Masukตอนที่ 9 คิดถึง
หลังจากคืนวันนั้นผ่านไปราวๆ หนึ่งสัปดาห์ ซาร่าก็ไม่เคยมาหาภาคินทั้งที่โรงแรมและผับอีกเลย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขาเพิ่งจะจอดรถยนต์อยู่หน้าร้านซาร่าก็เดินควงแขนศิวกรเข้าไปในไนต์คลับด้วยกัน
ภาคินได้แต่มองตามหลังศิวกรและซาร่าที่เดินควงแขนเข้าไปด้วยกันอย่างสนิทสนม
"ปี้น.. ปี้น" เสียงแตรรถที่ถูกกำปั้นของภาคินทุบลงด้วยความเจ็บใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นทั้งสองคนสนิทสนมกัน หรือว่าเขากำลังหึงหวงศิวกรอยู่นะ
ไม่.. เป็นไปไม่ได้ ขณะที่ภาคินกำลังตบตีกับความคิดของตนเอง เสียงเคาะกระจกรถก็ดังรัวขึ้นมาทำให้ภาคินได้สติ
"ลูกพี่.. ลูกพี่เป็นอะไรรึเปล่า เห็นบีบแตรรถเสียงดังลั่นเลย ลูกค้าตกใจกันหมด" ต้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ฉัน.. ฉัน ฉันปวดหัวน่ะ วันนี้ฉันไม่เข้าร้านนะ นายอยู่ดูแลก็แล้วกันฉันจะกลับละ" เมื่อพูดจบภาคินก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้อยได้แต่มองตามหลังรถของภาคินไปอย่างไม่เข้าใจ พักนี้ลูกพี่ของเขาปวดหัวบ่อยขึ้น คงต้องบอกให้คุณภาสินีพาคุณภาคินไปตรวจสุขภาพบ้างแล้ว
หลังจากภาคินขับรถกลับมาถึงคอนโดเขาก็เดินเข้าห้องไปด้วยอารมณ์ที่สับสน เขาเนี่ยนะจะหึงนายศิวกร.. บ้า ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ คิดไปคิดมาก็ได้แต่สับสนตนเอง ภาคินจึงลุกไปเปิดเบียร์ในตู้เย็นขึ้นมาดื่ม ดื่มไปดื่มมาก็ปาไปห้ากระป๋อง เหลือกระป๋องสุดท้ายในตู้เย็นเขาจึงเปิดมานอนกระดกดื่มบนโซฟาตัวยาว
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู ชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชื่อของคนที่ทำให้เขาดื่มเบียร์ยังไงล่ะ เห็นอยู่ว่ากำลังมีความสุขกับสาวสวยอย่างซาร่า จะโทรมาหาเขาทำไม พอนึกหมั่นไส้จึงกดตัดสายทิ้งก่อนจะยกเบียร์กระดกขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งภาคินก็กดตัดสายทิ้งเหมือนเดิม จนครั้งที่สามดังขึ้นมาอีกภาคินจึงตัดสินใจกดรับด้วยความรำคาญ
"มีไร" ภาคินรับสายด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ
"นายอยู่ที่ไหน ฉันมาหานายไม่เจอ ต้อยบอกว่านายไม่สบายเป็นอะไรมากรึเปล่า" ศิวกรถามด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่ศิวกรมาถึงหน้าไนต์คลับ เขาได้ยินเสียงแตรรถจึงหันไปมอง เห็นต้อยกับภาคินคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และภาคินก็รีบร้อนขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เขาก็นึกเป็นห่วงจึงได้มาสอบถามต้อย ซึ่งต้อยบอกเพียงแค่ภาคินไม่สบายจึงได้รีบโทรมาหาภาคิน
"ฉันสบายดี มีอะไรอีกรึเปล่า แค่นี้นะ" ภาคินนึกหมั่นไส้ศิวกรจึงไม่อยากจะคุยด้วย
"เดี๋ยว น้ำเสียงนายเหมือนเมา? นายดื่มอยู่เหรอ นายอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหา" ศิวกรจับน้ำเสียงของภาคินได้ก็รู้แล้วว่ากำลังมึนเมา หรือภาคินมีเรื่องกลุ้มใจ เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมามากกว่าเดิม
"ฉันบอกว่าฉันสบายดียังไงล่ะ นายจะมาทำไมเอาเวลาของนายไปมีความสุขกับซาร่าเถอะ แค่นี้นะ" ภาคินพูดด้วยความไม่พอใจก่อนจะกดวางสาย
ศิวกรกำลังอึ้งและงุนงงในน้ำเสียงที่ติดจะน้อยใจของภาคิน ก่อนจะได้สติเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ ที่แท้ภาคินก็งอนเขานั่นเอง เอ๊ะ.. หรือจะเรียกว่าหึงดีนะที่เห็นเขาสนิทสนมกับซาร่า
เมื่อย้อนนึกไปถึงตอนหัวค่ำที่เขาเพิ่งจะขับรถมาถึง ยังไม่ทันจะส่งกุญแจรถยนต์คันหรูให้เด็กรับรถหน้าร้านด้วยซ้ำ ซาร่าซึ่งโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาควงแขนของเขา เขาจะปัดออกก็เกรงว่าซาร่าจะขายหน้าเพราะเธอเป็นนางแบบกำลังมีชื่อเสียง เขาจึงได้พาซาร่าไปนั่งที่โต๊ะ และเดินกลับมาหาต้อยที่ผับฝั่งนู้น
ภาคินยกเบียร์กระป๋องสุดท้ายใกล้จะหมดแล้ว เขาจึงโทรสั่งเบียร์ของร้านค้าใต้คอนโด รอครู่ใหญ่เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น ภาคินจึงลุกไปเปิดประตูด้วยความมึนเมาเล็กน้อย
"ทำไมมาเร็วจัง ผมเพิ่งสั่งไปเอง" ภาคินเอ่ยถามหลังจากเปิดประตู แต่เขาต้องหยุดชะงักไปเมื่อคนที่มาเคาะประตูห้องไม่ใช่เด็กของร้านค้าที่เขาเคยเจอ
"ก็คิดถึงไงถึงรีบมา" ศิวกรเอ่ยเสียงกระซิบที่เบาหวิว ภาคินแม้จะมึนเมาแต่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน
"เฮ้ย.. คุณมาได้ยังไง กลับไปได้แล้ว ผมจะนอนแล้ว" ภาคินเอะอะโวยวาย ศิวกรจึงดันเขาเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา
"นี่คุณจะเข้ามาทำไม กลับไปซะ" ภาคินหันหน้ามาเอะอะโวยวายใส่ศิวกรที่ดันเขาเข้ามาในห้อง
ศิวกรจับไหล่บางของภาคินไว้และดันแผ่นหลังบางของเขาไปชิดกับประตูห้อง เขาเชยคางของภาคินให้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะบดจูบด้วยความคิดถึง ทำให้ภาคินที่ตั้งตัวไม่ทันตกใจและหายใจไม่ออกจึงยกมือขึ้นมาทุบตีศิวกร
ศิวกรใช้มือหนาอีกข้างจับข้อมือของภาคินไว้แน่นก่อนจะผละริมฝีปากหนาออกมาจากริมฝีปากบางของภาคิน
ภาคินนั้นหน้าแดงเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าแดงเพราะฤทธิ์ของเบียร์ที่เขาดื่มหรือรสจูบของศิวกรกันแน่
"ไง.. หายงอนรึยัง" ศิวกรพูดหยอกเย้า
ภาคินมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของศิวกรก็นึกหมั่นไส้ จึงยกมือขึ้นทุบเขาสองสามที ก่อนจะถูกศิวกรรวบข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกันอีกครั้ง
ครั้งนี้ศิวกรก้มลงจูบริมฝีปากบางของภาคินอย่างเชื่องช้า และขบเม้มริมฝีปากบางอย่างหยอกล้อ แต่ภาคินกลับงับริมฝีปากหนาของศิวกรอย่างแรงก่อนจะกัดเพื่อเอาคืน แต่ยังไม่ทันได้กัดริมฝีปากหนาของศิวกร ศิวกรกลับปล่อยข้อมือของภาคินและเลื่อนมือหนาของเขาดันท้ายทอยของภาคินเข้ามาใกล้
