Mag-log inตอนที่ 8 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
หลังจากภาคินพักผ่อนจนหายดี เขาก็กลับไปทำงานตามปกติ โดยมีต้อยที่คอยติดตามและดูแลเขาไม่ห่างหลังจากเขาหายป่วย ต้อยรู้สึกว่าตนเองอกตัญญูไม่รู้แม้กระทั่งเจ้านายเจ็บป่วย ดังนั้นเขาจึงคอยติดตามภาคินทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลและรับใช้ด้วยความเป็นห่วง
ภาคินได้แต่มองต้อยเคืองๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ต้อยเพียงแค่เล่าให้เขาฟังสั้นๆ ว่าแอนถูกศิวกรไล่ออกไปจากห้องทำงาน เมื่อเขาเห็นแอนรีบร้อนออกจากไนต์คลับด้วยความอาย เขาจึงกลับมาที่โต๊ะของภาคิน แต่ภาคินไม่ได้อยู่รอที่โต๊ะต้อยจึงคิดว่าภาคินได้กลับไปก่อนแล้ว ต้อยจึงได้กลับไปหาเขาที่ผับแต่ก็ไม่พบจึงได้โทรหาแต่ภาคินกลับปิดเครื่อง
ต้อยเลยไม่รู้จะติดต่อภาคินได้ยังไง ด้วยความเป็นห่วงภาคิน เขาคิดจะมาหาภาคินที่คอนโด แต่หลังจากได้รับข้อความของภาคิน ต้อยก็รู้สึกโล่งใจจึงได้ทำงานตามที่ภาคินสั่ง
"ลูกพี่วันนี้ผับคนเยอะเหมือนกันนะครับ" ต้อยเดินตามหลังภาคินเข้ามาภายในร้าน และสังเกตเห็นว่าที่ผับมีลูกค้าเพิ่มมากกว่าทุกวัน
"อืม.. นั่นดิ แปลกจัง" ภาคินพูดขณะเดินไปหาสินที่เคาน์เตอร์บัญชี
"สวัสดีครับลูกพี่ หายดีแล้วเหรอครับ สองสามวันมานี้ผับมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นทำให้บัญชีทางร้านค่อยขยับขึ้นมาหน่อย" สินพูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อเขานั่งทำบัญชีในช่วงสามวันมานี้ ตัวเลขเพิ่มมากกว่าปกติ เลยคุยโอ้อวดภาคินอย่างยิ้มแย้ม
"อือ.. เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว" ภาคินพูดออกมาก่อนจะคิดในใจว่าเขาจะได้ไม่ต้องคิดแผนไปก่อกวนศิวกรอีก และจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก แต่จู่ๆ ใบหน้าคมเข้มและหล่อเหลาของศิวกรก็ลอยขึ้นมา ทำให้เขาเหม่อมองอย่างเลื่อนลอย
ต้อยเรียกภาคินสองสามครั้งเขาก็ยังไม่ได้สติ ต้อยจึงเลื่อนมือไปจับแขนของภาคินแล้วเขย่าเบาๆ พลางเรียกอีกครั้ง
"ลูกพี่ ลูกพี่" เมื่อภาคินได้สติ และมองแขนที่ต้อยจับก็นึกขนลุกขึ้นมาจึงสะบัดออกอย่างแรงโดยไม่ตั้งใจ
"เฮ้ยไอ้ต้อย เรียกกู กูก็ได้ยินโว้ยไม่ต้องจับแขนกูก็ได้ กูขนลุกโว้ย" ภาคินเอะอะโวยวายใส่ต้อย ก่อนจะเดินหนีไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ มิ่งรู้หน้าที่รีบรินบรั่นดีเสิร์ฟให้เจ้านายในทันที ส่วนต้อยได้แต่มองตามหลังภาคินที่เดินหนีตนไปอย่างงุนงง
"เฮ้ย.. สิน นายว่าไหมว่าลูกพี่ของพวกเราดูแปลกๆ ไปนะ หรือว่าจะยังไม่หายดี" ต้อยถามสินด้วยความสงสัย สินได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้เหมือนกัน
หลังจากภาคินนั่งดื่มไปได้สักพักซาร่าก็มานั่งลงข้างๆ
"คินคะ คุณหายไปไหนมาคะ ซาร่าไปหาคุณที่โรงแรมก็ไม่เห็น มาหาที่ผับทุกคืนก็ไม่เจอ ซาร่าคิดถึงคุณมากเลยนะคะ" ซาร่าพูดพลางยกมือขาวบางขึ้นมาลูบไหล่ของภาคิน ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมายังแขนข้างที่เขาถือแก้วบรั่นดีอยู่ในมือ
ศิวกรรู้ข่าวจากเด็กรับรถหน้าร้านของเขาว่า เห็นภาคินซึ่งหายหน้าหายตาไปหลายวันเพิ่งจะโผล่มาทำงานวันนี้ ศิวกรจึงรีบส่งกุญแจรถยนต์คันหรูให้เด็กรับรถที่ร้าน ก่อนจะเดินข้ามถนนมายังผับของภาคิน
หลังจากเขาเดินเข้ามาในผับสายตาก็สอดส่องหาเจ้าของผับ จนกระทั่งเห็นแผ่นหลังบางที่คุ้นตากำลังนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์จึงรีบเดินไปหา แต่เมื่อเดินมาใกล้ถึงเคาน์เตอร์บาร์กลับพบผู้หญิงสวยในชุดรัดรูปโชว์เนินอกขาวคนหนึ่งกำลังยกยิ้มอย่างยั่วยวนและลูบไล้แขนของภาคินอยู่ ศิวกรจึงรีบเดินเข้ามาหาภาคินอย่างรวดเร็ว
เมื่อศิวกรเดินมาถึง เขาจึงยกมือหนาขึ้นโอบไหล่บางของภาคินจากด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละฝั่งกับซาร่า เขาค่อยๆ เลื่อนมือหนาจากหัวไหล่เลื้อยไปจนถึงข้อศอกที่ซาร่าวางมือของเธอไว้อยู่ ก่อนจะปัดมือของซาร่าออกช้าๆ
ซาร่ามองมือหนาของศิวกรที่ปัดมือของเธอออกด้วยความสงสัย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลาและคมเข้มของศิวกร ซาร่าก็เกิดอาการเขินอายขึ้นมาจึงได้หันหน้าเข้าเคาน์เตอร์และยกคอกเทลขึ้นมาดื่ม
ภาคินมองมือปริศนาตรงหัวไหล่ก่อนจะไล่สายตาไปด้านข้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ จึงได้พบกับใบหน้าคมเข้มของศิวกรที่กำลังยกยิ้มมุมปาก
"ฉันคิดว่านายยังไม่หายเสียอีก ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะไปหานาย" ศิวกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความหยอกเย้า
ต้อยมองภาคินอย่างงงงวย เมื่อครู่เขาเพียงแค่จับแขนของภาคินเขย่าเบาๆ ภาคินกลับโวยวายและปัดมือของเขาออก แต่ตอนนี้ภาคินถูกคุณศิวกรโอบไหล่อยู่ นอกจากจะไม่โวยวายแล้วยังคุยกันด้วยความสนิทสนม
"ผมหายแล้ว ขอบคุณนะที่เป็นห่วง" ภาคินตอบกลับศิวกร เขายังไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกศิวกรโอบไหล่อยู่
"แล้วผู้หญิงคนนี้คือ?" ศิวกรหันไปทางซาร่าก่อนจะถามด้วยความสงสัยและอยากรู้
"อ๋อ.. ซาร่า เป็นเพื่อนผมครับ เธอเป็นนางแบบ" ภาคินตอบ ศิวกรก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาต้องมาคอยตอบคำถามของศิวกรด้วย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศิวกร
เมื่อได้สติภาคินก็จ้องศิวกรด้วยความโมโห ก่อนจะปัดมือของศิวกรออกจากไหล่ของตนเอง แต่ศิวกรกลับจับไว้แน่นเขาจึงปัดไม่ออก ภาคินจึงได้แต่จ้องหน้าของศิวกรด้วยความไม่พอใจ
"หึ.. หึ.. ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย นายจะไปคุยกับฉันที่ห้องของนายหรือห้องของฉันดี" ศิวกรเมื่อเห็นสายตากรุ่นโกรธของภาคินจึงแสร้งเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อเบนความสนใจ
"เรื่องอะไร?" ภาคินถามกลับด้วยความสงสัยว่าศิวกรจะมาไม้ไหนกันแน่ เรื่องระหว่างเขากับศิวกรไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับศิวกร ส่วนเรื่องรายได้ของผับค่อยคิดแก้ปัญหาในภายหลัง
นอกจากนี้เขาจะพยายามหานักร้องไอดอลในสื่อออนไลน์ที่มียอดวิวเยอะๆ มาเล่นที่ร้านแทน ซึ่งน่าจะพอช่วยพยุงผับของเขาไปได้อีกสักระยะหนึ่ง
