ログイン“ไม่ได้ นี่เป็นยาแก้ปวด คุณต้องกินกันไว้ คืนนี้แผลอาจอักเสบและจะปวดมาก” เขามองคนกินยายากอย่างรู้ทัน
ลีเดียส่ายหน้า “ไม่เอา ฉันไม่อยากกินนี่ มันขม” เจ้าหล่อนร้องโอดครวญ
แม้จะเก่งกล้าไม่กลัวแม้กระทั่งลูกปืน แต่หญิงสาวกลับพ่ายแพ้ให้กับยาเม็ดเล็กๆนี่อย่างง่ายดาย ทำให้คนที่เห็นอดยิ้มขำไม่ได้ ดวงตาคมทอประกายอบอุ่นขณะมองร่างบางของคนเจ็บด้วยความเอ็นดู
“เดี๋ยวผมสอนวิธีกินยาให้ รับรองไม่ขม”
เขาหลอกล่อหญิงสาวเหมือนหลอกเด็กเล็กๆ แต่คนไม่ชอบกินยากลับไม่ยอมหลงกล ใบหน้าเรียวส่ายปฏิเสธ มองเม็ดยาเหมือนมองสิ่งน่าหวาดกลัว
“ไม่เอา ฉันไม่กิน มันขมนายเข้าใจไหม ว่าฉันกินมันไม่ได้ “ เธอตะเบ็งเสียงเข้าใส่ กอดอกเบือนหน้าหนี จนคนเห็นต้องส่ายหน้า หากไม่ยอมแพ้พยายามเกลี้ยกล่อมต่อ
“ไม่กินคุณก็อาจจะปวดแผลทั้งคืนนะ”
“ฉันทนไหว ไม่เป็นไรหรอกแผลแค่นี้เอง”
ความดื้อรั้นยังคงสิงร่างไม่ยอมออก ลีเดียเข้าสู่โหมดเด็กดื้อไม่ยอมกินยาง่ายๆ นภวินท์มองคนกินยากอย่างระอา หากเธอไม่ยอมกินยาแผลของเธออาจจะอักเสบ จนปวดแทบลุกไม่ขึ้นแน่ เขาไม่ยอมให้เธอเป็นแบบนั้น แต่จะทำยังไงถึงบังคับให้เจ้าตัวยอมกินยาได้ เมื่อคุณหนูลีเดียฤทธิ์มากขนาดนี้
“กินยานะครับ ผมไม่อยากเห็นคุณเจ็บ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันแค่หนึ่งเดือนเอง”
เสียงของชายหนุ่มทอดนุ่มลง มองสบตาคนดื้ออย่างอ้อนวอน อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หากไม่ยอมใจอ่อน
“ไม่นะ ฉันไม่กินมันเด็ดขาด” เด็กดื้อในร่างหญิงสาว ส่ายหน้าไปมา
“ก็ได้ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ผมไม่บังคับคุณหรอก” นภวินท์ลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยิบขวดน้ำมาเปิดดื่ม หันหลังให้คนเจ็บ
“ฉันไม่ชอบกินยานี่ คุณต้องเข้าใจนะ ว่ายามันขมมากๆ ฉันกลืนมันลงคอไม่ไหว”
ลีเดียถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเขาไม่บังคับเธออีก หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังดื่มน้ำ กระเป๋าเงินของเขาเสียบอยู่ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง
“เฮียแกเก็บรูปผู้หญิงคนนั้นไว้ในกระเป๋าตัง” คำพูดของสิงหกัลยาแว่วมาในสมอง
