ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อน
ทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า
“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน
“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้
“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
ปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหน
และก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไป
คุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการ
หมอที่มาตรวจให้นั้น คือหมอประจำตระกูลและเข้าออกประจำอยู่ที่นี่ด้วย เพราะที่นี่จัดทำแค่ห้องพยาบาลไม่มีหมอประจำการ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยตรวจอาการทั่วไปที่ไม่ร้ายแรงเท่านั้น
“ตกลงมุกดาเป็นอะไร” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมาทันที ที่หมอผู้ตรวจดูอาการของลูกสาวเดินออกมา
“อาการโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหนูมุกดาแค่เพลียเป็นปกติของอาการคนที่กำลังตั้งครรภ์เท่านั้นครับ” เสียงนุ่มของคุณหมอเอ่ยบอกออกมาถึงอาการของมุกดารินทร์ให้แก่คนที่อยู่ตรงนั้นฟัง
“อะไรน่ะ!!!”
ทุกคนที่ได้ยินในสิ่งที่คุณหมอกล่าว กลับต้องเบิกตากว้าง อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงแบบไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะปราโมทย์และคุณพัฒน์ที่ยังคงอยู่ตรงนี้ด้วย
“ตั้งครรภ์เหรอ?” ปราโมทย์หันไปถามเอาคำตอบจากหมออีกทันที เพื่อความแน่ใจ ว่าที่ได้ยินเมื่อสักครู่คือไม่ผิด
“ครับ คุณหนูมุกดา กำ ลัง ตั้ง ครรภ์ ครับ” คุณหมอได้แต่พยักหน้ารับ แล้วจึงเอ่ยย้ำขึ้นมาด้วยถ้อยคำชัด ๆ ช้า ๆ อีกที
“มุก...” คุณพัฒน์เดินไปหาหญิงสาวที่อยู่บนเตียง ขณะที่เธอกำลังชันตัวลุกขึ้นนั่ง โดยไม่สนสายตาที่บิดาของเธอนั้นมองมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย
“มันใช่ไหม?” เสียงเข้มตวาดดังลั่นถามลูกสาวออกไป พร้อมกับชี้นิ้วไปทางคุณพัฒน์ด้วยสายตาที่เดือดดาน พร้อมจะกินเลือดทันที
มุกดารินทร์มองสบตากับบิดาของเธอ ก่อนที่จะพยักหน้าแทนเป็นการยอมรับ แล้วก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้มทันทีอย่างห้ามไม่อยู่
“เบาเสียงกันหน่อยครับ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของพนักงานด้วย เดี๋ยวคนอื่นจะได้ยินเข้า แล้วเอาไปนินทากันได้” วิศรุตรีบปรามปราโมทย์เอาไว้ เพราะตอนนี้ชายสูงวัยนั้นโกรธลูกสาวและคุณพัฒน์ จนแทบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
“คุณพ่อ มะ มุกขอโทษ มุกผิดเองฮึกกก...” มุกดารินทร์ยกมือขึ้นพนมไหว้บิดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงเธอมาอย่างรู้สึกผิด พร้อมกับเสียงร้องไห้สะอื้นออกมา
คุณหมอผู้ตรวจจึงเดินเลี่ยงออกไปจากสถานการณ์ตึงเครียดตรงนี้ เมื่อจบหน้าที่ของตนแล้ว เพราะตัวเองมีหน้าที่แค่รักษาอาการป่วยของคนไข้ ส่วนเรื่องอื่นไม่ขอรับรู้และเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว...