"เอาน่า ไปคุยกันที่ไนต์คลับของฉันก็ได้ หรือว่านายกลัวว่าฉันจะทำอะไร" ประโยคสุดท้ายศิวกรกระซิบริมหูของภาคินเบาๆ ทำให้ภาคินที่จ้องหน้าของศิวกรเกิดอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า โชคดีที่ผับค่อนข้างมืดสลัวทั้งต้อยและซาร่าจึงไม่ได้สังเกตเห็น ยกเว้นศิวกรที่กำลังจ้องมองใบหน้าของภาคินอย่างใกล้ชิด เขายกยิ้มมุมปากน้อยๆ ด้วยความพึงพอใจ
ต้อยมองพวกเขาสองคนคุยกันก็งุนงงระคนสงสัยว่าภาคินเริ่มสนิทสนมกับศิวกรตอนไหน เขาตามติดภาคินตลอดเวลา อีกอย่างภาคินนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยชอบศิวกรเป็นอย่างมาก ต้อยคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
"ไว้วันหลัง วันนี้ไม่สะดวก" ภาคินพูดตัดบทก่อนจะหันหน้าหนีศิวกร ในเมื่อเขาตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับศิวกรแล้วก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เขาจึงได้พูดปัดไป
"ก็ได้" ศิวกรเห็นสายตาดื้อดึงของภาคินก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต่อต้านตนเองอยู่จึงไม่รบเร้าเขามากนัก ศิวกรจึงหันไปมองต้อยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ภาคิน ก่อนจะส่งสายตาให้ต้อยลุกออกไปจากที่นั่งข้างๆ เมื่อต้อยลุกจากเก้าอี้ไปอย่างงุนงงเขาก็เดินไปหาสินที่เคาน์เตอร์บัญชี
"สิน นายว่าลูกพี่เรากับคุณศิวกรไปสนิทสนมกันตอนไหนวะ" ต้อยถามสินด้วยความสงสัย
สินได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้เช่นกัน ขนาดต้อยติดตามภาคินทั้งที่โรงแรมและที่ผับยังไม่รู้เลย แล้วเขาซึ่งได้พบหน้าภาคินแค่ที่ผับเท่านั้นจะรู้ได้ยังไง
หลังจากต้อยลุกไปแล้วศิวกรก็ลากเก้าอี้มาใกล้ๆ ภาคินก่อนจะยกแขนหนาขึ้นมาพาดบนหัวไหล่ของภาคินอย่างใกล้ชิด
"ไหนๆ วันนี้ฉันก็อุตส่าห์มาละ งั้นวันนี้ฉันจะอุดหนุนนายก็แล้วกัน" เขาเอ่ยก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มหน้าเคาน์เตอร์
ภาคินได้แต่มองศิวกรด้วยความไม่พอใจ แต่จะลุกหนีก็ไม่ได้ เพราะศิวกรกดไหล่บางของเขาเอาไว้ ภาคินจึงได้แต่ทำเป็นไม่สนแล้วเอาแต่ยกบรั่นดีขึ้นดื่ม
"เอ่อ.. คินคะ ใจคอคุณจะไม่แนะนำเพื่อนของคุณให้ซาร่าได้รู้จักบ้างเหรอคะ" ซาร่าหลังจากลอบมองใบหน้าที่หล่อเหลาและคมเข้มของศิวกรเธอก็ทำใจกล้าเอ่ยถามภาคินขึ้นมา ดูจากการแต่งตัวที่ดูดีและสูทยี่ห้อดังของศิวกร กอปรกับหน้าตาที่หล่อเหลาอาจจะดีไม่น้อยหากเธอได้ควงแขนผู้ชายเพอร์เฟคคนนี้ ซาร่าคิดในใจพลางส่งยิ้มหวานให้ศิวกร
"สวัสดีครับคุณซาร่า ผม.. ศิวกร เพื่อนที่สนิทมากกกกก...ของคิน" ศิวกรพูดลากเสียงยาวขึ้นมาพลางเอ่ยชื่อภาคินอย่างสนิทสนม
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณกร" ซาร่าเอ่ยเรียกศิวกรอย่างสนิทสนมเช่นกัน แม้กระทั่งภาคินยังมองใบหน้าที่กำลังส่งยิ้มหวานให้ศิวกร ก่อนจะหันไปมองศิวกรที่ยิ้มส่งให้ซาร่าเช่นกัน
"งั้นเชิญพวกคุณคุยกันไปก่อนนะ ผมขอไปดูเด็กในร้านก่อน" ภาคินเอ่ยด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะปัดแขนของศิวกรออกแล้วลุกไปอย่างรวดเร็ว