ทำให้ลีเดียอยากเห็นรูปในกระเป๋านั่น ชายหนุ่มเคยบอกว่าเธอคือคนรักของเขา บางทีเธออาจแค่หน้าเหมือนคนรักของเขาเท่านั้น ลีเดียพยายามถามตัวเองว่าเธอรู้จักผู้ชายคนนี้หรือไม่ ในสมองกลับว่างเปล่า ค้นไม่พบความทรงจำใดใดเกี่ยวกับเขาเลย ดวงตายามเรียวหรุบลงมองมือตัวเอง เมื่อความหดหู่พุ่งวาบกลางหัวใจ อารมณ์ของเธอแปรปรวนขึ้นลงตั้งแต่ได้พบกับเขา
นภวินท์หรี่ตาแอบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอมีรอยครุ่นคิด คล้ายเจ้าตัวกำลังพบกับปัญหาหนักใจ เขาค่อยๆหมุนกายเดินเรียดเท้ามาหาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองช้าๆ ร่างสูงยืนอยู่ข้างเตียงขณะจับไหล่บางให้หันมาหา ก่อนจะก้มลงไปหาอย่างรวดเร็ว มือบีบแก้มของคนเจ็บบังคับให้อ้าปาก ก่อนจะแนบปากประกบปิดปากของเธอ
“อื้อ... อึก...“
ลีเดียส่ายหน้าหนี แต่ไม่ทันการณ์ เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาปิดปากเธอไว้แน่น พร้อมๆกับบังคับให้เธอกลืนน้ำที่เขาอมไว้ลงคอ มีบางอย่างผ่านลงคอเธอไปพร้อมกับน้ำ หญิงสาวเบิกตากว้าง เมื่อเผลอกลืนมันลงไปแล้ว
“ขมหรือเปล่าลีเดีย” เขาถาม หลังจากถอนริมฝีปากออก
แก้มเนียนของคนกินยายากร้อนวูบวาบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น เขาฉวยโอกาสรังแกเธอทุกครั้งที่อยู่ลำพัง หญิงสาวอยากทุบเขาให้กระดูกหัก อยากตบหน้าขาวๆให้ปากแดงๆของเขาแตกยับ จะได้เลิกรังแกเธอเสียที
“คนบ้า ! คุณมัน โอ้ย ฉันจะด่าคุณว่าอะไรดีเนี่ย”
“คิดไม่ออกก็เก็บรวบยอดไว้คราวหน้า” นภวินท์ยิ้มใส่ตาขุ่นขวางนั้น จัดแจงห่มผ้าให้ “นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะโทรไปคุยกับพ่อคุณ ท่านจะได้ส่งคนมาดูแลคุณเพิ่ม ไอ้พวกบ้านั้นอาจตามมาเล่นงานคุณกับยายสิงห์อีก”
นภวินท์วางมือบนศีรษะ เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ใบหน้าคมก้มลงแตะริมฝีปากบนหน้าผากเนียนนั้นเบาๆ
“ฝันดีนะกี้” เขาเรียกเธอด้วยชื่อที่คุ้นเคย คนฟังอุ่นวาบในหัวใจโดยไม่รู้สาเหตุ มองร่างหนาที่เดินออกไปด้วยสายตาหวั่นไหว
“ไม่นะ ฉันไม่ใช่กี้ ฉันชื่อลีเดียต่างหาก นายอย่ามาตู่นะนายวินท์” เธอย่นจมูกเข้าใส่บานประตูที่ปิดลง
เจ้าตัวไม่รู้ว่า สรรพนามเรียกขานชายหนุ่มที่เธอเรียกนั้น ช่างคุ้นปากนักราวกับเคยเรียกเขาแบบนี้มาก่อน...
ราฟาเอลวิ่งออกมาจากห้อง เจอนภวินท์ออกมาจากห้องของน้องสาวพอดี เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณนภวินท์ น้องสาวคุณแย่แล้ว”
หน้าตาแตกตื่นของมาทาดอร์หนุ่ม ทำให้นภวินท์วิ่งตามอีกฝ่ายกลับมายังห้องพัก เมื่อสองหนุ่มเปิดประตูเข้าไปด้านใน กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างของสิงหกัลยาอยู่ในนั้น
“ยายสิงห์อยู่ที่ไหน หรือว่า...” นภวินท์ใจหายวาบ “ยายสิงห์จะถูกพวกมันจับตัวไปแล้ว”
“ผมไม่รู้เมื่อกี้ น้องสาวคุณเธอเป็นลมชัก ชักกระตุกๆอยู่บนเตียงนั่น”
ราฟาเอลเดินมายังเตียงที่มีรอยยับยู่ยี่ เขาหยิบของที่วางอยู่บนนั้นมาดู มันเปียกชื้นคราบน้ำลายของหญิงสาวเต็มไปหมด
“ถุงเท้าของผมนี่”
นภวินท์เดินมายืนข้างๆ มองดูของที่ราฟาเอลถือไว้อย่างสงสัย ทำไมมันมาหล่นอยู่บนที่นอนได้ อีกฝ่ายขมวดคิ้วคุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดโทร
“ลีเดียเหรอ น้องเป็นยังไงบ้าง อืม... แล้วลีโอโนร่าล่ะ” เขาคุยโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสาย แล้วหันมาพูดกับคนที่ยืนมองอยู่ “น้องสาวคุณอยู่ที่ห้องลีเดียแล้ว”
“ยายลิงนี่ ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
นภวินท์พึมพำเป็นภาษาไทย ก่อนจะเปลี่ยนภาษาพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสนทนากับราฟาเอล
“เมื่อกี้คุณว่า น้องสาวผมเขาเป็นลมชักเหรอ ยายสิงห์แข็งแรงจะตายไม่เคยเป็นโรคที่คุณบอกเลย”
คำบอกเล่านั้นทำให้มาทาดอร์หนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีสปีชี่ย์ใกล้เคียงกับวัวกระทิงเสียแล้ว ยายตัวแสบแกล้งเป็นลมชักหลอกเขา ลูกไม้ลูกนี้ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในสายตาของเจ้าหล่อน นึกแล้วก็รู้สึกเจ็บใจที่เสียรู้คนตัวเล็ก ราฟาเอลมองก้อนถุงเท้าที่เมื่อครู่กลายเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลคนไข้ลมชัก ก่อนจะยิ้มออกใบหน้าเครียดขึ้งคลายลง ยกนี้ไม่ถือว่าเขาแพ้ยายตัวแสบ หากเขากับเจ้าหล่อนเสมอกันต่างหาก
“เธอคงหายแล้ว ต้องขอบคุณอุปกรณ์ช่วยชีวิตสิ่งนี้” ราฟาเอลส่งถุงเท้าให้เจ้าของ
นภวินท์รับของที่อีกฝ่ายส่งมาให้ขึ้นมาดู “ถุงเท้าผมทำไมถึงเปียกๆ” เขามองรอยคราบเหนียวที่ติดอยู่อย่างสงสัย
ราฟาเอลเหยียดริมฝีปากยิ้ม ดวงตาคมมีรอยขบขัน ก่อนจะบอกว่า
“เมื่อกี้ผมเพิ่งใช้มันยัดปากน้องสาวคุณ มันคงช่วยทำให้เธอหายลมชักได้เร็ว เราถึงไม่เจอเธออยู่ที่นี่”
พูดจบมาร่างสูงของนักสู้วัวก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้เจ้าของอุปกรณ์กู้ชีพมองเจ้าสิ่งนั้นอยู่ นภวินท์ส่ายหน้าไปมา นึกรู้ว่าทำไมสิงหกัลยาถึงได้เป็นลมชักขึ้นมา ต้นเหตุคงเป็นพี่ชายต่างสายเลือดของลีเดียแน่นอน เขาเป็นผู้ชายย่อมมองผู้ชายด้วยกันออก ท่าทางของราฟาเอลร้ายกาจไม่เบา สิงหกัลยาถึงงัดมุกนี้ขึ้นมาใช้
