ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกระทบผิวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา ทำให้หญิงสาวต้องซุกตัวหาความอบอุ่นจากแผงอกแกร่งของสามีหมาดๆ นั่นทำให้มาเฟียหนุ่มลืมตาตื่นเพราะสัมผัสของเธอ
ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวยามหลับไหลรอยยิ้มมุมปากปรากฎขึ้นที่ใบหน้าคมคาย หญิงสาวคงเหนื่อยล้าจากกิจกรรมบนเตียงเมื่อคืน ร่างกายขาวเนียนดังน้ำนมมีร่องรอยแห่งความรักที่เขาเป็นคนทำเอง
"ตัวเล็ก วันนี้เรามีนัดไปลองชุดแต่งงานกันนะครับ" เสียงปลุกนุ่มทุ้มกระซิบแผ่วเบา หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาตื่น กระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับโฟกัสการมองเห็น พลันสายตากลับจ้องมองแผงอกแกร่งของมาเฟียหนุ่มด้วยความหลงไหล
ใบหน้าสวยงามเกิดสีแดงระเรืิอด้วยความเขินอาย ร่างกายร้อนผ่าววูบวาบเมื่อนึกถึงกิจกรรมบนเตียงเมื่อคืน มือเล็กสัมผัสแผงอกของมาเฟียหนุ่มแผ่วเบา ก่อนตั้งสติได้ ยัยหมี่!!! แกกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับผู้ชายตรงหน้านะยะ
"ลงจากเตียงไหวไหม" มาเฟียหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ ก่อนก้มลงจูบหนักๆ ที่ปากเรียวบางรัวๆ ดังคนที่ห่างกันไปไกล "แดดดี้ อย่าแกล้งหมี่ซิคะ" สองมือเล็กยกขึ้นประคองพวงแก้มด้วยความเขินอาย
เมื่อทั้งสองแต่งตัวเสร็จมาเฟียหนุ่มเดินประคองหญิงสาวลงจากบันไดวนชั้นสอง หญิงสาวผงะเพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นชายชุดดำนับสิบยืนเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ "เออ แดดดี้คะ" มาเฟียหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยนก่อนตีสีหน้าเข้มเดินลงบรรได
"อรุณสวัสดิ์ครับนาย / อรุณสวัสดิ์ครับนายหญิง" บอดี้การ์ดนับสิบเอ่ยทักทายผู้เป็นนายและนายหญิงหมาดๆ ของตน
"นายหญิง หมายถึงหมี่หรือเปล่าคะ แดดดี้" ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าหมายถึงตัวเองแต่เธอต้องการแค่เพียงถามย้ำเท่านั้น "ตัวเล็กคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นนายหญิงของที่นี่"
"นายหญิงคะ ป้าชื่อป้าอุ่น เป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่นายหญิงต้องการอะไรเรียกใช้ป้าได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
เหล่าบรรดาคนรับใช้และบอดี้การ์ดรู้สึกชื่นชอบ และชื่นชมนายหญิงของตัวเองเป็นอย่างมากเธอทั้งดูดีมีสง่า และยังดูใจดีอีกด้วย
"นี่มันอะไรกันคะแดดดี้ ทำไมถึงมีคนมากมายขนาดนี้?"
"พวกมันมาต้อนรับนายหญิงคนเดียวของบ้าน ตัวเล็กไม่ต้องกังวนนะ พวกนี้จะปฎิบัติกับตัวเล็ก เหมือนที่ทำกับแด๊ด"
"ทุกคนฟัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบะหมี่จะย้ายมาอยู่ที่นี่กับกู กูคิดว่าพวกมึงคงรู้ว่าต้องปฎิบัติกับเธอยังไง" มอน์แกนประกาศกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์ ให้ทุกคนได้รับรู้ว่าที่นี่มีนายคนใหม่เพิ่มเข้ามา
"อาทิตย์หน้ากูกับนายหญิงของพวงมึงจะแต่งงานกัน ขอให้พวกมึงเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมไว้ให้ดี กูไม่ชอบความผิดพลาด หากมันเกิดขึ้น พวกมึงคงรู้ว่ากูจะจัดการยังไง" เป็นคำสั่งงานที่หน้าเกรงขามมากคะแดดดี้
"ตัวเล็ก จะทานข้าวที่นี่ หรือจะไปทานข้างนอกครับ" มาเฟียหนุ่มถามภรรยาหมาดๆ ด้วยความห่วงใย
"ทานที่ไหนก็ได้คะ หมี่ทานได้หมดเลย"
"งั้นขึ้นไปทานผัวอีกทีไหมคะ เหมือนมีคนยังไม่อิ่ม" มาเฟียหนุ่มเย้าแหย่คนรัก ภาพที่น่ารักทำให้ลูกน้องในความปกครองมีความสุขไปด้วยนานมากแล้วที่ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายมีความสุขขนาดนี้มาก่อน
"เสร็จแล้วไปหาคุณพ่อของแดดดี้ ดีไหมคะ"
"ตามใจตัวเล็กเลยคะ"
สองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรู ชายชุดดำเปิดประตูหลังให้ผู้เป็นนาย และนายหญิงก่อนปิดเบาๆ รีบวิ่งไปยังตำแหน่งคนขับ "ตัวเล็ก" มาเฟียหนุ่มตบหน้าขาแกร่งสองสามทีเพื่อเป็นการบอกให้หญิงสาวไปนั่งบนหน้าตักแกร่ง
"แดดดี้คะ หมี่โตแล้วนะ ไม่ต้องนั่งตักแล้วค่ะ" มาเฟียหนุ่มใช้สายตาเป็นการกดดันหญิงสาว เขาไม่ชอบการถูกขัดใจ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งมีเมียหมาดๆ อย่างเขา ก็อยากกระหนุงกระหนิงกับเมียบ้าง
หญิงสาวเขยิบเข้าไปนั่งตักชายหนุ่มในท่าหันข้าง สองมือโอบรอบลำคอหนา มองตาชายหนุ่มปริบๆ ประหนึ่งว่าลูกแมวน้อยกำลังออดอ้อนออาหาร "อะไร มองหน้าแด๊ดทำไม" น้ำเสียงไม่พอใจเปล่งออกมาจากปากของชายหนุ่ม
"มีคนแก่งอนหมี่ด้วย แดดดี้ช่วยจัดการให้ได้ไหมคะ" ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังคงใช้มือเล็กบีบปลายจมูกชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ มือหยาบยกขึ้นจับมือเล็กแผ่นเบา "แค่ตัวเล็กไม่ขัดใจ แด๊ดก็พอแล้ว"
ลูกน้องที่นั่งดูอยู่อดขำกับท่าทางของผู้เป็นนายไม่ได้ "พวกมึงขำอะไรกัน" เสียงตวาดดังลั่นรถ จนหญิงสาวบนหน้าตักสะดุ้งเฮือก "ปะ ปล่าวครับนาย"
"ใครให้มึงมองเมียกู มึงยังอยากมีตาไว้มองถนนอยู่ไหม" เขารู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่ใครจ้องมองหญิงสาว สองมือเล็กประคองใบหน้าคมคายให้หันกลับมาจ้องมองตัวเอง "แดดดี้ื ดุลูกน้องแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ หมี่ยังไม่เห็นพวกเขาทำอะไรผิดเลยนะ"
"ตัวเล็กเป็นอาจารย์แต่ในมหาวิทยาลัยก็พอ ค่ะ" หญิงสาวยู่ปากด้วยความไม่สบอารมย์
ฟอดดดดดดดดด
"อะ แดดดี้!!" ไม่มีการเอ่ยคำขอโทษใดๆ แต่ก้มลงมาหอมแก้ม นี่เป็นการขอโทษหรือเปล่า
[ห้องลองชุด]
"เจ้าสาวมาแล้วค่ะนาย" หญิงสาวเดินออกมาพร้อมชุดเจ้าสาวลายลูกไม้สีขาว กระโปรงเรียบไปกับขาเรียว ช่วงแขนเป็นซีทรู ปาดไหล่เพียงเล็กน้อยดูแล้วเหมากับเธอมาก "โอเคไหมคะนาย"
"อืม" คำตอบเพียงสั่นๆ แต่กลับเขย่าหัวใจดวงน้อย เพราะคนที่ยืนตรงหน้าจ้องมองเธอไม่ละสายตาเลยสักวินาที ดังคนที่กำลังตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
"แดดดี้คะ" ภวังค์ความคิดได้หายวับไปกับตา เมื่อหญิงสาวเอ่ยเรียก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้าหาหญิงสาว ท่อนแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวบาง โน้มใบหน้าคมคายประชิดริมฝีปากหนักๆ เขาใช้เวลาสักพักในการประกบจูบหญิงสาว ก่อนผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
"รีบกลับบ้านกัน ก่อนที่แด๊ดจะทนไม่ไหว"
"หื่นได้ทุกที่ ทุกเวลาเลยนะคะ"
"แด๊ดเป็นแค่กับตัวเล็กคนเดียวนะ" มือหนายกขึ้นจับผมหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
"ไปค่ะ แดดดี้" หญิงสาวเอ้ยเรียกชายหนุ่มทันทีที่ลองชุดเสร็จ "กลับบ้านเลยนะ"
"ทำไมรีบจังคะ"
"ตัวเล็กอยากเอาท์ดอร์ไหมละ" คนบ้า ใบหน้าสวยงามขวยเขินจนแดงระเรือ
เสร็จสิ้นพิธีฝังศพของคุณแด๊ด พวกเราก็กลับเข้ามายังเพนท์เฮาส์ที่เมื่อก่อนครึกครื้น มีคุณแด๊ดคอยวิ่งเล่นกับมาร์ติน มาร์แชล อย่างมีความสุขบัดนี้มันไม่มีอีกแล้ว ฉันจับมือแดดดี้ไว้เพื่อให้กำลังใจสามีของตัวเอง อดไม่ได้ที่เห็นสามีต้องเศร้าแดดดี้บีบมือฉันแน่นตอนนี้ภายในจิตใจของเขาคงจะกำลังแตกสลายไม่มีชิ้นดี “แดดดี้ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวหมี่ทำอะไรให้ทานนะคะ”มอร์แกนรั้งตัวหญิงสาวเอาไว้ เขากอดเธอไว้แน่นราวกับต้องการที่พักใจให้หายเหนื่อยเพียงเท่านั้น ร่างกายไม่เท่าไหร่ แต่จิตใจอ่อนล้าเหลือเกิน “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ”[ห้าปีต่อมา]“ยินดีที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับคุณนะครับคุณมอร์แกน” บาสเตียนเอ่ยขึ้นเมื่อได้ตกลงทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันกับมอร์แกน ผู้ที่เป็นทั้งมาเฟียและนักธุรกิจที่ไม่มีใครยำเกรง รวมถึงตัวเขาผู้ที่มีอำนาจทั้งบนดินและได้ดิน“ผมก็ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับคุณครับคุณบาสเตียน” สองหนุ่มยื่นมือจับแสดงความยินดีกับธุรกิจของทั้งคู่ที่ร่วมลงทุนด้วยกันจนได้ผลกำไรเป็นกอบเป็น
“จัดการเรียบร้อยไหม” ทันทีที่ประตูห้องทำงานเปิดออกมามอร์แกนถามเพื่อนรักทั้งสองด้วยความเป็นกังวน กังวนว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันจะผิดไหม กังวนว่า สิ่งที่เขาทำมันรุนแรงไปหรือเปล่า แต่เขาก็มีคำตอบให้ตัวเองในใจแล้ว ใครที่แตะต้องลูกเมียเขา ใครที่คิดร้าย เขาคงปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้จริงๆ“อืม ... เรียบร้อยไม่ต้องกังวนให้ลูกน้องเก็บกวาดอยู่” คอสโม่เป็นคนตอบคำถามนั้น ขณะที่วิคเตอร์กำลังจุดบุหรี่เดินไปนั่งตรงโซฟา “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มึงทำถูกต้องแล้ว” วิคเตอร์เอ่ยขึ้นเพื่อให้มอร์แกนสบายใจ ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่ต่างกันเลยก็ตาม“อย่าคิดมาก ทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดนั่นแหละ” คอสโม่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อเพื่อนต้องมาดับชีวิตลงด้วยน้ำมือของเพื่อน ใครกันเล่าจะทนรับไหว แม้แต่หัวใจมาเฟียที่แข็งแกร่งดังหินผาเฉกเช่น มอร์แกน วอคเตอร์ และตัวเขาเอง ก็เจ็บปวดไม่น้อย อีกทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทันเป็นเพราะดีออนเองที่ทำมันพัง
[หลายสัปดาห์ต่อมา]"ตัวเล็กค้าบบบ ผลเป็นไงบ้าง" ช่วงเช้าของหลายสัปดาห์ต่อมามอร์แกนมักจะให้บะหมี่ตรวจครรภ์เพื่อหวังว่าจะมีนางฟ้าตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่นเป็นเพื่อมาร์ติน กับมาร์แชล และเช้านี้ก็เช่นกันบะหมี่ส่ายหน้าเบาๆ สายตาแอบผิดหวังนิดๆ ที่ทำให้สามีผิดหวัง เธอเองก็หวังให้สามีสมหวังกับการมีลูกสาวเช่นกัน"ไม่เป็นไรครับ แด๊ดโอเค" ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่มอร์แกนกลับมีสายตาผิดหวังนิดๆ แต่หากบะหมี่ไม่สามารถมีตัวเล็กๆ ได้อีก เขาก็ไม่ว่าอะไรมอร์แกนดึงคนรักเขามาสวมกอดด้วยความรักใคร่เพื่อหวังปลอบใจให้เธอไม่ต้องกังวนใดๆแกร่ก~!!!เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้มอร์แกน และบะหมี่ต้องหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นวิคเตอร์กับคอสโม่ มอร์แกนยิ่งกอดบะหมี่แน่นขึ้นเพื่อแสดงความหวงแหน"หวงเป็นหมาหวงกระดูกเลยนะมึง" วิคเตอร์เอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้เมื่อเห็นอาการของมอร์แกนที่หวงภรรยาสาว"พวกมึงเคาะประตูเป็นป่ะ ไอ้ห่ากูว่ากูก็สร้างประตูไว้นะ" วิคเตอร์ไม่สนใจคำกระแหนะกระแหนของมอร์แกนเลยสักนิด แถมยังยักไหล่ให้เขาเป็นเชิงไม่สนใจอีกต่างหาก
[หนึ่งสัปดาห์ต่อมา]"มาทานข้าวด้วยกันซิคะ คอสโม่ วิคเตอร์" บะหมี่เอ่ยชวนเพื่อนสามีที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหตุเพราะความหน้ามึนของเพื่อนสามีทั้งสองคนอยากจะอยู่ใกล้มาร์ติน กับ มาร์แชล ตลอดเวลา ทำให้อยู่ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปโดยปริยาย"มีอะไรกินบ้าง บะหมี่ทำเองหรอ" คอสโม่เดินตรงไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขณะที่วิคเตอร์ก็ตามมาติดๆ"มาร์ติน มาร์แชล ไปไหน" ดูท่าแล้วคนที่ติดเด็กแฝดจะไม่ใช่แค่มอร์แกน คนเดียว ทุกครั้งที่วิคเตอร์ กับ คอสโม่ กลับมาจากทำงาน ไม่ว่าจะดึก จะเหนื่อยแค่ไหน เขาต้องเข้ามาขุดเอาสองแฝดไปนอนด้วยทุกครั้ง"แดดดี้พาไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านคะ" คอสโม่นั่งลงที่โต๊ะอาหารมองหน้าบะหมี่ อย่างนึกอาลัยอาวรณ์ แต่เมื่อนึกถึงหน้าสองแฝดขึ้นมาเขาลุกพรวดขึ้นในทันทีเดินตรงไปยังสวนหลังบ้าน"เออ ... อย่าบอกนะว่าจะไปแย่งมาร์ติน กับมาร์แชลมาน่ะ" วิคเตอร์พยักหน้าพลางเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามบะหมี่"มีอีกสักสองคนซิ ถ้ามอร์แกนมันไม่มีน้ำยาแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง""ไม่ได้!!"พูดไม่ทันขาดคำน้ำเสียงท