ศิวกรหันไปมองแผ่นหลังของภาคินที่เดินหายไปทางหลังร้าน ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความพอใจ เขาหันมาอีกทีซาร่าก็ขยับมานั่งแทนที่ของภาคินแล้ว เขาจึงขยับเก้าอี้ออกห่างเล็กน้อยก่อนจะหันมาคุยกับซาร่า
หลังจากภาคินหายไปพักใหญ่ เขาคิดว่าซาร่าและศิวกรคงจะกลับไปแล้ว แต่เมื่อเดินออกมากลับพบว่าซาร่าและศิวกรกำลังนั่งพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนิทสนม ทำให้ภาคินรู้สึกโกรธด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร
เขาโกรธที่ศิวกรทำตัวสนิทสนมกับซาร่า หรือโกรธที่ซาร่าทำตัวสนิทสนมกับศิวกรกันแน่....
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #4 THE ENDรุ่งเช้าภาคินและศิวกรแต่งกายด้วยชุดยูกาตะแล้วจึงพากันเดินเที่ยวตามแผนที่ภาคินวางไว้ในทริปการเดินทางนี้ ทั้งสองคนเดินชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งรอบๆ หมู่บ้านซึ่งที่หมู่บ้านนี้มีนักท่องเที่ยวมาชมดอกซากุระและแช่น้ำร้อนกันค่อนข้างมากทั้งคู่รัก เพื่อนและครอบครัว ผู้คนก็สวมใส่ชุดยูกาตะเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จึงเข้ากับบรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ และนักท่องเที่ยวบางคนก็สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะที่ทำขึ้นจากไม้ เวลาเดินจึงเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนนช่างแปลกหูดีสำหรับภาคิน แต่เขาและศิวกรเลือกไม่สวมรองเท้าเกี๊ยะเพราะเดินไม่ถนัดระหว่างทางที่เดินชมดอกซากุระรอบหมู่บ้านก็จะพบกับร้านค้ามากมายไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขายขนม ร้านถ่ายภาพสำหรับเก็บเป็นที่ระลึก และบ่อน้ำร้อนสาธารณะ ซึ่งมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายบ่ออยู่ห่างกันกระจัดกระจายกันออกไป ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนที่ค่อนข้างห่างไกลกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ"สนุกไหมคิน" ศิวกรเอ่ยถามภาคินที่ดูกำลังสนุกและสนใจทุกสิ่งรอบกายด้วยความสนใจ"สนุกครับ แต่คินมีคว
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #3หลังจากภาคินมาถึงที่ทำงาน สายตาของเขาก็สอดส่ายหาลูกน้องคนสนิทที่หายหน้าหายตาไปถึงสี่วันเต็มๆ เมื่อเขามองไม่เห็นต้อยจึงได้สั่งนุชนารถผู้ช่วยคนเก่งของเขาให้บอกต้อยไปพบเขาที่ห้องทำงานด้วยถ้ามาถึงแล้ว ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงต้อยก็มาพบเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดี"ลูกพี่มีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ" น้ำเสียงที่ร่าเริงของต้อยทำให้ภาคินต้องหันมามองต้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อวานที่เขาเจอต้อยในลิฟต์ยังดูท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงได้ร่าเริงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ฮึ... คงจะได้น้ำดีมาแน่ ๆ ถึงได้กระดี้กระด๊าจนน่าหมั่นไส้"หน้าแบบนี้แปลว่าหายดีแล้วสิ สรุปว่าใคร?" ภาคินถามออกไปตรงๆ ทำเอาต้อยที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไปในทันทีด้วยความตกใจ"อะ...