“ยายลิงเอ้ย! เอาตัวให้รอดจากไอ้หมอนี่ ให้ได้ตลอดเถอะนะ ฉันไม่อยากกลับไปตอบคำถามเฮียเป๋ง”
“คุณ เอ่อ... ขอโทษด้วย ผมจำชื่อคุณไม่ได้” นภวินท์หัวเราะกลบเกลื่อน“ผมชื่อฟิลลิป เป็นเลขาของท่านนิโคไลน์ กอนซาเลสครับ” เขาเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการนภวินท์พยักหน้ารับรู้ หากไม่ยอมเอ่ยถึงอาการหลงลืมของตัวเองออกมา “ที่นี่ไหนกันเนี่ย ผมคงเมาจนจำอะไรไม่ได้”“ที่นี่คือซาน เซบาสเตียนครับ เกสเฮ้าส์หลังนี้เป็นของเจ้านายของผม ท่านจัดให้คุณพักในระหว่างเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ครับ” เลขาของนิโคไลน์เอ่ยขึ้นนภวินท์ลุกขึ้นยืน ผายมือเชื้อเชิญผู้มาเยือนให้ไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียง ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงวิธีสืบหาความทรงจำที่หายไปของเขา หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สมองของเขามึนงง จนจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหล้าที่เขาดื่มเข้าไปชื่ออะไร จะได้ไม่ดื่มมันอีก“ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ เหมาะสำหรับพักผ่อน แต่ผู้คนเยอะไปหน่อยดูพลุกพล่าน” นภวินท์ชวนคุยฟิลลิปยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นคู่สนทนาเอนหลังอย่างสบายอารมณ์ เขายื่นถุงกระดาษและกล่องที่ถือมาให้ชายหนุ่ม คนรับมองของที่ได้รับด้วยความสงสัย เมื่อเปิดกล่องออกดูก็พบกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ของที่อยู่ในถุงเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่“ เอามาให้ผมทำไมครับ”“ของที่คุณซื้อเมื่อวานยังไงค
“นิโคไลน์ แกอย่าคิดอะไรโง่ๆแบบนั้นนะ ยายผู้หญิงนั่นมันเป็นคนในตระกูลราโดรเปรเรส มันต้องร่วมชดใช้” เขาตอกย้ำเป้าประสงค์หลักให้อีกฝ่ายรับรู้“ผมจะแต่งงานกับเธอ ให้เธอเป็นคนในตระกูลกอนซาเลสของเรา แค่นี้เธอก็ไม่เกี่ยวของกับเฟอร์นันโดแล้ว” คนเป็นหลานหาทางออกให้ทางออกของนิโคไลน์ทำให้คนเป็นลุงรู้สึกขัดใจ คาลอสไม่ต้องการให้สายเลือดของกอนซาเลสไปรวมกับราโดรเปรเรส ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม เขาไม่มีวันยอมให้นิโคไลน์เอาลูกสาวของเฟอร์นันโดมายกย่องเป็นเมียออกหน้าออกตา“ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่ง แกก็ส่งเธอมาให้ฉัน แล้วแกก็ไสหัวไปไกลๆฉันเลย ! ” คาลอสเริ่มอารมณ์เสีย เขาตวาดใส่คนปลายสายอย่างหงุดหงิด“ผมไม่ยอมให้ลุงทำอะไรลีเดียหรอกครับ เธอเป็นของผมและผมไม่ยอมส่งเธอให้ลุงเด็ดขาด ถ้าลุงอยากได้ตัวประกัน ผมจะส่งนายนภวินท์ไปให้” นิโคไลน์ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นลุง ยามนี้เขาลุกขึ้นมาปกป้องลีเดียอย่างเต็มตัว แสดงให้คาลอสรับรู้ว่าเขาจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มากเพียงใด“แกจับตัวนภวินท์ไปด้วยเหรอ ไอ้หลานโง่ แกทำเกินคำสั่งอีกแล้วนะ” คาลอสตะโกนลั่นอย่างหัวเสียสิ่งที่สั่ง นิโคไลน์ไม่ยอมทำ แต่สิ่งที่ไม่ได้สั่งกลับทำเกินหน
