เวลายามบ่ายใกล้โพล้เพล้ ตะวันตกดิน อินทรีย์วันนี้ไม่อนุญาตให้อัญชันทำอาหารเย็น ใช้เป็นยายปริกกับชมพู่และบ่าวในเรือนอีกสองสามคนให้ช่วยเตรียมอาหารแขกอย่างเศรษฐีอ๋องที่จะมาปรึกษาหารือเรื่องการทำถนน
เศรษฐีอ๋องจะเกณฑ์คนงานในโรงเหล้าและให้ทุนทรัพย์มาช่วยเหลือ ทำให้อินทรีย์รู้สึกเคารพและนับถือในความใจดีมีเมตตาของเศรษฐีอ๋องเสมอมา ช่างผิดแผกกับลูกทั้งสองเหลือเกิน "พ่อคุ้มอินทรีย์ทำไมถึงไม่ให้อัญชันช่วยยายปริกกับชมพู่ล่ะจ๊ะ" อัญชันที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งรับลมเย็นอยู่กลางเรือนกับอินทรีย์ "ข้าไม่อยากให้ผู้ใดชิมกับข้าวฝีมือเอ็งนอกจากข้า แต่เพียงผู้เดียว" อินทรีย์ที่นั่งอ่านตำราใบข่อยก็อ่านไปด้วยพูดไปด้วย ไม่เงยหน้าขึ้นมามองอัญชันเลยแม้แต่น้อย "ฝีมือของอัญชันไม่อร่อยหรือจ๊ะ" อัญชันแกล้งทำเป็นพูดถามทั้งที่รู้ว่าอินทรีย์นั้นหวงตนมากแค่ไหน "ใช่ ฝีมือเอ็งมันยังไม่ได้เรื่อง ข้ากลัวว่าเศรษฐีอ๋องกินเข้าไปจะท้องเสีย" อินทรีย์พูดประชดประชันอัญชันด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ "ดีจ๊ะ งั้นต่อไปอัญชันจะมื้อเย็นผ่านไปอย่างทุลักทุเล เศรษฐีอ๋องรู้สึกเหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวของอินทรีย์อยู่ตลอดเวลา เพราะทุกครั้งที่ไอ้พันตักกับข้าวหรือของต่าง ๆ ให้กับอัญชัน เขามักจะเห็นแววตาพิฆาตที่พร้อมจะเชือดลูกชายของตนตลอดเวลา อัญชันนั่งอยู่ข้าง ๆ อินทรีย์อย่างสงบเรียบร้อย เพื่อฟังการทำงานที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในการช่วยกันตัดต้นไม้และทำทางถนนเกวียนให้ดีขึ้น เศรษฐีอ๋องและอินทรีย์นั่งปรึกษาหารือกันอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ลูกชายอย่างไอ้พันไม่ได้ตั้งใจฟังอะไรเลย นอกจากนั่งจ้องหน้าอัญชันตาเป็นมัน ส่วนนางมณีก็ขอตัวเดินไปเดินมาอยู่รอบเรือน เพื่อชมบรรยากาศที่สวยงามบนเรือนของอินทรีย์ "อีจวง มึงดูสิ อีกไม่นานหรอก กูจะต้องเป็นเจ้าของครองเรือนนี้ และกูจะไล่อีนางเด็กอัญชันนั่นออกจากเรือนไปเสีย อีเด็กกาฝาก" นางมณีที่พูดกับอีจวงโดยไม่สนว่าจะมีใครมาได้ยิน "ข้าว่า ก่อนที่คุณหนูมณีจะฝันว่ามาเป็นคุณผู้หญิงเรือนนี้ ทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อพ่อคุ้มอินทรีย์ยังไม่แม้แต่จะชายตาแลทแม่มณีเลยสักนิด"
เศรษฐีอ๋องและครอบครัวเดินทางมาถึงเรือนของพ่อคุ้มอินทรีย์ ซึ่งมีความใหญ่โตไม่แพ้เรือนของเศรษฐีอ๋อง ด้านล่างของเรือนมีลูกสมุนเฝ้าอยู่ 4-5 คน ยังไม่รวมทาสในเรือน "ไหว้เจ้าค่ะท่านเศรษฐีอ๋อง พ่อคุ้มอินทรีย์รออยู่ด้านบนแล้วค่ะ" นางชมพู่ที่เดินมาพอดี ยกมือไหว้เศรษฐีอ๋องและครอบครัวด้วยความนอบน้อม "อีจวง มึงยังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกนะ" ชมพู่ที่ไม่ชอบอีจวงแต่ไหนแต่ไร ถึงกับหันไปด่า "ทำไมกูจะมาไม่ได้ กูไม่ใช่คนของเรือนนี้แล้ว