อะไร ใคร...หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ" ต้อยรีบพูดกลบเกลื่อนภาคินอย่างรวดเร็วหลังจากได้สติ"หึ... หึ... ไอ้ต้อย กูเป็นพี่มึงนะโว้ย มึงคิดว่ากูจะไม่รู้หรือยังไง มึงอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน มึงไม่เห็นรอยแดงที่คอมึงบ้างรึไง" ภาคินพูดพลางชี้ไปที่คอปกเสื้อของตนเอง ทำให้ต้อยตกใจรีบดึงปกเสื้อเชิ้ตมาปิดลำคอใน
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #2หลังจากต้อยลาป่วยไปสามวันก็กลับมาทำงานตามปกติ ต้อยพยายามเดินให้เหมือนเดิมมากที่สุด คืนนั้นเขาถูกอิฐจัดหนักจัดเต็มจนครบหลักสูตร ต้อยจึงไม่สามารถลุกเดินได้เหมือนปกติมากนัก แม้ตอนนี้เขาจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังคงรู้สึกขัดๆ อยู่บ้างเวลาเดินเร็วๆ“ไอ้ต้อย...” หลังจากศิวกรขับรถมาส่งภาคินที่โรงแรม ภาคินเห็นหลังต้อยไวไวกำลังจะเดินขึ้นลิฟต์ เขาจึงรีบวิ่งตามต้อยเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็วต้อยสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของภาคินเรียกอยู่ทางด้านหลัง เขาจึงชะงักค้างและยืนยิ่งไปทันที เพราะกลัวว่าภาคินจะจับผิดสังเกตเขาได้"อะ...อะ เอ่อ ลูกพี่" น้ำเสียงของต้อยติดอ่างขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของภาคินกำลังมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วงตนเอง"ไง...มึงหายดีแล้วเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงจะลาป่วยเลยสักครั้ง กูจะไปเยี่ยมมึงก็ไม่ให้ไป" ภาคินพูดพลางตบไหล่หนาของต้อย ทำให้เขาเห็นรอยแดงจางๆ บริเวณลำคอหนาของต้อยภาคินตกตะลึงและนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของต้อยที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้อยเมื่อรู้สึกถูกภาคินจ้องใบหน้าจึงเกิดอาการประหม่า ยิ่งเ
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #1ณ ห้องทำงานของภาคินขณะที่ภาคินกำลังนั่งมองแหวนแต่งงานซึ่งศิวกรสวมให้เขาที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างเหม่อลอยนั้น ต้อยก็ได้เดินผ่านประตูห้องทำงานมาพอดี เขาเห็นภาคินกำลังนั่งใจลอยอยู่จึงอดที่จะเดินเข้ามาสอบถามไม่ได้"ลูกพี่.. ลูกพี่เป็นอะไร ผมเห็นลูกพี่นั่งมองแหวนแต่งงานมาพักหนึ่งละ" ต้อยเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของภาคินด้วยความสงสัยภาคินได้ยินเสียงของต้อยเอ่ยถาม เขาจึงได้สติแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองต้อยอย่างครุ่นคิด"อย่าบอกนะว่าลูกพี่ทะเลาะกับคุณกร" ต้อยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ ขณะที่เขากำลังคาดเดาใบหน้าที่กำลังตึงเครียดของภาคิน"บ้าแล้วไอ้ต้อย พี่กรดีกับกูจะตาย กูจะไปทะเลาะกับเขาทำไม" ภาคินตอบกลับต้อยด้วยน้ำเสียงกึ่งดุนิดๆ ศิวกรไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง แล้วเขาจะไปมีปัญหากับศิวกรได้อย่างไร"อ้าว.. ก็ผมเห็นลูกพี่เอาแต่จ้องแหวนแต่งงาน แล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ ผมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าลูกพี่มีปัญหากับคุณกรเสียอีก" ต้อยตอบเสียงอ่อนลง"เฮ้อ.. แล้วกูจะปรึกษากับมึงได้ไหมเนี่ย" ภาคินพูดพลางถอนหายใจ คราวก่อนก็เพราะปรึกษาต้อยทำให้ศิวกรลงโ
ตอนพิเศษ สวัสดีวันเด็ก"คุณคินคะ มีคนส่งของมาให้ค่ะ" แอร์พนักงานต้อนรับโรงแรมของภาคิน เดินนำถุงกระดาษสีขาวใบเล็กน่ารักมาให้ภาคินที่ห้องทำงาน แต่ระหว่างที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบภาคินและต้อยซึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงานพอดี เธอจึงรีบเดินนำเอาของมาให้ภาคิน"ของผมเหรอครับ คุณแอร์" ภาคินถามแอร์ด้วยความงุนงงระคนสงสัยว่าใครเป็นคนส่งของให้เขา และเนื่องในโอกาสอะไร จะว่าวันเกิดก็ไม่น่าจะใช่"ของคุณคินจริงๆ ค่ะ มีการ์ดแนบมาด้วยนะคะ นี่ค่ะ" แอร์ยืนยันพลางส่งการ์ดให้ภาคินทันที" สุขสันต์วันเด็กครับหนูคินขอให้หนูคินเป็นเด็กดีของพี่กรคนเดียวนะครับรักนะเด็กดี... พี่กร "ภาคินรับการ์ดที่ปิดผนึกซองอย่างดีมาแกะอ่านก่อนจะยกยิ้มอย่างมีความสุข ที่แท้ก็เป็นของศิวกรนี่เอง"ขอบใจนะ.. แอร์" ภาคินรับถุงกระดาษสีขาวมาจากแอร์ เขาแกะสติกเกอร์บนปากถุงกระดาษด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาอ้าปากถุงกระดาษออกจึงพบว่ามีกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทองอยู่ข้างในกล่องหนึ่ง"ยินดีค่ะ งั้นแอร์ขอตัวก่อนนะคะคุณคิน" แอร์ส่งของให้ภาคินเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อภาคินยกยิ้มให้แอร์ก่อนจะล้วงเอากล่องของขวัญขนาดเล็กข
ตอนที่ 30 จบบริบูรณ์"พี่กรครับ ศุกร์หน้าคินต้องบินไปจัดการงานที่ภูเก็ตแทนพี่พงษ์ นัดของเราคงต้องเลื่อนไปก่อนนะครับ" ภาคินเอ่ยขึ้นมาหลังจากพวกเขากลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์หลังใหม่ที่ศิวกรซื้อให้ภาคิน เมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน"งั้นเหรอ น่าเสียดายจริงๆ พี่อุตส่าห์จองห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วยนะ" ศิวกรพูดพลางเดินมาโอบกอดภาคินจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมหูบางของภาคินแล้วจึงขยับใบหน้าซุกลงบนซอกคอขาว"คินก็เพิ่งรู้จากพี่พงษ์เมื่อกี้นี้เองครับ แขกเพิ่งจะติดต่อมาจัดงานแต่งงานที่นั่น มันกะทันหันเพราะพี่พงษ์ก็ต้องดูแลแขกที่มาจัดงานแต่งที่นี่พอดี คินเลยต้องไปแทนน่ะครับ" ภาคินหันมาบอกศิวกรที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ศิวกรจึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ภาคิน"ขอโทษนะครับ" ภาคินเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้เอ่ยถามพี่ชายและพี่สาวแล้วว่าเขามีงานในวันศุกร์หน้าหรือเปล่า เพราะปกติเขาจะไม่รับนัดของศิวกรในวันศุกร์และเสาร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่แขกเข้าพักมากกว่าปกติ ซึ่งพี่สาวและพี่ชายก็ได้รับปากแล้วว่าจะ