ศิวกรขบเม้มกลีบปากบางของภาคินและดุนดันลิ้นหนาเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นบางของภาคินอย่างดุดัน ร้อนแรง เมื่อมือของภาคินเป็นอิสระเขาก็ดันท้ายทอยของศิวกรเข้ามาใกล้จนแม้แต่ลมหายใจอุ่นปะทะใบหน้าของกันและกัน ภาคินดันลิ้นเกี่ยวรัดพันลิ้นของศิวกรไว้แน่น หลังจากทั้งสองผละออกจากกันต่างก็มองหน้ากันและกันด้วยความคิดถึง ลมหายใจที่เหนื่อยหอบต่างสอดประสานกันอย่างพร้อมเพรียง
ก๊อก.. ก๊อก "คุณภาคินเบียร์ได้แล้วครับ" เสียงเด็กส่งของที่ร้านค้าใต้คอนโดดังขึ้นทำให้ภาคินมองศิวกรด้วยคำถามว่าจะเอายังไงต่อ
ศิวกรยกยิ้มก่อนจะอุ้มภาคินเข้าไปในห้องนอน เมื่อเขาวางภาคินลงบนเตียง เขาก็รีบถอดสูทราคาแพงทิ้งอย่างไม่ไยดี ส่วนภาคินก็รีบปลดเสื้อเชิ้ตของตนเองออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หลังจากทั้งสองเปลือยเปล่า ต่างก็โผเข้าหากันด้วยความคิดถึง ศิวกรก้มลงไปบดจูบภาคินอย่างคนไม่รู้จักอิ่ม ทางด้านภาคินก็ดูดกลืนลิ้นของศิวกรอย่างเอร็ดอร่อยจนน้ำลายใสไหลเลอะมุมปาก
เมื่อทั้งสองผละออกจากกัน ศิวกรก็ก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวของภาคินที่เขาคิดถึง ก่อนจะขบเม้มเรียกเสียงครางของภาคินได้ดังอย่างไม่ขาดสาย สองมือหนาลูบไล้แผงอกขาวนวลเนื้อละเอียดก่อนจะนวดเฟ้นจนเม็ดองุ่นสีชมพูที่แข็งขืนขึ้นมา ศิวกรจึงเลื่อนปากเข้าครอบครองและใช้ลิ้นร้อนดูดดึง ภาคินนอนบิดกายด้วยความกระสันเสียวก่อนจะส่งเสียงครางลั่นห้อง
ศิวกรผละใบหน้าออกมาจากแผงอกขาวของภาคินก่อนจะไล้ลิ้นร้อนต่ำเรื่อยลงมาจนกระทั่งถึงแก่นกายที่กำลังขยายใหญ่ของภาคิน เขาใช้มือหนารูดรั้งจนมันขยายใหญ่เต็มมือ และขยับปากหนาเข้าครอบครอง ภาคินรู้สึกถึงความอบอุ่นเขาจึงก้มลงไปมองแต่ก็ต้องตกใจที่ศิวกรกล้าใช้ปากรูดรั้งให้เขา
"อ่า.. คุณกร ผมเสียววว คุณกร.. อ่า ซี้ด ผม.. ผม ไม่ไหวแล้ว คุณกร.. อ่าส์" ภาคินเอาแต่เรียกชื่อศิวกรทำให้ศิวกรเร่งความเร็วจนกระทั่งภาคินไปถึงจุดหมาย
"คุณกร" ภาคินเรียกชื่อของเขาเมื่อแตะถึงจุดสูงสุด ก่อนจะปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเต็มปากของศิวกร ทำให้ภาคินต้องตกตะลึงอีกครั้งที่ศิวกรกลืนมันลงท้องไปโดยไม่นึกรังเกียจ
"คะ.. คุณกร คุณทำอะไร" เมื่อได้สติขึ้นมา ภาคินก็ถามเขาด้วยความตกตะลึง ศิวกรเช็ดมุมปากที่เลอะเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มแล้วลงไปล้วงของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง เขาชูให้ภาคินดู
"นะ.. นี่ คุณไปไหนมาไหนก็พกไอ้นี่ไปด้วยงั้นเรอะ" เมื่อภาคินเห็นเจลหล่อลื่นในมือของศิวกรเขาก็ตกตะลึงและนิ่งค้าง ก่อนจะถามศิวกรด้วยความสงสัย
"เปล่า ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้ ถ้านายไม่เชื่อ ฉันให้นายดูใบเสร็จได้นะ" ศิวกรตอบภาคินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่ภาคินกลับส่ายหน้าให้ศิวกร หมดกันมาดคุณชายสุดหล่อและคมเข้มของเขา ของเขางั้นเหรอ เมื่อคิดได้แบบนั้นใบหน้าของภาคินก็ร้อนผ่าวขึ้นมา...
