วันนี้เป็นวันแรก ที่อัญชันได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรเป็นเย็นวันนี้อัญชันที่ฝึกทำปลาสามรสกับยายปริกและน้ำพริกกะปิผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์เป็นครั้งแรกอัญชันรีบช่วยยายปริกยกข้าวเย็นขึ้นมาบนเรือน
"เอ็งทำอันใดให้ข้ากินหรืออัญชัน"พ่อคุ้มอินทรีย์ที่พึ่งอาบน้ำผัดเสื้อผ้าก็เดินออกมา "อัญชันทำเมนูปลาสามรส น้ำพริกกะปิแล้วก็ผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์ ลองกินดูจ๊ะ"อัญชันยิ้มหวานเนื้อตัวยังมีแต่กลิ่นกับข้าว พ่อคุ้มอินทรีย์เดินเข้าไปหาอัญชัน โอบกอดร่างเล็ก ๆ พร้อมกับหอมแก้มเบาๆ ดังฟอด..! "พ่อคุ้ม...!!!"อัญชันเรียกอินทรีย์เสียงดังเพราะแอบตกใจที่อยู่ดีๆก็โดนขโมยหอมแก้ม "ทำไม มึงเป็นคนของกูแล้ว กูบอกมึงแล้วไง ไม่ต้องตกใจหรอก ต่อไปนี้ทุกอย่างบนตัวมึงเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว"อินทรีย์พูดไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาทั้งนั้น "อัญชันแม้จะไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแบบที่พ่อคุ้มทำ ก็ยิ่งรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยเพราะพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของตน "ขอบใจเอ็งมาก เอ็งก็มากินข้าวพร้อมข้าเลยแล้วกัน"อินทรีย์ที่จุงมือเล็ก ๆ ให้เดินตามมาด้วย อีจวงที่เดินขึ้นมาพร้อมกับโถข้าว แทบจะทำโถข้าวหลุดมือ เมื่อเห็นภาพพ่อคุ้มอินทรีย์หอมแก้มของนางเด็กที่หล่อนเกลียดเป็นที่สุด "คอยดูเถอะ กูจะหาทางให้มึงอยู่ที่นี่ไม่ได้เลยอีเด็กนรก"อีจวงเดินกระแทกเท้าตึง ๆ วางหม้อข้าวลงตรงหน้าของอินทรีย์ "มึงเป็นอะไรอีจวงถึงได้เดินกระแทกเท้าเช่นนั้น"อินทรีย์ที่เห็นท่าทางของอีจวงเหมือนคนไม่พอใจอะไรสักอย่าง "บ่าวมิอาจเป็นอะไรได้ดอกเจ้าค่ะ"อีจวงพูดกระแทกเสียง มันคงลืมไปแล้วกระมังว่ามันเป็นเพียงบ่าวในเรือน "หากมึงอารมณ์ไม่ดี ก็ลงไปข้างล่างซะ นับจากวันนี้ไปไม่ต้องขึ้นมาเหยียบบนเรือน"อินทรีย์ที่กำลังล้างไม้ล้างมือเพื่อเตรียมกินข้าว "พ่อคุณจ๊ะอย่าไล่บ่าวลงไปเลย บ่าวขอโทษจ้ะ บ่าวไม่ได้ตั้งใจ"อีจวงที่รีบเข้าไปยกมือไหว้กราบกรานขอโทษพ่อคุ้มอินทรีย์ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม "กูพูดแล้วไม่เคยคืนคำ" อินทรีย์เป็นคนที่เด็ดขาดเขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครจนกระทั่งวันนี้มาเจออัญชัน "ยายปริกเปลี่ยนคนขึ้นมาถูบนเรือน แล้วต่อไปนี้ให้ อีจวงทำงานอยู่ข้างล่าง อย่าขึ้นมาเหยียบบริเวณเรือนเด็ดขาด หากไม่ฟังข้าจะไล่ขับออกจากเรือนทันที"อินทรีย์พูดเสียงเรียกใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์แสนไปด้วยความดุดัน