“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยไปเคลียร์กันที่บ้านดีกว่านะครับคุณพ่อ...” วิศรุตเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ขอร้องปราโมทย์เอาไว้ ด้วยการที่เรียกเขาว่าพ่อ
น้อยครั้งนักที่วิศรุตจะยอมเรียกปราโมทย์ว่าพ่อ เพราะถ้าไม่ใช้ที่บ้าน ที่อื่นจะไม่เอ่ยเรียกให้คนอื่นได้ยินเป็นอันขาดนอกเสียจากจะมีเรื่องขอร้องกันจริง ๆ และเขาก็อยากให้คนอื่นรู้สถานะบุตรบุญธรรมที่ปราโมทย์เลี้ยงดูมาด้วย แต่ครั้งนี้ เขายอมเรียกต่อหน้าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ เพื่ออยากให้ปราโมทย์นั้นสงบสติเก็บอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้บ้าง...
“นายอย่ามาห้ามไอ้รุต วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก” ปราโมทย์ยังคงคาดโทษมาทางคุณพัฒน์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับลูกสาว แถมยังจับมือโอบเอวมุกดารินทร์แบบไม่เกรงใจเขาที่เป็นบิดาเธอเลย
“คนจะแตกตื่นเอานะครับ เชื่อไอ้รุตบ้างเถอะครับคุณพ่อ นะครับ ถือว่าผมขอร้องล่ะ...” วิศรุตเอ่ยขึ้นบอกอีกครั้ง และครั้งนี้เขาใช้สายตาอ้อนวอนพร้อมกับยกมือขึ้นไหวเชิงเป็นการขอร้องด้วย
เมื่อเห็นการกระทำของลูกชายบุญธรรมที่ขอร้องเขา ปราโมทย์จึงหันหลังให้แก่ลูกสาวทันที เพราะไม่อาจทนมองน้ำตาของลูกสาวได้ กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนให้ในตอนนี้
“คุณพ่อ” เสียงสั่นเครือเอ่ยเรียกคนที่หันหลังให้เธออย่างแผ่วเบา
“หยามกันมากเลยน่ะ” ปราโมทย์เอ่ยแต่ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าลูกสาว
“ฮึก...มุกขอโทษ”
บ้านภัทรไชยา
ผลัวะ!! ผลัวะ!!
ปราโมทย์สาดหมดหนัก ๆ ใส่ชายหนุ่มทันที ที่กลับมาถึงบ้าน เพราะถูกคาดโทษไว้ตั้งแต่ที่ทำงานแล้ว แต่พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้
“พะ พี่เกื้อ...”
คุณพัฒน์ที่ถูกลากตัวกลับมาที่บ้านของปราโมทย์ด้วย ล่วงลงกองอยู่กับพื้นทันทีที่ถูกหมัดหนักของเจ้าของบ้าน
“อย่าเข้าไปใกล้มันเด็ดขาด” เสียงเข้มตวาดสั่งลูกสาวเอาไว้ เมื่อเห็นว่ามุกดารินทร์กำลังก้าวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่ม
“คุณพ่อ อย่าทำอะไรพี่เกื้อเลยนะคะ มุกขอ...” เธอพยายามขอร้องผู้เป็นพ่อเอาไว้ ไม่ใช้ทำอะไรคุณพัฒน์ไปมากกว่านี้
“ทำไมลูกถึงทำแบบนี้...” มองหน้าลูกสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้สึกผิดหวัง
มุกดารินทร์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าของบิดา ก่อนที่พนมมือไหว้คนตรงหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ก่อนที่จะเอ่ยขอร้องบิดาออดอ้อน
“...คะ คุณพ่อ มุกยอมแล้ว มุกขอโทษ มุกผิดไปแล้ว พี่เกื้อไม่ผิดเลย มุกเป็นฝ่ายยอมเอง ฮึกกก...” เสียงสะอื้นร้องขอ สารภาพผิดตรงหน้าของบิดา
“รักมันมากนักใช่ไหม...” เสียงเข้มถามขึ้น แต่ลดน้ำเสียงลงบ้าง เมื่อเห็นลูกสาวนั่งลงตรงหน้า และสารภาพกับตนอย่างรู้สึกผิดในการกระทำของตัวเอง
“ค่ะ มุกรักพี่เกื้อ เรารักกัน ฮึกกก...” มือบางอันสั่นเทาปาดน้ำตาออก พร้อมกับพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยตอบบิดาออกไปตามตรง เพราะเธอรักคุณพัฒน์มาก จนยอมตัดสินใจมอบร่างกายให้เขา
เธอผิดเองที่ไม่รู้จักป้องกัน จะไปโทษใครได้ แต่เพราะเธอนั้นรักเขามากจึงไม่ได้คิดถึงวิธีป้องกัน และผลที่จะตามมาในการกระทำของเธอเอง
“สั่งสอนมัน ให้มันรู้จักเสียบ้างว่าอะไรควรไม่ควร” เสียงเข้มทรงอำนาจสั่งลูกน้องให้จัดการกับชายหนุ่มอีกทันที
ผลัวะ!!