คฤหาสน์ตระกูลราโดรเปรเรส คนของตระกูลอรรถไกรสิบคน ที่ส่งมาตามคำขอของนภวินท์ผู้เป็นนายเล็ก ได้เดินทางมาถึงสเปนและมาพบกับเฟอร์นันโด ตามคำสั่งของฆนากรพี่ชายนภวินท์ ขจรเกียรติกับนายวงค์หัวหน้าบอดี้การ์ดร่วมประชุมกับเจ้าของบ้านและลูกชาย ที่เพิ่งกลับมาจากพัมโพลนา “ไอ้คาลอส มันจับตัวลีเดียลูกสาวผมกับคุณนภวินท์ไป ตอนนี้เรากำลังส่งคนตามสืบหาที่อยู่” เฟอร์นันโดเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรคุณหนูกับคุณวินท์ เพราะมิสเตอร์คาลอสกับคุณฆนากร เคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก่อน” ขจรเกียรติให้ความเห็น ก่อนหน้านี้เขาได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฆนากรรับรู้ ผู้เป็นนายได้ติดต่อพูดคุยกับมาเฟียอิตาเลี่ยนผู้นั้นแล้ว คาลอสรับปากจะส่งตัว นภวินท์กลับมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่ยอมเอ่ยถึงการปล่อยตัวลูกสาวบุญธรรมของเฟอร์นันโด ขจรเกียรติเก็บงำเรื่องนี้ไว้ ไม่ยอมเอ่ยให้อีกฝ่ายรับรู้ ด้วยเกรงจะทำให้หมางใจกันเปล่าๆ เมื่อคาลอสกับเฟอร์นันโดเป็นศัตรูกัน จึงไม่ควรแสดงท่าทีสนิทสนมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป“ตอนนี้ ลีเดียอยู่กับพวกมัน เราไม่
ทายาทตระกูลกอนซาเลส หันไปมองด้านหลังของรถ เขามองร่างของช่างภาพหนุ่มชาวไทยอย่างครุ่นคิด เขาจะจัดการเจ้าหมอนี่ยังไงดี นิโคไลน์ไม่ต้องการฆ่าใครโดยไม่จำเป็น ครู่หนึ่งริมฝีปากหยักหนายกขึ้นพร้อมประกายบางอย่างปรากฏขึ้นบนดวงตาเมื่อความคิดหนึ่งเกิดขึ้น“ฟิลลิป ทำให้ไอ้หมอนี่กลายเป็นคนความจำเสื่อมได้ไหม ฉันจำเป็นต้องเก็บมันไว้” ผู้เป็นนายสั่งลูกน้องคู่ใจ“ท่านจะให้ผมใช้ยานั่นกับมันหรือครับ” ฟิลลิปเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เขามียากล่อมประสาทชนิดหนึ่งที่ทำให้คนได้รับยา กลายเป็นคนความจำเสื่อมชั่วคราวจากการถูกฤทธิ์ยากดประสาท จนไม่สามารถจำอะไรได้ ง่ายต่อการล้างสมองให้ทำอะไรตามคำสั่ง ตัวยานี้ คาลอส มันชินี่ นำมาให้ใช้เพื่อจัดการกับคนที่ขัดขวางการก้าวสู่อำนาจของ นิโคไลน์ ซึ่งเขาได้ใช้มันกับคณะกรรมการของเมืองหลายคน ที่คัดค้านการขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานผู้เพาะพันธุ์วัวกระทิงของผู้เป็นนาย “จัดการให้เรียบร้อย ก่อนที่มันจะตื่นมาอาละวาด ฉันต้องการให้มันลืมเรื่องของลีเดีย มันจะเป็นเพียงแค่ช่างภาพที่ฉันจ้างมาทำงานให้เท่านั้น” นิโคไลน์ก้มลงมอง ใบหน้างามที่นอนอยู่บนตักตัวเอง “ฉันกับลีเดีย อาจจะอยู่ที่นี่อีกหลายวั