อัญชันที่นั่งฟังอยู่ก็รู้สึกหดหู่ใจ และคิดว่าหากตัวเองทำผิดก็คงจะโดนไล่เหมือนจวงแน่ ๆ อัญชันนั่งน้ำตาคลอเบ้า จะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ เพราะกลัวว่าในภายภาคหน้าจะโดนไล่ออกจากเรือนแบบจวง อินทรีย์ที่หันหน้าไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่น้ำตาคลอหน่วย ตั้งท่าเหมือนจะร้องไห้ ก็รีบขยับอ้อมกอดเข้าไปหาอัญชัน "เอ็งเป็นอันใดอัญชัน เหตุใดจึงตาแดงเหมือนจะร้องไห้"อินทรีย์รีบปลอบขวัญ "อัญชันแค่รู้สึกว่า หากวันหนึ่งอัญชันทำผิด พ่อคุ้มจะไล่อัญชัน แบบที่ไล่พี่จวง"อัญชันพูดจบก็ปล่อยโฮน้ำตาไหลอาบแก้ม อินทรีย์ใช้มือหนาปาดน้ำตาไปที่แก้มนวลด้วยความขบขันในความคิดของเด็กตรงหน้าเหลือเกิน กลัวเขาจะไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ "เอ็งนี่มันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเสียจริง ข้าให้สัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่มีทางไล่เองออกจากเรือนนอกจากเอ็งอยากจะไปเอง"วงแขนแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นมือหนาก็ปาดน้ำตาไปที่แก้มเล็กๆด้วยความอบอุ่น ยายปริกที่เฝ้ามองการกระทำของผู้เป็นนายที่เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้โตกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งถึงแม้พ่อแม่ของอินทรีย์จะจากไปก่อนวัยอันควรก็มี ยายปริกที่ดูแลอินทรีย์มา ทำให้ยายปริกเปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง "เอาล่ะกินข้าวเถอะ"อินทรีย์ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระพร้อมกับบอกให้เงียบและกินข้าว "อัญชันลงไปกินข้าวกับยายปริกที่เรือนข้างล่างได้ไหมจ๊ะ"อัญชันเงยหน้ามอง "ไม่ได้เอ็งต้องกินข้าวกับข้าที่นี่นะอัญชัน" อินทรีย์พยักหน้าให้ยายปริกมาตักข้าวให้อัญชันอีกจานนึง "อัญชันกินข้าวกับพ่อคุ้มอินทรีย์บนเรือนไม่ต้องลงไปข้างล่าง ลงไปเรียนทำกับข้าวกับยายก็พอนะ"ยายปริกพูดไปด้วยแล้วก็ยิ้มไปด้วย "จ้ะยายจ๋า"อัญชันเป็นเด็กที่พูดจาไพเราะเพราะพริ้งกิริยามารยาทก็ถูกสอนมาเป็นอย่างดี วันนี้อินทรีย์รู้สึกอิ่มเอม และมีความสุขที่มีอัญชันเข้ามาอยู่ในชีวิต นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นชีวิตของอินทรีย์และอัญชันเขานั่งมองคนตัวเล็กกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย "เอ็งชอบปลาสามรสหรือไม่"มือหนาหยิบปลาใส่ไปในจานข้าวของอัญชัน "ชอบปลาสามรสจ้ะ แม่ของอัญชันก็ทำเก่งมากแต่อัญชันชอบกินแกงกะทิหัวปลีใส่ไก่มากกว่า"อัญชันกินข้าวไปด้วยก็พูดไปด้วยทำให้มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่อินทรีย์ไม่รู้สึกเหงาใจ "ถ้าเอ็งชอบพรุ่งนี้ก็ให้ยายปริกทำให้กินเถอะ"อินทรีย์หันไปบอกยัยปริกให้เตรียมกับข้าวที่อัญชันอยากกิน "ได้พ่อคุ้มคอินทรีย์พรุ่งนี้ยายจะให้ไอ้สนมาช่วยเชือดไก่ให้ งั้นยายขอตัวลงไปดูงานข้างล่างก่อนแล้วเดี๋ยวจะให้เด็กขึ้นมาเก็บสำรับ"ยายปริกหันไปบอกพ่อคุ้ม อินทรีย์หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้กับยายปริกแล้วหันกลับมากินข้าวกับอัญชันต่อ อีจวงที่อยู่ด้านล่างก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเขวี้ยงปลาข้าวของอยู่ในห้อง จนบ่าวคนอื่นๆ ต้องรีบไปบอกยายปริกให้รีบมาปรามอีจวง "ยายปริกอีจวงมันอาละวาดอยู่ในห้องคนเดียวลั่นห้องเลยจ้ะ ใครเคาะมันก็ไม่ยอมเปิด"อีแดงรีบวิ่งมา บอกยายปริก "แล้วมันเป็นอะไรของมันนักหนา ไม่เป็นไรพาข้าไปดูหน่อย"อีแดงรีบนำยายปริกมาที่เรือนบ่าวทันที "อีจวงถ้ามึงยังอาละวาดไร้เหตุผล กูจะให้คนลากมึงออกไปจากเรือน และอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก" ยายปริกยืนพูดเบา ๆ อยู่หน้าห้องแต่ดูเหมือนว่าทรงพลังกว่าทุกคน อีจวงรีบเดินออกมาอย่างลนลานสภาพในห้องเลอะเทอะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มองเข้าไปยิ่งกว่ารังหนูเสียอีกตอนนี้ "ยายฉันขอโทษจ้ะ ฉันจะไม่ทำอีก"อีจวงยกมือไหว้ส่งๆ เหมือนอยากขอไปที "หากเป็นเพราะเรื่องของแม่อัญชันมึงเลิกคิดเสียเถอะ เพราะกูบอกมึงแล้วว่าแข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้ ถ้ามึงยังเป็นเช่นนี้.ไม่พอใจก็ออกไปจากเรือนซะ"ยายปริกพูดอย่างไม่ใยดี เพราะรู้นิสัยของคนอย่างจวงที่จ้องแต่จะเอาชนะทุกคนที่เข้าใกล้พ่อคุ้มอินทรีย์ "ยายอยากไล่ฉันไปเลยนะจ๊ะ ยายไล่ฉันไปแล้ว ฉันจะไปอยู่ที่ไหน ญาติพี่น้องสักคนฉันก็ไม่มี"อีจวงนั่งลงไปกอดขายายปริกเอาไว้ทำท่าทีน่าสงสาร......ตั้งแต่มีอัญชันเข้าอินทรีย์ก็ไม่เหงาอีกเลยบางคืนอินทรีย์ก็จะเข้าไปนอนในห้องของอัญชัน จนอัญชันรู้สึกชินและก็รู้สึกดีที่ได้นอนในอ้อมกอดของผู้มีพระคุณอย่างอินทรีย์ อย่างเช่นคืนนี้ก็เป็นอย่างทุกคืนอินทรีย์ที่อาบน้ำเสร็จตั้งแต่หัวค่ำ ถือวิสาสะเดินเข้ามารออัญชันอยู่ในห้องนอน ด้วยกันสวมผ้ากางเกงเพียงตัวเดียว โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนอัญชันก็ลงไปเล่นน้ำกับชมพู่ที่ท่าน้ำยังไม่ยอมขึ้น"อัญชันนี่เหลวไหล จนจะโพล้เพล้พลบค่ำอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมเลิกเล่นน้ำกัน สงสัยต้องลงไปตามเสียกะมัง"อินทรีย์รู้สึกหงุดหงิดที่ยังไม่เห็นอัญชันขึ้นเดินเสียทีห่วงแต่เล่นน้ำกับชมพู่เลยตัดสินใจเดินลงไปตาม"ชมพู่อย่าแกล้ง ดูสิเนี่ยตัวข้างตัวอัญชันแดงหมดแล้ว"อัญชันทำหน้ากะเง้ากะงอดที่โดนชมพู่แกล้ง"ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวไม่แกล้งแล้ว งั้นเรามาว่ายน้ำแข่งกันไหม ว่าใครจะว่ายข้ามกลับมานี้ได้ก่อนกัน"ทั้งสองคนก็พากันว่ายน้ำแข่งกันอยู่ภายใต้สายตาของอินทรีย์ที่ยืนมองเด็กทั้งสองเล่นน้ำเงียบๆอัญชันกับชมพู่สาวน้อยในวัย 17 ปี ที่สวยงามประดุจดอกไม้งาม แม้จะยังไม่สะพรั่งเต็มที่ก็เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ล่อลวงแมลงตัวผู้ทั้งหลายให้มาด
