เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องกับเสิ่นหมิงอีก มู่เถาฮวาจึงอยู่เฝ้าเขาตลอดทั้งคืน อีกทั้งยังบอกให้คนไปแจ้งเจี่ยงเฉิงให้รีบมาที่จวนองค์ชายรองโดยเร็ว
มู่เถาฮวาบอกให้สาวใช้นำน้ำสะอาดและอ่างน้ำเข้ามาให้นาง สาวใช้น้อยแม้จะไม่เต็มใจเท่าใดนักแต่กลับไม่กล้ามีปากมีเสียง
แต่ไหนแต่ไรพวกนางชื่นชมในตัวของเสิ่นหมิงมาโดยตลอด ถึงขนาดหวังว่าจะได้เป็นนางบำเรอของเขาสักครั้ง แต่จนปัญญาที่เสิ่นหมิงไม่แม้แต่จะชายตาแลพวกนาง แต่กลับไปเอาตัวสตรีบ้านนอกจากที่ใดไม่รู้มาอยู่ร่วมจวน
มู่เถาฮวามีหรือจะมองไม่ออกถึงความคิดของเหล่าสาวใช้พวกนั้น แต่นางคร้านจะถือสาหาความให้มากเรื่องจึงทำเป็นหูทวนลมปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นมองไม่เห็นไปเสีย
เสิ่นหมิงรูปงามออกปานนี้ พวกนางจะมีใจคิดเพ้อฝันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
เมื่อได้ผ้าสะอาดและอ่างน้ำเรียบร้อยแล้ว มู่เถาฮวาก็จัดการเช็ดตัวให้เขาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ หลับนอนก็เคยทำร่วมกันมาแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใด
เสิ่นหมิงยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา มู่เถาฮวามองดูที่รอบลำคอของเขาเขาด้วยแววตาที่ครุ่นคิด
คนที่ลงมือโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ไม่สู้กันซึ่งหน้าแต่กลับใช้วิธีสกปรกเช่นการเล่นคุณไสยมาทำร้ายเสิ่นหมิง
นางไม่รู้ว่าเขามีศัตรูมากน้อยเพียงใดแต่นางเคยอ่านเจอในนิยายมาบ้างว่า เหล่าเชื้อพระวงศ์นั้นความัสัมพันธ์ค่อนข้างซับซ้อน บุตรฆ่าบิดา บิดาฆ่าบุตร พี่น้องสังหารกันเอง ภรรยาสวมหมวกเขียวให้สามี ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้นในวังหลวงที่แสนงดงามราวแดนสวรรค์แห่งนั้น
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่ลงมือจะเป็นคนในวังหลวง?
ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เจี่ยงเฉิงก็เดินทางมาถึงจวนองค์ชายรองพอดี ครั้งนี้เขาเอาน้ำแกงบำรุงที่ตนดื่มมาให้มู่เถาฮวาตรวจสอบด้วย
"องค์ชายรองเล่า เป็นเช่นไรบ้าง"
เจี่ยงเฉิงเอ่ยถามมู่เถาฮวาด้วยความร้อนใจ
“ยังไม่ฟื้นเลย แต่เขาปลอดภัยดีแล้ว”
“มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่แม่นางมู่”
มู่เถาฮวาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เรื่องนี้เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเจี่ยงเฉิง นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เจี่ยงเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ เพียงมอบน้ำแกงถ้วยนั้นให้นางและบอกว่าจะไปดูอาการของเสิ่นหมิงเสียหน่อย
มู่เถาฮวารับน้ำแกงถ้วยนั้นมาเพื่อนำไปตรวจสอบดูว่ามีความผิดปกติใดหรือไม่
หลังจากตรวจสอบได้ไม่นานก็ได้คำตอบที่นางต้องการ ในน้ำแกงถ้วยนี้มียาสมุนไพรชนิดหนึ่งอยู่จริงๆ โชคดีที่นางพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างจึงสามารถตรวจสอบได้
ด้านเจี่ยงเฉิงนั้นก็รีบเข้ามาดูอาการของเสิ่นหมิง
เขาค่อนข้างร้อนใจไม่น้อยเลย
เขาและเสิ่นหมิงเป็นสหายรักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ผูกพันและสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเสิ่นหมิง ตอนที่เขารู้ว่าเสิ่นหมิงเกิดเรื่อง เขาทุกข์ใจมาก เขารู้ว่าตนเองมีความสามารถในเรื่องที่คนทั่วไปไม่มี จึงช่วยรักษาอาการของเสิ่นหมิง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ยิ่งรักษาก็เหมือนอาการของเสิ่นหมิงจะยิ่งหนักลง แม้แต่ตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะเริ่มอ่อนแอลงเช่นเดียวกัน นานวันเข้าพลังฝึกบำเพ็ญก็ยิ่งถดถอยด้อยลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เสิ่นหมิงบอกว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับสวีกุ้ยเฟยและองค์ชายใหญ่เสิ่นหลาง แต่ไม่อาจหาหลักฐานได้
เขาพอจะเข้าใจได้ ตั้งแต่อดีตฮองเฮาสิ้นพระชนม์จากไป ตระกูลซ่ง ซึ่งก็คือตระกูลเดิมของอดีตฮองเฮาก็ตกต่ำลง คนในจวนล้มหายตายจากไปเสียหมด เสิ่นหมิงกำพร้ามารดา ไร้คนคอยหนุนหลัง สวีกุ้ยเฟยที่วาดหวังตำแหน่งฮองเฮาพระองค์ใหม่มาโดยตลอด กลับยังไม่ได้สมความปราถนาดั่งที่ใจหวัง เพราะฝ่าบาทมีใจรักมั่นต่อซ่งฮองเฮา จึงไม่ยอมแต่งตั้งฮองเฮาพระองค์ใหม่เสียที อีกทั้งเสิ่นฮ่องเต้ยังไม่สนใจเสียงของขุนนางที่บอกว่าเสิ่นหมิงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย
แม้จะยังไม่มีการแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใดก็มองออกว่าเสิ่นหมิงดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกในใจของเสิ่นฮ่องเต้
เหล่าขุนนางไม่กล้ามีปากมีเสียง สวีกุ้ยเฟยจึงยิ่งแค้นใจ คิดจะกำจัดเสิ่นหมิงเสีย แต่ว่าไม่อาจสังหารคนได้อย่างโจ่งแจ้ง จึงใช้วิธีสกปรกเช่นนี้มาทำร้ายเสิ่นหมิงแทน ทำให้เขาล้มป่วย คู่หมั้นสองคนก่อนหน้าล้มหายตายจากไป เรื่องนี้สวีกุ้ยเฟยย่อมเป็นผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังเป็นแน่
ความโลภในใจของคนเราช่างน่ากลัวยิ่งนัก
เจี่ยงเฉิงมองเสิ่นหมิงที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดเป็นอย่างมาก เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เป็นจังหวะเดียวกันที่มู่เถาฮวากำลังเดินกลับมาหาเขาพอดี หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"นักพรตเจี่ยง ในน้ำแกงของท่านมีสมุนไพรตัวนั้นผสมอยู่จริงๆ มันปิดผนึกพลังตบะของท่าน ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดน้ำแกงที่มารดาท่านเป็นคนทำจึงมีสมุนไพรตัวนั้นผสมลงไปได้ แต่หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านก็ลองหยุดดื่มมันดูสักสามวัน แล้วท่านจะเข้าใจกระจ่างแจ้งทุกประการ"
เจี่ยงเฉิงมองมู่เถาฮวานิ่ง เขารู้ว่านางกำลังจะเอ่ยสิ่งใด นางพยายามใช้วาจาในการหลีกเลี่ยงปัญหา ให้เขาหาคำตอบด้วยตนเอง เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับไป
หลังจากนั้นสามวัน เจี่ยงเฉิงก็เข้าใจทุกอย่างได้ทันที เขาลองไม่ดื่มและหาทางสับเปลี่ยนน้ำแกงนั่น สามวันต่อมา พลังบำเพ็ญของเขาก็กลับมาเหมือนเดิม เขาสามารถมองเห็นวิญญาณและปีศาจ อีกทั้งพลังเวทก็กลับมาเป็นปกติ
แววตาของชายหนุ่มฉายแววเย็นชา
ผู้ใดกันนะ ที่ลอบเข้ามาวางยาเขาถึงในจวนเช่นนี้?
ด้านเสิ่นหมิงนั้น ไม่นานก็ได้สติฟื้นกลับมา เขารู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อยเลย ทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก ลำคอรู้สึกแห้งผากอย่างยิ่ง
มู่เถาฮวาที่เห็นว่าคนฟื้นแล้วจึงรีบเข้ามาประคองเขาให้ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง พร้อมกับเทชาร้อนให้เขาดื่มเพื่อดับกระหาย
"ท่านหิวหรือไม่ ข้าสั่งให้สาวใช้ทำโจ๊กเอาไว้ หากท่านหิวข้าจะให้พวกนางยกเข้ามา"
เสิ่นหมิงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่ล้ำลึก ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาเห็นเองกับตาแล้ว หากนางมาไม่ทัน บางคราเขาอาจจะไม่รอด
หากพวกมันมาสู้กับเขาซึ่งๆหน้า เขาย่อมไม่เกรงกลัว ก็เพียงฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ว่าวิธีที่พวกมันใช้วิธีครั้งนี้เขาจนปัญญาจริงๆ เขาไม่ใช่หมอผี และไม่มีพลังเวท เขาไม่สามารถที่จะเอาชนะคนพวกนั้นได้เลย
มีชั่ววูบหนึ่งที่เสิ่ินหมิงรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี
แววตาที่วูบไหวอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกที่อับจนหนทางของเสิ่นหมิงนั้น มู่เถาฮวามองเห็นทั้งหมด นางเข้าใจดี เขาเป็นเพียงคนธรรมดาจะสู้กับวิญญานร้ายเหล่านั้นย่อมนับว่าเป็นเรื่องยาก
"องค์ชายรอง ท่านไม่ได้ไร้ประโยชน์ อย่าได้โทษตนเอง คนชั่วพวกนั้นต่างหากที่ไม่มีปัญญาเอาชนะท่านได้ซึ่งๆหน้าจึงคิดทำร้ายท่านด้วยวิธีนี้ แต่ท่านไม่ต้องกลัว ท่านยังมีข้าและนักพรตเจี่ยงอยู่ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ท่านต้องสู้เพียงลำพัง คิดซะว่าตอบแทนที่ท่านช่วยข้าออกมาจากครอบครัวสัปปะรังเคนั่นก็แล้วกัน"
เสิ่นหมิงมองมู่เถาฮวา พลางเอ่ยถาม
"คนที่บ้านเจ้าไม่ดีกับเจ้าอย่างนั้นหรือ"
อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอยากตบปากตนเองยิ่งนักที่ถามนางออกไปเช่นนั้น หากครอบครัวนั้นดีกับนางย่อมไม่ขายนางให้เขาอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ แต่มู่เถาฮวากลับไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเก็บเอามาคิดให้รกสมอง บางคราคนเราหากคิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดของผู้คนมากเกิดไปย่อมไม่ส่งผลดีต่อตนเอง
"ไม่ดีเท่าใดนัก ข้าเป็นเด็กกำพร้า มารดาตาย บิดามีภรรยาใหม่ จึงเอาข้ามาให้ท่านป้าเลี้ยงดู ข้าอดมื้อกินมื้อ ท่านลุงเขยจ้องจะเข้าหาข้าเพื่อทำมิดีมิร้าย ญาติผู้พี่ไม่ชอบหน้าข้า แต่ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว และข้าเองก็คงไม่กลับไปที่นั่นอีก องค์ชายรอง ข้าจะไปเอาโจ๊กมาให้ท่าน คนเราต่อให้พบเจอเรื่องร้ายมากเพียงใด ท้องก็ต้องอิ่มไว้ก่อน"
เอ่ยจบนางก็ลุกขึ้นหมายจะเดินออกไปเอาโจ๊กมาให้เขา แต่ทว่าอยู่ๆเสิ่นหมิงก็ยื่นมือของตนมาคว้าข้อมือของนางเอาไว้ มู่เถาฮวาหันไปมองทันที เสิ่นหมิงจ้องมองนางด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนจะเอ่ย
"ได้โปรดช่วยข้าด้วย"
มู่เถาฮวามองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ได้ ข้าจะช่วยท่านเอง"
ด้านเสิ่นหมิงนั้นหลังจากที่สะสางเรื่องราวต่างในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเจี่ยงเฉิง ยามนี้ขั้วอำนาจมั่นคง ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้มีเรื่องให้กังวลเท่าใดนักก่อนหน้านี้เขาได้ออกตามหามู่เถาฮวาไปทั่วทุกที่ แต่ยังเหลืออีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปนั่นก็คือเมืองทางทิศใต้เขายังคงมีความหวังว่าจะได้พบเจอมู่เถาฮวาอีกสักครั้ง ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็ยินดีที่จะรับนางกลับเมืองหลวงไปใช้ชีวิตร่วมกันเขาเดินทางมาจนถึงเมืองทางทิศใต้ ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาประปรายอีกด้วย ชายหนุ่มเดินมาทางมากับเจี่ยงเฉิงผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย มีเหล่าองครักษ์ลับปลอมตัวเป็นชาวบ้านคอยอารักขาเขาอยู่ห่างๆเดินทางมานานก็เริ่มรู้สึกหิว จึงถามคนในละแวกนั้นว่ามีร้านอาหารใดขึ้นชื่อบ้าง ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีร้านสุราขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านร้านหมักสุราได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก เขาและเจี่ยงเฉิงจึงรีบไปที่ร้านนั้นในทันทีเมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้น อีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของภายในร้านด้วย เสิ่นหมิงรีบเข้าไปดูเผื่อว่าจะห้า
เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่มู่เถาฮวาออกไปจากชีวิตของเสิ่นหมิง หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทำการค้าเล็กๆน้อยเลี้ยงชีพ โชคดีทีมีเครื่องประดับติดตัวมาบ้าง นางจึงนำมันไปขายแลกเงินมาเปิดร้านค้าเอาไว้เลี้ยงชีพ นางเปิดร้านสุราแห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกว่างหลิง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นหนานจง หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก ร้านสุราของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เมืองแห่งนี้แม้สงบแต่ค่อนข้างเจริญอยู่บ้าง มีการค้าทางเรือและทางบก ที่ท่าเรือก็ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลยมู่เถาฮวาใช้ผ้าโพกคลุมศีรษะของตนเอาไว้ ยามนี้ผมของนางเป็นสีขาวโพลนเหมือนหญิงชราเนื่องจากสูญเสียพลังชีวิตไป แต่ความงดงามของนางยังคงไม่จางหายไปแม้จะไม่ได้รับเคราะห์แทนเสิ่นหมิงแล้ว แต่สุขภาพของนางกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เพราะไม่มีเงินมากพอไปหาหมอดีดีมารักษาทำให้อาการป่วยเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมู่เถาฮวาส่งเสียงไอออก ก่อนจะจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อเตรียมเปิดขายสุรา"แม่นางมู่ สุราไหหนึ่ง ขอกับแกล้มดีดีด้วยล่ะ""ได้ๆ รอสักครู่"เปิดร้านไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้านมาแล
รัชศกหมิงปีที่1 เสิ่นหมิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อถูกกวาดล้างไปจนหมด มีการเปิดสอบขุนนางใหม่เข้ามาทำงานในราชสำนัก ขุนนางใหม่ล้วนมีใจซื่อสัตย์และไม่คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง ขั้วอำนาจที่ไม่ดีล้วนถูกเสิ่นหมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่นานนักอดีตฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคตจากไป ก่อนตายยังสั่งให้ฝังพระศพของตนไว้ใกล้กับซ่งฮองเฮาอีกด้วยเสิ่นหมิงนั่งอ่านฏีฎาอยู่ในห้องทรงอักษรด้วยจิตใจที่เหม่อลอย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เขาตามหามู่เถาฮวาไม่พบเจี่ยงเฉิงเองก็ช่วยเขาออกตามหามู่เถาฮวาเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่พบร่องรอยของนางเลยแม้แต่น้อยกล่าวถึงเจี่ยงเฉิงแล้วนั้น หลังจากเกิดเรื่องเขาก็พามารดาออกมาจากจวนตระกูลเจี่ยง มาซื้อจวนใหม่อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอย่างมีความสุข เสิ่นหมิงให้เจี่ยงเฉิงรับราชการเป็นหัวหน้าสำนักโหราศาสตร์ คอยดูทิศทางของดวงดาวและทำนายเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวง เสิ่นหมิงไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลเจี่ยงเพราะเขาแยกแยะได้ว่าเจี่ยงเฉิงเป็นคนดีเมื่อเสิ่นหมิงจัดการงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากห้องทรงอักษร เขาสวมชุดชาวบ้านธ
เสิ่นหมิงนำกองกำลังทหารเข้าห่ำหั่นกับเสิ่นหลาง ยามนี้เสิ่นหลางไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีอีก เขาต่อสู้กับเสิ่นหมิงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับพบว่าพละกำลังของเสิ่นหมิงไม่ถดถอยลงเลย อีกทั้งยังไม่ยอมแพ้เขาโดยง่ายอีกด้วยไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นหลางจึงรู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาและเสด็จแม่วางแผนอย่างรัดกุมแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะทำผิดแผน อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อก็ใกล้จะไปปรโลกเต็มทีแล้ว รอให้เขาเอาศีรษะของเสิ่นหมิงไปมอบให้ตาแก่นั้นดู มันก็คงจะตายตามบุตรชายตนเขาแค้นเคืองเสด็จพ่อยิ่งนัก เขาก็เป็นบุตรชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเขาน้อยกว่าเสิ่นหมิงกันเล่าเสิ่นหมิงมองเสิ่นหลางด้วยแววตาเย็นชา เขาจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้า ไม่นานก็ปรากฏกองทัพนับแสนเข้าสังหารทหารของเสิ่นหลางจนหมด เสิ่นหลางที่เห็นเช่นนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมากของในมือเสิ่นหมิงนั่นมันตราทหารของเสด็จพ่อใช่หรือไม่ เขาเคยเห็นครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะต้องได้ครอบครองมันแต่กลับหาไม่พบ ไม่คิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของเสิ่นหมิง!ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าสู้กับน้องชายตนต่อ ก็รู้สึกจุกที
เจี่ยงเฉิงที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นหมิงก็เร่งรุดมาที่จวนองค์ชายรองอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามู่เถาฮวากำลังรออยู่ในห้องทำพิธี เขารีบเข้ามาทันที"แม่นางมู่ เหตุใดจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้เล่า เดิมทีจะต้องทำพิธีถอนคุณไสยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังจะมาถึงไม่ใช่หรือ”มู่เถาฮวากันมามองเจี่ยงเฉิง ก่อนจะเอ่ยตอบ“เราจะรอเวลาไม่ได้แล้ว ท่านคงทราบเรื่องที่สวีกุ้ยเฟยและเสิ่นหลางองค์ชายใหญ่ยึดครองอำนาจแล้ว อีกทั้งยังมีราชโองการจากฝ่าบาทให้สวีกุ้ยเฟยเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หากเป็นฝีมือของสองแม่ลูกที่ทำคุณไสยใส่เสิ่นหมิงจริงๆ เราก็ไม่อาจรอได้แล้ว""เจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่"“อืม”มู่เถาฮวามอบยันต์หลายแผ่นให้กับเจี่ยงเฉิง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ข้าจะทำพิธีสะท้อนคุณไสยกลับไปหาคนที่ลงมือ โดยใช้ผีสาวชุดดำเป็นสื่อกลาง แต่วิธีนี้เสิ่นหมิงอาจจะเจ็บตัวเสียหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายอันใด หากกระอักโลหิตออกมาก็ถือว่าหายดีแล้ว""ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง""อืม"เสิ่นหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันจวนองค์ชายรองอย่างแน่หนา จนกว่าพิธีแก้คุณไสยจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสายลมพัดพาเอาความ
การแช่น้ำใต้แสงจันทร์ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่มู่เถาฮวานอนหลับไปแล้ว เจี่ยงเฉิงก็เดินเข้ามาหาเสิ่นหมิง ตอนนี้คนทั้งสองยังนอนไม่หลับ เจี่ยงเฉิงเองก็ยังไม่ได้กลับจวนตระกูลเจียงเพราะต้องการอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหมิงคนทั้งสองยกจกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าคราหนึ่ง เจี่ยงเฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"อาหมิง เจ้าชอบนางหรือ"เสิ่นหมิงวางจอกสุราลง ก่อนจะหันมามองเจี่ยงเฉิง"ใช่ เจ้าว่าข้้าเหลวไหลเกินไปหรือไม่ ปากไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่"เจี่ยงเฉิงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่คิดสิ่งใด"ไม่หรอก ความรู้สึกเช่นนี้บางคราเราเองก็ไม่อาจห้ามใจได้ อีกอย่างข้าว่านางก็เป็นคนดี หากเราไม่พบนางบางคราอาจจะหาทางแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง นางช่วยให้ข้ามีพลังกลับคืนมา ไม่ต้องถูกผนึกพลังวิญญาณ"เสิ่นหมิงเมื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจี่ยงเฉิงแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าสหายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้าหาตัวคนที่ลงมือได้หรือยัง"เจี่ยงเฉิงหันมามองเสิ่นหมิงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอับจนหนทาง หลายวันมานี้เขาพยายามสืบแล้ว พบว่าท่านแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใ