แสงอรุณยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดรับลม แสงแรกของวันใหม่เข้ามาคลอเคลียปลุกนิญาดาให้ตื่นจากการหลับใหลเหมือนเช่นทุกวัน ทุกชีวิตกำลังเริ่มเคลื่อนไหว ตามวิถีทางแห่งตน
เช้าวันนี้ ข้าราชการวัยเกษียณทั้งคู่ออกไปที่ไร่ก่อนลูกสาวจะตื่น นิญาดาจึงอนุญาตให้ตนเองเหลวไหลสักวัน
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอกลับนอนเอนกายบนเก้าอี้หวายตรงระเบียงบ้าน ทอดสายตามองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
กาแฟในแก้วที่เคยส่งไอร้อนหอมกรุ่นบัดนี้ กลับเย็นชืด ไม่พร่องลงแม้แต่น้อย คราบน้ำตายังคงปรากฏอยู่บนใบหน้านวลลออ เหตุการณ์ถูกตำหนิจากท่านรองฯ เมื่อวาน มันยังคงแจ่มชัดในหัวจนแทบไม่อยากเข้าสำนักงาน
แสงแดดที่เริ่มแผดกล้าขึ้นรบเร้าให้ร่างบางค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้หวาย แม้จะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ต้องออกโบยบิน จนกว่าจะสิ้นลม มันคือ หน้าที่ของมนุษย์กินเงินเดือนอย่างเธอ !
08.50 น.
นิญาดาเหลือบดูนาฬิกาบนผนังห้อง พร้อม ๆ กับหัวหน้าสำนักงานจ้องคนมาสายจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า
หล่อนจ้องตากลับไม่ยอมหลบพร้อมกับยกมือไหว้ แต่ไม่ยิ้มเหมือนเช่นเคย
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
นิญาดาทักทายเสียงแข็ง เพราะยังคงเสียใจและผิดหวังกับการกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าที่ใส่ร้ายป้ายสีจนเธอถูกท่านรองฯ ตำหนิอย่างรุนแรง
คนถูกไหว้มองผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเย็นชา ก่อนที่จะสะบัดหน้าอวบอูมไปทางอื่นแล้ว สาวเท้าเข้าห้องครัวเพื่อสวาปามอาหารคลีน ๆ ที่นางอุตส่าห์อดทนกินเพื่อลดน้ำหนัก!!!
นิญาดายักไหล่ หน้าเชิดขึ้น ก่อนทิ้งตัวลงที่นั่งอย่างสง่างาม ให้สมกับเป็นสาวสวยประจำสำนักงานเธอย้ำกับตัวเองให้เข้มแข็ง เรื่องเมื่อวานจบไปแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ดังนั้น เธอต้องเร่งมือทำโครงการอบรมที่หล่อนเป็นคนปั้นมันมากับมือให้สำเร็จ
แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ภาคบ่ายของการทำงานแล้ว แต่ในหัวนิญาดายังคงมีภาพของเมื่อวานวนเวียนซ้ำๆ ภาพที่ถูกท่านรองฯ ด่า เพราะการสาดสีของหัวหน้าเน่า ๆ ความรู้สึก “เจ็บ” “เอาคืน” มันฝังลึกลงในใจ เสียงในใจของผู้ถูกกระทำมันร่ำร้องให้แก้แค้น แต่หล่อนจะเอาคืนหัวหน้าได้อย่างไร ? ยังไง ?
“เชิญด้าน นี้ คร่า ”
เสียงนางยักษ์แปร๋นเข้ามาในสำนักงานก่อนตัวขนาดมหึมาจะย้ายร่างเข้ามา
นิญาดาตวัดสายตามองต้นเสียงที่ระริกระรี้จนผิดวิสัย เมื่อร่างท้วมใหญ่ก้าวพ้นประตูสำนักงานเข้ามา ชายหนุ่มร่างสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีครีมก็ก้าวเท้าตามเข้ามาติด ๆ กางเกงขายาวกระชับตะโพกแกร่งและท่อนขายาวล่ำสัน ทำให้ร่างสูงนั้นดูสง่างามยิ่งขึ้น ใบหน้าได้รูปคล้าย ๆ พระเอกเกาหลีนั้นเคร่งขรึม สายตาคมกริบไม่ว่อกแว่กสอดส่าย แม้ยามเดินผ่านบรรดาโต๊ะสาว ๆ
‘เจ้าชายน้ำแข็ง!’
