมถ้าเนสจะติดรถไปด้วย พอดีเนสเพิ่งนึกขึ้นได้ค่ะว่ามีธุระต้องไปจัดการที่หอค่ะ คุณฐามีธุระจะไปทำแถวไหนคะแล้วไปกับใคร”
“ไปคนเดียวครับ ผมไปทำธุระแถวรังสิตครับ”
“พอดีเลยค่ะหอพักคงเนสก็อยู่แถวนั้น เนสขอไปด้วยได้ไหม”
“ผมไม่มีปัญหาหรอก แต่คุณต้องขอแม่ก่อน”
“ค่ะ เนสจะขอแม่ แล้วคุณฐาจะไปกี่โมงคะ”
“ผมคิดว่าจะออกจากไร่ประมาณแปดโมงครับเพราะนัดกับทางโรงแรมไว้ประมาณสิบเอ็ด”
“ถ้างั้นเนสจะไปรอคุณฐาที่ร้านนะคะ”
“เช้าแบบนั้นร้านยังไม่เปิดเลยนะ จะให้ผมไปรับที่บ้านก็ได้”
“คุณฐารู้จักบ้านเนสเหรอคะ”
“เคยไปกับพี่พลอยู่หลายครั้ง ว่าแต่ที่บอกมีธุระจะไปทำเรื่องจริงใช่ไหม”
“เรื่องจริงสิคะ ตอนแรกเนสก็คิดว่าจะนั่งรถเข้าไปคนเดียวอาทิตย์หน้าค่ะ แต่บอกคุณฐาจะเข้าไปเนสก็เลยว่าขอติดรถไปจะดีกว่า เนสจะได้นั่งเป็นเพื่อนคุณฐาไปด้วย รับรองว่าคุณไม่มีทางง่วงแน่ค่ะ”
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ฐากูรหัวเราะเมื่อนึกถึงเสียงเจื้อยแจ้วของเธอ
“พรุ่งนี้คุณฐาไม่ต้องทานข้าวมานะคะ เนสว่าจะทำแซนด์วิชไปกินระหว่างทางค่ะ”
“ขอบใจนะถ้างั้นผมว่างก่อนจะเตรียมเอกสารให้ทางโรงแรมอีกนิดหน่อย”
“ได้พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
หญิงสาวดีใจมากที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาอีกครั้งระยะทางจากโคราชไปยังกรุงเทพมันก็เกือบจะสามชั่วโมงเธอกับเขาคงมีเวลาคุยกับเขาอีกเยอะ
หญิงสาวรีบเปิดประตูห้องนอนออกมาและเมื่อเห็นแสงไฟใต้ประตูห้องของมารดายังสว่างอยู่ก็เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงมารดาอนุญาต
“มีอะไรหรือเปล่าแม่นึกว่าหนูนอนไปแล้ว”
“แม่คะ แม่จำได้ไหมที่หนูต้องไปทำธุระที่หอพักอาทิตย์หน้า”
“จำได้สินี่แม่ก็ว่าจะสั่งงานที่ร้านไว้แล้วจะขับรถไปส่ง”
“แม่ไม่ต้องไปส่งหนูแล้วนะคะ”
“แล้วหนูจะไปยังไงนั่งรถตู้ไปเหรอ”
“เปล่าค่ะแม่หนูจะไปกับคุณฐา”
“จะไปรบกวนคุณฐาเขาได้ยังไง แล้วคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็แม่บอกว่าที่ไร่คุณฐางานยุ่งหนูก็เลยโทรไปถามว่ามีอะไรให้หนูช่วยได้หรือเปล่า แต่คุณฐาบอกว่าที่ไร่หายยุ่งแล้วและพรุ่งนี้เขาจะไปทำธุระที่กรุงเทพ หนูก็เลยขอติดรถเข้าไปด้วย”
“แล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาก็ไม่ว่าอะไรค่ะ เขาจะไปทำธุระที่โรงแรมแถวรังสิตมันก็พอดีกับหอพักหนูเลยนะคะแม่”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้บังคับให้เขาไปส่ง”
“แน่ใจสิคะไม่เชื่อแม่ถามคุณฐาได้เลยพรุ่งนี้คุณเขาจะมารับที่นี่ค่ะ หนูว่าจะทำแซนด์วิชกับกาแฟให้เขาไปกินในรถ”
“แล้วตอนกลับล่ะจะกลับยังไง”
“ก็รอกลับพร้อมคุณฐาค่ะ หนูทำธุระที่หอพักเสร็จจากนั้นก็เดินเที่ยวที่ห้างรอเขาบอกว่าเขาจะไปคุยธุระที่โรงแรมแต่คงไม่นานหรอกค่ะ คงหลับถึงบ้านตอนเย็น”
“ถ้างั้นหนูก็รีบนอนเถอะส่วนเรื่องแซนด์วิชกับกาแฟเดี๋ยวแม่จะจัดการให้แม่จะคุยกับเขาตอนที่เขามารับหนูด้วย”
“ก็ได้ค่ะแม่งั้นหนูไปนอนก่อนนะคะฝันดีอีกครั้งค่ะ” หญิงสาวกอดมารดาหอมแก้มของท่าก่อนจะปิดประตูและเดินออกมาด้วยรอยยิ้มมันเป็นโอกาสดีที่พรุ่งนี้เธอจะได้เจอกับคนที่คิดถึงมาตลอดสองวัน
สามวันแล้วที่เนสิตาไม่ติดต่อมาหาหลังจากวันที่เขาจูบกับเธอที่น้ำตกท้ายไร่ ฐากูรรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเธอแต่ในตอนนั้นบรรยากาศและอารมณ์มันพาไป เขาอยากจะเจอเนสิตาและขอโทษเธอแต่จะโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นเขาคิดว่าบางทีตอนนี้เนสิตาอาจจะโกรธเขาจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วก็ได้เพราะปกติเธอมักจะโทรศัพท์หาเขาในเวลาหัวค่ำทุกวัน แต่นี่มันก็ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยจากที่เป็นคนชอบความสันโดษชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเนสิตาเข้ามาในชีวิต