อัญชันที่นั่งดูการฝึกอาวุธอยู่ด้านหลังของอินทรีย์ วันนั้นทั้งวันตลอดบ่าย เหล่าบรรดาชายหนุ่มต่างพากันยิ้มกริ่ม อย่างมีกำลังใจเพราะไม่ได้เห็นแต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของอินทรีย์แต่กลับเห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มให้กับอินทรีย์ทำให้พวกเขาที่ฝึกอาวุธอยู่ก็ยิ้มตามไปด้วย"พวกมึงยิ้มห่าอะไรกัน..! ฝึกกันไปสิวะ..!!"อินทรีย์ยืนเอามือไพล่หลัง เดินวนไปวนมาจ้องเราลูกสมุนตาเขม็งอินทรีย์รู้สึกทนไม่ไหวจึงบอกให้ไอ้สนมาคุมการฝึกแทนเขา เพื่อจะพาอัญชันกับเรือนเขารู้สึกรำคาญสายตาทุกคู่ที่จ้องมองอัญชันอย่างไม่วางตาก่อนที่เขาจะควบคุมอารมณ์เอาไว้"ไอ้สน มึงคุมการฝึกให้ดี ฝึกพวกมันให้หนักโทษฐานที่มองอัญชันของกู"อินทรีย์หันไปพูดกับไอ้สน"ฉิบหาย งานหยาบแล้วพวกมึง เหนื่อยเอวเคล็ดแน่!"ไอ้บุญมาลูกน้องลูกกระจ๊อกที่รองมือรองเท้าของไอ้สนและไอ้กล้าเอ่ยขึ้นเสียงดัง"แน่นอนพี่อินทรีย์ เดี๋ยวข้าจะคุมการฝึกให้พี่เอง พี่พาคุณหนูอัญชันกับเรือนไปเถอะไ"อ้สนที่รู้ใจผู้เป็นลูกพี่ยิ่งกว่าใครอัญชันที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนมิรู้หนาว อยู่บนแคร่เห็นหน้าบึ้งตึงของพ่อคุ้มอินทรีย์ก็รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยตามประสา"ไป
ไอ้ทองอินเดินโซซัดโซเซ ตั้งใจจะเอาชีวิตไปตายเอาดาบหน้า ไอ้ทองอินเหลือแต่ชีวิตของมัน และไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือเมียและญาติคนสุดท้ายมันรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก จึงเดินตุ้มปัดตุ้มเป๋ไปในป่าโดยไร้จุดหมาย"อย่าให้กูฟื้นตัวมาได้นะ..!ไอ้อินทรีย์ ตาเขียว กูจะมาเอาคืนให้หมดทุกคนเลย ที่ทิ้งกู"ไอ้ทองอินกับเคียดแค้นให้กับลุงแท้ ๆ อย่างตาเขียวที่ไล่ตะเพิดมันออกจากบ้านและคนที่ซื้อลูกสาวมันไปอย่างพ่อคุ้มอินทรีย์ก็ยังจะมาซ้ำมันให้ออกจากหมู่บ้านอีกนับจากวันนั้นเป็นต้นมา วันแล้ววันเล่าชีวิตของอัญชันดูราบรื่นและสวยงาม อัญชันบัดนี้อายุเข้า 17 ปีดูสวยงามสง่า ความเป็นกุลสตรีที่อ่อนโยนยิ่งผูกมัดใจของอินทรีย์เข้าไปทุกวัน"ยายปริกจ๋า วันนี้อัญชันขอไปลานฝึกอาวุธได้ไหมจ๊ะอยากจะเอาปลาสามรสไปฝากพ่อคุ้ม"อัญชันที่ยิ้ม หวานขอยายปริกให้ใจอ่อน"ก็ได้คุณหนูอัญชัน ยายให้ไปแต่คุณหนูอัญชันจะต้องไม่ไปก่อความวุ่นวายให้กับพ่อคุ้ม ต้องลำบากใจรู้หรือไม่"ยายปริกรู้ว่าอัญชันเองก็เป็นเด็กดีน่ารักแต่ก็มีความแสบอยู่ไม่น้อย"อัญชันสัญญากับยายปริกว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายเด็ดขาด อัญชันจะรีบไปรีบกลับ ขอเอาข้าวไปส่งให้กับ
อีจวงที่วิ่งหน้าตั้งไปตามไอ้สนและไอ้กล้าที่อยู่ร้าน น้ำชาข้างตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพ่อคุ้มอินทรีย์มากนัก เมื่อมาถึงอีจวงจึงรีบตะโกนเรียกคนทั้งสอง"พี่สน พี่กล้า พ่อคุ้มหัวอินทรีย์เรียกหาที่เรือนมีเรื่องรีบกลับไปที่เรือนทันที"อีจวงที่ยืนหอบแฮ่กๆแต่ก็ยังบอกทุกความของพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่มีตกหล่น"เกิดเรื่องอะไรวะ"ไอ้สนและไอ้ต้นกล้าหันไปพูดกับ อีจวงพร้อมกัน"ก็พ่ออีนางเด็กอัญชันน่ะ มันมาอาละวาดที่เรือนจะเอาอีอัญชันกลับ"อีจวงที่ไม่ชอบอัญชันก็เรียกจิกหัว ทันทีสองคนที่ได้ยินดังนั้น"นังจวงพูดจาอะไรให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ แม่อัญชันก็เป็นคนสำคัญของที่เรือนของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้สนหันไปเอ็ดอีจวง"ช่างมันเถอะพวกพี่รีบไปเที่ยวเรือนก่อน"อีจวงที่ไม่สนใจเสียงบ่นกรนด่าของไอ้สนไอ้ทองอินที่อยู่ใต้ถุนเรือน ก็ยังคงโวยวายลั่นทำ ท่าทางจะขึ้นมาบนเรือนของอินทรีย์ให้ได้ แต่อินทรีย์ยืนขวางแม้แต่บันไดขั้นเดียวก็ไม่ให้ขึ้นเหยียบ"เอ็งมาทำแบบนี้ได้ยังไงวะ ข้าอยากจะเอาลูกสาวข้าคืน เอ็งก็คืนมาสิ ข้าเป็นพ่อของมันนะ"ไอ้ทองอินทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่รับเ
สภาพของไอ้ทองอิน ที่โดนซ้อมจนใบหน้าปูดบวมบิดเบี้ยว กว่ามันจะลุกขึ้นมาได้ก็เล่นเอาช้ำใน เจ็บตัวไป 3-4 วัน เงินที่เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาทบาทสุดท้ายในสมัยนั้นเป็นเงินที่มากอยู่พอจะให้ตั้งตัวได้เลยแต่สุดท้ายไอ้ทองอินก็ยังหอบสภาพสังขารด้วยใบหน้าที่ปูดบวมไปเล่นการพนันในบ่อนท้ายหมู่บ้านจนสิ้นเนื้อประดาตัวไอ้อินที่โดนเอามาทิ้งใกล้ ๆ กับโรงหมอ ก็ได้หมอใจดีช่วยรักษาจนหาย แต่คนอย่างไอ้ทองอินก็เปรียบเสมือนงูพิษมันพร้อมจะชกกัดกับทุกคน"หมอข้าขอยาแก้ปวดหน่อยสิ ข้าปวดเนื้อปวดตัวไปหมด"ใบหน้าที่ปูดบวมเขียวช้ำ ของไอ้ทองอินก็ยังไม่ดีขึ้น มันก็เริ่มจะแผลงฤทธิ์ได้อีกแล้ว"ข้าก็เพิ่งจะให้เอ็งกินไปไม่ถึงชั่วยาม เอ็งก็ต้องรอหน่อยสิวะ มันก็ต้องปวดเป็นธรรมดาสมุนไพรยังไม่ออกฤทธิ์"คนเป็นหมอถึงกับส่ายหัว กับคนไข้อย่าง ไอ้ทองอิน แม้แต่เงินสตางค์แดงเดียวไอ้ทองอินก็ไม่จ่าย"โธ่เว้ย..! ทำไมข้าต้องมาทนเจ็บปวดด้วยวะ หมอยังเองนี่มันไม่ได้เรื่อง"ไอ้ทองอินลุกขึ้น โซซัดโซเซ สีหน้าชี้หนาด่าทอหมอที่ช่วยชีวิตมันเอาไว้"ถ้าเอ็งพูดอย่างนี้ เอ็งก็ออกไปจากโรงหมอของข้าเสีย แล้วอย่าย้อนกลับมาอีก"คนเป็นหมอถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน
ไอ้กล้ากับไอ้สนถือวิสาสะพาตาเขียวเดินขึ้นไปบนเรือนของอินทรีย์ เพื่อไปพบกับอินทรีย์ที่นั่งอยู่กลางเรือน นั่งดูอัญชันฝึกร้อยมาลัยอยู่กับยายปริกที่พื้นด้านล่างตรงหน้าของเขา"พ่อคุ้มอินทรีย์ ดูสิจ๊ะ มาลัยของอัญชันบูดเบี้ยวไม่สวยเหมือนของยายปริกเลย"อัญชันทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกรู้สึกน้อยใจในฝีมือของตัวเองยายปริกจึงพูดปลอบใจอัญชันว่า "ตอนที่ยายฝึกทำครั้งแรกโย้เย้กว่าของเอ็งเยอะเลย อัญชันเนี่ยถือว่าเก่งแล้ว เอ็งต้องฝึกฝีมือมาก ๆ นะ'ยายปริกเอ่ยบอกให้อัญชันได้รู้สึกดีขึ้น"จริงหรอจ๊ะ"อัญชันหันไปถามยายปริกพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ"จริงสิ ยายจะหลอกเอ็งทำไมล่ะ กว่ายายร้อยมาลัยเก่ง สวยขนาดนี้ ยายก็ฝึกจนเข็มแทงนิ้วไม่รู้กี่พันรอบ"ยายปริกรู้สึกเหมือนมีหลานสาวตัวเล็ก ๆ ทำให้เรือนนี้ดูมีชีวิตชีวาตาเขียวที่ยืนมองดูหลานสาว อยู่ตรงหัวกระได รู้สึกมีความสุขที่ เห็นหลานสาวมีรอยยิ้มและดูหน้าตาสดใสเพียงแค่เวลาวันสองวันเท่านั้นเอง แต่ตาเขียวก็อยากจะไปคุยกับพ่อคุ้มอินทรีย์ให้รู้เรื่องเพื่อความปลอดภัยของหลานอินทรีย์หันไปตามเสียงก๊อกแก๊กที่ตรงหัวบันไดบ้านก็รู้สึกแปลกใจที่ไอ้สนกับไอ้กล้า จูงใครคนนึงมาบนบ้านของเขาโ
ไอ้ทองอินที่ได้เงินสามร้อยห้าสิบบาทเป็นเงินที่ขายลูกสาวกิน มันเอาไปถลุงในบ่อนพนันเพียงคืนเดียวก็เหลือติดตัวเพียงยี่สิบบาท มันจึงรีบล่าถอยกลับไปหาลุงของมันที่เรือน"ลุงเขียวจ๊ะ ข้าขอโทษจ้ะ"ไอ้ทองอินก้มลงไปกราบ ลุงเขียว เพื่อขอขมาลาโทษ ที่ทำให้ลุงได้รับบาดเจ็บตาเขียวที่เห็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนมาทำท่าทางขอขมาลาโทษก็รู้สึกใจอ่อน แต่ก็ไม่ได้รับคำขอโทษแต่อย่างใด"แล้วหลานสาวกูอยู่ที่ไหน มึงเอาแม่อัญชันไปขัดดอกจริงๆ ใช่ไหม"ตาเขียวเค้นถามหลานชายหัวแก้ว หัวแหวน ตาเขียวถามหาหลานสาวสุดที่รักอย่างอัญชันเมื่อวานแกพยายามจะวิ่งตามแต่ด้วยความบาดเจ็บของคนแก่จึงทำอะไรไม่ได้"ฉันขายนางอัญชันให้กับผู้ชายคนนึงไปแล้วฉันได้เงินมานิดหน่อย แต่ตอนนี้ เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาท" ตาเขียวโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ที่ไอ้ทองอินขายลูกกินอย่างไม่รู้สึกผิด แกจึงใช้ไม้ตะพดฟาดไปที่หัวของ ไอ้ทองอินจนแตก พร้อมกับตวาดลั่นบ้าน แกเอ่ยไล่ไอ้ทองอินทร์ให้ออกจากบ้านไป"มึงนี่มันไม่ใช่คนจริง ๆ ขนาดลูกหมาลูกแมว มันยังรักลูกของตัวเอง แต่นั่นลูกสาวมึงแท้ ๆ มึงยังกล้าขายให้กับคนที่มึงไม่รู้จัก มึงใช้สมองหรือหัวแม่โป้งตีนคิดไว่ะ..?"
วันนี้เป็นวันแรก ที่อัญชันได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรเป็นเย็นวันนี้อัญชันที่ฝึกทำปลาสามรสกับยายปริกและน้ำพริกกะปิผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์เป็นครั้งแรกอัญชันรีบช่วยยายปริกยกข้าวเย็นขึ้นมาบนเรือน"เอ็งทำอันใดให้ข้ากินหรืออัญชัน"พ่อคุ้มอินทรีย์ที่พึ่งอาบน้ำผัดเสื้อผ้าก็เดินออกมา"อัญชันทำเมนูปลาสามรส น้ำพริกกะปิแล้วก็ผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์ ลองกินดูจ๊ะ"อัญชันยิ้มหวานเนื้อตัวยังมีแต่กลิ่นกับข้าวพ่อคุ้มอินทรีย์เดินเข้าไปหาอัญชัน โอบกอดร่างเล็ก ๆ พร้อมกับหอมแก้มเบาๆ ดังฟอด..!"พ่อคุ้ม...!!!"อัญชันเรียกอินทรีย์เสียงดังเพราะแอบตกใจที่อยู่ดีๆก็โดนขโมยหอมแก้ม"ทำไม มึงเป็นคนของกูแล้ว กูบอกมึงแล้วไง ไม่ต้องตกใจหรอก ต่อไปนี้ทุกอย่างบนตัวมึงเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว"อินทรีย์พูดไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาทั้งนั้น"อัญชันแม้จะไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแบบที่พ่อคุ้มทำ ก็ยิ่งรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยเพราะพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของตน"ขอบใจเอ็งมาก เอ็งก็มากินข้าวพร้อมข้าเลยแล้วกัน"อินทรีย์ที่จุงมือเล็ก ๆ ให้เดินตามมาด้วยอีจวงที่เดินขึ้นมาพร้อมกับโถข้าว แทบจะทำโถข้าวหลุดมือ เมื่อเห็นภาพพ่อคุ้มอินทรีย์
อินทรีย์จ้องมองลูกน้องทั้งสองตาเขม็งด้วยความไม่พอใจที่สอดรู้สอดเห็น เรื่องของเขาไปเสียทุกเรื่อง ถึงแม้พวกมันจะดูทะเล้นตึงตังไปบ้าง แต่ยามที่สู้รบปรบมือ พวกมันก็ไม่เคยถอยและไม่เคยทิ้งอินทรีย์เลยแม้แต่ครั้งเดียวเป็นตายแทนเขาได้เสมอ"ช่างสอดรู้สอดเห็นเสียจริงพวกมึง อัญชันเป็นคนของกู นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง"อินทรีย์ใช้น้ำเสียงที่ดูอ่อยโยนทำให้อัญชันไม่รู้สึกกลัว"แม่อัญชันจ๊ะฉันชื่อไอ้กล้า ส่วนเนี่ยไอ้สน แม่อัญชันอย่าได้กลัวฉันสองคนเลยนะ ฉันเป็นลูกน้องของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้กล้าที่มันก็กล้าสมชื่อได้พูดขึ้นไอ้สนใช้มือตบไปที่เพื่อนเบา ๆ ให้หยุดพูดเสียทีเดี๋ยวจะปากพาซวยกันทั้งคู่แต่ไอ้กล้าก็ไม่ได้ฟังอัญชันหันมองคนทั้งสองพร้อมกับผงกหัวรับอย่างว่าง่าย คนตัวเล็กอย่างอัญชันทำอะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมดในสายตาของอินทรีย์ อินทรีย์ค่อย ๆ อุ้มอัญชันออกจากตัก ให้นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับใช้วงแขนแกร่งโอบกอดเอาไว้"ไหน ไหน ก็ไหน ไหนแล้ว ทำความรู้จักไว้เสียสิอัญชัน อันนั้นไอ้สนหน้าตามันจะดูรูปทั่วตัวดำแต่มันเป็นคนจิตใจดี""ส่วนคนนั้นไอ้กล้าปากหมาพาซวยถึงแม้มันจะดีดดิ้งไปบ้างไม่ค่อยเชื่อฟังคำ