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #4 THE ENDรุ่งเช้าภาคินและศิวกรแต่งกายด้วยชุดยูกาตะแล้วจึงพากันเดินเที่ยวตามแผนที่ภาคินวางไว้ในทริปการเดินทางนี้ ทั้งสองคนเดินชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งรอบๆ หมู่บ้านซึ่งที่หมู่บ้านนี้มีนักท่องเที่ยวมาชมดอกซากุระและแช่น้ำร้อนกันค่อนข้างมากทั้งคู่รัก เพื่อนและครอบครัว ผู้คนก็สวมใส่ชุดยูกาตะเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จึงเข้ากับบรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ และนักท่องเที่ยวบางคนก็สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะที่ทำขึ้นจากไม้ เวลาเดินจึงเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนนช่างแปลกหูดีสำหรับภาคิน แต่เขาและศิวกรเลือกไม่สวมรองเท้าเกี๊ยะเพราะเดินไม่ถนัดระหว่างทางที่เดินชมดอกซากุระรอบหมู่บ้านก็จะพบกับร้านค้ามากมายไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขายขนม ร้านถ่ายภาพสำหรับเก็บเป็นที่ระลึก และบ่อน้ำร้อนสาธารณะ ซึ่งมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายบ่ออยู่ห่างกันกระจัดกระจายกันออกไป ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนที่ค่อนข้างห่างไกลกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ"สนุกไหมคิน" ศิวกรเอ่ยถามภาคินที่ดูกำลังสนุกและสนใจทุกสิ่งรอบกายด้วยความสนใจ"สนุกครับ แต่คินมีคว
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #3หลังจากภาคินมาถึงที่ทำงาน สายตาของเขาก็สอดส่ายหาลูกน้องคนสนิทที่หายหน้าหายตาไปถึงสี่วันเต็มๆ เมื่อเขามองไม่เห็นต้อยจึงได้สั่งนุชนารถผู้ช่วยคนเก่งของเขาให้บอกต้อยไปพบเขาที่ห้องทำงานด้วยถ้ามาถึงแล้ว ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงต้อยก็มาพบเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดี"ลูกพี่มีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ" น้ำเสียงที่ร่าเริงของต้อยทำให้ภาคินต้องหันมามองต้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อวานที่เขาเจอต้อยในลิฟต์ยังดูท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงได้ร่าเริงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ฮึ... คงจะได้น้ำดีมาแน่ ๆ ถึงได้กระดี้กระด๊าจนน่าหมั่นไส้"หน้าแบบนี้แปลว่าหายดีแล้วสิ สรุปว่าใคร?" ภาคินถามออกไปตรงๆ ทำเอาต้อยที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไปในทันทีด้วยความตกใจ"อะ...อะไร ใคร...หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ" ต้อยรีบพูดกลบเกลื่อนภาคินอย่างรวดเร็วหลังจากได้สติ"หึ... หึ... ไอ้ต้อย กูเป็นพี่มึงนะโว้ย มึงคิดว่ากูจะไม่รู้หรือยังไง มึงอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน มึงไม่เห็นรอยแดงที่คอมึงบ้างรึไง" ภาคินพูดพลางชี้ไปที่คอปกเสื้อของตนเอง ทำให้ต้อยตกใจรีบดึงปกเสื้อเชิ้ตมาปิดลำคอใน
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #2หลังจากต้อยลาป่วยไปสามวันก็กลับมาทำงานตามปกติ ต้อยพยายามเดินให้เหมือนเดิมมากที่สุด คืนนั้นเขาถูกอิฐจัดหนักจัดเต็มจนครบหลักสูตร ต้อยจึงไม่สามารถลุกเดินได้เหมือนปกติมากนัก แม้ตอนนี้เขาจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังคงรู้สึกขัดๆ อยู่บ้างเวลาเดินเร็วๆ“ไอ้ต้อย...” หลังจากศิวกรขับรถมาส่งภาคินที่โรงแรม ภาคินเห็นหลังต้อยไวไวกำลังจะเดินขึ้นลิฟต์ เขาจึงรีบวิ่งตามต้อยเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็วต้อยสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของภาคินเรียกอยู่ทางด้านหลัง เขาจึงชะงักค้างและยืนยิ่งไปทันที เพราะกลัวว่าภาคินจะจับผิดสังเกตเขาได้"อะ...อะ เอ่อ ลูกพี่" น้ำเสียงของต้อยติดอ่างขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของภาคินกำลังมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วงตนเอง"ไง...มึงหายดีแล้วเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงจะลาป่วยเลยสักครั้ง กูจะไปเยี่ยมมึงก็ไม่ให้ไป" ภาคินพูดพลางตบไหล่หนาของต้อย ทำให้เขาเห็นรอยแดงจางๆ บริเวณลำคอหนาของต้อยภาคินตกตะลึงและนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของต้อยที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้อยเมื่อรู้สึกถูกภาคินจ้องใบหน้าจึงเกิดอาการประหม่า ยิ่งเ
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #1ณ ห้องทำงานของภาคินขณะที่ภาคินกำลังนั่งมองแหวนแต่งงานซึ่งศิวกรสวมให้เขาที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างเหม่อลอยนั้น ต้อยก็ได้เดินผ่านประตูห้องทำงานมาพอดี เขาเห็นภาคินกำลังนั่งใจลอยอยู่จึงอดที่จะเดินเข้ามาสอบถามไม่ได้"ลูกพี่.. ลูกพี่เป็นอะไร ผมเห็นลูกพี่นั่งมองแหวนแต่งงานมาพักหนึ่งละ" ต้อยเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของภาคินด้วยความสงสัยภาคินได้ยินเสียงของต้อยเอ่ยถาม เขาจึงได้สติแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองต้อยอย่างครุ่นคิด"อย่าบอกนะว่าลูกพี่ทะเลาะกับคุณกร" ต้อยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ ขณะที่เขากำลังคาดเดาใบหน้าที่กำลังตึงเครียดของภาคิน"บ้าแล้วไอ้ต้อย พี่กรดีกับกูจะตาย กูจะไปทะเลาะกับเขาทำไม" ภาคินตอบกลับต้อยด้วยน้ำเสียงกึ่งดุนิดๆ ศิวกรไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง แล้วเขาจะไปมีปัญหากับศิวกรได้อย่างไร"อ้าว.. ก็ผมเห็นลูกพี่เอาแต่จ้องแหวนแต่งงาน แล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ ผมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าลูกพี่มีปัญหากับคุณกรเสียอีก" ต้อยตอบเสียงอ่อนลง"เฮ้อ.. แล้วกูจะปรึกษากับมึงได้ไหมเนี่ย" ภาคินพูดพลางถอนหายใจ คราวก่อนก็เพราะปรึกษาต้อยทำให้ศิวกรลงโ