เวลาล่วงเลยมาร่วมสิบเดือนเศษแล้วนอกจากมอร์แกนที่ทำหน้าที่หลักคือเลี้ยงสองจอมมาร เป็นทาสเมีย แล้วยังต้องคอยกันพวกพ่อบุญธรรมมโนอีกเห้อชีวิตมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ใครมาเห็นเข้าเขาจะว่ายังไงเนี่ย มอร์แกนได้แค่บ่นในใจถึงอย่างไร เขาก็เต็มใจที่จะทำหน้าที่นี้"แอ๊ะ~ / แอ๊ะ~" ลูกรัก ตื่นทีก็ตื่นพร้อมกันเลยหรอเนี่ย ถึงจะเป็นแฝดแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันขนาดนี้ก็ได้ เขาแอบคิดในใจก่อนหยัดกายลุกขึ้นอุ้มมาร์ติน กับ มาร์แชล ลงไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกข้างล่าง"วันนี้อย่าดื้อกับแด๊ดนะครับ มัม ไม่อยู่ไปสอนหนังสือ" เขาวางมาร์ติน กับ มาร์แชล ลงบนเบาะสำหรับเด็กเล็กขนาดใหญ่ที่สั่งทำพิเศษเพื่อลูกชายที่รักด้วยความระมัดระวัง"ทีวันนี้ต้องการความช่วยเหลือ ไอ้สองพ่อบุญธรรมจอมมโนก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย" มอร์แกนทิ้งตัวลงนอนมองสองแฝดที่กำลังไล่งับหูกันอยู่อย่างอารมย์ดี"มาร์ติน อย่าอมหูน้องซิลูก โอ้ยยย มาร์แชล คลานมานี่ ไปให้พี่อมหูเล่นทำไมลูก" โอ้ยย กูจะบ้าตายลูกไล่อมหูกันสงสัยคิดว่าเป็นนมละมังทันทีที่แยกสองแฝดออกจากกันได้ โดยให้มาร์ตินอยู่ฝั่งซ้าย มาร์แชล อยู่ฝั่งขวา แล้วมอร
ทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กร้องระงมห้องคลอดความเจ็บปวดที่มีเมื่อครู่กลับหายไปฉับพลันราวกับว่ามันไม่เคยเจ็บปวดเลยสักนิด และทันทีที่เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกรัก น้ำตากลับไหลออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความยินดี ก่อนที่ทุกอย่างที่มองเห็นจะพร่ามัวและดับวูบลงไปทันทีมอร์แกนยังคงมองเด็กแฝดด้วยดวงตาพร่ามัวเช่นกัน เพราะน้ำตาที่เออรื้นออกมามันบังม่านตาจนพร่ามัว เขาได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวแล้วจริงๆ จมูกโด่งคมเป็นสันสัมผัสกับพวงแก้มนุ่มนิ่มของลูกรักทั้งสองอย่างหวงแหนเวลาผ่านไปราวสามชั่วโมงที่บะหมี่หลับไปภายในห้องพักฝื้นผู้ป่วย เธอลืมตาตื่นขึ้นมากวาดตามองไปรอบๆ พลันเห็นคนรักของตัวเล่นกำลังจ้องมองเด็กแฝดที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกไมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ข่าวการคลอดลูกของบะหมี่ถูกส่งถึงคอสโม่ และวิคเตอร์ อัตโนมัติด้วยฝีมือของทั้งสองเอง ปม้พ่อเด็กจะไม่ได้ส่งข่าวใดๆ ไปเลยก็ตาม“ตื่นแล้วเหรอครับ ตัวเล็ก ค่อยๆ นั่งเดี๋ยวแด