กูเป็นคนของคุณหนูมณี" อีจวงก็ไม่ยอมลดราวาศอก "มึงนี่....!!!" นางชมพู่ที่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ต้องรีบหุบปากลง เพราะเห็นอินทรีย์เดินลงมาจากเรือนเพื่อมารับเศรษฐีอ๋องด้วยตนเอง "ข้าไหว้ท่านเศรษฐี เชิญขึ้นเรือนก่อนเถอะ" นางมณีที่มองอินทรีย์ตาเป็นมัน พร้อมกับส่งยิ้มยั่วยวนให้อินทรีย์ แต่เขากลับไม่มองหันกลับมาแม้แต่ปรายตา ดวงตาของอินทรีย์คมกริบราวกับนกเหยี่ยว จ้องมองไอ้พันด้วยสายตาที่ไม่ชอบขี้หน้ามากนัก แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่ไอ้ไผ่ถือมาด้วยคือสิ่งใด เหตุใดจึงคลุมผ้ามาเช่นนั้น
เวลายามบ่ายใกล้โพล้เพล้ ตะวันตกดิน อินทรีย์วันนี้ไม่อนุญาตให้อัญชันทำอาหารเย็น ใช้เป็นยายปริกกับชมพู่และบ่าวในเรือนอีกสองสามคนให้ช่วยเตรียมอาหารแขกอย่างเศรษฐีอ๋องที่จะมาปรึกษาหารือเรื่องการทำถนน เศรษฐีอ๋องจะเกณฑ์คนงานในโรงเหล้าและให้ทุนทรัพย์มาช่วยเหลือ ทำให้อินทรีย์รู้สึกเคารพและนับถือในความใจดีมีเมตตาของเศรษฐีอ๋องเสมอมา ช่างผิดแผกกับลูกทั้งสองเหลือเกิน "พ่อคุ้มอินทรีย์ทำไมถึงไม่ให้อัญชันช่วยยายปริกกับชมพู่ล่ะจ๊ะ" อัญชันที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งรับลมเย็นอยู่กลางเรือนกับอินทรีย์ "ข้าไม่อยากให้ผู้ใดชิมกับข้าวฝีมือเอ็งนอกจากข้า แต่เพียงผู้เดียว" อินทรีย์ที่นั่งอ่านตำราใบข่อยก็อ่านไปด้วยพูดไปด้วย ไม่เงยหน้าขึ้นมามองอัญชันเลยแม้แต่น้อย "ฝีมือของอัญชันไม่อร่อยหรือจ๊ะ" อัญชันแกล้งทำเป็นพูดถามทั้งที่รู้ว่าอินทรีย์นั้นหวงตนมากแค่ไหน "ใช่ ฝีมือเอ็งมันยังไม่ได้เรื่อง ข้ากลัวว่าเศรษฐีอ๋องกินเข้าไปจะท้องเสีย" อินทรีย์พูดประชดประชันอัญชันด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ "ดีจ๊ะ งั้นต่อไปอัญชันจะ
ไอ้กล้าไม่มาที่ร้านฝึกซ้อมอาวุธ 2-3 วัน ทำให้อินทรีย์ อัญชัน และไอ้สนเกิดความเป็นห่วง เพราะได้ข่าวว่ามารดาของไอ้กล้าล้มป่วย จึงพากันไปเยี่ยมไอ้กล้าที่เรือน และได้เห็นว่าไอ้กล้ากำลังเฝ้ามารดาที่ป่วยด้วยโรคคนแก่ "ไอ้กล้า มึงเป็นอะไร ทำไมไม่ไปที่ลานฝึก?" ไอ้สน เพื่อนรักของไอ้กล้า รีบเดินตะโกนถามเพื่อให้รู้ว่ามีคนมาเยี่ยม ไอ้กล้าได้ยินเสียงเพื่อนรักอย่างไอ้สน ก็วางมือจากการเช็ดตัวให้มารดา แล้วรีบออกมาต้อนรับ จึงเห็นว่าอินทรีย์และอัญชันก็มาด้วย "พ่อคุ้มอินทรีย์ ข้าขอโทษนะจ๊ะพี่ ที่ข้าไม่ได้ไปฝึกซ้อมที่ลานอาวุธเลย พอดีแม่ของข้าป่วย" ไอ้กล้าพยายามอธิบายให้อินทรีย์เข้าใจ "ก็เพราะมึงไม่ไปนี่แหละ กูถึงต้องมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดมึงจึงหายหน้าไปเช่นนั้น" "แม่ป่วยเป็นโรคคนแก่ชราตามประสานั่นแหละจ้ะพี่ แต่ช่วงนี้อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน แกคงปรับตัวไม่ทัน ก็เลยได้ไข้มา 3-4 วันแล้วจ้ะ" ไอ้กล้าพูดพลางเกาหัวเพราะรู้สึกเคอะเขินที่อินทรีย์มาเยี่ยมถึงเรือน "แล้วนี่หยุกยาหาหมอมึงพาแม่ไปหาหรือยัง?" อินทรีย์ถามด้วยความเป็นห่วง "ยังเลยจ้ะพี่ อัดของข้าไม่พอ แต่ก็พอให้ซื้อข้าวมาพอประทังกรอกหม้อให้แม่ได้
อินทรีย์ส่งลูกสมุนไปสำรวจพื้นที่นอกหมู่บ้าน เพื่อพาอัญชันออกไปเปิดหูเปิดตา เขาต้องการตรวจสอบอันตราย เพราะช่วงหลังมานี้ บรรดาโจรปล้นควายค่อยๆ หายไปและเบาบางลงจนแทบไม่มีข่าวคราว แต่ก็ไม่อาจชะล่าใจได้ "พี่อินทรีย์ของเรารักและเอ็นดูคุณหนูอัญชันยิ่งกว่าสิ่งใด" ไอ้สนที่พาลูกสมุนมาสำรวจพื้นที่ในการเดินทางครั้งนี้ "โถ่พี่ ดูสิ แค่ใครมองนิดเดียวก็แทบจะควักลูกกะตาออกมาแล้ว หากไม่รักไม่ห่วงก็คงไม่ใช่แล้วล่ะ" ลูกสมุนคนหนึ่งเห็นด้วยกับความคิดของไอ้สน "พวกเอ็งก็เร่งสำรวจพื้นที่เข้าเถอะ อีกสักวันสองวัน เดี๋ยวคุณหนูกับพ่อคุ้มอินทรีย์ของเราจะพากันออกมาเดินท่องเที่ยวและสำรวจเส้นทาง" เหล่าลูกสมุนพากันสำรวจพื้นที่ ถางป่าดงพงไพรที่รกทึบให้ดูสะอาดสะอ้านขึ้น และยังเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรทุกๆ 2 เดือน เพราะคุ้มจะให้เราลูกสมุนนับ 10-20 คนมาช่วยกันเคลียร์เส้นทางให้ดูสะอาดสะอ้านอยู่เสมอ ทางด้านพันที่ยังคงส่งของขวัญไปให้แม่อัญชันที่เรือนไม่ขาด แต่ของขวัญครั้งนี้เขาตั้งใจจะนำไปมอบให้ด้วยตัวเอง พร้อมกับไผ่จะลูกสมุนจอมขี้ขลาดของเขา "พี่แน่ใจหรือว่าพี่จะไปที่เรือนของพ่อคุ้มด้วยตัวพี่เอง ข้าไปทีไรโดนทุกที"
หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อคืนที่ผ่านมาเรื่องที่อีจวงทำเอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้คนในเรือนบ่าวไพร่ต่างพากันพูดถึงติชินนินทาอีจวงอย่างไม่ขาดปาก อย่างเช่นอีแดงถึงแม้จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของอีจวงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอีจวงจะเป็นบ้าเสียสติถึงขนาดแก้ผ้าต่อหน้าพ่อคุ้มอินทรีย์ ท่านกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิด"ยายปริกดูสิอีจวง มันเสียสติไปเช่นนั้นเลยหรือถึงขนาดไปแก้ผ้าให้ท่านถึงบนเรือน พ่อคุ้มท่านกลับไม่ชายตาแลแม้จะหางตา หากข้าเป็นอีจวงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว"อีแดงที่หันมาพูดกับยายปริกขณะที่กำลังนั่งทำกับข้าวอยู่"เวรใครกรรมมัน ทุกอย่างคือผลของการกระทำทั้งนั้นอีแดง"ยายปริกถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพยายามห้ามและเตือนสติอีจงเสมอ"ก็อีจวงมันใฝ่สูง อยากเป็นเมียพ่อคุ้มอินทรีย์จนตัวสั่น แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะใช้วิธีสกปรกขนาดนี้"บ่าวอีกคนที่กำลังเด็ดผักก็ทำตัวปากยื่นปากยาวมาเสริมทัพ"ทุกอย่างมันอยู่ที่การกระทำ พวกเอ็งจำไว้แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้ คนบางคนไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องไขว่คว้า ของทุกอย่างก็มากองอยู่ตรงหน้าดั่งเช่นคุณหนูอั