ตอนพิเศษ สวัสดีวันเด็ก"คุณคินคะ มีคนส่งของมาให้ค่ะ" แอร์พนักงานต้อนรับโรงแรมของภาคิน เดินนำถุงกระดาษสีขาวใบเล็กน่ารักมาให้ภาคินที่ห้องทำงาน แต่ระหว่างที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบภาคินและต้อยซึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงานพอดี เธอจึงรีบเดินนำเอาของมาให้ภาคิน"ของผมเหรอครับ คุณแอร์" ภาคินถามแอร์ด้วยความงุนงงระคนสงสัยว่าใครเป็นคนส่งของให้เขา และเนื่องในโอกาสอะไร จะว่าวันเกิดก็ไม่น่าจะใช่"ของคุณคินจริงๆ ค่ะ มีการ์ดแนบมาด้วยนะคะ นี่ค่ะ" แอร์ยืนยันพลางส่งการ์ดให้ภาคินทันที" สุขสันต์วันเด็กครับหนูคินขอให้หนูคินเป็นเด็กดีของพี่กรคนเดียวนะครับรักนะเด็กดี... พี่กร "ภาคินรับการ์ดที่ปิดผนึกซองอย่างดีมาแกะอ่านก่อนจะยกยิ้มอย่างมีความสุข ที่แท้ก็เป็นของศิวกรนี่เอง"ขอบใจนะ.. แอร์" ภาคินรับถุงกระดาษสีขาวมาจากแอร์ เขาแกะสติกเกอร์บนปากถุงกระดาษด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาอ้าปากถุงกระดาษออกจึงพบว่ามีกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทองอยู่ข้างในกล่องหนึ่ง"ยินดีค่ะ งั้นแอร์ขอตัวก่อนนะคะคุณคิน" แอร์ส่งของให้ภาคินเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อภาคินยกยิ้มให้แอร์ก่อนจะล้วงเอากล่องของขวัญขนาดเล็กข
ตอนที่ 30 จบบริบูรณ์"พี่กรครับ ศุกร์หน้าคินต้องบินไปจัดการงานที่ภูเก็ตแทนพี่พงษ์ นัดของเราคงต้องเลื่อนไปก่อนนะครับ" ภาคินเอ่ยขึ้นมาหลังจากพวกเขากลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์หลังใหม่ที่ศิวกรซื้อให้ภาคิน เมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน"งั้นเหรอ น่าเสียดายจริงๆ พี่อุตส่าห์จองห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วยนะ" ศิวกรพูดพลางเดินมาโอบกอดภาคินจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมหูบางของภาคินแล้วจึงขยับใบหน้าซุกลงบนซอกคอขาว"คินก็เพิ่งรู้จากพี่พงษ์เมื่อกี้นี้เองครับ แขกเพิ่งจะติดต่อมาจัดงานแต่งงานที่นั่น มันกะทันหันเพราะพี่พงษ์ก็ต้องดูแลแขกที่มาจัดงานแต่งที่นี่พอดี คินเลยต้องไปแทนน่ะครับ" ภาคินหันมาบอกศิวกรที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ศิวกรจึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ภาคิน"ขอโทษนะครับ" ภาคินเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้เอ่ยถามพี่ชายและพี่สาวแล้วว่าเขามีงานในวันศุกร์หน้าหรือเปล่า เพราะปกติเขาจะไม่รับนัดของศิวกรในวันศุกร์และเสาร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่แขกเข้าพักมากกว่าปกติ ซึ่งพี่สาวและพี่ชายก็ได้รับปากแล้วว่าจะ