เขารู้สึกชอบในความสดใสชอบเสียงคุยเจื้อยแจ้วที่คุยอยู่ข้างหูมันทำให้ความรู้สึกเหงาหายไปจนหมดสิ้นฐากูรต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเนสิตาให้รู้เรื่องเขาต้องขอโทษเธออย่างจริงจังต่อหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาจัดการเคลียร์งานทุกอย่างในไร่จนเสร็จจากนั้นก็ขับรถมาอย่างร้านอาหารของคุณนีรนุชเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับเนสิตาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะวันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานฐากูรนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทำให้เขาไม่มีโอกาสถามถึงเนสิตาเลย เมื่อมื้ออาหารจบลงเขาก็เดินออกจากร้านมาด้วยความผ
ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกัน“ผมขอโทษ” เขาพูดอย่างสำนึกผิดก่อนจะประคองหญิงสาวกลับมาที่รถเนสิตานั่งเงียบมาตลอดทางเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเอง“จะกลับเลยเหรอ”“ค่ะเนสต้องรีบกลับไปอาบน้ำ”“เจ็บอยู่ไหมขับรถไหวหรือเปล่า” เขาถามอย่างห่วงใย“ไม่ค่ะ ไปก่อนนะคะ”“ขับรถดีๆ นะ” เขามองตามหลังรถคันเล็กของเธอไปจนสุดสายตาเนสิตาขับรถออกมาจากไร่ของฐากูรพอพ้นเขตรั้วได้ไม่นานหญิงสาวก็จอดรถข้างทาง ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะสมองคิดถึงแต่จูบของฐากูรเมื่อครู่จูบแรกในชีวิตของเธอมันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งกับผู้ชายที่เธอรู้จักมาได้ไม่นานนัก แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับนั้นไม่ใช่แค่การแตะต้องกันของริมฝีปาก แต่มันคือการเปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักเป็นประตูสู่ความรู้สึกที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเข้าใจตอนนี้ในใจของเนสิตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขที่เอ่อล้นจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ความกลัวที่อาจจะเกิดขึ้นกับการถูกรุกรานไม่มีอยู่เลย มีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอ่อนโยนที่แผ่ซ่านมาจากสัมผัสของเขา ความรู้สึกว่าโลกทั
วันนี้เนสิตาตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวที่ไร่องุ่นของฐากูร เธอขับรถเก๋งคันเก่าของมารดาเข้าสู่ถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นของฐากูรอีกครั้ง กลิ่นหอมจางๆ ของดินและองุ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกตั้งแต่ก่อนจะเห็นรั้วไร่เธอไม่ได้ติดรถเขามาอย่างเคย แต่การได้ขับรถมาด้วยตัวเองแบบนี้กลับให้อิสระและรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าออฟฟิศทางด้านหลังของร้านอาหารนวพลก็เดินออกมาต้อนรับหลาน“น้านึกว่าเนสจะหลงไปที่อื่นแล้ว ทำไมถึงช้าจัง”“ก็สองข้างทางวิวดีมากนี่คะหนูเลยขับช้า วันนี้น้าพลยุ่งไหมคะ”“ไม่เท่าไหร่ อยากดูเขาทำไวน์ใช่ไหม”“ใช่ค่ะแต่หนูไม่รบกวนน้าพลหรอกค่ะหนูนัดกับคุณฐาไว้แล้ว” เนสิตาบอกกับน้าชายเพราะเมื่อวานเธอโทรศัพท์มานัดกับฐากูรไว้แล้ว“แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”“แน่ค่ะ แล้วตอนนี้คุณฐาอยู่ที่ไหนคะ”“อยู่ในห้องทำงาน ห้องนั้นไง” นวพลชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ“หนูขอตัวก่อนนะคะ”“อย่าไปกวนเขามากล่ะ” เขากำชับหลานสาวแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะฟังคำเตือนของเขาหรือเปล่าหญิงสาวเคาะประตูพอเขาอนุญาตก็รีบเปิดเข้าไป เธอยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งทำงานเอกสารกองโตอยู
เช้าวันใหม่เนสิตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอเลือกสวมชุดที่เน้นความสบายคล่องตัวแต่ยังคงความน่ารักอย่างที่ชอบ เสื้อกล้ามคอกลมผ้าคอตตอนสีขาวซึ่งเป็นสีโปรดจากนั้นสวมทับคาร์ดิแกนสีเบจตัวบางเหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ท่อนล่างกางเกงผ้าลินินสีเบจขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาสวยรับกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่เธอสวมอยู่เป็นประจำผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าสูงปล่อยปอยผมบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เผยผิวหน้าใสรับริมฝีปากที่เจือสีระเรื่อจากลิปออยด์สีหวานทำให้เธอดูมีเสน่ห์ตามวัยอย่างน่ามอง หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมาช่วยมารดาเอาแซนด์วิชลงกล่อง“ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”“ได้ค่ะแม่หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง”เมื่อรถของฐากูรเล่นเข้ามาหน้าบ้านสองแม่ลูกก็จัดแซนด์วิชลงกล่องเสร็จพอดีฐากูรดับเครื่องและเดินลงมาจากรถวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสบายๆ เหมือนกับทุกวันจะต่างก็ตรงรองเท้าเพราะวันนี้เขาสวมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าบูตเหมือนตอนที่อยู่ในไร่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กดออดที่หน้าบ้านคุณนีรนุชและลูกส
แม้ตอนนี้เนสิตาจะหายจากอาการไข้แล้วแต่มารดาของเธอก็ยังไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ดูเหมือนเนสิตาจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สองวันมานี้เธออยู่บ้านและรู้สึกเหงามากแม้ตอนกลางวันจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนและดูซีรี่ส์เรื่องโปรดแต่มันก็ไม่สนุกเลยเมื่อเทียบกับการออกไปที่ไร่องุ่นของฐากูรเมื่อวานหญิงสาวโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยในเวลาหัวค่ำแต่ก็คุยได้ไม่นานเพราะฐากูรขอตัวไปทำงานก่อนหญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขายังจะต้องทำงานอะไรกลางคืนอีกแต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องถามเขาให้ได้ว่าที่เขาชอบพูดว่าขอตัวไปทำงานนั้นเพราะเขาไม่อยากจะคุยกับเธอหรือเพราะเขามีงานที่จะต้องทำจริงๆเหตุผลที่ไม่ถามทางโทรศัพท์ก็เพราะอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของเขาขณะตอบคำถามของเธอด้วยว่ามันมีความจริงใจหรือกำลังโกหกถึงกันแน่เนสิตานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงรถของมารดาที่ขับเข้ามาในบริเวณบ้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวรีบเปิดประตูต้อนรับทันที“เหนื่อยไหมคะแม่วันนี้ลูกค้าเยอะไหม”“เยอะจ้ะลูกค้าเต็มทุกโต๊ะเลย”“กินน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะแม่ กินข้าวมาหรือยังคะ” เนสิตารีบเอาน้ำในตู้เย็นมาให้มารดาแล้
หลังจากจัดการงานทุกอย่างที่ไร่เสร็จแล้วฐากูรก็ยกลังไวน์ขึ้นหลังรถกระบะก่อนจะขับรถเข้ามาในเมืองวันนี้เขาต้องส่งไวน์ให้กับร้านอาหารของคุณนีรนุชลูกค้าประจำ“สวัสดีค่ะคุณฐา คุณวันนี้มาส่งเองเหรอคะ”“สวัสดีครับคุณนุช ผมจะเข้ามาทานข้าวที่นี่อยู่แล้วก็เลยเอาไวน์มาส่งเองจะได้ไม่เสียเที่ยวครับ” เขาพูดขณะยกกล่องไวน์เข้าทางหลังร้าน“ขอบคุณนะคะที่เอาไวน์มาส่งก่อนเวลา ช่วงนี้ลูกค้าสั่งไวน์กันเยอะก็เลยต้องสั่งด่วน”“ไม่เป็นไรครับ ลูกค้าคุณนุชเยอะผมเองก็ขายไวน์ได้เยอะ” เขายิ้มก่อนจะยกไวน์ลังสุดท้ายเข้าไปวางในห้องครัวจากนั้นก็เดินออกมาด้านหน้าเลือกโต๊ะนั่งประจำของตนเองก่อนจะสั่งเมนูคุ้นเคยมาทานระหว่างรออาหารนีรนุชก็มาชวนคุย“เมื่อวานลูกสาวฉันไปกวนอะไรคุณฐาหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับเธอก็เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป”“ถ้าลูกสาวของฉันไปกวนคุณฐาบอกมาได้เลยนะคะ เนสยังเด็กไม่ค่อยรู้กาลเทศะเท่าไหร่บางครั้งก็ติดจะพูดมากไปหน่อย ฉันกลัวคุณฐาจะรำคาญค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วนี่เจ้าตัวไปไหนล่ะ ปกติผมจะเห็นมาคอยรับออเดอร์”“ไม่สบายค่ะ”“อ้าวเป็นอะไรล่ะครับ”“ก็คงตากแดดทั้งวันน่ะค่ะก็เลยเป็นไข้”“ผมขอโทษนะครับที่พาล