นิญาดาสรุปท่าทีของชายหนุ่มกับตนเอง ร่างมาดเนี้ยบเดินตามตูดอันโอฬารของนางยักษ์ไปจนถึงโต๊ะทำงาน
นางยักษ์วางท่ากระบิดกระบวน ยิ้มแฉ่งจนหน้าแทบจะระเบิด ดีใจจนออกนอกหน้าที่มีหนุ่มหล่อเดินตาม แม้จะเป็นการเดินตามด้วยหน้าที่การงานก็ตาม นางก็อดที่จะดีใจไม่ได้
“เชิญนั่งค่ะ”
เจ้าของโต๊ะหย่อนตัวลงนั่งอย่างสะดีดสะดิ้งก่อนที่จะผายมือให้หนุ่มหล่อนั่งลงเช่นกัน
มุมปากของนิญาดายกขึ้นยิ้มน้อย ๆ
“นิ!! ยิ้มอะไร”
พี่เกด ถลาเข้ามาหา
“ดูสิ สงสัยนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรจะตามพระอภัยมณีจนเจอ แล้วลากกลับมากินในถ้ำแน่ ๆ”
นิญาดาพยักพเยิดให้ดูฉากในวรรณคดีไทยใบหน้าอวบอูมของหัวหน้าสำนักงานที่แต่งจนหนาเตอะเพื่อกลบริ้วรอยฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับส่งให้อาจารย์หนุ่มหล่อที่นั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะ ที่ที่หล่อนเคยนั่งเมื่อสองวันก่อน ! แต่สถานการณ์ช่างแตกต่างกันนัก
“เห็นผู้ชายล่ะยิ้ม เห็นลูกน้องล่ะบึ้งอิอิ”
พี่เกดกระเซ้า
นิญาดากลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“แหม พี่เกดพูดถูกใจ”
พี่เกดหัวเราะตาหยี พลางยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อม
“เอ่อ ว่าแต่ อาจารย์คนนั้นเป็นใครคะ? ทำไมหัวหน้าถึงได้ดี๊ด๊าขนาดนั้น”
นิญาดาโบ้ยปากไปยังผู้ตกเป็นประเด็นสนทนา
“เอ๊า! เธอ”
พี่เกดลากเสียง แล้วลดเสียงลงราวกับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดที่จะต้องรีบดำเนินการในทันที
“คนนี้ก็อาจารย์เตชินไง ! เป็นตัวท็อปของคณะวิศวะฯ เลยนะ อย่างที่เห็น หล่อมาก ๆ กอไก่ล้านตัว”
สาวใหญ่ส่งสายตาหยาดเยิ้มมองคนที่พูดถึงแล้วเอ่ยต่อ
“จบนอก รวยเว่อร์ นี่ ๆ”
พี่เกดสะกิดคนที่กำลังตั้งใจฟัง
“รถบีเอ็มสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดง ของพ่อสุดหล่อนะจ๊ะ สาวเล็กสาวน้อยแถวนี้ตัวสั่นอยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถกันทั้งมหาวิทยาลัย”
นิญาดาหันมองคนที่ถูกโฆษณาสรรพคุณ ผิวขาวผ่อง ปากบางสีชมพูชวนมอง รับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน กล้ามหน้าอกอันแข็งแกร่งแน่นเปรี๊ยะอยู่ในเสื้อเชิ้ต จนน่ากัด และกว้างพอที่ซุกไซ้หาความอบอุ่นไม่รู้จบ ยิ่งมองยิ่งพาให้หลงใหล หัวใจเริ่มเต้นโครมคราม ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลต่อเพศตรงข้ามมากเหลือเกิน
“นิ!”
พี่เกดดึงสติหล่อนกลับมา
“นี่เธอ! ไปอยู่ที่ไหนมาจ๊ะ ถึงไม่รู้จักหนุ่มฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัย ขนาดหัวหน้าเรายังพร่ำเพ้อละเมอหาทุกวัน”
นิญาดามองหน้าพี่สาวกะพริบตาปริบ ๆ เพราะงานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแพทย์และการสาธารณสุข จึงไม่แปลกที่หล่อนจะไม่รู้จักคนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ บวกกับหล่อนทุ่มเทให้งานมากกว่าจะสนใจเรื่องผู้ชาย
เมื่อผู้ฟังยังเงียบ ผู้มีประสบการณ์จึงเล่าต่ออย่างออกรส
“หัวหน้าชอบอาจารย์ ตั้งแต่แกยังไม่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นเลย อาจารย์เรียนจบกลับมาจนได้ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์แล้ว หัวหน้าเรายังไม่หายบ้า”
นิญาดาหัวเราะพรืด ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ในสำนักงาน เสียงหัวเราะคงจะดังลั่นเพราะคำพูดของพี่เกดช่างตรงไปตรงมาดีแท้
นอกจากหัวหน้าจะบ้าเรื่องกัดจิกลูกน้องแล้ว อีกเรื่องที่บ้าไม่แพ้กันก็เรื่องผู้ชายนี่แหละ บ้าชนิดที่เรียกว่ามีคนเห็นนางแอบถ่ายรูปหนุ่ม ๆ ในสังกัดบ่อย ๆ
สักพักชายหนุ่มผู้ตกเป็นหัวข้อสนทนาขยับตัวลุกขึ้น เดินออกจากห้อง
นิญาดาลอบสังเกตเห็นนางยักษ์มองตามชายหนุ่มด้วยสายตาละห้อยอย่างสุดแสนเสียดาย เธอจึงมาดมั่นในใจว่า
‘ชอบมากใช่ไหม? คอยดู! ฉันนี่แหละจะทำให้ได้มากกว่าส่งสายตา!’
มันช่างเป็นการแก้แค้นที่น่าเอาคืนยิ่งนัก !
เมื่อจบการเมาท์มอย พี่เกดก็กลับไปทำงานต่อ ส่วนหล่อนก็เริ่มลงมือค้นหาข้อมูลสุดที่รักของหัวหน้าทันที
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