อังตวนสีหน้าขึ้งเครียดกว่าเมื่อครู่ เมื่อยื่นบางสิ่งให้ผู้เป็นนายน้อย “เราพบแต่ไอ้นี่ครับ ผมขอโทษที่ดูแลคุณลีเดียไม่ดีพอ” หัวหน้าบอดี้การ์ดก้มหน้ารับผิดราฟาเอลชาไปทั้งตัวใจหายวาบ เขาหันหลังให้บอดี้การ์ดคนสนิทของบิดา สีหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่งหากแววตากลับวาววับราวกับมีเปลวไฟอยู่ในนั้น มือหนากำแหวนสัญญาณในมือแน่น เขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามโหดร้ายทารุณแค่ไหน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆมันยังกล้าทำร้ายจนเกือบพิการ ภาพในอดีตวาบผ่านเข้ามาในมโนนึก“ไอ้หนู แกโชคร้ายเอง ที่เกิดมาเป็นคนในตระกูลราโดรเปรเรสนั่น”เสียงห้าวทุ้มของผู้ชายร่างใหญ่ดังขึ้น ขณะมองลูกสมุนของตนกำลังทรมานเด็กชายวัยแปดขวบด้วยการใช้เข็มหมุด ปักลงที่ปลายนิ้วน้อยๆนั้น เสียงร้องไห้ดังลั่น ไม่ทำให้คนมองใจอ่อนสักนิด ดวงตาสีอำพันยังคงมองความเจ็บปวดของเด็กน้อยด้วยสีหน้าพอใจ ร่างของเด็กชายพยายามดิ้นหนีแต่ถูกผู้ใหญ่ตัวโตจับไว้แน่น“ถ่ายรูปส่งไปให้พ่อมันดู ฉันอยากให้ไอ้เฟอร์นันโดมันเห็นลูกชายของมันตอนนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คาลอสหัวเราะสะใจราฟาเอลในวัยเยาว์จดจำใบหน้าของชายใจร้ายฝังใจ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร เพราะความซุกซนทำให้เขาได้รับบทเรีย
สิงหกัลยาถูกกักไว้ในวงแขนกำยำของมาทาดอร์หนุ่มจนดิ้นไม่หลุด ราฟาเอลยังคงกอดรัดร่างน้อยไม่ยอมปล่อย แม่สิงห์สาวร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อจมูกโด่งงามซุกไซ้ไปทั่วซอกคอหอมกรุ่น โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่เป็นมุมอับสายตาคนแถมไฟยังสลัว เสียงเพลงเปิดคลอผสานกับเสียงของผู้คนที่นั่งอยู่ตามโต๊ะต่างๆ ทำให้ไม่มีใครสนใจว่าใครกำลังทำอะไร บอดี้การ์ดของเขายืนหันหลังให้เปิดโอกาสให้นายน้อยของตน ได้วาดลวดลายสีหญิงเต็มที่ ยิปซีสาวหลงถิ่นมองหาทางรอดแทบไม่เจอ เมื่อถูกเขารังแกแบบไร้ทางสู้ราฟาเอลเพลินกับเนื้อตัวนุ่มนิ่มของสาวน้อยในอ้อมกอด ทำให้หัวใจของเขาโรจน์แรง จากที่คิดจะแกล้งเธอให้ตกใจเล่น แต่เมื่อได้สัมผัสเนื้อนวล มาทาดอร์หนุ่มกลับห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ ลืมเรื่องที่น้องสาวออกไปกับช่างภาพหนุ่มไป เขากดริมฝีปากจุมพิตแก้มนวลแรงๆอีกครั้ง อย่างอดใจไม่ไหว กระซิบเสียงพร่าว่า“ลีโอโนร่า... ฉันชอบเธอ”“แต่ฉันเกลียดนาย ไอ้มาทาดอร์หื่น”สิงหกัลยาดันหน้าที่ก้มลงมาแนบชิดออกห่าง ไม่ได้เคลิ้มไปกับคำพูดของเขาเลย เขาเคยบอกว่าจะทำให้เธอรัก แต่สิ่งที่เขากำลังทำเธอกลับเพิ่มความเกลียดมากกว่าจะรู้สึกรักเขาลง ผู้ชายอย่างเขามองผู้หญิงเป







