อะไรที่หล่อนอยากได้ หล่อนต้องทำให้ได้ แค่ข้อมูลผู้ชายเพียงคนเดียวมีหรือเด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจะหามันมาไม่ได้!
ไม่นานนักข้อมูลของเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้าก็ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์
ชื่อเต็ม ๆ คือ “ผศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาไฟฟ้า อายุสามสิบเจ็ดปี สถานภาพโสด ชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ ข้อมูลครบ
เมื่อได้ข้อมูลมาเรียบร้อย นิญาดารีบส่งอีเมลเชิญเป้าหมายเข้าร่วมงานอบรมที่หล่อนกำลังจะจัดขึ้นทันที
นิญาดาปรบมือให้ตัวเองเบา ๆ ก่อนจะลงมือทำงานพร้อมกับฮัมเพลงออกมาเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
จากนี้ก็แค่รอ รอ......ให้สุดที่รักของหัวหน้าเดินเข้ามาติดกับ แล้วเธอก็จะได้แก้แค้นอย่างสาสม !
เช้าวันรุ่งขึ้น
นิญาดารีบเช็กอีเมลทันที แต่กลับไม่ปรากฏเมลของคนที่กำลังรอคอย ดวงตาคู่งามจับจ้องใบรายชื่อผู้ที่ลงทะเบียนเข้าอบรม ไม่ว่าจะดูกี่รอบ ๆ ก็ไม่ปรากฏชื่อ “ผศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” เลยสักนิด สุดที่รักของหัวหน้า เครื่องมือชิ้นเอกในการแก้แค้น
“นิ! นิญาดา มาหาพี่หน่อย!”
เสียงของนางช้างยักษ์ ร้องแปร๋นลั่นห้อง อย่างวางอำนาจแทรกเข้ามาในโสตประสาท
แม้จะไม่อยากไปหา แต่หล่อนก็จำใจเดินไปที่โต๊ะของหัวหน้า
“โครงการอบรมของเธอ พร้อมหรือยัง”
หัวหน้าสำนักงานเอ่ยถาม โดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“จะจัดเสาร์นี้ แล้วไม่ใช่เหรอ?”
คำถามที่ควรจะแสดงถึงความห่วงใย แต่ฟังอย่างไร ๆ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“พร้อมค่ะ”
นิญาดาตอบ
คำตอบนั้นทำให้หัวหน้าสำนักงานชะงักมือจากแป้นพิมพ์เล็กน้อย แต่ตายังคงมองที่หน้าจอ
“แล้วคนที่จะไปช่วยเธอจัดอบรมมีกี่คน ใครบ้าง?”
“ทั้งหมดห้าคนค่ะ มีน้องยุ น้องฟ้า ภีม พี่เกด แล้วก็พี่เก้ง”
ผู้เป็นนายถอนหายใจแรง ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วจ้องมาที่หล่อน
“พี่บอกแล้วใช่ไหม? ไม่ให้ขนคนที่สำนักงานไปเยอะ!”
“ต้องมีคนดูแลอาจารย์ ขนของ การเงินและจัดกิจกรรม!”
นิญาดาโต้กลับ นับจากวินาทีนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้หัวหน้าง่าย ๆ อีกต่อไป
“พี่ให้เอาคนไปได้แค่สองคน! เลือกมา!!”
เสียงหัวหน้าเริ่มดัง
นิญาดาเม้มปาก ตาจ้องตาอย่างไม่เกรงกลัว เพราะมันคือ เกม !!! เกมสงครามระหว่างลูกน้องกับหัวหน้า ไม่ว่าจะกี่พันปี หัวหน้าก็ต้องชนะลูกน้องเสมอ ! แต่! เกมนี้ “นิญาดา” เป็นผู้เล่น มันจะไม่จบแบบเดิมแน่ ๆ
หัวหน้าบีบให้หล่อนตัดทีมงานออก เหลือแค่สองคน เท่ากับว่า ตัดแขนตัดขาไม่ให้ทำงานได้สะดวก!
‘ร้าย! ร้ายกาจมาก !’
นิญาดาตะโกนก้องในใจ ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า
“งั้นสองคน ที่หนูจะขอไปช่วยงาน คือ น้องภีม ต้องไปเคลียร์การเงิน กับ พี่เกดช่วยจัดกิจกรรม ค่ะ”
ผู้เป็นหัวหน้ายิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ เธอชื่นชอบคนเก่ง นิญาดา เก่ง แต่รั้น เธอต้องกำราบให้จำ จะได้ไม่กระด้างกระเดื่องกับผู้เป็นนายอีก !
“ได้ แล้วพี่จะให้พี่ปัญญ์ ตามไปดูแลพวกเธอด้วย ออกไปอบรมนอกมหาวิทยาลัย ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย”
ปากบางของนิญาดาเม้มเข้าหากันสนิท จ้องตากับหัวหน้าอย่างลืมตัว นอกจากจะตัดแขนขาแล้วยังส่งคนมาคุมอีก ! แต่หล่อนจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก
“ค่ะ”
“จบเรื่องแล้ว ไปได้”
“ค่ะ”
นิญาดาน้อมรับโดยดี
“พี่นิ!”
เสียงแหลมเล็กที่มีจริตจะก้านของภีมเรียก ก่อนที่หล่อนจะเดินถึงโต๊ะ
“โทรศัพท์ พี่!”
ร่างอ้อนแอ้นเกินชายถลาถึงตัวหญิงสาว น้องภีม หรือ ทวีศักดิ์ อาจอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินประจำสำนักงาน แม้ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นสาวเกินร้อย ยื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสำนักงานให้นิญาดา
“สวัสดีค่ะ”
หล่อนกรอกเสียงตอบรับปลายสายอย่างงง ๆ
“ครับ ผม อาจารย์เตชินนะ”
เสียงทุ้ม นุ่มลึก รายงานตัวจากปลายสาย อาจารย์เตชิน ! สุดที่รักของหัวหน้า ! ! !
คนวางแผนให้เขาเข้ามาติดกับ พยายามสกัดกั้นความตื่นเต้นระคนดีใจเอาไว้ ก่อนตอบรับด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ปกติที่สุด
“ค่ะ อาจารย์”
“ผมจะขอสมัครเข้าอบรมนักวิจัยไฟแรงสูง ครับ”
“ได้ค่ะ”
Yes! อาจารย์ติดกับแล้ว ! นิญาดาตะโกนลั่นในใจ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในสำนักงาน มีคนเยอะแยะ หล่อนจะตะโกนให้ลั่นห้องเลยทีเดียว
“ขอบคุณค่ะ อาจารย์ รบกวนท่านอาจารย์กรอกข้อมูลเพิ่มเติมตามแบบฟอร์มที่ส่งเวียนให้ในเมลด้วยนะคะ”
หล่อนดัดเสียง แกล้งออดอ้อนอีกฝ่าย
“ครับ”
หล่อนกระตุกยิ้มที่มุมปาก และก่อนวางสาย ได้แจ้ง อ.เตชิน ว่า รถบัสจะออกจากมหาวิทยาลัยไปที่รีสอร์ต กี่โมง และขึ้นรถที่ไหน
“ว่าไงคะคุณพี่!”
น้องภีมจีบปากจีบคอถาม ขณะที่รับโทรศัพท์คืนจากนิญาดา
“อาจารย์เตชิน จะไปอบรมกับพวกเราด้วย!”
“อ๊ายยยยย!”
ภีมตาโต ! อุทานเสียงหลง ตื่นเต้นจนออกนอกหน้านอกตาที่อาจารย์หนุ่มสุดฮอตระดับมหาวิทยาลัยจะไปอบรมด้วย แค่คิดว่าจะได้ค้างอ้างแรมด้วยเขาก็ดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ ที่สำคัญภีมเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้แผนการฉกดวงใจของหัวหน้าในครั้งนี้
“จุ! จุ!”
นิญาดารีบส่งเสียงห้ามภีม เกรงว่าหัวหน้าจะรู้ แล้วจะสร้างปัญหาให้อีก
วันนี้จัดอบรมวันแรก นิญาดาดีดตัวลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ งานทุกอย่างที่ผ่านมือหล่อนจะต้องดีที่สุด และแผนการฉกดวงใจของหัวหน้ากำลังจะเริ่มขึ้น หล่อนจะต้องทำให้ได้ !
ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางก้าวฉับ ๆ มาที่หน้าตึกสำนักงานอธิการบดี ชุดกางเกงยีนเข้ารูปรับกับส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวได้อย่างงดงาม เสื้อเชิ้ตสีขาวคลายกระดุมบนออกสองเม็ดเพื่ออวดคอระหง ดวงหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางเพียงนิดอย่างดูเป็นธรรมชาติ
“สวัสดีคร้า คุณพี่”
ภีมส่งเสียงหวานจ๋อยให้กับหัวหน้าทีมในวันนี้
“สวัสดีค่ะ คุณน้อง”
นิญาดาตอบรับเสียงใสเช่นกัน
อากาศตอนเช้าใกล้หน้าหนาวเริ่มมีหมอกจาง ๆ มีความเย็นหน่อย ๆ ให้ความรู้สึกดีเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตคู่งามกวาดมองดูความเรียบร้อย รถบัสมาแล้ว พี่เกดไปรับวิทยากรที่สนามบินด้วยรถตู้แล้วจะตามมาสมทบอีกที
7.00 น.
นิญาดามองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ได้เวลาที่นัดไว้กับผู้เข้าร่วมอบรมแล้ว สักพักทุกคนคงจะทยอยกันมา เธอยื่นใบลงทะเบียนให้ภีมช่วยรับคนเข้าอบรม ส่วนเธอเองก็คอยต้อนรับเหล่าอาจารย์ขึ้นรถพร้อมกับแจกป้ายชื่อสำหรับคล้องกระเป๋าของตนเองเพื่อป้องกันการหยิบกระเป๋าผิดใบ
อาจารย์เริ่มทยอยกันมาเรื่อย ๆ
“สวัสดีค่ะ อาจารย์”
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