ลูกน้องสองคนของปราโมทย์หิ้วปีกคุณพัฒน์ขึ้น แล้วสาดหมัดใส่อีกหนตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายทันที โดยไม่คิดที่จะยั้งแรง
“พี่เกื้อ...” มุกดารินทร์ที่ช่วยอะไรชายหนุ่มคนรักไม่ได้ ได้แต่กอดขาบิดาอย่างออดอ้อนวอนขอ เพื่อท่านจะเห็นใจบ้าง
“ขอร้องออกมาสิว่ะ!” เสียงเข้มของปราโมทย์ตวาดออกมา เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่เงียบปล่อยให้ลูกของซ้อมปางตายแบบไม่คิดที่จะสู้ และปริปากร้องขอสักคำ
“...” เงียบอีกเช่นเคย
“หยามกันมาก ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย”
“...”
“เอามันไปขังไว้ที่ห้องเก็บของก่อน ฉันจะไปธุระต่อ คอยดูเอาไว้ อย่าให้มันตายไปก่อนล่ะ ฉันจะรีบมาจัดการต่อ” เมื่อเห็นว่าทำเช่นไร คุณพัฒน์ก็ไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรออกมาอยู่ดี และลูกสาวก็ร้องไห้จนจะตายแทน จึงยอมสั่งการให้ลูกน้องลากตัวออกไป เพราะตัวเขาเองก็มีงานต่อ
“คุณพ่อ”
“ส่วนมุกดา พวกแกเฝ้าไว้ ห้ามให้ออกไปเจอไอ้บ้านนอกนี้เป็นอันขาด แล้วอย่าให้ฉันรู้น่ะว่าใครให้การช่วยเหลือมัน ไม่อย่างนั้นเตรียมตัวออกจากบ้านหลังนี้ไปได้เลย” ปราโมทย์หันมาสั่งการกับลูกน้องทั้งสอง แล้วหันไปตวาดเสียงสั่งเหล่าแม่บ้านและคนงานในบ้านทั้งหมดทันที ก่อนที่จะเดินออกไป
“เจ็บตรงไหนไหมครับคุณหนูมุก” วิศรุตรีบกรู่เข้าไปหามุกดารินทร์ทันที ที่บิดาออกไปจากตรงนี้
“พี่รุต ช่วยพี่เกื้อด้วย...”
“ผมจะพยายามครับ แต่ตอนนี้คุณหนูมุกของผมดูแลตัวเองให้ดี ๆ น่ะ ผมเชื่อว่าสักวันคุณพ่อท่านจะใจอ่อนยอมรับเองครับ เชื่อผมนะครับ เป็นแม่คนแล้วน่ะ...” เขาเอ่ยบอกเธอออกไป เพราะเขาเองก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของปราโมทย์ ถึงแม้เขาจะสงสารพวกเธอกับคุณพัฒน์มากแค่ไหนก็ตาม
“ไอ้รุต!”
พูดหรือทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งของปราโมทย์ได้ และเขาก็ลุกขึ้นทันที ที่ปราโมทย์ก็ตระโกนเรียกเขา
“ผมไปก่อนนะครับ” เอ่ยบอกกับเธอเสร็จ ก็เดินออกไปทันที
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท